ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

Sanook! Drive : Nissan Sylphy ดีเกินคาด ถ้าชอบความหรู

ถ้าถามว่ารถยนต์ที่เราต้องการคืออะไร มันก็คงไม่ต่างจากการถามตัวเองว่าชอบอะไร แต่ในขณะที่หลายคนมองว่าการมีรถยนต์สักคัน อาจจะเน้นในการแสดงสถานะทางสังคมที่ความหรูหรา และสมรรถนะต้องบรรจบเข้ากันอย่างลงตัว แต่ครั้นจะซื้อรถหรูราคาแพงก็ไกลเกินเอื้อมไปหน่อย ถ้าทุกอย่างที่เรากล่าวมาทั้งหมดนั้นคือความเป็นคุณ เราแนะนำอย่างแรง!!! ว่าต้องไม่ลืมที่จะไปดูรถยนต์  Nissan Sylphy

                การออกมาเปิดตัวทำตลาดรถยนต์  Nissan Sylphy ใหม่ เป็นไปตามการมาเป็นตัวแทนรถรุ่น  Nissan Tida  ที่เคยแนะนำในคราบ 4 ประตูมาก่อน ทำให้การกลับมาในครั้งนี้ นิสสันปรับกลยุทธ์ใหม่ในการแยกรุ่นและเลิกเสียบกลางระหว่างเซ็กเม้นท์หันมาชนตรงๆกับคู่แข่งที่มีมากมายในตลาด ซึ่งเมื่อมองย้อนในก่อนหน้านี้ Nissan  ถือเป็นอีกค่ายรถยนต์หนึ่งที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนี้  และนี่คือโอกาสสำคัญ ในการหวนสู่ตำแหน่งที่ดูดีกว่าที่เราคาดคิดไว้เสียอีก

Nissan Sylphy

ภายนอกดูหรู แอบใหญ่อีกหน่อย

                ตั้งแต่ที่งานเปิดตัว และก่อนหน้านั้นที่เราเห็นภาพรถยนต์รุ่นนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่จีน เสน่ห์ของ  Nissan Sylphy มุ่งเน้นในการตอบโจทย์ที่ไม่ซ้ำใคร แต่ในขณะที่หลายค่ายอาจจะมองดูว่า  รถรุ่นนี้เน้นหนักในความสปอร์ต เพราะ ถ้ามองตามข้อเท็จจริงคนซื้อรถระดับนี้ยังคงเป็นคนที่ขับรถเองส่วนใหญ่ ทว่า Nissan  กับว่า ตำแหน่ง Sylphy  ให้แตกต่างจากคู่แข่ง

                ความหรูหราและดูดีมีรสนิยม กลายเป็นคำตอบที่  Nissan  สร้างขึ้นมาตอบโจทย์ลูกค้า ที่ต่อข้อคำถามว่าทำไม ??  หลังมีโอกาสพูดคุยสนทนาเล็กๆ ก็ได้คำตอบว่า ต้องการฉีกตลาดที่มีอยู่เดิม และแน่นอนเมื่อมองทั้งพี่และน้อง ของรถที่เหมือนญาติๆกันทั้ง  Nissan Teana  และ  Nissan Almera  มันก็มาพร้อมโจทย์ที่คล้ายกัน ที่เมื่อมอง Sylphy เราจะพบว่ามันมีความสปอร์ตกว่าอีกประมาณหนึ่ง

Nissan Sylphy

                ใบหน้าที่มาตามเส้นสายแนวใหม่ของ  Nissan  ถูกปรับให้มีความลงตัวทางด้านการออกแบบมากยิ่งขึ้น ใบหน้าที่ดูดีมีสไตล์แต่แอบหรูผนวกความสปอร์ตเล็กๆ พร้อมโดนใจด้วยโคมไฟหน้ามาพร้อมไฟ LED  ที่ฉีกตลาดอย่างชัดเจน ทำให้รถมีความลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในสไตล์ที่วางไปในทางความหรูหรา

                เส้นสายด้านข้างเน้นความคมเข้มแต่ไม่ชูความสปอร์ตมากมายนักไปจรดบั้นท้ายของตัวรถที่ลงตัวกับไฟท้ายแบบ LED  ที่ดูมีเสน่ห์ ถ้ามองดีๆจะพบว่า ที่บั้นท้ายรถเน้นที่ความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เส้นสายอาจจะมองบ้างเหมือนรถยุโรป บ้างเหมือนรถญี่ปุ่น แต่ที่ฟันธงเหมือนกันคือรถที่เราพูดถึงทั้งหมดมีบุคลิกในคราบความสปอร์ตหรู

ห้องโดยสารกว้างขวาง โอ่อ่าตามสไตล์

                ดูรถท่ามกลางสายฝนกันพอสมควร ก็ได้เวลาที่เราจะต้องก้าวเข้าไปสัมผัส Nissan Sylphy เสียที ในทริปนี้เราได้บัดดี้เป็น ท่านอาจารย์รุ่นใหญ่ อย่างคุณ J!mmy จาก headlightmag.com  รุ่นพี่แห่งวงการจะเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งปรมาจารย์ทางด้านรถยนต์บนโลกออนไลน์ก็ไม่ผิดนัก

                สำหรับเรานี่คือครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกันอย่างจริงจัง เส้นทางทดสอบ Nissan Sylphy ในช่วงแรกนี้ เริ่มต้นที่ ย่านชานเมืองเชียงใหม่และทางหลวงโดยรอบ ก่อนจะไปไต่เส้นทางเขานิดหน่อย และเมื่อเรามานั่งในห้องโดยสาร Nissan Sylphy ก็มีกลิ่นอายที่เน้นหนักในเรื่องของความหรูหราพอสมควร

Nissan Sylphy

                การตบแต่งภายในเน้นไปที่โทนสีเทาที่ค่อนข้างดูลงตัว โดยเฉพาะการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ตรงหน้าคนขับพวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทางคือ ยืด-หด  และสูงต่ำ มาพร้อมหน้าจอเรือนไมล์เรืองแสงที่ค่อนข้างมีความลงตัวทางด้านความหรูหรา แต่เมื่อหันเหลียวไปๆมาๆ ในการสำรวจก่อนเดินทางเราพบเรื่องแปลกใจอยู่ 2 เรื่อง

                เรื่องแรกคือเบรกมือ ตามหลักตำแหน่งชุดเบรกมือนั่งควรจัดวางไว้ใกล้ตัวคนขับมากกว่าแต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ Nissan Sylphy ใหม่กลับจัดวางชุดเบรกมือไว้ค่อนข้างห่างตัวคนขับ แถมดันไปอยู่ใกล้คนนั่งมากกว่า ทำให้ใช้งานลำบาก แม้จะมองว่าเบรกมือเอาไว้ใช้ตอนจอดเท่านั้น แต่ลองคิดดูเล่นๆว่า สมมุติ คนขับและคนนั่งเกิดทะเลาะ ปรากฏวีนแตกทำอะไรคนขับไม่ได้ ชีก็เล่นดึงเบรกมือนึกว่าคนขับเป็นมือ  Drift!!  งานนี้คงดูไม่จืดแน่นนอน โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนถนน

Nissan Sylphy

                เมื่อจะเริ่มการขับขี่ การปรับเบาะนั่งและพนักผิงหลังดูเข้าที แต่เมื่อขยับหัวหมอนเบาะนั่ง  มันกลับดูเหมือนจะผลักหัวเราไปข้างหน้าจนอาจพอจะเรียกว่ามากเกินไปสักหน่อย ทำให้ท่านั่งที่ดูแล้วสบายกลับกลายเป็นเรื่องไม่สบายที่ช่วงคอนัก และก็ไม่ต้องสงสัยว่า อาจจะปวดเมื่อยช่วงคอและช่วงไหล่ได้ ถ้าขับขี่เป็นเวลานานๆ

                ช่วงก่อนการทดสอบเราแอบลงไปนั่งเบาะตอนหลังดูบ้างเพื่อสำรวจความกว้าง และหลังจากสัมผัสอยู่ครู่ ก็พบว่าคนสูงใหญ่นั้นสามารถนั่งในรถ Nissan Sylphy ได้อย่างสบายเกินคาด และด้วยพิกัดของผู้ทดสอบสูง 182 ซ.ม. หนัก 91 ก.ก.  ก็ยังมีพื้นที่ว่างระหว่างช่วงขาหรือ leg room อีกราวๆ 40 ม.ม. รวมถึงการออกแบบท่านั่งก็สบายไม่ชันเข่ามากนัก รวมถึงในส่วนของที่รองนั่งและพนักผิงหลังก็โอบกระชับดีและลงตัวพอที่จะเผลอหลับได้




สมรรถนะลงตัว ในระดับรถหรู 

                การขับขี่ในวันนี้ เราได้ขับเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร  ซึ่งจริงๆเหตุผลก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษมากมายนัก นอกจากเป็นเครื่องยนต์บล็อกใหม่ล่าสุดจาก  Nissan  ซึ่งในส่วนของรุ่นเครื่องยนต์  1.6  ลิตร เป็นการอัพเกรดสมรรถนะให้ตอบสนองมากขึ้นเพียงเท่านั้น เอง

                เราเริ่มออกเดินทางจากโชว์รูม Nissan North Wave  โดยการเดินทางที่เราขับทดสอบในช่วงนี้โดยรวมเป็นการเดินทางด้วยถนนทางหลวงไปยังลำพูน ซึ่งก่อนเดินทางเล็กน้อยฝนก็โปรยปรายลงมาชุดใหญ่ทำเอาเราต้องขับบนพื้นแฉะใช้ความเร็วมากไม่ได้ แต่ฝนเองก็ทำให้เราพบข้อสังเกตหนึ่งที่สำคัญคือ  Nissan Sylphy ใหม่มีห้องโดยสารที่เงียบมาก แต่ด้วยความเงียบของมันก็กลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะในช่วงระหว่างการขับขี่ในช่วงฝนตก กลับมีเสียงคล้ายน้ำสาดมาจากด้านหลัง และเราก็เฝ้าสังเกตตลอด

                เราและพี่จิมต่างเห็นพ้องต้องกันว่ามันมาจากน้ำที่ดีดขึ้นมาจากผิวถนนที่ซุ้มล้อหลัง ซึ่งอนุมาณว่า Nissan Sylphy ใหม่มีการซับเสียงภายในห้องโดยสารแต่ดันไม่ได้เน้นมากที่ห้องสัมภาระ ทำให้เสียงน้ำที่มาจากซุ้มล้อสามารถเล็ดลอดได้ แต่สักพักเราก็ฝ่าฝนออกมาและมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นบนถนนแห้ง

                ช่วงระหว่างเดินทาง แม้จะผ่านฝนมาแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถใช้ความเร็วได้เนื่องจากการจราจรที่หนาแน่น แล้วเราก็พบข้อดีของ Nissan Sylphy  กับพวงมาลัยที่เบามือควงได้เหมาะเจาะ แอบมีระยะฟรีเล็กน้อย ซึ่งเป็นบุคลิกของรถยนต์หรูและมันเหมาะมาก โดยเฉพาะท่านสุภาพสตรีที่ขับรถไปในเมืองทุกวัน ที่มันยังช่วยให้ Nissan Sylphy  มีความคล่องตัวในยามที่ใช้ความเร็วไม่มากนัก

Nissan Sylphy

                ถนนเริ่มว่างเราเริ่มลองทำความเร็วดูเล็กๆพอเป็นน้ำจิ้ม เนื่องจากสภาพถนนกลับมาเปียกอีกครั้งจากฝนที่ลงมาปอยๆ และที่ความเร็ว  90  ก.ม./ช.ม. เราได้ตัวเลขรอบเครื่องยนต์ที่ราวๆ 1500 รอบโดยประมาณ และขยับขึ้นเป็น  1600 รอบต่อนาทีเมื่อใช้ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม.

                รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำนี้มาจากการทำงานของระบบเกียร์  CVT  ที่ให้ความนิ่มนวลและต่อเนื่องของแต่ละเกียร์ โดยจะเลือกอัตราทดที่เหมาะสมกับอตราการเดินคันเร่งของผู้ขับขี่ โดยเกียร์ของ  Nissan Sylphy  ให้อัตราทด 4.006- 0.550 ปั่นฝีเท้าลงพื้นด้วยเฟืองท้ายที่มาพร้อมอัตราทดต่ำเพียง 3.517 สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร

                รายละเอียดทางเทคนิคนี้ช่วยให้เราเข้าใจนิสัยของสาวน้อยแสนงาม Sylphy มากยิ่งขึ้น และบุคลิกของเธอนั้นก็เน้นความนิ่มนวลแต่สามารถ ซึ่งใครที่ขับเกียร์  CVT  มาแล้วอาจจะพอชินกับลักษณะการทำงานของเกียร์ที่เน้นในการเลี้ยงคันเร่งแล้วให้เกียร์ปรับอัตราทดเอง  และด้วยความสามารถของเครื่องยนต์  MRA8DE  ขนาด 1.8 ลิตร มาในสไตล์ช่วงชักยาว ด้วยกระบอกสูบและช่วงชักที่  79.7X90.1 ม.ม. ให้กำลังสูงสุด  131 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที แต่ให้แรงบิดสูงสุดที่ 174  นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที  มันก็สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีจนเหลือเชื่อ แต่บางคนก็อาจจะรู้สึกว่ามันอืดแต่ถ้ามองที่เข้มความเร็วมันไต่ขึ้นอย่างชัดเจน

Nissan Sylphy

                สิ่งหนึ่งที่เราอาจจะต้องยอมรับในเครื่องยนต์ 1.8 ของ  Nissan Sylphy คือมันมีแรงม้าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน ที่วางจำหน่ายอยู่แล้ว แต่ถึงแบบนั้นข้อดีของ  Sylphy คือ การตอบสนองที่ลงตัวมากกว่าจากอัตราทดและลักษณะของระบบเกียร์ ผมและพี่จิมมี่ได้ลองทดสอบอัตราเร่ง 80-120 เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆพบว่า ได้เวลาที่ 9.23 วินาที ถือว่าธรรมดาไม่หวือหวา แต่ฟีลลิ่งในการขับขี่ต้องบอกว่าใช่เลย

                ในย่านความเร็วสูงที่ในระหว่างทางไม่ค่อนจะได้ลองเท่าไรนั้น  Nissan Sylphy มีความลงตัวอย่างมากในเรื่องการทรงตัวของระบบช่วงล่างที่เลือกใช้แม็คเฟอร์สันสตรัทตามสูตร แต่ด้านหลังนี่ใครจะเชื่อว่าใช้แบบทอร์ชั่นบีม ที่ให้ความนิ่งสนิทในการขับขี่ แต่เมื่อลองสาดโค้งช่วงทางขึ้นเขาที่ไม่ได้คดเคี้ยวมากมายนัก มันก็ตอบสนองรวดเร็วและให้ความมั่นใจในการขับขี่พอสมควร แต่ในบางโค้งที่แคบหรือชันอาจจะรู้สึกท้ายไถลเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก

                ส่วนที่น่าเป็นห่วงข้อสำคัญใน Nissan Sylphy ต้องยอมรับว่าเราเป็นห่วงมากๆ โดยเฉพาะในเรื่องของพวงมาลัยรถที่ดีต่อขับขี่ในความเร็วต่ำ แต่ไม่ดีในการขับขี่ในช่วงความเร็วสูง เพราะพวงมาลัยที่เบาเกินทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเท่าไรในการขับขี่และเมื่อมันเบาก็หมายถึงการตอบสนองที่ไว ซึ่งหากเกิดในช่วงเวลาฉุกเฉินอาจจะไม่ดีอย่างที่คิดนัก..อันนี้คงต้องพูดกันตามความจริง

ของเขาดีจริง ..กับสมรรถนะเบรกเต็มพิกัด

                จบช่วงทดสอบของเราแต่ความมันส์ในการทดสอบ  Nissan Sylphy ยังไม่จบ ก็อย่างที่บอกมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เราอยู่กับท่านปรมาจารย์ยานยนต์  Mr. Jimmy ที่มาเจอกันโดยบังเอิญในการทดสอบครั้งนี้ และในช่วงระหว่างการทดสอบนี้ ใครจะคิดว่า  จะมาเจอเหตุการณ์จริงที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน

                นี่ไม่ใช่เรื่องตลกที่อาจจะขำขัน เพราะมันหมายถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ทุกครั้งที่ขับรถ และสำหรับใครที่ขับรถต่างจังหวัดการใช้ความเร็วคงต้องระมัดระวังให้มาก อย่างสิ่งที่เราจะกล่าวต่อไป

Nissan Sylphy

                ถนนที่โล่งดูก็ไม่น่าจะมีอะไร โดยเฉพาะเมื่อสัญญาณไฟเขียวที่สามแยกบอกว่า ทางสะดวกไปโลด!!  แต่แล้วอยู่ๆรถมอเตอร์ไซค์พ่วงถังแก๊สของลุงชาวบ้านคนหนึ่งเลี้ยวออกจากซอยทางด้านซ้ายและทันใดก่อนเราจะคิดไปด้วยซ้ำว่า คุณลุงมองกระจก คุณลุงก็เปิดไฟเลี้ยวแล้วตบเข้าเลนขวามาในทันที

                นาทีนั้นจำได้ว่าพี่จิมมี่ขับไม่เร็วนักราวๆ 110 ก.ม./ช.ม.ได้ เนื่องจากเราขับกันในรูปแบบคาราวาน  แต่การตัดหน้ากระชั้นชิดก็ทำให้ต้อวตัดสินใจเทหน้าตักทุกอย่างในเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อลุงเบี่ยงมาเต็มเลน ที่สำคัญถังแก๊สอยู่ตรงหน้าเรา เรียกว่าเปอร์เซ็นต์การชนมีสูงมาก!! (ในใจหวั่นมากกว่าชนคือ มีตูม!!)  และนาทีนี้ทุกอย่างต้องจัดไปเต็มเหนี่ยว!! เพื่อเอาตัวรอด

                ABS ทำงานจนรู้สึกได้จากถนนที่ไม่เสมอ รวมถึงทรายและฝุ่นที่ฉาบหน้าถนนแบบยางมะตอยไว้อย่างชัดเจน  ทุกอย่างดูไม่เอื้อ แต่แล้วดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่มาพร้อมจานแบบระบายความร้อนคู่หน้าของ Nissan Sylphy ก็สร้างความอัศจรรย์ด้วยการชะลอความเร็วจากที่เราได้กล่าวไปเหลือเพียง  20 ก.ม./ช.ม. จนสามารถรอดพ้นอุบัติเหตุได้อย่างหวุดหวิด แต่ต้องยอมรับว่ามีเสียวมากถึงมากที่สุด แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ทดสอบแบบไม่ได้ตั้งใจในครั้งนี้ เพราะทำให้กล้าพูดว่าเบรกรถคันนี้ดี ที่สำคัญไม่มีอาการลื่น เฟด หรือสะบัดใดๆเลยแม้แต่น้อย

Nissan Sylphy

ประหยัดลองจับชิวๆ..ยังได้ 12.4

                ทีแรกก็คิดว่าจะไม่พูดถึงเรื่องของการขับขี่เนื่องจากการทดสอบครั้งนี้เป็นการขับชิวๆ มีสมรรถนะบ้าง เช่นเดียวกับฟ้าฝนที่ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ท้ายที่สุดเราก็อดที่จะพูดถึงมันไม่ได้กับตัวเลขตลอดการเดินทางทดสอบครั้งนี้ เมื่อถึงที่พักหลังการขับขี่ของพี่จิมมี่ เราได้ตัวเลข 12.4  กิโลเมตร/ลิตร จากหน้าปัดเป็นคำตอบ แต่มันก็มีปัจจัยสืบเนื่องที่สำคัญโดยเฉพาะฟ้าฝนที่ไม่เอื้ออำนวยนักในระหว่างการเดินทาง และลักษณะการขับขี่ที่ไม่เหมือนกัน

       ท้ายสุดวันต่อมาเราทะยานฟ้ากลับจากเชียงใหม่ และได้ทบทวนหลายเรื่องจาก Nissan Sylphy  ตลอดการทดสอบในครั้งนี้ ซึ่งกาจะเรียบเปรย  Nissan Sylphy คือนางฟ้าจำแลงของคราบรถหรูที่ผนวกเอาความเป็นสปอร์ตเปี่ยมสมรรถนะมาซุกซ่อนไว้ และมันคือความสุนทรีย์ในการขับขี่ที่ไม่สามารถหาได้จากรถคันอื่นในกลุ่มเดียวกัน ..

*หมายเหตุ  ยังไม่คะแนนทดสอบเนื่องจากเป็นการทดสอบรูปแบบคาราวาน

 สรุปการทดสอบ  Nissan Sylphy

อัตราการทำงานของเครื่องยนต์  (ระบบเกียร์  CVT)

ที่ความเร็ว  90 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน  1500  รอบต่อนาที

ที่ความเร็ว  100 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน  1600  รอบต่อนาที

ที่ความเร็ว  110 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน  1800  รอบต่อนาที

ที่ความเร็ว  120 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน  1900  รอบต่อนาที

การทดสอบความเร็ว   80-120 ใช้เวลา 9.23  วินาที

อัตราประหยัดระหว่างทดสอบ 12.4  กิโลเมตร/ลิตรจาก  Trip Meter (สภาพฝนตก การจราจรหนาแน่น และ ผลัดกันขับ)



เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐยศ ชูบรรจง


  • สนับสนุนเนื้อหา auto.sanook.com




Create Date : 11 กันยายน 2555
Last Update : 11 กันยายน 2555 7:12:31 น. 0 comments
Counter : 5588 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]