ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

8 สิ่งที่ควรรู้ในการดูแลบ้านด้วยตัวเอง




บางครั้งนอกจากจ้างช่างซ่อมมาคอยดูแลรื่องต่าง ๆ แล้ว เราก็ควรเรียนรู้ทักษะการซ่อมหรือดูแลบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไว้ใช้พึ่งตัวเองในยามฉุกเฉินบ้างเหมือนกัน ซึ่งอ่านมาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าการทำเรื่องต่าง ๆ เองนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณรู้จักเทคนิคดี ๆ แล้วล่ะก็ การดูแลบ้านด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร เพียงแค่คุณลองทำตามนี้ดู

1. แก้อ่างล้างหน้าตันด้วยตัวเอง

           การใช้พวกสารเคมีขจัดสิ่งอุดตันในท่อไม่ใช่วิธีที่ดีเสมอไป เพราะจะเป็นการกัดกร่อนอ่างล้างหน้าของคุณให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นตามไปด้วย คุณจึงควรหันมาใช้วิธีขจัดสิ่งอุดตันที่ปลอดภัยกับอ่างล้างหน้าของคุณมากขึ้นด้วยการใช้ไมปั๊มท่อแทน ทั้งนี้ขณะใช้ไม้ปั๊มดูดสิ่งอุดตันออกมา ควรเปิดก๊อกน้ำให้มีน้ำขังอยู่ในอ่างพอสมควรด้วย จะช่วยให้ปั๊มทำงานง่ายขึ้นได้



2. ดูแลหลอดไฟให้ใช้ได้นาน ๆ

            ถ้าคุณรู้จักดูแลรักษาหลอดไฟให้ถูกวิธี คุณก็ทำให้หลอดไฟที่ซื้อมามีอายุการใช้งานนานขึ้นได้ โดยสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ปิดสวิตซ์ไฟก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงถอดหลอดออกมาเช็ดด้านในด้วยไม้พันสำลีชุบแอลกอฮอลล์ แล้วจึงใช้ไขควงดันให้วงจรไฟฟ้าต่าง ๆ ในหลอดไฟแน่นขึ้นก่อนนำไปใช้งานอีกครั้ง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

3. เจาะกระเบื้องไม่ให้ผุกร่อน

            เริ่มแรกนำไขควงมาวางทาบไว้บนพื้นที่ซึ่งคุณต้องการจะเจาะแล้วใช้ค้อนตอกเบา ๆ พอให้เกิดรอยเล็กน้อย จากนั้นจึงใช้สว่านที่ใส่ดอกเจาะปูนค่อย ๆ เจาะเข้าไปตามรูที่เราทำเอาไว้โดยหยุดเป็นพัก ๆ กระเบื้องก็จะไม่แตกออกจนเป็นรอยดูไม่น่ามองบนกำแพง

4. ปัญหาประตูฝืดก็สำคัญ

            คุณอาจมองว่าประตูฝืดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ออกแรงเสียหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ถ้าคุณมีเด็กเล็กหรือคนแก่อยู่ในบ้าน พวกเขาก็อาจติดอยู่ในห้อง เพราะไม่มีแรงพอจะกระชากประตูให้เปิดได้เหมือนกัน แถมคุณเองก็ยังต้องรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ต้องพยายามออกแรงเกินจำเป็นเพียงเพื่อเปิดประตูด้วย ดังนั้นควรแก้ปัญหานี้ให้หมดไป ด้วยการเลื่อยบานประตูด้านล่างออกเล็กน้อยให้สั้นลง แล้วทาสีเคลือบอีกชั้นเพื่อลดความฝืด ประตูของคุณจะได้เปิดได้ง่ายโดยไม่ติดขัดอีกต่อไป



5. กำจัดสีเหลือใช้ออกไปจากบ้าน

            สีที่ถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้นาน ๆ ต่อให้ปิดฝาไว้ สุดท้ายก็จะแห้งจนใช้ไม่ได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นแทนที่จะเก็บเอาไว้เฉย ๆ จนเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณก็ควรซื้อสีแค่ปริมาณพอใช้ก็พอ จะได้ไม่มีสีเหลือมากนัก นอกจากนี้ ถ้ายังมีสีเหลืออีกก็ควรเอาไปบริจาคตามโรงเรียนหรือสถานที่ต่าง ๆ ให้คนอื่นได้ใช้แทนที่จะเก็บเอาไว้เฉย ๆ



6. ระวังเรื่องแก๊สเป็นพิเศษ

            ครัวแบบปิดที่มีแก๊สรั่วอยู่สามารถติดไฟได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจเลยล่ะ ฉะนั้นถ้าคุณได้กลิ่นแก๊สลอยออกมาก็อย่าประมาท ควรรีบปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ ไฟฉาย หรือคอมพิวเตอร์ แล้วเรียกช่างมาดูทันทีเพื่อความปลอดภัย

7. รู้วิธีซ่อมกริ่งประตูบ้าน

            หากกริ่งประตูที่บ้านของคุณไม่มีเสียงก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจออกไปซื้อใหม่ ลองหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเองก่อน โดยถอดออกมาตรวจดูให้ละเอียดว่าที่กริ่งประตูคุณไม่มีเสียงเป็นเพราะเสียที่สวิตซ์หรือเป็นเพราะตัวกริ่งเองกันแน่ จากนั้นจึงลองทำความสะอาดกริ่งหรือใช้ไขควงกดสายไฟให้แน่นขึ้นดู อาจช่วยให้กริ่งกลับมาใช้ดีเหมือนเดิมได้

8. เก็บรายละเอียดสินค้าที่ซื้อมาให้ดี

            เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ บางชิ้นโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อจากบริษัทที่เชื่อถือได้มักมีรับประกันอายุการใช้งานเสมอ ดังนั้นคุณจึงควรเก็บใบเสร็จและกล่องคู่มือเอาไว้ให้ดี ถ้าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนเกิดเสียภายในเวลาที่รับประกันขึ้นมา คุจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมโดยไม่จำเป็น

 นอกจากใส่ใจดูแลบ้านเพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ใช้ได้นานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากแล้ว ก็ควรเอาใจใส่เรื่องความปลอดภัยของตัวคุณเอง ด้วยการสวมถุงมือหรืออุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ขณะซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยนะคะ





Create Date : 30 กรกฎาคม 2555
Last Update : 30 กรกฎาคม 2555 7:24:21 น. 0 comments
Counter : 2481 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]