images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

เดินทางกลางฝน .. อลหม่านชีวิต

เดือนเศษๆที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่แทบไม่ได้อยู่ติดบ้านเลยค่ะ เดินทางตลอดทุกสัปดาห์ ไล่เรียงแล้วเหนื่อยไม่เบา ประกอบกับการงานที่แสนยุ่งและเรื่องบาดเจ็บชวนหวาดเสียวอีก

วันนี้ก็เพิ่งไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าเข็มที่สี่มา เหลืออีกเข็มเดียวก็จะครบคอร์สแล้ว รอปลายเดือนนั่นแน่ะ จะจบได้สักที

ไล่ย่อๆ ฉันเดินทางเป็นบ้าเป็นบอ และยังไม่หยุดจนกว่าจะสิ้นเดือนนี้

ช่วงต้นเดือนกรกฏาคม ไปกาญจนบุรี ถัดจากนั้นอีกสองสัปดาห์ ต้องไปเชียงใหม่ กลับมายังไม่ทันหายเหนื่อยเลย ทริปเกาะล้านก็ดำเนินไป
( หวาดเสียวมากเพราะทะลึ่งไปวันที่พายุนกเตนถล่ม ไม่รู้รอดกลับมาได้ไงค่ะ ) ล่าสุด ฉันเพิ่งสะบักสะบอมจากทริป team building ที่พัทยา

สามวันที่หยุดนี้ คงได้หยุดก่อนที่จะไปต่อ โดยที่เว้นอีกสัปดาห์หนึ่ง ต้องพาพ่อไปหาหมอ ( ไม่ว่างเหมือนเดิม ) ซึ่งช่วงนั้นตรงกับ Money Expo โคราช พอดี น้องบอกว่า พี่จะไปไหม แต่ติดที่ว่าถ้าพ่อมา ฉันควรบริการพ่อมากกว่าจะไปงานนั้นซึ่งไม่จำเป็นต้องมีฉันก็ได้ ถัดจากนั้นอีกอาทิตย์เดียวก็ต้องบินลงไปสุราษฎร์อยู่แล้วเพราะมีกิจกรรมปั้นฝันปันโอกาสที่สุดท้าย จะไปจัดที่บ้านเราพอดี

ที่เชียงใหม่ ฉันใช้เวลาที่มีเพียงสองวันหนึ่งคืนไปกับงาน เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกกล้ำกลืนกับการไปที่นั่น ทั้งที่ฉันเคยรู้สึกว่ามันเป็นจุดหมายที่ฉันนึกถึงเสมอยามอยากพักหรือเว้นวรรคให้ชีวิตช้าลง หากก็ดีแล้วที่ฉันมีเรื่องให้ต้องทำ จึงมีเวลาที่จะเสียไปกับเรื่องบางเรื่องน้อยลงด้วย ตลกตัวเองอีกด้วยที่ต้องปลีกเวลาจากงาน ไปฉีดยาเข็มที่สองที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม แล้วก็นั่งรถแดงจากโรงพยาบาลกลับมาทำงานต่อที่มหาวิทยาลัย
ฟาร์อีสเทอร์น เสร็จจากงานเย็นนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพทันที

สองวันที่นั่นไม่เลวร้ายนัก เมื่อคิดไปถึงว่าการมาในครั้งนี้เพื่อสิ่งเดียวคือทำงานให้จบไป และจะไม่กลับมาอีก(หากไม่จำเป็น) แต่ฉันยังเสียดายบัตรที่พัก(ฟรี)ที่ได้มาและยังไม่ได้ใช้ กับบัตรรถเช่าที่เตรียมไว้ใช่อีกสามวัน เคยแพลนไว้ว่าจะไปใช้ที่นั่น ถึงตอนนี้ถ้าให้ไปก็คงคิดหนักๆ และคงทำทุกอย่างเองโดยไม่ต้องพึ่งแขนขาของใคร

งานคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้รู้ว่าฉันต้องทำอะไร และอย่าไปใส่ใจกับเรื่องร้ายๆ
มันก็๋เหมือนลมพัดผ่าน ผ่านมาเพื่อให้รู้ว่า แม้มีช่วงเวลาที่ไม่ปกติชีวิตก็ต้องดำเนินไปเช่นนี้

ฉันประคองตัวเองกลับมาและไปเกาะล้านในวันที่พายุถล่ม แต่ยังกล้าจะออกทะเล ในขณะที่คลื่นลมแรงแทบจะโยกเรือทั้งลำให้คนในเรือหวาดเสียวเล่น เมื่อเรือเข้าเทียบท่า ฉันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกอย่างไรอย่างนั้น ดีแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ดูฟ้าดูน้ำ นอนฟังเสียงคลื่นแรงๆซัดฝั่งแทนเสียงแตรรถในเมืองหลวงในบางเวลา แล้วก็ตลกตัวเองเมื่อหลับตานึกถึงแผนที่ประเทศไทย ช่วงเวลาเดือนเศษๆฉันตะลอนไปตะวันตก ขึ้นเหนือ วกกลับมาทางตะวันออกและกำลังจะล่องใต้ ไม่เคยมีปีไหนที่จะไปได้รอบทิศขนาดนี้เลยค่ะ

แม้จุดหมายแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกันเลย และการออกจากบ้านแต่ละครั้งเพื่ออะไรก็ตาม แต่เมื่อกลับมาได้และมานอนลงตรงที่เดิม มีแมวสามตัวรออยู่ที่บ้าน ฉันรู้ว่าตัวเองคิดถึงบ้านแค่ไหน ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน ไม่มีที่ไหนทำให้นอนหลับ ไม่มีที่ไหนที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเหมือนที่บ้าน

เมื่อหัวค่ำ แม่โทรมาถามด้วยความห่วงใยว่าอาการปวดหัวไมเกรนดีขึ้นแล้วหรือยัง ฉันหัวเราะและบอกว่าไม่หายหรอกแม่ เพราะโรคนี้คือโรคประจำตัว ฉันเดินเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเช่นเดียวกัน เผลอๆอาจจะพอกับการที่ฉันเดินทางเป็นบ้าเป็นบอในเวลานี้

นอกจากแมวกุ๊กจะถล่มมือฉันเยินจนต้องไปหาหมอฉีดยา ทำให้เจ็บตัวไปอย่างน้อยห้าครั้ง(เพราะฉีดห้าเข็ม) ระยะหลังไมเกรนก็มาเยี่ยมบ่อยๆ ฉันต้องพกยาคาร์ฟอร์กอทติดกระเป๋าเวลาไปไหน มีบางวันที่อาการแปลกๆ เช่นอยากจะอาเจียนและหมดแรงไปดื้อๆ อาการเหมือนเมื่อสี่เดือนก่อนที่จู่ๆวันหนึ่งก็ร่วง หมดแรงที่จะทำอะไร แค่ประคองตัวเองกลับบ้านได้่ก็บุญโขแล้ว

ฉันพบว่าตัวเองเดินเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ พอๆกับเดินทางและเก็บกระเป๋าบ่อยๆในช่วงนี้

มีเรื่องดีๆ ที่ต้องบอกค่ะ ว่านิยายขนาดสั้นเรื่อง ดอกไม้กับดอกไม้ ที่คุณมน. เจ้าของสำนักพิมพ์สะพานนำไปพิมพ์นั้น เปิดขายหนังสือล็อตใหม่แล้วค่ะ หากแวะมาอ่านตรงนี้แล้วสนใจก็ลองเข้าไปดูที่ //www.les-books.com
มีหนังสือหญิงรักหญิงหลายเล่มที่ตีพืมพ์ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ และดวงดาวดอกไม้ที่กำลังพยายามอย่างแรงที่จะเขียนให้จบก็จะรีบพิมพ์ส่งเธอ รอกันมาแล้วก็รออีกสักนิดแล้วกันค่ะ

และบีแว ก็ทำกุศลโดยการพิมพ์หนังสือธรรมะแจก ไม่มากไม่มาย เป็นหนังสือสวดมนต์ รับมาแล้วก็ยังไม่ได้แจกจ่ายใครเลย อยากแจกด้วยค่ะ
อยากแจกแต่ไม่รู้มีใครอยากได้ไหม ถ้าไม่ลืมกันมาทักกันอยากได้ก็จะให้ค่ะ ( หลังไมค์โลดค่ะ )

นี่ก็เพิ่งทำกุศล อุปถัมภ์นิตยสารชีวจิตให้รพ.ดอยสะเก็ดต่อไปอีกปีหนึ่งค่ะ



มุมถ่ายรูปที่ร้านขายของบนเกาะล้าน ห้าสาวสะบักสะบอมกลับมา เกือบเอาชีวิตไม่รอดกลางทะเลลึก

ไปเชียงใหม่ ทำกิจกรรมปั้นฝันที่มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น ถ่ายรูปกับน้อง สวยทุกคน(ฮา)



ทะเล ... ลึกและยากเกินหยั่งถึง พอๆกับใจคน
ทะเลที่เกาะล้านสวยนะคะ ฉันยืนอยู่บนหาดตาแหวน บอกตัวเองว่าจะกลับมาอีก



ชีวิตยังไม่จบแค่นี้...



ต้องไปต่อ...



บนดอยสูงที่ตั้งของพระธาตุศักดิ์สิทธิ์... กลับมาไหว้อีกครั้งด้วยใจที่ล้าแรง
พระธาตุงามล้ำในวันที่ฝนโปรย

ต่อให้มีอะไรมาทำให้ศรัทธาในชีวิตคลอนแคลน หากฉันยังเชื่อมั่นในการทำความดี...

>

ชีวิตก็อย่างนี้... ต้องมีจังหวะขึ้น ลง สุข ทุกข์
แต่ยังหวังเสมอให้มีดอกไม้บาน



นี่ก็ความเป็นจริง เจ็บจริง แต่ความรักที่มีอาจมากพอเกินกว่าจะโกรธเคือง
วันที่แมวกุ๊กถล่มมือจนเยินเพราะกัดโดนเส้นเลือดดำ แรงพอที่จะทำให้เลือดสาดอย่างน่ากลัว ฉันไม่เคยถูกแมว(หรือน้องหมา)กัดแรงขนาดนี้เลย
วันที่โดนถล่มและไปฉีดยา ต้องฉีดบาดทะยักด้วย ฉีดพิษสุนัขบ้าด้วย ยกแขนแทบไม่ขึ้นแน่ะ แต่วันเวลาก็ผ่านไปจนบาดแผลหายสนิทแล้ว
แต่บาดแผลบางอย่าง เราสมานมันให้สนิทยากมาก



เกาะล้านก็มีกังหันนะคะ อยู่ริมทะเล .. มันสวยในความคิดของฉันค่ะ



ตอนที่ยืนอยู่บนจุดชมวิวเกาะล้าน มองเห็นฝั่งพัทยาอยู่ไม่ไกลนัก แต่มันก็สุดเอื้อม สุดสายตาเช่นเดียวกัน ฉันนึกถึงเพลง ดาวบนฟ้า ปลาในน้ำ เธอในฝัน เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจมันลึกซึ้ง แต่เวลานี้ ฉันเข้าใจมันได้กระจ่างจริงๆ




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2554    
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 23:16:34 น.
Counter : 1070 Pageviews.  

ตราบฝนไม่หมาดฟ้า และความรักยังท่่วมใจ....

บ้านบางพลีเวลานี้ครึ่มฟ้าครึ้มฝน

รถคันเก่งที่จอดอยู่ใต้หลังตายังเลอะเทอะคราบโคลนจากทริปเมืองกาญจน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะฉันยังอยู่ในโหมดขี้เกียจ ก็เลอะเป็นเพื่อนกันไปก่อนเถิดนะจ๊ะ แดงน้อย

ฉันไม่มีปลายทางที่ไหนในสามสี่วันนี้ เพราะอีกสิบวัน ฉันต้องไปทำงาน
ต่างจังหวัดอีกทรืปหนึ่ง จากนั้นเราจะเจอกันที่ทะเลกับเดอะแก๊งค์ ห้าสาวที่น่าจะทำให้โลกใบน้อยหลังกระป๋องเบียร์ ชิลขึ้นกว่าทริปที่แล้วอีกนิด เราจะไปทะเลแถวตะวันออก และไปตามประสาสาวโสด

รอบบ้านเงียบกว่าปกติ บ้านหลายหลังปิดสนิทและเหลือรถเพียงคันเดียว บางบ้านไม่มีรถจอดอยู่เลย วันหยุดยาว ทุกคนมักจะพากันออกไปเที่ยว
เมื่อทำตัวสวนทางกับชาวบ้าน จึงได้ความเงียบที่มากกว่าปกติเปฺ็นของแถม

กลับไปเมืองกาญจน์กันเถอะค่ะ

คืนนั้น ชาวคณะมีเกมมาเล่นพร้อมวอดก้า ฉันครองตัวอยู่แนวหลังกับลีโอสองกระป๋อง ดูน้องๆพี่ๆเขาเล่นเกมกัน เกมทาวเวอร์พร้อมคำสั่งให้เมา จะกี่ช็อตๆก็แล้วแต่ ทุกช็อตตามด้วยมะนาวจิ้มเกลือ

เสียงหัวเราะดังลั่น เสียงเฮดังขึ้นรอบวง ชาวคณะดูสำราญแบบไม่มีใครยอมแพ้ วอดก้าขวดนั้นหอมหวาน รสอร่อย บางทีอาจเพราะบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ทำให้ความสุขอบอวลไปทั่วผืนน้ำที่รายล้อม เสียงน้ำไหลเรื่อยไร้คลื่นลม

เจ้าของแพใจดีมาก มาดูแลช่วยเหลือให้บริการตลอดเวลา

เรือนแพที่เรานอนแบ่งซอยเป็นห้องพักประมาณหกถึงเจ็ดห้อง พวกผู้ชายนอนอัดกัน ผู้หญิงแบ่งกันไปตามฐานันดร (หรือตามวัยน่ะค่ะ ...ฮา)

ตำแหน่งหน้าที่ไม่ใช้สิ่งที่เรานำติดตัวมา ไม่มีใครเป็นหัวหน้าใคร ลูกน้องใคร จะเมาจะฮากันไม่มีใครถือสา เพราะเรารู้ว่ามันหนักและเหนื่อยเพียงไรกับหัวโขนที่กรุงเทพฯ

ฉันลืมเล่าไปว่า ก่อนจะมาถึงไทรโยค เรายกขบวนไปนวดและแช่น้ำแร่ที่วัดวังขนาย ที่อำเภอท่าม่วง ก่อนจะเข้าเมืองกาญจน์และไปทานอาหารกลางวันที่คีรีธารา วัดวังขนายคงเป็นวัดดัง และมีชื่อเสียงเรื่องการแช่น้ำแร่ น้องเล่าว่า มักจะมีทัวร์มาลงอยู่เนืองๆ

คืนนั่้นที่แพ ใครบางคนบอกว่าอยากกลับไปนวดอีก เพราะหมอนวดเขานวดดีเหลือเกิน แล้วราคายังเป็นมิตรกับกระเป๋าด้วย

คนชอบนวด ที่ไปที่ไหนต้องนวดอย่างฉัน ไม่มีข้อโต้แย้งเลย แต่นาทีนี้ต้องนวดตัวเองไปก่อน เพราะล้าเต็มทีแล้ว

คืนนั้น ฉันทานยาคาร์ฟอร์กอท ยารักษาไมเกรนไปหนึ่งเม็ดก่อนนอน โชคดีว่ามีคนเป็นเหมือนกันและเอามาด้วย แต่แม้จะกินยาและนอนอ่านหนังสือที่นำติดตัวมาด้วย ก็ยังไม่ได้หลับในทันที เพราะยังนอนคุยกับน้องถึงสถานที่เที่ยวที่เคยไปมา

ฉันหลับตา นึกถึงที่ที่ฉันเคยผ่านไปและหลงรัก...

การที่ฉันไปที่ไหนซ้ำๆ แปลว่าฉันหลงรักสถานที่แห่งนั้นใช่หรือไม่
ที่ที่อาจจะมีความทรงจำดีๆ รอคอยให้หวนกลับไปซึมซับมันอีก
ด้วยความคิดถึง



คุณเห็นท้องฟ้าและผืนน้ำนั่นไหม มันสวยจับจิตขณะฉันมองมันผ่านเลนส์
ต่อให้ฉันไม่ใช่โปรกล้อง แต่ทว่าภาพทีมองผ่านเลนส์และจับมันไว้ก็สวยแบบนี้ เพราะสถานที่ที่เรายืน และภาพตรงหน้าของเรามันสวยในความรู้สึกของเรา



ฉันชอบท้องฟ้า และผืนน้ำกว้างไกลสุดสายตา ทว่าหากให้ลงไปสัมผัส ฉันอาจเป็นเหมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน บางครั้งการได้มองเห็นไกลๆ อาจดีกว่า...

เช้านั้น ฉันตื่นเช้า ชาวคณะที่ทยอยตื่นพากันออกมานั่งเล่นหน้าแพพัก สายน้ำที่เราสัมผัสเมื่อวานนี้ไหลแรงกว่าเดิม เสียงซัดซ่าของมันราวกับดนตรีในจังหวะเร่งเร้า ทว่า ไม่รุ่มร้อนสักนิด

คงเพราะมันเป็นสายน้ำ ต่อให้ไหลแรงอย่างไรก็ยังชุ่มเย็น

พี่เจ้าของแพทำข้าวต้มบริการเรา กาแฟ ชา และโอวัลตินครบตามจำนวนคน น้องบอกว่าราคาห้องพักบวกอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้าต่อหัวอยู่ที่ 860 บาท อาหารที่พี่เจ้าของแพทำเตรียมไว้ให้เราไม่ได้วิลิศมาหราอะไรเลย แต่พอกินในบรรยากาศเช่นนั้นแล้ว กับข้าวที่เตรียมไว้ให้ก็ไม่มีเหลือ แม้แต่ไข่เจียวยังอร่อยขั้นเทพ



เราโบกมือลาแพอิงธารในเวลาสาย ท่ามกลางฝนพรำ..

ท้องฟ้ายังไม่หมาดฝน ขณะล้อรถบดเบียดไปตามพื้นถนนและแรงเหยียบจากคันเร่งที่แทบไม่มีใครอยากเร่ง เมื่ออยู้่ในบรรยากาศที่ทุกคนต่างเผยโลกส่วนตัวของตัวเองออกมา

ในรถมีทั้งเรื่องรัก เรื่องเล่า เรื่องหวานและเรื่องขม

จากไทรโยคเรามุ่งหน้ากลับเข้าเมืองกาญจน์อีกครั้ง
ชาวคณะหยุดซื้อเมล่อนที่เจียไต๋ ความหวานอร่อยของเมล่อนชิ้นเล็กที่ได้ชิมทำให้ฉันแบกเมล่อนกลับบ้านตั้งสองลูก เป็นเมล่อนขั้นเทพ เพราะสองลูกราคาสามร้อยกว่าบาท แพงจับจิต แต่ก็อยู่ในราคาที่ซื้อได้ ใช่.. ถ้าเรากระเป๋าแบน เราคงหมดโอกาสได้ครอบครอง หลายอย่างในโลกนี้เป็นเช่นนี้ ไม่มีเงิน = ซื้อไม่ได้

น้องคนหนึ่งเป็นขาเที่ยว แกบอกกับฉันว่า มีองค์ประกอบสามอย่างนะพี่
หนึ่ง.. คน สอง.. เวลา สาม.. เงิน ฉันพยักหน้าเออออ แล้วก็บอกว่า 'จริงของแก'

แค่นี้แหละ เที่ยวเมืองไทยได้ไปและได้รู้แน่ๆ

กลางวันนั้น เราแวะทานข้าวที่ครัวชุกโดน ร้านอาหารชื่อแปลกแต่มีคนแนะนำว่าอร่อยนัก ฉันยืนยันได้อีกเสียง เพราะฉันเคยมาทานที่ร้านนี้เมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนนั้น ยังเป็นร้านเล็กๆอยู่ริมน้ำ แต่ในวันนี้แพเล็กถูกขยายให้มีพื้นที่ใหญ่โต รองรับทัวร์ได้สามสี่คันรถ

ฉันเอาทอดมันปลาหมึกมาฝากคุณ



เอาปลารากกล้วยทอดไปด้วยอีกจาน



ชาวคณะพุงกาง แต่เรายังต้องไปต่อค่ะ ปลายทางของเราอยู่ที่ร้านขายของฝาก คุณต้องแวะซื้อเค้กฝอยทองที่ร้านศรีฟ้ากาญจน์และแวะโรงงานวุ้นเส้นท่าเรือด้วย

ไม่อย่างนั้นแปลว่ายังมาไม่ถึงเมืองกาญจน์

ทริปเล็กที่โลกส่วนตัวมีเพียงน้อยนิด แต่โลกส่วนรวมได้ใจไปเต็มๆ
กด like ให้เลย



แอบเอารูปนี้มาแปะโดยที่น้องไม่รู้ ไม่ได้ทำหน้าเบลอๆ เพราะขี้เกียจ
ทำอะไรกับมันแล้ว เอาเป็นว่าสวย เลยยินดีอยากจะแปะ

ขณะเขียนและย้อนกลับไปดูรูปก็มีความสุข

จริงอย่างที่ฉันเชื่อ ไม่ว่าออกเดินทางเมื่อไหร่ บางทีปลายทางอาจไม่สำคัญเท่ากับเรารู้สึกอย่างไรเลยค่ะ..

จริงๆ นะ




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2554 19:26:03 น.
Counter : 817 Pageviews.  

กลางฤดูฝน... บนเส้นทางสายไทรโยค กาญจนบุรี

กลางฤดูฝน...

เมื่อชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป จึงยังต้องเดินทาง
แต่จุดหมายและเพื่อนร่วมทางคราวนี้ ไม่ใช่ปลายทางที่คุ้นเคย และมี
เพื่อนร่วมทางอีกตั้งโหล

ฉันไม่ได้ชอบไปเที่ยวกับกรุ๊ปใหญ่ ด้วยนิสัยของตัวเองที่ชอบ 'ความช้า'
และชอบไปแบบพกโลกส่วนตัวไปด้วย การไปเที่ยวกับกรุ๊ปใหญ่ทำให้
ตามใจตัวเองไม่ได้ นับเป็นการฝึกสติแบบหนึ่ง

รถคันเดิม แดงน้อย พาฉันและชาวคณะอีกบางส่วนแล่นไปตามถนน
ข้ามสะพานซังฮี้เข้าสู่เส้่นทางไปนครปฐม จุดหมายปลายทางของเรา
อยู่ที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีเห็นจะได้ สำหรับการพบเจอกันของฉันและ
เมืองกาญจน์ มันคงไม่ช้าเกินไป สำหรับการได้กลับไปบนเส้นทางแห่งความหลัง ซึ่งช่วงขณะหนึ่งของชีวิต ฉันเคยเทียวไปมาจากบางกะปิ ถึงอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีมาหลายต่อหลายรอบ

เมืองกาญจน์กลางฤดูฝน และวาระของการไปพร้อมใจกันปลดปล่อย 'ความเครียด' ที่สะสมมายาวนานครึ่งปี ชาวคณะสิบกว่าคนลงความเห็นว่าไม่มีที่ไหนเหมาะสมเท่าที่นี่

ไทรโยค...

ฉันไม่แปลกใจถ้าใครบางคนจะฮัมเพลงชื้อเดียวกันนี้ขึ้นมา เพราะไทรโยคนั้นเป็นที่รู้จัก และเมื่อได้พบกัน ฉันก็รู้ว่า ป่า เขา สายน้ำ พร้อมใจกันร่ายมนต์เรียกเราแท้ๆ

กลางฤดูฝนเช่นนี้ จะมีอะไรเหมาะเท่าการล่องแพ และนอนฟังเสียงน้ำไหลท่ามกลางความมืดมิดในคืนที่ดาวเต็มฟ้าอีกเล่า

ทริปนี้ไม่มีอาร์ตตัวพ่อ แต่มีอาร์ตตัวแม่ ที่แอบซ่อนโลกใบน้อยของตัวเองไว้หลังกระป๋องเบียร์



แม้มีโลกใบน้อย แต่ฉันก็หัวเราะกับผู้ร่วมทริปนับครั้งไม่ถ้วน เพราะน้ำนั้นกลมกลืนและอยู่ได้ในภาชนะทุกแบบแม้จะมีพื้นที่อันน้อยนิด

ถูกแล้ว เราควรเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้วเสมอ เพื่อให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้และเติมเต็ม

ร้านอาหารที่เราแวะทานชื่อคีรี ธารา ตกแต่งสไตล์บาหลีน่านั่งเป็นที่สุด เป็นร้านที่ดูดีทุกอย่างรวมไปถึงอาหารและเค้กอร่อยๆ ฉันเล็งแล้วว่าจะต้องสอยเค้กส้มมาชิมให้ได้



ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเค้กไปกินบนแพ แต่ก็แพ้ความสวยของครีมและเนื้อส้มที่อยู่บนหน้าเค้ก เนื้อเค้กยังเนียนนุ่มแทบละลายในปาก

ไร้ความเลี่ยนใดๆโดยสิ้นเชิง

จากเมืองกาญจน์ ต้องขับต่อไปไทรโยคโดยใช้ระยะทางอีกประมาณ 80 กิโลเมตร ถนนเริ่มชันขึ้นเมื่อผ่านเลยจากเมืองมาชั่วครู่ ฟ้าเริ่มหม่นให้เราเห็น อาจถึงเวลาต้องเปียกจริงๆ

อุทยานแห่งชาติไทรโยคร่มครึ้่ม แนวต้นไม้ใหญ่เรียงตัวอยู่ริมถนน ขับรถเข้าไปอีกไม่ไกลก็ถึงทางลงไปแพ รถสามคันจอดเรียงกัน ความเมื่อยล้าพลันหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ออกมายืดเส้นยืดสายรับอากาศบริสุทธิ์
กลางป่า

มีรถตามเรามาอีกหลายคัน มาล่องแพต้องมากันเป็นกลุ่มแบบนี้จึงจะสนุก อาจใช่แล้ว มันไม่เหมาะกับเวลาสวีท หากเหมาะกับการมาเฮละโล โดดน้ำ และดื่มเบียร์ ( รวมถึงโซ้ยส้มตำ น้ำตกและข้าวเหนียว )

แม่น้ำที่เราล่องไม่ได้ไหลแรงหรือเชี่ยวมาก แต่แพใหญ่ก็ประคองเราไปตามทาง ผ่านเนวแพริมฝั่งระหว่างทางเป็นระยะๆ ใช้เวลาเกือบชั่วโมจึงกลับขึ้นฝั่ง

ได้เวลาไปโดดน้ำที่แพพัก





และได้เวลาของโลกใบน้อยหลังกระป๋องเบียร์
โปรดทราบว่าไม่มีเจตนาให้ใครลอกเลียนแบบ(ฮา) และไม่ใช่ยี่ห้อที่โปรดปราน แต่ดื่มตามชาวบ้านค่ะ




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2554 13:26:27 น.
Counter : 757 Pageviews.  

ทุกอย่างล้วนมีเหตุและผลเสมอ...

เมื่อวาน น้องชวนไปซื้อของเยี่ยมให้เพื่อนร่วมงานอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งคลอดน้องไปก่อนหน้านี้ แต่ฉันไม่ได้ไปเยี่ยม

เดินเลือกซื้อของในแผนกเสื้อผ้าและของใช้สำหรับเด็ก ทั้งที่สองสาวต่างก็ไม่มีโอกาสจะเป็นแม่คนทั้งคู่เลย

น้องเขามีถุงน้ำในมดลูก แต่งงานมาหลายปีก็ยังไม่มีสักที เคยทำนานาวิธีจนท้อ แล้วก็มีภาวะโรคที่ว่านี้ เลยหมดสิทธิ์จะท้อง ส่วนฉันน่ะ ไม่มีอะไรมาขวางเลย ไม่เคยต้องหาวิธีจะมีลูก ทั้งที่อยากมีแต่มีไม่ได้เพราะเลือกจะใช้ชีวิตแบบนี้

น้องบอกว่าฉันหมดสิทธิ์แล้ว เพราะไม่มีคนที่จะทำให้ท้องได้ (ฮา)

ก็ต้องยอมรับนะคะ ว่าแม้จะเลือกใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่เคยคิดหรือหวังจะเห็นตัวเองในชุดแต่งงาน แต่วันหนึ่งก็คิดอยากจะมีลูก

ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกว่ารักเด็กจนเห็นลูกใครก็ต้องวิ่งปรี่ไปกอดไปหอม แต่เพราะรู้สึกว่าถ้าเป็นลูกของเรา เราคงจะรัก ต่อให้จะร้องไห้เก่ง หรืองอแงแค่ไหน เราก็คงจะรักเพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา

ในวัยยี่สิบปลายๆ พ่อกับแม่ไม่เห็นว่าฉันจะจูงมือชายหนุ่มที่ไหนไปให้รู้จักสักคน จึงเริ่มเปรยๆถึงความลำบากหากว่าไม่ได้แต่งงานมีลูก ตัวเองนั้นไม่ได้คิดอะไรเพราะสนุกกับการใช้ชีวิตไปเรื่อย เรื่องแต่งงานมีลูกไม่เคยมีอยู่ในความคิด

และยิ่งไม่มีเพราะฉันมีคนรักเป็นผู้หญิง

เวลาผ่านล่วงเลยมาจนวันหนึ่งที่รู้สึกว่า อยากท้อง(ฮา) คิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วหรือเปล่าที่จะท้องโดยไม่มีสามี ความคิดแบบนี้ถูกแม่ค้านสุดลิ่ม แม่มองเป็นเรื่องขำและบอกว่า ไม่ต้องทำอะไรอย่างนี้แล้ว แม่รู้ดีว่าต่อให้มีลูกก็เลี้ยงได้แต่ตัว ไม่ใช่ว่าจะหวังพึ่งลูกให้มาเลี้ยงดูยามชรา แต่แม่กับพ่อก็รู้
ว่าฉันเป็นลูกที่ 'ช่างคิดมาก' ที่สุด สำหรับฉันแล้วครอบครัวมาก่อนเสมอ
ต่อให้พ่อแม่ไม่คาดหวัง แต่ฉันทำตัวเป็นลูกที่ดีของเขา ดูแลทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในขณะที่พ่อกับแม่มาอยู่ด้วย

ฉันเคยคิดนะคะ ว่าแล้วถ้ามีลูกขึ้นมาจริงๆ ลูกฉันจะหน้าตาเป็นอย่างไร
ฉันชอบเด็กผู้หญิง แกจะต้องตาโต จมูกโด่ง ปากเรียวเล็ก ผิวพรรณหมดจด น่ารักเหมือนเด็กน้อยในภาพวาด

คงเป็นความรู้สึกที่อิ่มเอมนัก หากว่าเดินอยู่ในโซนของใช้เด็กแล้วได้ซื้อของให้ลูกตัวเองด้วย

ที่ทำงานมีแม่ลูกอ่อนเยอะไป เพราะอยู่ในวัยเจริญพันธ์ทั้งนั้นเลย(ฮา) บางครั้งแม่ๆเหล่านี้พากันไปช็อปปิ้ง โดยเฉพาะวันเงินเดือนออก ก็จะเห็นเธอ เธอ เธอ หิ้วข้าวของสารพัดกลับมา หากเมื่อเห็นและถามก็จะบอกว่าซื้อให้ลูก ไม่ได้นึกถึงใคร นึกถึงลูกก่อน

ข้าวของสำหรับเด็กล้วนแล้วแต่น่ารักนะคะ ชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย ลายการ์ตูนคิตตี้บ้าง อะไรบ้าง เมื่อวานต้องซื้อของให้เด็กผู้ชาย ฉันกับน้องคิดเหมือนกันว่าจะให้ผ้าห่ม ดูจะใช้ได้นานกว่าเสื้อผ้าซึ่งราคาก็แพงพอๆกัน ดูอยู่พักหนึ่งก็ลงตัว เราได้ชุดผ้าห่มและหมอนลายช้างน้อย น่ารักน่าเอ็นดู

เดินออกจากห้างฯ น้องเปรยๆว่าปลงแล้ว ไม่คิดอยากจะเจ็บตัวและเสียเงินเพื่อมีลูกอีก ไม่มีลูกก็อยู่กันสองคนตายายกับสามีก็ได้ ฉันได้แต่อือออ
เพราะคิดว่า คงไม่ต่างอะไรกับตัวเองนัก อยากมีอย่างไรก็คงมีไม่ได้ เพราะเลือกแล้วที่จะเป็นแบบนี้

บอกตัวเองอีกครั้งว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะครอบครัวอาจไม่ได้หมายถึงพ่อแม่ลูก แต่อาจหมายถึงฉัน-เธอ ที่จะรักและดูแลกันตลอดไป

น้องย้ำอีกครั้งว่าเขารู้สึก ว่าชีวิตฉันน่ะดีแล้ว ใช่ ดีแล้ว ที่ไม่ต้องเหนื่อยหรือดิ้นรนและเจ็บตัว เมื่อน้องเล่าถึงความลำบากที่ต้องไปทำกระบวนการนั่นนี่ เพื่อให้ได้มีลูกสมใจ แต่เจ็บตัวไปก็ไม่สมหวังอยู่ดี

ฉันไม่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของน้องว่าในความรู้สึกปลงกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นสักที ยังมีความหวังและการรอคอยหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่

แต่ถึงกระนั้นการเกิดมามีชีวิตเพื่อทำประโยชน์ให้กับคนอื่นๆก็เป็นความสวยงามของการมีชีวิตอยู่-แล้ว และไม่ใช่เรื่องน่าโศกเศร้า

ยินดีเถิดไม่ว่าเราจะได้อะไรมา หรือเสียอะไรไป.... ทุกอย่างล้วนมึเหตุและผล

เสมอ...




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2554 11:40:34 น.
Counter : 690 Pageviews.  

ไปกับฉันไหม ... เก็บกระเป๋าแล้วตามมานะ

กรกฏาคม.. คงเป็นเดือนที่ฉันทำลายสถิติส่วนตัวในเรื่องของการเดินทาง เดือนนี้เดือนเดียวสี่ทริป ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องงานและคนในที่ทำงานทั้งนั้นเลย ไปติดๆกันตลอด ไม่มีเว้น เริ่มแล้วตั้งแต่สัปดาห์นี้

แต่การไปเพราะงาน ไม่ได้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายว่าได้ไปเที่ยว เป็นความรู้สึกคนละแบบกับการไปเที่ยวจริงๆ ซึ่ง relax กว่ามาก

เคยแล้วเมื่อเดือนก่อน บินไปขอนแก่นวันจันทร์สายๆ เวลาค่อนวันหมดไป
กับงาน กลางคืน VP นายฉันไม่ยอมพักผ่อน แถมชวนนั่งดื่มเป็นเพื่อน

ลานเบียร์หน้าโรงแรมโฆษะคืนนั้น ฉันดื่มคนเดียวไปสี่แก้วใหญ่ ขณะที่
ชายหนุ่มอีกสองที่นั่งดื่มอยู่ด้วยกันดื่มเก่งเป็นบ้าจนผู้หญิงอย่างเราสู้่ไม่ได้ต้องยอมถอย เพราะเขาเล่นสั่งแบบไม่ให้ขาดตอน รวมๆแล้ว 6 เหยือก

นี่ถ้ามาช่วงหน้าหนาว เบียร์ขนาดนี้คงทำให้อุณหภูมิในใจอุ่นขึ้นได้มาก

คืนนั้นฉันกลายเป็นเมรีขี้เมา แต่ไม่เมานะคะ ลากสังขารขึ้นเตียงตอน
ตีหนึ่งและหลับด้วยฤทธิ์เบียร์สี่แก้ว ( ซึ่งฉันคิดว่าดีแล้ว เพราะเมาหลับไปเลยจะได้ไม่ต้องเจอผีไงคะ.. ฮา ...) นอนไปได้สามชั่วโมง ตีสี่กว่าๆน้องตื่นกันหมดแล้วทั้งสองคน

วันนั้นทั้งวันอยู่หน้างานจนกระทั่งทุ่มกว่าจึงได้ขึ้นเครื่องกลับสุวรรณภูมิ กลับบ้านหลับเป็นตาย เหนื่อยมาก เหนือ่ยเหมือนไปทำสงครามอะไรมา

สรุป ไปต่างจังหวัดสองวัน ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยค่ะ แม้ว่าจะเหมือน
สบายที่ไม่ต้องนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แต่การออกไปทำงานข้างนอกน่ะ
ไม่สนุกเลยแม้แต่น้อย ร้อนก็ร้อน แต่มันดีตรงที่ได้เปลี่ยนความซ้ำซาก
จำเจประจำวัน ไปทำอะไรใหม่ๆในที่ใหม่ๆบ้าง

ปกติแล้วเวลาไปไหนฉันจะชอบถ่ายรูปมาก และมีกล้องที่ติดตัวไปด้วย
เพื่อเก็บภาพ ฉันถ่ายทุกอย่างแม้แต่หลักกิโล และสี่แยกไฟแดง !

แต่ตอนไปขอนแก่น ฉันไม่ได้ถ่ายอะไรเลย แม้แต่ที่คิดว่า
อยากจะไปตลาดเย็น หรือตลาดโต้รุ่ง ไปเดินเล่นดูบ้านเมืองเขาบ้าง
กลับกลายเป็นอยู่แค่สนามบิน โรงแรม มหาวิทยาลัย(ที่จัดงาน) และโรงแรม แล้วก๋็สนามบิน

รูปที่ถ่ายมาจากขอนแก่นมีใบเดียวคือรูปถ่ายไดโนเสาร์ตัวขนาดไม่ใหญ่นักที่เขาจำลองมาไว้ที่สนามบินนั่นเอง ตลกตัวเองเป็นบ้าเลยค่ะ

จากขอนแก่น ฉันต้องไปตะวันตก ขึ้นเหนือ ไปตะวันออก และล่องใต้
ฉันไปฝากรอยเท้าไว้ที่นั่นที่นี่ เก็บความทรงจำจากสถานที่เหล่านั้น
และเดินทางกลับมาสู่บ้านบางพลีครั้งแล้วครั้งเล่า การเดินทางทุกครั้งเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นและพลัง แน่นอนว่าคนที่รู้จักฉันดี จะรู้ว่าการออกไปเที่ยว ( หรือเดินทาง )แต่ละครั้ง คือความสุขของฉัน ความสุขที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าการได้ทิ้งตัวเอนกายใต้เงาไม้ ณ บ้านบางพลีหลังนี้

บางครั้ง บางสถานที่ ฝังความทรงจำดีๆไว้ให้เรา
ขณะบางครั้ง บางสถานที่ กลับฝังความทรงจำอันเลวร้ายไว้ให้เรา ยากที่สุดคือหากเราต้องกลับไปอีก เราจะใช้ใจแบบไหนเพื่อจดจำ ทั้งที่ไม่อยากจดจำเลย

ฉันรู้ว่าเรามี moment แบบนี้ในชีวิตกันทุกคน

บางทีเมื่อนั่งรำลึก อาจได้เขียนถึง สถานที่ในดวงใจ.. ที่มีอีกมากมาย
ให้จดจำจากช่วงชีวิตที่ผ่านมา รอไว้เมื่อถึงคราวลิ้นชักความทรงจำเปิดออก
ฉันจะเล่าให้คุณฟัง บางสถานที่เป็นที่ที่ความสุขอุ่นอวล มีอดีตอันสวย
งามจนอยากให้มันสถานที่ซึ่งไร้กาลเวลา เพื่อให้มันคงอยู่อย่างนั้นเรื่อยไป

ไปกับฉันไหม ... เก็บกระเป๋าแล้วตามมานะคะ




 

Create Date : 08 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2554 22:50:06 น.
Counter : 552 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.