รักน้องแมว น้องหมา อย่าฉีดคุมนะคะ :: ทำหมันดีที่สุดค่ะ
 
ยาพาราเซตาม่อน(แก้ปวดลดไข้) ก็คือยาพิษ สำหรับน้องแมว น้องหมา นะคะ (โดยเฉพาะแมว ห้ามให้โดยเด็ดขาด)‏

ได้ทำ FW mail เกี่ยวกับ ยาพารากับน้องหมา น้องแมวเอาไว้ค่ะ (ขอบคุณคำแนะนำจากคุณวชิรา และขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากเพื่อน ๆ ห้องจตุจักร ณ พันทิพค่ะ) ปกติไม่เคยอัพบล๊อคเลย ><" แต่ด้วยความที่ไหน ๆ ก็มีข้อมูลในมือ ส่งแต่ FW อย่างเดียว คนอาจจะยังเห็นไม่ทั่ว เลยขอเอามาแปะไว้ในบล๊อคด้วยนะคะ ^^

สำหรับท่านที่อยากได้ FW mail นี้เพื่อจะเอาไปเผยแพร่ต่อ หลังไมค์ส่งอีแมวมาให้ได้นะคะ ขอบคุณค่า ^^

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ยา พาราเซตาม่อน คือ ยาพิษ สำหรับน้องแมว




คนส่วนใหญ่ ยังไม่ทราบว่า ยาพารา ที่เป็นยาแก้ปวดลดไข้ สามัญประจำบ้านสำหรับคนนั้น เป็นยาพิษสำหรับแมวค่ะ

ให้น้องแมวทานเข้าไป แทนที่จะช่วย กลับทำให้น้องแมวถึงตายได้ค่ะ

(รบกวนกระจายต่้อไปเยอะ ๆ นะคะ มีหลายคนจริง ๆ ที่ไม่ทราบและทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้า จากการที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์มากมายเหลือเกินค่ะ)





+ อยากให้ทุกคนมาดูหน้าแมวกลม ๆ ตัวนี้




เป็นไงคะ อ้วนกลมได้ใจใช่มั๊ยเอ่ย

จริงๆแล้ว แมวตัวนี้ เจ้าของเค้าป้อนยาพาราเซตามอล ให้ค่ะ
ด้วยความหวังดี...



หน้าเลยบวมมากๆเลย
แล้วเหงือกก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล (ถ่ายไม่ค่อยชัด)
น่าสงสารมากๆ

วันนี้โทรไปถาม (เมื่อวานแวะไปคลินิคเพื่อนมา ก็เลยเจอเจ้าตัวนี้) บอกว่าวันนี้เหงือกเหลืองอ๋อยเลย หน้ายังไม่ยุบด้วยล่ะ



ด้านข้างนะคะ
เราอยากจะย้ำเรื่องนี้มากๆ ไม่ว่าจะย้ำมาเป็นครั้งที่ห้าร้อย แปดร้อย เราก็ต้องย้ำ
เพราะยังมีคนเอาพาราเซตามอลให้แมวกินด้วยความหวังดีอยู่เรื่อยๆ


เอาเรื่องยาพาราเซตามอล กับแมว มาฝากเป็นรอบที่แปดร้อยนะคะ
จากบล็อกเราเอง เขียนมานาน ก๊อปมาแปะตามกระทู้บ่อยๆ
อันนี้ไปเห็นตัวอย่างแบบชัดเจนมากๆเลยเก็บรูปมาฝาก
เป็นอุทธาหรณ์นะคะ

ความเป็นพิษ ของยา Acetaminophen (หรือพาราเซตามอล) ในแมว

*** โดยปกติแล้ว ยา พาราเซตามอล เมื่อเข้าสู่ร่างกาย นอกจากจะมีผลทำให้แก้ปวดลดไข้ได้แล้ว ยังก่อให้เกิดพิษ (toxic metabolite) ที่เรียกว่า N-acetyl benzoquinoneimine
ซึ่งในคน สามารถกำจัดสารตัวนี้ออกจากร่างกายได้

*** แต่แมวทำไม่ได้

เมื่อสารพิษที่ว่านี้สะสมอยู่ในร่างกายมากๆ จะมีผลเกี่ยวเนื่องกับเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการขนส่งออกซิเจนมาเลี้ยงร่างกาย
โดยสารตัวนี้จะทำให้เม็ดเลือดแดง เกิดภาวะ methemoglobinemia ซึ่งก็คือเม็ดเลือดแดงไม่สามารถจับกับออกซิเจนได้ นอกจากนั้นยังทำให้เม็ดเลือดแดงแตกได้อีกด้วย

*** อาการ

- อาเจียน น้ำลายไหลยืด
- 2-3 ช.ม. ต่อมาจะพบว่าเหงือกมีสีคล้ำ ใบหน้า ฝ่าเท้า ขาหน้าบวม
- ต่อมาอาจพบว่าเหงือกมีสีซีดหรือเหลือง
- ตายเนื่องจากขาดออกซิเจน


*** ถ้าพลาดไปแล้วต้องทำยังไง

- พาส่งสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด อย่าลืมบอกด้วยว่ากินยาอะไรมา เอาตัวอย่างยาไปด้วยก็ดี
- หมอเค้าก็จะให้ยาแก้พิษ ยาดูดซับสารพิษ น้ำเกลือ และถ้าหายใจไม่ออกอาจจะให้ออกซิเจนด้วย


*** แล้วจะมีโอกาสรอดไหม

- แล้วแต่แมว ถ้ากินไปไม่เยอะมากและไม่ได้ป่วยมากๆมาก่อน หากอาการดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง มีโอกาสรอดสูง
- แต่ถ้าหากแมวป่วยมากๆมาก่อนหรือได้รับยาไปเยอะ ก็อาจจะไม่รอด


เพราะฉะนั้น หากน้องเหมียวไม่สบาย รีบพาไปหาหมอเถอะค่ะ เพราะแค่ยาสามัญประจำบ้านที่เราคิดว่าปลอดภัย ยังอาจจะทำให้น้องเหมียวถึงตายได้เลยนะคะ



(สุดท้าย เคสนี้คุณหมอช่วยทัน ตอนนี้แมวหน้าหายบวม กลับบ้านได้แล้วค่ะ เฮ้อ ><”)

โดย คุณลูกหมูยอ

//topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2006/11/J4847372/J4847372.html


+ พิษของยาพารา ที่มีผลต่อแมว



จากกระทู้น้องแมวถูกป้อนยาพารา มีอาการหน้าบวมตัวบวม ได้มีผู้นำข้อความนี้มาโพสให้ความรู้ค่ะ (จำล็อกอินไม่ได้แล้วค่ะ)

"
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงมากนะครับ บางวันร้อนจัด บางวันก็มีฝนตก อากาศแบบนี้ทำให้คนไม่สบาย มีไข้ได้ ในคนยายอดนิยมที่กินกันมากที่สุดคือยาพาราเซตามอล ซึ่งยาตัวนี้ในคนมีคุณสมบัติลดไข้บรรเทาปวด อากาศอย่างนี้ก็พลายทำให้เจ้าเหมียวเป็นไข้ไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของเห็นแมวจาม ไอ จับดูตัวร้อน ก็จับกรอกยาพาราเซตามอลด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าคนกินได้แมวก็น่าจะกินได้ด้วย ถ้าแมวตัวไหนไม่กินคือพอเจ้าของป้อนเข้าไปแล้วขย้อนออกมาก็ถือว่าเป็นโชคดีไปนะครับ ที่คลินิคของผมมักจะเจอก็ต่อเมื่อเจ้าของพาแมวหน้าบวมมาหา เห็นปุ๊บผมก็ถามว่าให้กินยาพาราเซตามอลรึเปล่า เจ้าของบางคนก็บอกว่าไม่ได้ให้ แต่ให้กินทิฟฟี่บ้างดีคอลเจนบ้าง ทำเอาผมถอนหายใจเลยครับ ก็ยาทั้งสองที่ว่านั้นมีส่วนผสมของพาราเซตามอลอยู่นี่ครับ

ความเป็นพิษของยาตัวนี้จะอยู่ที่ 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักแมว 1 กิโลกรัม เป็นค่าเฉลี่ยครับ ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับอายุของแมวและความไวที่แมวจะแสดงออกต่อพิษของยาตัวนี้ไม่เท่ากันด้วยครับ แมวเด็กจะต้านทานต่อพิษของยานี้ได้น้อย โดยยานี้จะมีผลทำให้เม็ดเลือดแดงแตกและเซลตับถูกทำลาย

อาการหลังจากที่แมวกินยาพาราเซตามอลไป 1-2 ชั่วโมง
- น้ำลายไหล, อาเจียน, เบื่ออาหาร
- ซึม เอาแต่นอน
- เม็ดเลือดแดงจะถูกทำลาย ดังนั้นจะพบว่าปัสสาวะแมวจะมีสีแดงหรือสีช็อคโกแลต เป็นผลจากเม็ดเลือดแดงแตก
- เมื่อเปิดเหงือจะพบว่าเหงือกมีสีแดงเข้ม
- ที่พบบ่อยคือ บริเวณหน้าและอุ้งเท้าจะบวมขึ้นอย่างผิดสังเกต
- แมวอาจตายได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและถูกวิธี


การให้การรักษาเบื้องต้นโดยเจ้าของ
- ถ้าแมวกินยาพาราเซตามอลยังไม่เกิน 4 ชั่วโมง อาจทำให้อาเจียนออกมา เช่น การให้กินน้ำเกลือเข้มข้น หรือการเจอจางไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในน้ำและป้อนให้แมวจนแมวอาเจียนออกมา หรืออาจให้อุลตร้าคาร์บอนเพื่อดูดซึมความเป็นพิษของยาออกมา และรีบนำส่งถึงมือสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

การรักษาของสัตวแพทย์
- ถ้าแมวกินพาราเซตามอลยังไม่เกิน 4 ชั่วโมงสัตวแพทย์อาจทำให้แมวอาเจียนโดยการฉีดยาให้อาเจียน หรืออาจล้างท้อง หรือให้ยาที่ดูดซับสารพิษ เช่น อุลตร้าคาร์บอนเป็นต้น
- การให้ยาต้านพิษพาราเซตามอล ซึ่งตัวยานี้ราคาค่อนข้างสูง ร่วมกับการให้วิตามิน C
- การให้สารน้ำเข้าสู่เส้นเลือด
- การให้ออกซิเจนกรณีแมวหอบมากๆ
- การถ่ายเลือดถ้าพบว่า PVC<15%
- แมวควรอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์อย่างน้อย 2-3 วันจนแน่ใจว่าร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมาแทนเม็ดเลือดแดงที่แตกไป
- แมวอาจช็อคเสียชีวิตได้ถ้าแมวเกิดความเครียด เนื่องจากเม็ดเลือดแดงมีน้อย การส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายก็จะน้อยไปด้วย
- ป้อนอาหารให้แมวกรณีแมวไม่ยอมกินอาหาร เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมาใหม่ได้


สุดท้ายนี้ผมอยากฝากถึงเจ้าของแมวทุกท่านด้วยว่ายาที่ใช้ในคนกับแมวบางครั้งอาจเป็นยาตัวเดียวกัน บางครั้งแมวอาจใช้ได้ไม่เหมือนคน ดังนั้นผมคิดว่าถ้าแมวป่วยควรไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจรักษา ถ้าไม่สะดวกจริงๆอาจใช้วิธีโทรศัพท์ปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาก่อนให้ยาเจ้าเหมียวตัวน้อยนะครับ

น.สพ. ดรุตร กิ่งก้าน
พหลโยธิน 48 รักษาสัตว์ โทร. 0-2955-7346 กด 0

ที่มา
//www.cat4love.com/nana/para.asp


"
ยาพารา เป็นพิษต่อแมว กรุณาอย่าป้อนให้แมวกินนะคะ จริงๆ แล้วไม่สนับสนุนให้ป้อนยาคนในสัตว์เลี้ยงเลยด้วยซ้ำ ยกเว้นสัตว์แพทย์เป็นผู้สั่งยาให้ค่ะ

โดย คุณ ban_ri

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=jjoy&group=5




+ อีกเคสนึง..

เรื่องของเรื่องคือ เมื่อวานมีเคสนี้มาขอความช่วยเหลือ แต่ดันเอาพาราให้แมวกิน (ด้วยความหวังดี เพราะว่าไม่รู้ว่าแมวกินไม่ได้ค่ะ)

คือว่าแมวตัวนี้ถูกรถชนมา (ชนแล้ว แถมเอาแมวไปทิ้งถังขยะให้ด้วยค่ะ ทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ตาย -*-) จขกท ซึ่งเป็นคนจิตใจดีได้ช่วยเหลือเอาไว้ค่ะ

เผอิญด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงป้อนพาราให้ด้วยค่ะ แต่โชคดีที่แมวปากบวมกินยาไม่ได้ (โชคดีไปค่ะ)



ตอนนี้น้องแมวได้รับความช่วยเหลือแล้วเหลือแต่ยังหาบ้านที่อบอุ่นให้พักพิงค่ะ ใครสนใจรับอุปการะแมวสีส้มตัวนี้ เมื่อได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว (ค่ารักษาพยาบาล สนับสนุนโดยโครงการรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจรค่ะ และจะทำวัคซีนให้ด้วยก่อนส่งมอบค่ะ) เชิญที่นี่ได้เลยนะคะ



+ สารที่เป็นอันตรายต่อแมว

  • พาราเซตามอล/แอสไพริน(acetaminophen/aspirin)

  • Antifreeze

  • Bleach

  • กรดบอริก(Boric acid)

  • Brake fluid

  • น้ำยาทำความสะอาด(Cleaning fluid and solutions)

  • น้ำยาดับกลิ่น(Deodorants)

  • ตัวดับกลิ่น(Deodorizers)

  • น้ำยาล้างพวกสบู่(Detergents)

  • ยาฆ่าเชื้อ(Disinfectants)

  • สี(Dye)

  • แว๊กขัดพื้น(Floor wax)

  • สารฆ่าเชื้อรา(Fungicides)

  • น้ำยาขัดเฟอร์นิเจอร์(Furniture Polish)

  • น้ำมันเบนซิน

  • ยากำจัดวัชชพืช(Herbicides)

  • ยาฆ่าแมลง(Insecticides)

  • ไลโซล(Lysol)

  • น้ำยาขัดโลหะ(Metal Polish)

  • Mineral Spirits

  • Mothballs

  • น้ำยาขัดเล็บและล้างเล็บ(Nail Polish & Remover)

  • สี(Paint)

  • น้ำยาล้างสี(Paint Remover)

  • น้ำยาล้างฟิมล์(Photographic Developer)

  • ยาฆ่าหนู/มด(Rat/Ant Poison)

  • แอลกอฮอร์(Rubbing Alcohol)

  • น้ำยาขัดรองเท้า(Shoe Polish)

  • เหยื่อดักหอยทาก/บุ้ง(Snail/Slug Bait)

  • Suntan Lotion

  • Tar

  • Windshield Washer Fluid

  • Wood Preservatives


อาการของแมวที่ได้รับสารพิษมีความผันแปรพอสมควร โดยแมวจะมีอาการตั้งแต่ชักและมีน้ำลายฟูมปากไปจนถึงมีอาเจียนและหมดสติ เมื่อพบว่าแมวมีอาการต่างๆ ดังกล่าว หรือเมื่อพบว่าแมวได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกาย ควรต้องรีบนำแมวไปพบสัตวแพทย์ เพื่อให้ได้รับการแก้ไขอย่างทันที่ โดยที่แมวอาจจะยังไม่แสดงอาการก็ได้




+ วิธีลดไข้ที่ถูกต้อง


ใช้ผ้าชุบน้ำและค่อย ๆ เช็ดตัวค่ะ ถ้าไข้ขึ้นสูงควรส่งไปพบคุณหมอ

หรือถ้าไม่สะดวกจริง ๆ โทรปรึกษาก่อนได้ค่ะ แล้วค่อยให้ยาหรือทำตามคำแนะนำของคุณหมอนะคะ



ปรึกษาคุณหมอ รพ สัตว์เล็ก คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ

โทร 02-2189750-1

(ฉุกเฉิน 24 ชม ต่อ 759)



รพ สัตว์มหิดล ศาลายา (เวลาราชการ และเสาร์-อาทิตย์ ช่วงเช้า)

02 - 441 5245 - 6



รพ สัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

โทร 02 - 942 8756 - 59
ต่อ 2118 (ในเวลาราชการ)
ต่อ 2155 (นอกวันเวลาราชกา่ร)
ต่อ 2118 ประชาสัมพันธ์

//www.vet.ku.ac.th/bk_animhos/bk_anim_index.htm





...................................................................





ยาพาราเซตาม่อน ไม่ใช่ยาสามาัญประจำบ้านสำหรับ น้องหมา




+ ยาพาราเซตาม่อน(แก้ปวดลดไข้)มันไม่ได้เป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับน้องหมานะครับอย่าเข้าใจผิด

ในแมวทุกคนคงรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่ายาตัวนี้คือยาพิษสำหรับแมว
แต่สุนัขหลายคนยังเข้าใจว่ามันเป็นยาที่ปลอดภัย หลายคนที่เคยเอาให้น้องหมากินแล้วไม่เป็นไร ก็เลยนึกว่ายาตัวนี้ปลอยภัยสำหรับน้องหมา เป็นการเข้าใจที่ผิดมากครับ

ยาตัวนี้เป็นยาสามัญประจำบ้าน ก็เพราะมันปลอดภัยสูงสำหรับคน ไม่จำเป็นต้องให้แพทย์สั่ง ซื้อเก็บไว้ประจำบ้านไว้ได้เลย ตรงนี้จึงอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่ามันเป็นยาที่ปลอดภัยสำหรับน้องหมาที่เลี้ยงอยู่ด้วย

ยาพาราเซตาม่อน เป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับคน แต่เป็นยาอันตรายสำหรับสุนัข นะครับ ควรใช้ตามคำสั่งสัตวแพทย์เท่านั้น

พาราเซตาม่อนตัวมันไม่มีพิษหรอกนะครับ แต่พอกินเข้าไปแล้วจะถูกดูดซึมผ่านลำไส้แล้วจะถูกแปรสภาพที่ตับ เป็นเป็นตัวยาที่เอาไปใช้ และมันจะมีบางส่วนเปลี่ยนเป็นตัวยาที่มีพิษต่อร่างกาย ทั้งคนและสัตว์ ซึ่งในตับคนจะผลิตเอ็มไซร์ที่ใช้แปรสภาพตัวยาที่เป็นพิษตัวนี้ให้อยู่ในรูปแบบที่ไม่เป็นพิษ แต่ในสุนัขจะสามารถผลิตเอ็มไซร์ตัวนี้ได้น้อยกว่าคนมาก ดังนั้นความเป็นพิษของยาจะไปทำลายเนื้อตับ ถ้าเกิดได้รับปริมาณที่มาก อาจทำให้ตับวายได้เลยทีเดียว ส่วนในแมวนั้นแทบไม่มีเอ็มไซร์ตัวนี้เลยความเป็นพิษจึงรุนแรง แต่แมวจะไม่ตายด้วยตับวาย แต่แมวจะตายด้วยการขาดออกซิเจน จากที่พิษของยาไปทำลาย antioxidant ซึ่งในระบบเลือดของแมวนั้นอ่อนโยนมากซึ่งขาดสาร antioxidant แล้วจะทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถทำหน้าที่ขนส่งก๊าซออกซิเจนได้เป็นปกติทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนอย่างรวดเร็วและจะเสียชีวิตในที่สุด สังเกตว่าแมวจะหน้าตาเขียวม่วง

หลายคนอาจใช้ยาตัวนี้เป็นยาแก้ปวด เมื่อสุนัขเจ็บปวด ขอบอกไว้เลยว่ามันไม่มีผลอะไรมากหรอกนะครับ ยาตัวนี้แก้ปวดได้ก็จริงแต่ มันไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะมีผลน้อยกว่ายาแก้ปวดตัวอื่นมาก จะใช้ได้ดีในการลดไข้มากกว่า และในคนเป็นสัตว์ที่อ่อนแอมากที่สุดในโลกอยู่แล้วเป็นอะไรนิดหน่อยจะทนต่อความเจ็บปวดไม่ค่อยได้ แต่ในสัตว์ความสามารถในการทนความเจ็บปวดนั้นมากกว่าคนหลายเท่าตัวนัก เพราะฉะนั้นการที่จะให้สุนัขกินยาเพื่อแก้ปวดนั้น ไม่ค่อยได้ผลเท่าไรหรอกนะครับ สำหรับยาตัวนี้

การลดไข้ ยาตัวนี้เป็นการไปลดไข้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้นไม่ได้ไปรักษาที่สาเหตุ ดังนั้นให้ไปก็ไม่มีประโยชน์เท่าไรนักถ้าเราไม่ได้รักษาที่ต้นเหตไปด้วย

การเป็นไข้เป็นกลไกหนึ่งการทำงานของร่างกายในการปกป้องร่างกาย (เป็นการเพิ่มอุณหภูมิเพื่อไปเร่งปฏิกิริยาการทำงายของภูมิคุ้มกันและกลไกการทำงายของร่างกายระบบต่างๆ ฯลฯ) ซึ่งถ้าเป็นไข้อ่อนๆนั้นไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปลดไข้นั้น แต่ถ้ามีไข้สูงมากเกินไปจนอาจเป็นอันตรายได้ ก็จำเป็นในการลดไข้

การลดไข้ที่ดีที่สุดคือ การเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเย็น เช็ดเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย และเอาผ้าที่เย็นๆนั้นโปะไว้ที่บริเวณขาหนีบหรือบริเวณที่ไม่มีขนเพื่อดูดความร้อนได้ดี ซึ่งการเช็ดตัวควรใช้ระยะเวลาเช็ดจนอุณหภูมิของร่างกายลดลง

ในกรณีที่มีการติดเชื้อการเช็ดตัวอย่างเดียวไม่สามารถลดไข้ได้เพราะสาเหตุยังอยู่ดังนั้นควรพาไปหาหมอ เพื่อให้ยาลดไข้และยารักษาการติดเชื้อที่สาเหตุด้วย

เพราะฉะนั้นเวลาน้องหมาไม่สบายมีไข้ เราอาจรักษาพยาบาลเบื้องต้นด้วยการเช็ดตัวก่อน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็ควรพาไปหาหมอนะครับ ไม่ควรให้กินยาลดไข้เองสุ่มสี่สุมห้า มันอันตราย เราอาจทำร้ายน้องหมาที่เรารักด้วยความรักและความหวังดีโดยไม่รู้ตัว



+ สำหรับยาปฏิชีวนะ...

ยาปฏิชีวนะ ในคนก็เป็นยาอันตรายอยู่แล้วครับ สังเกตุที่ฟรอย หรือกล่อง หรือฉลากยา จะเขียนเอาไว้ว่า " ยาอันตราย" ตัวหนังสือสีแดง เป็นยาที่ควรได้รับการสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น
แต่บ้านเราซื้อกินกันเองอย่างกับยาสามัญประจำบ้านไปแล้วซึ่งบางทีก็ใช้ถูกๆผิดๆ บางทีไม่จำเป็นต้องใช้ก็ใช้ ซึ่งไม่ต้องไปดูใครเลยครับ บ้านผมเองก็เป็น ตัวผมเองตอนเด็กไม่สบายบ่อยมาก กินยาปฎิชีวนะเยอะและยาวนานมากในแต่ละครั้ง จนตอนนี้จะดื้อยาหมดแล้ว

ความจริงยาปฏิชีวนะ เป็นยาอันตรายจริงๆครับถ้าใช้ไม่ถูกต้อง มีผลเสียหลายประการเลยทีเดียวนอกจากความอันตรายแล้ว เช่นการดื้อยา

ผมจะเล่าถึงความอันตรายหลักๆก็แล้วกันนะครับไม่เล่าถึงผลเสียอื่นๆ เพื่อเป็นการระวังในการใช้ แต่แนะนำว่าก่อนที่จะใช้ควรปรึกษาผู้เชียวชาญจะดีกว่านะครับจะปลอดภัยกว่า

อันตรายของยาปฎิชีวนะนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ และขึ้นอยู่กับชนิดของยาปฏิชีวนะนั้นๆด้วยว่ามีผลข้างเคียงแบบไหน เอาแบบคร่าวๆก็คือ
1. แพ้ยา การแพ้ยานี่อันตรายมากนะครับถ้าใครเคยแพ้ยาคงจะรู้ การแพ้ยานั้นขึ้นอยู่กับตัวสัตว์ครับ และไม่จำเป็นว่าเคยใช้ยาตัวนี้ไม่แพ้แล้วจะไม่แพ้ตลอดเลยนะครับ ใช้ยาครั้งแรกก็แพ้ได้เลย หรือเคยใช้ไปนานๆแล้วก็แพ้ได้เช่นกัน
2. ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงต่อลูกสัตว์หรือสัตว์อายุน้อยๆ เช่น ทำลายข้อกระดูกอ่อน (ซึ่งเป็นส่วนที่จะเจริญเติบโตของกระดูก) จะทำให้กระดูกหยุดการเจริญเติบโต, ทำลายไขกระดูก (ซึ่งไขกระดูกเป็นส่วนที่สร้างเม็ดเลือด ซึ่งจะทำให้เป็นโรคโลหิตจาง)
3. ตับและไต ยาแทบทุกชนิดเมื่อได้รับเข้าไปแล้วจะถูกขับออกโดยอวัยวะตับและไต ซึ่งยาหลายชนิดก็มีผลทำลายเซลล์ต่างๆของสองอวัยวะนี้เช่นกัน มากน้อยแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของยา ความเป็นพิษมากน้อยก็แล้วแต่ชนิดของยาเช่นกัน ยาบางตัวมีพิษต่อไตสูงมาก บางชนิดเป็นพิษต่อตับสูง

เป็นการยกตัวอย่างคร่าวๆนะครับ เพราะว่ายาปฏิชีวนะมีหลายชนิดมากผลข้างเคียงก็แตกต่างกันไปมากน้อยแล้วแต่ชนิดของยานั้นๆ ซึ่งการที่จะใช้ยาอะไรซักอย่างอย่างน้อยเราก็ต้องศึกษาผลข้างเคียงของมันว่าอันตรายมากน้อยแค่ไหนอย่างไรบ้าง ข้อควรระวัง อะไรบ้าง ขนาดยาระยะเวลาและวิธีใช้ที่ถูกต้อง ความรู้เหล่านี้จะหาได้จาก เภสัชกร สัตวแพทย์ และข้างฉลากยา

แต่ที่สำคัญที่สุดนั้นผมคิดว่าการรักษาแบบสุ่มหว่านแหไป โดยเป็นอะไรก็กินยาปฏิชีวนะไว้ก่อนนั้นไม่เป็นผลดีเท่าไรนัก เพราะจะสูญเสียโอกาสในการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันการ ตรงนี้สำคัญนะครับเพราะว่า ยาปฏิชีวนะนั้นไม่ได้เป็นอะไรที่สำเร็จรูปในการรักษา ตัวมันเองไม่ได้ฆ่าเชื้อได้ทุกเชื้อแบบชื่อของตัวมันเอง ดังนั้นหากสัตว์ป่วยแล้วเรามีโอกาสเพียงพอเราก็น่าจะพาสุนัขไปรับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่านะครับ

(แถม) อยากจะบอกพวกที่ชอบซื้อยากินเองรักษาสิวนั่นอ่ะตัวทำลายไตเลยหล่ะ(ขอระบายหน่อยแฟนชอบซื้อยากินเองพูดไปก็ไม่เชื่อ)



+ เพิ่มเติมอีกนิด

ตรงนี้อันตรายมาก ถ้าคนไม่รู้ แต่ไม่ใช่สุนัขนะ เป็นพวกหนู หรือกระต่าย หรือสัตว์ฟันแคระทุกชนิด
ยาปฏิชีวนะ กลุ่ม penicillin เช่น Amoxycillin, Ampicilline, Cephalexine เป็นต้น พวกนี้เป็นพิษกับสัตว์ฟันแคระ ถึงตาย ห้ามให้กินเด็ดขาด



จริง ๆ แล้วพารา ในหมากินได้ครับ dose 10 mg/kg วันละ 2 ครั้ง (ที่มา..Hand Book of Veterinary Drugs) (แต่ในแมว ห้ามให้พาราเด็ดขาด ถึงตาย !!!)

ที่คุณหมอ เคยบอกไว้ว่าห้ามให้สุนัขกิน คุณหมอเค้าคงหมายถึงห้ามเจ้าของให้ยาสุนัขกินเอง ครับ แต่ถ้าได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์แล้วคงไม่เป็นไรอ่ะครับ

ยาทุกชนิดไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวหรืออันตรายเลยถ้าเราใช้มันถูกต้องและเหมาะสม แต่ ถ้าเกิดเราใช้มันอย่างผิดๆแล้ว ยาตัวเดียวกันนี่แหละก็คือยาพิษดีๆนั่นเอง

ยามีคุณอนันต์ แต่ ยาก็มีโทษมหันต์เช่นกัน

ดังนั้นมีอะไรไม่เข้าใจเกี่ยวกับยาควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดีที่สุดครับ อะไรไม่แน่ใจให้ถามก่อนที่จะให้กินจะดีที่สุดครับ



โดยคุณ นรารมณ์ และ ....

//topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2006/05/J4391405/J4391405.html





...................................................................





ขอขอบคุณข้อมูลจาก
(ข้อมูลที่จุดประกายให้เกิดเมล์นี้ขึ้นจากคุณวชิรา โครงการรักษ์แมวปันน้ำใจให้แมวจรค่ะ ขอบคุณค่ะ)

อยากให้ทุกๆคน เข้ามาดูเจ้าแมวหน้ากลมๆตัวนี้หน่อยนะ

ยาพาราเซตาม่อน(แก้ปวดลดไข้)มันไม่ได้เป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับน้องหมานะครับอย่าเข้าใจผิด


**แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม**

สาระความรู้เกี่ยวกับแมว โดยคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ความเป็นพิษของพาราเซตามอนในสุนัขและแมว ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

ยาพารา VS แมว



Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2550 9:38:43 น. 2 comments
Counter : 10114 Pageviews.

 
รับทราบคะ ตอนแรกนึกว่าแอสไพรินซะอีก


โดย: Louis_v วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:00:24 น.  

 
ทิฟฟี่น้ำสำหรับเด็ก ให้แมว หรือ หมากินได้มั้ยครับ


โดย: สมาชิกหมายเลข 2880681 วันที่: 10 มกราคม 2559 เวลา:13:05:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

nekopoy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add nekopoy's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com