ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

กุมภาพันธ์ เส้นทางสายทริปเปิ้ลแชมป์ของแมนฯ ยูไนเต็ด

สาระสำคัญในห้วงเวลาแห่งเดือนกุมภาฯ เดือนลำดับ 2 ของปฏิทินสากล หลายคนโฟกัสไปถึงวันที่ 14 วันที่มีตัวเลขธรรมดาๆ เหมือนหลายๆ เดือนที่ผ่านมา แต่แฝงไว้ซึ่งความหมายในนิยามแห่งความรัก

สโลแกน "14 กุมภาฯ วันวาเลนไทน์" ที่ทุกคนคุ้นเคย และเฝ้ารอ ใกล้หวนกลับมาเคาะประตูหน้าบ้านให้ได้สัมผัสกลิ่นอายตลบอบอวลแห่งความรักอีกครั้งในปี 2013 นี้

จะว่าไปแล้วทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที สามารถมอบความรักให้กันได้ตลอดเวลาตามที่เข็มนาฬิกายังหมุนวนขวา แต่สำหรับ 14 ก.พ.แล้ว ยกไว้เป็นกรณีพิเศษจริงๆ ที่ 1 ปีจะเวียนมา 1 ครั้ง

หลายคนถือโอกาสใช้วันแห่งความรักนี้ เปิดใจสารภาพรักกับแฟน หรือควงแขนกันไปจดทะเบียน รวมถึงจูงมือว่าที่คู่ชีวิตเดินเข้าประตูวิวาห์ และแม้กระทั่งมอบกุหลาบสัญลักษณ์แห่งความรักและมิตรภาพ ให้กับคู่ขาซักดอก 2 ดอก 3 ดอก ก็ว่ากันไป

แต่อย่าลืมกันไป นอกเหนือจากวันสำคัญของฝรั่งมังค่าวาเลนไทน์ที่ทั่วโลกคอยรอแล้ว ยังมีวัน "ตรุษจีน" อีก 1 วันสำคัญของมวลชนคนจีนรวมถึงคนไทยเชื้อสายจีน ที่ปีนี้มาบรรจบในวันที่ 10 กุมภาฯ

ประจวบเหมาะอีกวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนคนพุทธ ก็เวียนมาบรรจบในเดือนนี้เช่นเดียวกัน 15 ค่ำ เดือน 3 วัน "มาฆบูชา" วันที่มีแหตุการณ์สำคัญมากมายกำเนิดเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา และนับถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน

28 วันในกุมภาพันธ์ หนึ่งวันสำคัญของหลายเชื้อชาติ หลากศาสนา ต่างวัฒนธรรม แต่มีความสำคัญหนึ่งเดียวที่กลมเกลียวและเหมือนกัน คือทุกวันต้องการให้ทุกคนทำความดี มีความรักที่งดงามและซื่อสัตย์สามัคคี

ข้ามมาที่เทศกาลโม่แข้งลูกหนังของทีม "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด กันบ้าง เดือนนี้มีบททดสอบหยาดเหงื่อและแรงกายสุดสำคัญให้ได้ฝ่าฟันเพื่อให้ถึงฝั่งฝัน และพิสูจน์ว่ามีดีพอที่จะต่อยอดความสำเร็จไปหยิบ 3 แชมป์เหมือนอย่างปี 1999 ได้หรือไม่

ว่ากันที่เรื่องของศึก พรีเมียร์ลีก กันก่อน ที่ดูเหมือนว่าเส้นทางในการทวงคืนบังลังค์แชมป์จากเพื่อนบ้านน่ารักน่าเตะอย่าง แมนฯ ซิตี้ จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ฉาบไปด้วยรัศมีว่าที่แชมป์ เปล่งแสงประกายวับวาว ราวกับเกราะเพชร 7 สี

ทัพ "ปีศาจแดง" ทิ้งทวนเดือนมกราฯ และประเดิมเดือนแห่งความรักด้วย 6 แต้มเต็ม จากชัยชนะเหนือน้องใหม่หน้าเก่า เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 และเกมบุกถอนขนหน้าแข้ง "เจ้าสัว" ถึงถิ่น 1-0 โดยทั้ง 2 เกมสกอร์อาจต่างกัน แต่นิยามคล้ายกัน คือ หืดนะฮะ...

แม้ว่าทั้ง 2 เกมล่าสุดของลูกทีม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะได้มาแบบหืดจับ รากเลือด กระเสือกกระสน และไม่ประทับใจคุณผู้ชมเท่าที่ควรก็ตาม แต่จากการที่แชมป์เก่าเลือดสีฟ้าเชื้อสายชีค พลาดท่าทำแต้มหลุดมือไปถึง 4 แต้มใน 2 นัดหลัง ทำได้แค่เสมอทีมบ๊วย ควีนส์ปาร์ค 0-0 และไล่ยิงเจ๊าทีมกลางตารางอย่าง ลิเวอร์พูล 2-2 เลยทำให้ช่องว่างระหว่างเราฉีกหนีไปเป็น 9 แต้มแล้ว

ประตูสู่แชมป์ลีกสมัยที่ 20 กวักมือหยอยๆ เรียกให้มาหยิบจับสำผัสบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ในขณะที่เหลือเกมการแข่งขันอีก 13 นัด ซึ่งถ้าหากไม่เกิดอาเพศ วินาศสันตะโร ฟ้าถล่ม แผ่นดินสะเทือน ฝนตกขึ้นฟ้า ปลาแหวกว่ายกินหมู่ดาวเสียก่อน ก็จงเชื่อว่าเรือล่มในหนองแล้วทองจะไปไหนเสีย แล้ว ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดของพวกเราชาว "ผีแดง" ก็จะได้ชูถ้วยแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 13 มากที่สุดโลก และยากที่จะหาใครมาโค่นตำแหน่งนี้ลง

ส่วนในรายของ เอฟเอ คัพ ศึกบอลถ้วยที่เก่าแก่และอายุยืนที่สุดในโลก ที่ทางทาง "เซอร์ เฟอร์กี้" ประกาศก้องขอทวงคืนมาตั้งบนตู้โชว์ของโรงละครแห่งความฝันอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายความสำเร็จมาเกือบ 10 ปี

แน่นอนว่า แมนฯ ยูฯ ครอบครองถ้วยใบนี้มากที่สุดในอังกฤษ ด้วยจำนวน 11 สมัย แต่จากการที่ร้างแชมป์มาตั้งแต่ปี 2004 มาปีนี้ "ป๋า" แกเลยจัดผู้เล่นที่เกือบจะเป็นชุดใหญ่ลงสนามตั้งแต่รอบ 3 ที่ผ่านมา กระทั่งเพิ่งไล่ถลุง ฟูแล่ม 4-1 ทะลุเข้าสู่รอบ 5 โดยมี เร้ดดิ้ง เป็นเหยื่อกระทำชำเรารายต่อไปในวันที่ 19 ก.พ.

เหลือเกมการแข่งขันให้ แมนฯ ยูฯ ได้ฟาดฟันอีกเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น แชมป์บอลถ้วยน็อกเอาท์แห่งตำนาน ก็จะกลับคืนตู้โชว์ในบ้านหลังเก่าอีกหนในข้อแม้ชนะรวดเท่านั้น

ในขณะที่ถ้วยใหญ่ใบเขื่องอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการเป็นที่ 1 ของกลุ่มแบบชิวๆ แต่กลับต้องนั่งกุมขมับปวดขมองเมื่อต้องโคจรมาพบกับ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากสเปน เจ้าของแชมป์มากสุด 9 สมัย ในรอบนี้

ทีมของ โช่เซ่ มูรินโญ่ อาจจะเสียหน้านิดหน่อย เมื่อเข้าป้ายทำได้แค่อันดับ 2 ของกลุ่ม หลังโดนทีมพลังหนุ่มจากดินแดนไส้กรอกอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลบเหลี่ยมซิวอันดับ 1 ไปต่อหน้าต่อตา

เกมการแข่งขันศึกบิ๊กแมตช์บอลถ้วยใหญ่ของยุโรปจะแข่งขันนัดแรก 13 ก.พ.นี้ โดยทีม "ราชันชุดขาว" เตรียมเปิดรัง ซานติอาร์โก เบร์นาเบว เล่นก่อนในนัดแรก ก่อนที่จะโม่แข้งนัด 2 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงต้นเดือน มีนาฯ

สาวก "เร้ด อาร์มี่" ตั้งตารอคอยต้อนรับอดีตแข้งเก่าอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ชนิดใจจดใจจ่อ แม้ว่าใจจริงอยากเห็นแข้งจอบสับชาวโปรตุกีส ล้มหมอนนอนเสื่อ มีอาการบาดเจ็บ และเป็นได้แค่ผู้ชมเกม ในวันที่มีคิวปะทะแข้งกัน ฮ่าๆ

เป้าหมายที่มีไว้พุ่งชนอีกประการของ ป๋า เฟอร์กี้ คือการตามจองเวรจองกรรม เอ้ย!! โค่นบัลลังค์แชมป์ 5 สมัยในถ้วยนี้ของอริแค้นแสนรักอย่าง "หงส์แดง" ลงให้ราบคาบ หลังจากที่คั่วมาแล้ว 3 ครั้ง พร้อมกับการการันตีอยู่ในพื้นที่ "ยูซีแอล" แทบทุกฤดูกาล

กุมภาพันธ์นี้ จะเป็นเดือนชี้ชะตาเส้นทางสาย "ทริปเปิลแชมป์" ของพลพรรค "ผีแดง" อย่างแท้จริง กองทัพ "ปีศาจพันธุ์อสูร" บุกป่าฝ่าดงกระโจนขึ้นหลังเสือเรียบร้อย จะกลับมาแบบถลกหนังลงมาพร้อม หรือตกลงมาแบบไร้เชิงแล้วโดนขย้ำตอบ

คำตอบอยู่ที่หนึ่งสมองของป๋า และปลายสตั๊ดของลูกทีม เพราะถ้าหากจะคิดการณ์ใหญ่ใจต้องนิ่ง ...

เรื่องโดย "จ่าตุ๊"



  • สนับสนุนเนื้อหา Sport Radio



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2556 21:26:45 น. 0 comments
Counter : 1790 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]