ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

วิธีทำซ่าหริ่ม ขนมหวานไทย ๆ เมนูคลายร้อนทำง่าย ๆ



   ขนมไทยที่ใคร ๆ ก็ว่าทำยาก ยิ่งเป็นขนมซ่าหริ่มแบบนี้คงคิดว่าทำยากไปแล้วใช่ไหมล่ะ บอกเลยว่าสูตรซาหริ่มที่เรานำมาเสนอนี้ง่ายเว่อร์ ๆ
          วันหยุดนี้อยากชวนเพื่อน ๆ มาทำขนมซ่าหริ่มกินกันเองที่บ้าน สีคัลเลอร์ฟูลช่วยคลายร้อนได้ผลดีนักแล แถมมีความหอมของกะทิอบควันเทียนอีกด้วย รับประกันความเย็นชื่นใจ ถ้าหากของเขาไม่ดีจริง เราไม่มาบอกทุกท่านหรอกค่ะ ซึ่งซ่าหริ่มนอกจากสีสวยแล้ว รสชาติก็อร่อยสมกับหน้าตาจริงเชียว ถ้าไม่เชื่อ กระปุกดอทคอมขอท้าพิสูจน์ด้วยวิธีทำซ่าหริ่มแบบง่าย ๆ สูตรจาก คุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ทำเก๋โดยการทำซ่าหริ่มจากวุ้นเส้น เพิ่มสีสันด้วยน้ำหวาน รสชาติถูกปากทุกท่านแน่นอน

วิธีทำซ่าหริ่มแบบง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้ หอมหวานชื่นใจค่ะ โดย คุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

   สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน คือวันนี้นัทอยากทานซ่าหริ่มขึ้นมาแต่ไม่อยากออกไปข้างนอกบ้าน นึกขึ้นได้ว่า ซ่าหริ่มทำมาจากแป้งถั่วเขียว และวุ้นเส้นก็ทำมาจากถั่วเขียวเหมือนกัน ก็เลยทำซาหริ่มจากวุ้นเส้นกินดีกว่า จะช้าอยู่ไย ความอยากไม่เคยรอใคร ไปทำกันเลย อิอิ

ส่วนผสม เส้นซ่าหริ่ม
           วุ้นเส้นถุงเล็ก 1 ห่อ
           น้ำหวานสีเขียวและสีแดง
           น้ำเปล่าสำหรับแช่วุ้นเส้น

ส่วนผสม น้ำเชื่อม

           น้ำตาลทราย 250 กรัม
           น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร
           ใบเตย 2-3 ใบ

  หมายเหตุ : *** การทำน้ำเชื่อม น้ำตาลทราย 100 กรัม ต่อน้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร

ส่วนผสม น้ำกะทิ
           กะทิอบควันเทียนสำเร็จรูป 1 กล่อง

วิธีทำ



           เรามาทำน้ำเชื่อมกันก่อนโดย นำน้ำตาลและน้ำเปล่า เทใส่หม้อ เปิดไฟ ใส่ใบเตยลงไป เคี่ยวจนเหนียว ปิดไฟแล้วพักไว้จนเย็น



           จากนั้นเราก็แกะวุ้นเส้นออกจากถุง



           นำวุ้นเส้นไปแช่น้ำหวานสีแดง โดยเติมน้ำลงไปผสมด้วย ถ้าต้องการสีเข้มก็ใส่น้ำน้อย ๆ ค่ะ




           วันนี้บ้านนัทไม่มีน้ำหวานสีเขียวเลยใช้น้ำใบเตยแทน



           เมื่อแช่น้ำหวานจนสีของน้ำหวานซึมเข้าไปในตัววุ้นเส้นแล้วให้ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ




           จากนั้นนำวุ้นเส้นไปต้มในน้ำเดือด



           เมื่อวุ้นเส้นสุกตักขึ้นใส่ในน้ำเย็น



           จากนั้นตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ



           กะทิอบควันเทียนแบบสำเร็จรูป เลือกซื้อได้ตามชอบ ไม่ว่าจะชาวเกาะหรืออร่อยดี ก็ใช้ได้เหมือนกัน (กะทิกล่องสามารถเปิดแล้วเทใส่ขนมได้เลย) หรือใครจะเอากะทิไปตั้งไฟก่อนก็ได้ค่ะ




           จากนั้นเราก็ตักซ่าหริ่มใส่ภาชนะตามด้วยน้ำเชื่อมและกะทิ



           เสิร์ฟแบบสีเดียว

สรุปการทำซ่าหริ่มจากวุ้นเส้น
  1. สามารถทานแก้ขัดได้

          2. วุ้นเส้นบางยี่ห้อทำออกมาแล้วแข็ง บางยี่ห้อนิ่ม

          3. เส้นอาจจะใหญ่กว่าซ่าหริ่มปกติทั่วไปนิดหน่อย แต่รสชาติโดยรวมก็พอใช้ได้นะคะ

          4. สีเขียวที่นัทใช้น้ำใบเตยแทนนั้น สีไม่ค่อยดูดเข้าตัววุ้นเส้นเท่าไหร่ เพราะเวลานำไปต้ม สีจะอ่อนลงเยอะ ให้ใช้น้ำหวานสีเขียวดีกว่า


จบการทำซ่าหริ่มจากวุ้นเส้นไว้เพียงแค่นี้ค่ะ นัทหวังว่าเพื่อน ๆ คงชอบกันนะคะ อิอิ และคราวหน้าถ้ามีโอกาส นัทจะทำซ่าหริ่มด้วยวิธีการกวนและกดแบบซ่าหริ่มของแท้มาฝากค่ะ สวัสดีค่ะ
ซ่าหริ่มแบบดั้งเดิม




อุปกรณ์

           อุปกรณ์ในการกดตัวซ่าหริ่ม

ส่วนผสม ซ่าหริ่ม

           แป้งถั่วเขียว
           น้ำเปล่า
           น้ำใบเตย
           น้ำเย็น

ส่วนผสม น้ำเชื่อม

           น้ำตาลทราย 250 กรัม
           น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร
           ใบเตย 2-3 ใบ

หมายเหตุ : *** การทำน้ำเชื่อม น้ำตาลทราย 100 กรัม ต่อน้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร

ส่วนผสม น้ำกะทิ

            กะทิอบควันเทียนสำเร็จรูป 1 กล่อง

วิธีทำ




           เอาแป้งถั่วเขียวผสมกับน้ำเปล่า ถ้าสีเขียวนัทใช้น้ำใบเตยค่ะ




           คนให้เข้ากัน




           คนด้วยไฟอ่อนจนแป้งเหนียวได้ที่




           รูปนี้สีชมพู




           จากนั้นนำแป้งไปกดโดยใช้ที่กดซ่าหริ่มให้ตัวซ่าหริ่มไหลลงไปสู่น้ำเย็น



           เมื่อครบ 5 นาทีแล้วตักตัวซ่าหริ่มขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ



           เมื่อเราทำตัวซ่าหริ่มเรียบร้อยแล้ว ก็เสิร์ฟโดยใส่กะทิอบควันเทียนและน้ำเชื่อมได้เลยค่ะ ก่อนรับประทานให้ใส่น้ำแข็งลงไปแค่นี้ก็อร่อยแล้วค่ะ ขอจบการทำซ่าหริ่มแบบดั้งเดิมไว้แค่นี้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาชื่นชมผลงานนะคะ

เสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับวิธีทำซ่าหริ่มแบบง่าย ๆ ด้วยเวลาไม่กี่นาที ไม่ว่าจะเป็นซ่าหริ่มทำจากวุ้นเส้นหรือซ่าหริ่มแบบดั้งเดิมก็กินแล้วชื่นใจทั้งนั้น วัตถุดิบก็หาซื้อง่ายราคาไม่แรง  ยังไงก็ขอฝากทั้งสองสูตรนี้ไว้ในอ้อมใจของทุกท่านด้วยนะคะ ส่วนใครที่สนใจสูตรอาหารแบบทำง่าย ๆ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน รับรองว่ามีสูตรอาหารดี ๆ อีกเพียบเลย



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

เมนูอาหารอื่น ๆ https://www.facebook.com/groups/jarnprod/






 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2558 9:09:38 น.   
Counter : 3206 Pageviews.  

3 ขั้นตอน สูตร ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ พร้อมเปิดร้านขาย

 ก๋วยเตี่ยวสีชมพูสีสันสดใสอย่าง ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ที่ใครเห็นเป็นต้องน้ำลายสอ แต่หารู้ไม่ว่า สีแดงชมูสดที่ใช้ใส่ในก๋วยเตี๋ยวนั้นเปลี่ยนแปลงจากสูตรโบราณ เพราะปัจจุบันจะมีซอสเย็นตาโฟสำเร็จ ไม่คงเหลือความหอมเหมือนเย็นตาโฟโบราณ ที่ใช้เต้าหูยี้ เรามีสูตร ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ จากแฟนเพจ กินดี อยู่ดี By เนรัญชลา ทำแจกสำหรับคนที่ต้องการจะสร้างอาชีพ ได้สูตรที่ถูกต้องแล้วแถมสร้างรายได้ ได้อีกด้วย ตามสูตรและขั้นตอนการทำดังนี้ค่ะ


1. ขั้นตอนการทำซอสเย็นตาโฟ
  • ซอสแดง 2 ถ้วยตวง
  • ซอสพริก 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำเต้าหู้ยี้ 1/3 ถ้วยตวง
  • เนื้อเต้าหู้ยี้ 6 ก้อน
  • ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วยตวง
  • พริกขี้หนูแดง 10 เม็ด
  • น้ำตาลทราย 7 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำต้มสุก 1/4 ถ้วยตวง

พริกขี้หนูแดง 10 เม็ด ล้างสะอาด คั่วในกระทะให้สุกหอม และเกรียมเล็กน้อย ได้ที่แล้วตักขึ้นมาพักไว้

เทซอสแดง น้ำเต้าหู้ยี้ ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ เนื้อเต้าหู้ยี้ น้ำตาลทราย น้ำต้มสุก และ พริกขี้หนูแดงคั่ว ใส่ลงไปในเครื่องปั่น

ปั่นจนส่วนผสมละเอียดจนเข้ากันดี นำส่วนผสมทั้งหมดไปตั้งไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆ จนเดือด และคนต่อสัก 3-5 นาที จากนั้นก็ยกออกจากเตาและตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
 ——————————————–

2. ขั้นตอนการทำน้ำก๋วยเตี่ยว

  1.  กระดูกคาตั๊ง 1 กิโลกรัม
  2. หัวไชเท้าปอกเปลือกตัด 4 ท่อน 1 หัว
  3. หัวหอมใหญ่ปอกเปลือกออก 1 หัว
  4. รากผักชีตีพอแตก 30 กรัม
  5. พริกไทยเม็ดบุบพอแตก 5 กรัม
  6.  เก๋ากี้ 5 กรัม
  7. ฮวยซัว 10 กรัม
  8. เก๋ากี๋ 5 กรัม
  9. เง็กเต็ก 5 กรัม
  10. เครื่องต้มก๋วยเตี๋ยวน้ำใส 1 ห่อ (หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องก๋วยเตี่ยว)
  11. กระเทียมดอง 7 หัว
  12. น้ำกระเทียมดอง 1 ถ้วยตวง
  13. เกลือปรุงทิพย์ 2 ช้อนโต๊ะ
  14. น้ำตาลมะพร้าวแท้ 150 กรัม
  15. ซอสแม็กกี้ 3 ช้อนโต๊ะ
  16. ซีอิ้วขาวสูตร 5 จำนวน 10 ช.ต.
  17. น้ำเปล่า 10 ลิตร







  1. ใส่น้ำสะอาดลงไปในหม้อ (ใช้หม้อสำหรับทำก๋วยเตี่ยว) ตั้งไฟให้เดือด เติมเกลือลงไปเล็กน้อย พร้อมใส่เครื่องโดยมี รากผักชี พริกไทยเม็ด หัวไชเท้า หัวหอมใหญ่ (ใส่ทั้งหัวไม่ต้องหั่น) ตามด้วย เก๋ากี้ เง็กเต็ง ฮวยซัว หัวกระเทียมดอง น้ำกระเทียมดอง และห่อเครื่องต้มก๋วยเตี่ยวน้ำใส
  2. พอเดือดได้ที่แล้วใส่กระดูกหมูคาตั๊งลงไป พร้อมหรี่ไฟอ่อน ปิดฝาหม้อต้มทิ้งไว้ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ขึ้นไป และคอยช้อนฟองที่ลอยอยู่เหนือน้ำซุปออก ปรุงรสด้วยซีอิ๋วขาว ซอสแม็กกี้่ และน้ำตาลมะพร้าว คนให้เข้ากัน ชิมและเพิ่มรสตามที่ต้องการ

 ——————————————–

3. มาเริ่มขั้นตอนการลวกก่วยเตี่ยว โดยเตรียมวัตถุดิบดังนี้

  • เส้นก๋วยเตี๋ยว
  • ผักบุ้ง
  • เลือดหมูต้มสุก
  • เต้าหู้แผ่นสีขาวทอด หั่นเป็นชิ้นบางๆ
  • ฮือก้วยหรือปลาเส้นทอดหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
  • หมึกกรอบหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
  • กระเทียมเจียวกากหมู
  • ลูกชิ้นปลา
  • เกี๊ยวทอด
  • ซอสเย็นตาโฟ
  • พริกไทยป่น




  1. ลวกผักบุ้งใส่ชาม แล้วลวกเส้นใส่ตามลงไป และลวกเลือดหมู หมึกกรอบ และลูกชิ้นต่างๆ ใส่ตามลงไป
  2. ใส่เต้าหูทอด ปลาเส้นใส่ชาม ตักกระเทียมเจียวพอประมาณ แล้วตักซอสเย็นตาโฟใส่ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ แล้วราดด้วยน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวร้อนจัดๆประมาณ 1 ถ้วยตวงโรยพริกไทยและวางเกี๊ยวทอดไว้ข้างๆ แพร้อมเสิร์ฟ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากแฟนเพจ กินดี อยู่ดี By เนรัญชลา

เมนูอาหารอื่น ๆ https://www.facebook.com/groups/jarnprod/




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2558 22:45:21 น.   
Counter : 2730 Pageviews.  

10 สูตรน้ำผักผลไม้ สมูทตี้ ต้านมะเร็ง อร่อยปลอดโรค

 ผักตระกูลกระหล่ำ ไม่ว่าจะเป็น กระหล่ำปลี ผักกาด บร็อคโคลี่ จัดเป็นอาหาร ต้านมะเร็งชั้นดี เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นยังมี แคโรทีนอยด์ ที่ว่ากันว่าคือสารที่ ต้านมะเร็ง ชั้นเยี่ยม รวมถึงสารอาหารวิตามินอื่นๆอีกเพียบ
ซึ่งเหล่านี้ ถูกวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า สารเหล่านี้ช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ ลำใส้ใหญ่ ตับ เต้านม และ ปอด ได้เป็นอย่างดี


วันนี้ทีมงาน Health Mthai เลยนำสูตรการทำน้ำสมูทตี้ ที่นำผักตระกูลกระหล่ำมาเป็นส่วนผสม สำหรับคนรักสุขภาพ ให้ได้อร่อยปลอดโรคไปพร้อมๆกันค่ะ
สูตรที่ 1
ผักคะน้า 2 ถ้วย
แอปเปิ้ล 1 ถ้วย
เลม่อนนิดหน่อย
ขิง ครึ่งนิ้ว
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ , มีสารต้านอนุมูลอิสระ , มีวิตามิน A และ C , ได้รับ แคลเซียม ,ธาตเหล็ก
และคอลโรฟิล

สูตรที่ 2
แตงกวาขนาดกลางๆ 1 ลูก
เมล่อนหวาน 1 ถ้วย
ผักกาดคอส 4 ใบ
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระมีวิตามิน B, C , คลอโรฟิล, เบต้าแคโรทีน โพแทสเซียม


สูตรที่ 3
มะม่วงสุก 1 ลูก
สัปปะรด ครึ่งถ้วย
ผักโขม 2 ถ้วย
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน A, C, D, K, คลอโรฟิล ธาตุเหล็ก โฟเลต


สูตรที่ 4
แตงโม 1 ถ้วย
ต้นอ่อนของถั่วลันเตา 2 ถ้วย
ขิง ความยาวครึ่งนิ้ว
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระ จาก ไลโคปีน, คลอโรฟิล, วิตามิน (A, C), กรดโฟลิค

สูตรที่ 5
มะละกอ 1 ถ้วย
สตอรเบอรี่ 1 ถ้วย
กล้วยหอม 1 ลูก
น้ำมะพร้าว 1-ครึ่ง ถ้วย
เกษรผึ้ง 1หยิบมือ(นิดหน่อย)
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน B, C , โฟเลต, กรดลอริ โพแทสเซียม


สูตรที่ 6
บลูเบอร์รี่ 1 ถ้วย
โยเกิร์ตอัลมอนด์ ครึ่งถ้วย
นมอัลมอนด์ 1ถ้วย
เมล็ดเจี่ย (chia seeds) 2 ชต.
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน B, C, โอเมก้า 3s


สูตรที่ 7
ก้านผักชีฝรั่ง 3 ก้าน
กีวี 1 ลูก
ผักกาดคอส 4 ใบ
ขิง ครึ่งนิ้ว
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน A, B, C, คลอโรฟิล แคลเซียม โพแทสเซียม,
เหล็ก, กรดโฟลิค, แมกนีเซียม

สูตรที่ 8 สมูทตี้
ผักคะน้า 2 กำ
สตอรเบอรี่ 1 ถ้วย
น้ำมะพร้าว 1 ถ้วย
เมล็ดเจี่ย (chia seeds) 2 ชต.
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน A, C, K, คลอโรฟิล, โอเมก้า 3s โพแทสเซียม


สูตรที่ 9
บล็อกโคลี่ 2 กำมือ
กล้วยหอม 1 ลูก
แอปเปิ้ล 1 ลูก
น้ำด่าง ครึ่งถ้วย
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน A, C, คลอโรฟิล, โพแทสเซียม


สูตรที่ 10
ส้ม 1 ลูกใหญ่
สัปปะรด 1 ถ้วย
ผักโขม 1 ถ้วย
ผงชาเขียวแบบพร้อมชง 1-ครึ่งถ้วย
ประโยชน์ : ต้านการอักเสบ, สารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน A, C, แคลเซียม, กรดโฟลิก, เหล็ก



เรียบเรียงโดย Health Mthai Team
ที่มาจาก //blogs.naturalnews.com/

เมนูอาหารอื่น ๆ https://www.facebook.com/groups/jarnprod/




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2558 22:44:34 น.   
Counter : 1546 Pageviews.  

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารรสเลิศ

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรอาหารไทยอีกเมนูอาหารรสเลิศที่มีรสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป ที่ใครได้ลองชิมแล้วต้องถูกปากถูกใจ ต้องหามาทานกันใหม่ จนเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์จานนี้…จริงๆแล้ว เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ ใช้เวลาทำน้อย แถมเครื่องปรุงวัตถุดิบก็ยังหาง่ายอีกต่างหาก แต่ถ้าลองเราไปสั่งทานตามร้านอาหารนอกบ้าน ก็มีราคาแพงพอสมควรเลยล่ะ วันนี้เราจึงนำสูตรไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์มาฝากครับ ทั้งอร่อยรสเด็ดและทำง่ายจะต้องไปเสียเงินทานนอกบ้านทำไม หิวตอนไหนก็ลุกขึ้นเข้าครัว เสิร์ฟทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ…อร่อยจุงเบย




ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรใส่น้ำพริกเผา
ส่วนผสม
สันในไก่หรืออกไก่ 1 ½ ถ้วย
แป้งสาลี 3/4 ถ้วย (หรือแป้งทอดกรอบก็ได้…แต่อาจจะกรอบไป)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วยพูน (ปริมาณเพิ่มลด ตามชอบ)
กระเทียม 5 กลีบ
พริกแห้งหั่น 3/4 ถ้วย
ต้นหอมหั่น (เป็นชิ้นยาวๆประมาณ 1 นิ้ว) 3/4 ถ้วย
เห็ดฟาง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)
แห้วต้มสุกหรือแห้วกระป๋อง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)


เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปริมาณเพิ่มรสได้ ตามชอบ)
น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำเนื้อไก่ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นแฉลบให้เป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้
2. เตรียมส่วนผสมต่างๆให้พร้อม ดังนี้
  • กระเทียบปอกปลือก ทุบ และสับหยาบ
  • นำเห็ดฟางหรือแห้วมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วถ้าเป็นเห็ดฟางก็ให้ผ่าครึ่งเตรียมไว้ ส่วนถ้าใช้แห้วก็ให้ผ่าเป็น 2 หรือ 4 ส่วน แล้วแต่ขนาด
  • ต้นหอม ตัดรากทิ้ง นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 1 นิ้ว
  • หอมหัวใหญ่ นำมาปอกเปลือก นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดกลาง
  • ให้ต้มแห้วจนสุก (ใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ) คือให้ต้มน้ำจนเดือดแล้วนำแห้วลงไปต้มจนสุก (ประมาณ 5 นาที) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้
  • พริกแห้ง ถ้ามีขั้วเด็ดทิ้งไป แล้วหั่นพริกแห้งเป็น 2 ส่วน (เป็นท่อนสั้น ๆ เพื่อให้เม็ดแตก ถ้าชอบเผ็ดพริกมากหักให้ละเอียดหน่อย)
  • เอาเครื่องปรุงรสทั้งหมดผสมรวมกันในชามหรือถ้วย เพื่อง่ายต่อการหยิบจับไม่ต้องเสียเวลาผัดไปปรุงไป (หรือบางท่านอาจจะรอปรุงขณะผัดทีเดียวก็ได้) เครื่องปรุงรสได้แก่ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำพริกเผา น้ำตาลทราย ใส่ในถ้วยแล้วคนๆผสมให้มันเข้ากันไว้ก่อน




3. เอาไก่คลุกแป้ง เริ่มจากใส่ซีอิ๊วขาวผสมลงไปบนไก่นิดหน่อย (ประมาณ 1-2 ช้อนชา) คลุกคล้าให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำเนื้อไก่ไปคลุกกับแป้งทอดกรอบ (บางๆไม่ต้องหนา) จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ พอเหลือง (ทอดให้ผิวตึงๆ ก็พอ ไม่ต้องสุกมาก เพราะเดี๋ยวเราจะเอาไปผัดอีก) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้บนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน




4. ทอดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยไฟอ่อนถึงไฟกลาง ทอดเล็กน้อยพอเหลือง (ระวังไหม้) จึงตักขึ้นพักไว้บนกระดาษเพื่อซับมัน (ถ้าใช้ไฟแรง จะทำให้เม็ดมะม่วงฯ ไหม้ได้ และข้างในจะไม่สุก)
  • จากนั้นก็นำพริกแห้งลงไปทอดต่อด้วยไฟอ่อน จนพริกแห้งหอม เม็ดจะพองๆ (ระวังไหม้) แล้วช้อนขึ้นพักไว้ ให้สะเด็ดน้ำมัน
5. เทน้ำมันที่ทอดของเก็บไว้ แล้วใส่น้ำมันพืชสำหรับผัดลงไปนิดหน่อยประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง พอน้ำมันอุ่นแล้วให้ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอมเหลือง ตามด้วยหอมหัวใหญ่ลงไปผัด…จนเริ่มใส แล้วเอาเครื่องปรุงรสที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเคี่ยวในกระทะให้งวดหน่อยๆคลุกเคล้าใหข้ากัน
6. จากนั้นใส่เนื้อไก่และพริกแห้งทอดลงไปคลุกเลย…กลิ้งไปกลิ้งมาผัด ๆ เร็ว ๆ ให้เข้ากัน ตามด้วยใส่เม็ดมะม่วง ต้นหอม หรือผักอื่นๆ ตามลำดับ (ซอสจะเหือดแห้งลงและเดือด) ชิมรสชาติแล้วปรุงรสเพิ่มได้ถ้าไม่ถูกใจ รสชาติที่ปรุงได้ควรจะออกรสเค็มหวานครับ…ไม่ใช่หวานเค็ม (ถ้าน้ำเหือดแห้งมากเติมน้ำสะอาดได้ 1-3 ช้อนโต๊ะครับ) ผัดต่อให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาที คลุกกเคล้าให้เข้ากัน จึงปิดไฟ ตักใส่จานพร้อมเสริฟได้แล้ว

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรไม่ใส่น้ำพริกเผา 
ส่วนผสม (สูตรครัวบ้านพิมพ์)
อกไก่ 300 กรัม
พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
เกลือป่นธรรมดา ¼ ช้อนชา
***เอาอกไก่ พริกไทยป่น และเกลือป่น มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 10 นาที***

แป้งสาลี 1/2 ถ้วย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1/2 ถ้วย (จะใส่มากน้อยนี้…แล้วแต่ชอบเลย)
ต้นหอม 2 ต้น
พริกขี้หนูแห้ง 5-10 เม็ด (ตามชอบ ชอบเผ็ดมากใส่มาก)
เห็ดฟางดอกตูมๆ 7 ดอกกลาง
พริกชี้ฟ้าสีแดง 2 เม็ด
กระเทียมไทย 1 หัว

เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ¼ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ
***เอามาผสมลงไว้ไนถ้วยจะได้ง่ายต่อการหยิบจับ***

วิธีทำ : ก็ไม่ยากเลย ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนวิธีทำสูตรที่ 1 ได้อธิบายไว้ละเอียดพอสมควรแล้ว…ลองทำตามดูนะครับ


แนะนำเพิ่มเติม
  • ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีหลายสูตร มีทั้งแบบที่นำไก่ไปทอดก่อนพอข้างนอกตึง…หรือไม่ทอดผัดเลย แบบใส่น้ำพริกเผาหรือไม่ใส่…แล้วแต่จะชอบ ถ้าใส่น้ำพริกเผาก็อย่ามากไปเดี๋ยวจะกลายเป็นไก่ผัดน้ำพริกเผาแทนไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 
  • แนะนำวิธีเลือกเนื้อไก่ เลือกตามแบบที่ชอบเลยครับ ดังนี้
ถ้าชอบเนื้อแบบร่วนๆ แข็งๆ ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนหน้าอก เลาะหนังออก
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ มีมันน้อย ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนสันใน
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ แบบมีมันแทรก ให้ใช้เนื้อน่องหรือสะโพก เลาะหนังออก
  • มะม่วงหิมพานต์เป็นถั่วชนิดหนึ่ง ซื้อมาแล้วถ้าอยากเก็บให้ได้นานโดยไม่หืนควรแช่ตู้เย็น

ขอบคุณข้อมูลจาก : 
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thaispicy&month=11-2007&date=14&group=9&gblog=24
//pim.in.th/side-dish-by-chicken/255-spicy-chicken-with-cashew-nuts

เมนูอาหารอื่น ๆ https://www.facebook.com/groups/jarnprod/




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2558 22:43:57 น.   
Counter : 1108 Pageviews.  

น้ำจิ้มปลาเผาเกลือ 4 สูตร อร่อยเด็ด ทำง่าย


น้ำจิ้มแจ่ว

น้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดรสแซ่บของชาวอีสานบ้านเฮานั้น ควรมีรสกลมกล่อม หวานอมเปรี้ยว รสจัดจ้าน เป็นน้ำจิ้มรับประทานกับอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะปลาย่าง ปลาเผา ปลานึ่ง หรือเนื้อย่าง เนื้อปิ้ง หรือแม้แต่จิ้มกับอาหารที่ไม่อร่อย รสจืด ถ้าจิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วก็จะเกิดความอร่อยขึ้นมาทันที น้ำจิ้มแจ่ว 2 สูตรนี้เป็นสูตรทำง่าย รสชาติอร่อยใช้ได้ เน้นสะดวกทำแป๊บเดียวได้ทานแล้ว เครื่องปรุงและวิธีทำก็ตามนี้เลยครับ

น้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 1
พริกคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบเปรี้ยวก็ใส่น้ำมะนาวเพิ่ม)
หอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (ปริมาณตามชอบ)

น้ำจิ้มแจ่ว สูตรที่ 2
พริกคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มหรือลด ตามชอบครับ)
ซอสแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
(หรือจะใส่ทั้งหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไปด้วยก็ได้…เพิ่มหรือลดตามชอบครับ)

วิธีทำ (ทั้ง 2 สูตร)
1. นำเครื่องปรุงทุกชนิด (ยกเว้นน้ำมะนาว และผักซอยต่างๆ) ใส่ลงในชาม ผสมละลายให้เข้ากัน

2. เติมรสเปรี้ยวด้วยการบีบมะนาวลงไป ค่อยๆ เติมที่ละนิดพร้อมกับชิมไปด้วย ถ้าไม่เปรี้ยวให้เติมลงไปอีกจนได้รสชาติตามใจชอบ

3. ตามด้วย โรยหอมแดงซอย ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอย (เพิ่ม/ลดได้ ปริมาณตามชอบ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้านแล้ว


น้ำพริกหนุ่ม

น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกของชาวเหนือ ประกอบด้วยพริกหนุ่ม หัวหอมเผา กระเทียมเผา รสชาติกลมกล่อม ลองหานำมารับประทานดู ทานคู่กับปลาเผาและผักต้ม ผักลวก รับรองว่าคุณหรือใครจะไม่ผิดหวัง

ส่วนผสม
พริกหนุ่ม 10-12 เม็ด
หอมแดง 6 หัว
กระเทียมเม็ดใหญ่ 6 กลีบ
น้ำปลาอย่างดี 1-2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา

วิธีทำ
1. เอาพริก กระเทียม หอมแดงมาย่างไฟ ให้หอม (แต่อย่าลืมล้างทำความสะอาดพริกก่อนเอามาย่าง)

2. เคล็ดลับนิดหนึ่งของการย่าง ถ้าใช้เตาถ่านจะมีกลิ่นหอมกว่าไปย่างบนเตาแก๊ส พอย่างได้ที่ก็ไปแกะเปลือกออก สำหรับพริกเมื่อสุกเราจะลอก ในส่วนที่ไหม้ ๆ ดำ ๆ เอาออก ถ้าใครไม่ชอบเผ็ดให้เอาไส้พริกออกบ้างก็จะลดความเผ็ดลง

3. มาเริ่มตำน้ำพริกหนุ่ม โดยรองก้นครกด้วยเกลือนิดนึง แล้วนำกระเทียมและหอมแดงใส่ในครก ตำให้เข้ากันจนกระทั่งละเอียดพอ

4. จากนั้นนำพริกหนุ่มที่เผาแล้วหั่นใส่ลงไปในครก (เพื่อสะดวกในการตำ) ตำจนกระทั่งพริกละเอียดพอ…ว่าจะเอาหยาบ หรือแหลกละเอียด ตามชอบเลยครับ

5. เมื่อตำได้ที่แล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา คนให้เข้ากัน ตักใส่จานเป็นอันเสร็จ


** บางสูตรใส่ปลาร้าด้วยแต่จริง ๆ ทางภาคเหนือเลยจะไม่ใส่ หากทานเผ็ดไม่เก่ง ให้นำเม็ดพริกออก หรือนำมะเขือยาวมาเผาลอกเปลือกมาผสมด้วยก็ได้ **


น้ำจิ้มซีฟู้ด

น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดนั้น ควรมีรสชาติเปรี้ยวนำ เค็มตาม หวานและเผ็ดกลมกล่อม ส่วนความเผ็ดนั้นอยู่ที่ระดับกลางๆ สามารถรับประทานกับอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งเมนูเผา ย่าง ลวกหรือนึ่ง ก็อร่อยไม่แพ้กันครับ สำหรับสูตรนี้มีน้ำตาลทราย น้ำปลา มะนาว พริก กระเทียม ผักชี เอามาปั่นหรือผสมรวมกัน ก็ได้น้ำจิ้มซีฟู้ดทานกับปลาเผาแล้ว

ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)
พริกขี้หนูสวนสีเขียวสด 20 เม็ด
กระเทียมกลีบเล็กปอกเปลือกซอย 5-6 กลีบ
ผักชีพร้อมรากหั่น 1 ต้น
ใบโหระพา 10 ใบ (ใส่หรือไม่ใส่ ก็ได้ครับ)
น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ (น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ+ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ)
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. หั่นต้นผักชีพร้อมรากผักชี กระเทียม ให้เป็นชิ้นเล็กๆ

2. ปั่นพริกขี้หนู กระเทียม ผักชีพร้อมราก และใบโหระพา ทั้งหมดให้ละเอียด เทใส่ในชาม

3. เติมน้ำเชื่อม เกลือ น้ำมะนาว คนให้เกลือละลาย ปรุงรสให้แซ่บสะใจ เปรี้ยว เค็ม หวาน
**หากต้องการให้สีน้ำจิ้มมีสีเขียวมากขึ้น ให้เน้นใบผักชีมากกว่าต้นผักชี
**น้ำจิ้มซีฟู้ด สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 2-3 วัน

เมนูอาหารอื่น ๆ https://www.facebook.com/groups/jarnprod/




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2558   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2558 22:42:42 น.   
Counter : 3263 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  

thainewcar
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add thainewcar's blog to your web]