บวชเรียนนานกว่า 13 พรรษา ชีวิตผ่านมาฝ่าเหน็บหนาว วันนี้ฝนฟ้าพรายพร่างพราว อีกกี่สิบหนาวแสนยาวไกล ลาสิกขามาหลายฝน มาเป็นคนไม่ค่อยเอาไหน หนึ่งชีวิตไม่มีอะไร เก็บงำสิ่งที่ได้ไว้เตือนตน...
Group Blog
 
All Blogs
 
แม่จ๋า...อย่าร้องไห้ ตอนที่ ๑ จำพรากจากจร

" เฮาจะเอาปัญญาตี้ไหน มาเลี้ยงลูกตึงสองคนก่อน "

แม่ญิงวัยยี่สิบต้นๆ ครวญขึ้นมาด้วยน้ำเสียง กระแทกทั้น แต่ไม่เท่ากับความรู้สึกรานร้าว เจ็บปวด และเคียดแค้นที่อัดแน่นอยู่ข้างใน ขณะที่ลูกสาววัย 5 ขวบ และลูกชายวัย 3 ขวบ คลอเคลียอยู่ข้างกายแม่ พลางจ้องดวงหน้าของผู้เป็นพ่อด้วยดวงตาแป๋ว เหมือนจะค้นหาคำตอบว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่...

" บ่เป๋นหยัง ถ้าจะอั้น อ้ายจะเอาลูกไปเอง แม่ใหม่มันคงเลี้ยงได้อยู่กา "

เสียงตอบคล้ายจะรับผิดชอบของฝ่ายชาย ทำเอาแม่ญิงสะอื้นอัก เสมือนใครตอกลิ่มทิ่มแทงหัวใจที่บอบช้ำนั้นให้ปวดลึกยิ่งขึ้น เมื่อฝ่ายชายเอ่ยถึง แม่ญิงอีกคน ว่าเป็นแม่ใหม่ของลูกๆ ได้อย่างเต็มคำ

แม่ญิงรู้ดีว่า คำพูดประโยคแรกที่เธอเอื้อนเอ่ยออกไปนั้น เพียงหวังจะประชดประชัน และเรียกร้องความเห็นใจ เผื่อว่าทุกอย่างจักแปรเปลี่ยนไปในทางที่ดี หรือไม่อย่างน้อยก็เผื่อว่าชายหนุ่มจักเกิดเห็นอกเห็นใจเธอขึ้นมาบ้าง ไม่ได้หวังแม้แต่น้อยว่าจะได้ยินคำตอบเยี่ยงนั้น

อย่างไรก็ตามที ด้วยอารมณ์ขึ้งโกรธ เคียดแค้นบวกกับความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา เมื่อศักดิ์ศรีของความเป็นแม่ญิงถูกเหยียบย่ำไม่ไยดี ทั้งที่ได้สิทธิว่าเป็นเมียอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ แต่กลับถูกละเลยความรู้สึกทั้งปวง

เพียงเท่านั้น เธอก็ทรุดลงกับพื้นร่ำไห้ สะอื้นครวญ พร้อมกับเสียงร้องโฮของลูกทั้งสองคนที่ผวาเข้าสู่อ้อมอกผู้เป็นแม่ และระงมไห้อยู่ในอาการเยี่ยงนั้น เบื้องหน้าชายหนุ่มที่บัดนี้ ยืนตัวสั่นเทา ขบกรามแน่น แต่ยังข่มอยู่ด้วยอาการนิ่งงัน คล้ายตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนั้น

ด้วยศักดิ์ศรีที่ถูกย่ำเหยียบสิ้น ด้วยแรงกดดันซ่อนลึกมานานเนิ่น และมาระเบิดในวันนี้ พร้อมกับเรื่องราวที่ไม่เคยนึกฝัน เธอจึงตัดสินใจให้ลูกทั้งสองไปอยู่ในการเลี้ยงดูของฝ่ายชาย แม้ว่าจะสงสารลูกๆ ปริ่มว่าจะขาดใจ เพราะไม่รู้ว่า ต่อไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คงได้แต่พร่ำวอน ร้องขอต่อเทพยดา สิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลายให้ดลบันดาลให้ แม่ญิงคนนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ใหม่จักเลี้ยงดู อุ้มชู อบรมลูกๆ ของเธอได้อย่างที่เธอเลี้ยงดูมา หรือไม่ก็ให้ได้เพียงสักครึ่งหนึ่งก็ยังดี เธอหวังได้เพียงนั้น...

ยามนี้ เธอไร้เรี่ยวแรง ไร้ความรู้สึก หมดหวังกับการมีชีวิตอยู่ ปราศจากเสียซึ่งความคิดอ่านใดใด และไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะต้องทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตดี มีเพียงความคิดเดียวที่แล่นอยู่ในหัว ณ ตอนนี้ก็คือ จบชีวิตของตัวเองลงอย่างเงี่ยบๆ เท่านั้นเอง...



Create Date : 01 เมษายน 2551
Last Update : 2 เมษายน 2551 14:22:45 น. 0 comments
Counter : 439 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

proctorray
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Verb to be classic, not born to be!

ถ้าคอเดียวกัน นี่เลย http://classicbikelover.hi5.com
Friends' blogs
[Add proctorray's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.