|
6 ปีแล้วที่เรามีกัน....
บล็อกนี้ครบ 6 ปีแล้วค่ะ ไม่น่าเชื่อเลย
เป็น 6 ปีที่เขียนอะไรต่ออะไรไว้มากมาย มีผู้คนแวะเวียน เข้ามาทักทายนับจากแรกๆจนถึงวันนี้ เฉียด 2 แสนครั้ง ไม่น่าเชื่อเลยอีกเช่นกัน ว่าพื้นที่เล็กๆแห่งนี้จะมีอายุยืนยาว อยู่กับฉันได้นานขนาดนี้
ถ้าเป็นคน มิตรภาพระหว่างฉันกับคนๆนี้ก็เปรียบดังเพื่อนแท้ล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตอย่างไร เราก็จะมีกันและกันเสมอ เจออะไรมา เหนื่อยกับชีวิตแค่ไหน เศร้าใจอย่างไร ดีใจขนาดไหน ที่ตรงนี้จะอยู่คอยรับรู้ ให้นั่งพัก ให้ทอดอาลัย ให้อิ่มใจ ให้สุขใจ แม้แต่จะร้องไห้อยู่หน้าจอพร้อมๆกับเขียนอะไรลงไปในนี้ ล้วนแล้วแต่ทำได้ทั้งสิ้น
ถ้าเป็นสมุดบันทึก มันคงทั้งหนาทั้งหนัก เพราะมันได้เก็บสะสม ทุกสิ่งทุกอย่าง(แทบทั้งหมดในความรู้สึก)ของฉันเอาไว้อย่างมากมาย และคงจะเหนื่อย กับการรับฟังทุกอย่างทั้วปวงของฉันตลอดระยะ เวลาที่เรามีกัน
เป็นหกปี ที่แม้คนที่ผ่านทุกข์สุขอย่างไร มันก็ยังอยู่ เสมือนเราผ่าน ร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน
ดีใจจัง :-)
ถ้าไม่มีพื้นที่นี้ ถ้าไม่มีคนผ่านไปผ่านมาแวะให้กำลังใจ ที่ตรงนี้อาจมีค่าเพียงแค่กับฉันคนเดียว แต่นี่ไม่ใช่ ฉันจึงดีใจที่มีคน ผ่านมาเยี่ยม และหยุดพัก เพื่อจะเก็บอะไรดีๆไป และอาจมี กำลังใจทิ้งไว้ให้กัน
และให้กันมาตลอด
...
ช่วงหนึ่งฉันเคยคิดอยากปิดและทิ้งร้่างบล็อกนี้เพียงเพราะเสียศูนย์ จากเรื่องราวที่ช็อคใจ ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงมากและใหญ่มาก ฉันไม่อยากเขียนอะไรอีก และไม่รู้จะใช้หัวใจชนิดไหนตั้งรับกับเรื่องนี้
ช่วงเวลาที่หายไปและได้ใคร่ครวญ อย่างหนึ่งคือฉันไร้สติ ไม่มีแรง จะเขียนอะไรเลย ฉันเข้าไปอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียนไว้ เรื่องเก่าๆ วันเก่าๆ เวลาเก่าๆ แล้วก็พบว่า สิ่งที่เขียนเอาไว้มากมายในพื่นที่ตรงนี้ ล้วนแล้วแต่ทำให้รู้สึกดี แม้ในขณะนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่แย่เพียงใด
ฉันมีพื้นที่ตรงนี้หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณมาเสมอ ในยามที่ทุกข์ใจขนาดไหนไม่รู้จะระบายกับใคร ที่ตรงนี้อยู่คอยฉันมาตลอด
แล้วใยจะทิ้งกันในวันที่เหนื่อยหน่ายท้อแท้ หรือเจ็บสาหัสเพราะถูกทำร้าย
ในที่สุด ฉันจึงกลับมาเขียนหนังสืออีก และกลับมาที่นี่อีกครั้ง กลับมาปัดบ้าน ปัดฝุ่นในใจ ให้มันมีที่ว่างไว้รองรับหัวใจในวันที่อ่อนล้า แม้จะมีเพื่อนมานั่งด้วย หรือไม่มี แต่ที่ตรงนี้ก็ยังอบอุ่น
หกปีแล้วที่เรามีกัน และเราจะมีกัน ไปจนกว่าฉันจะไม่มีแรงเขียนหนังสือแล้วนั่นแหละ !
Create Date : 27 กันยายน 2554 | | |
Last Update : 27 กันยายน 2554 22:02:17 น. |
Counter : 567 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เด็ดดอกไม้จึงสะเทือนถึงดวงดาวจริงๆนะ
ดอกปีบหลังบ้านร่วงพรูทีเดียวช่วงนี้ เวลากวาดมันทิ้งให้นึกเสียดาย แต่เดี๋ยวมันก็ร่วงลงมาอีก ฉันชอบเวลาปีบร่วงแล้วเดินเก็บมันใส่อุ้งมือ แค่นั่งดูดอกกะจิดริด กลีบดอกบางและก้านอ่อนของมัน ก็เป็นความสุขแล้ว ด้วยเหตุนี่้ ฉันจึงเขียนให้ปารวีชอบดอกปีบ และเก็บมันมานั่งเชยชมอย่างที่ฉันชอบทำ
... ต้นปีบต้นนี้ไม่ได้อยู่ในอาณาบริเวณบ้านฉัน หากแต่เป็นความเต็มใจของฉันที่ยินดีให้มันหล่นปลิวเข้ามาและคอยเก็บดอกร่วงเหล่านี้ไว้ดูเล่น ดอกไม้ดอกเล็กที่อาจถูกเราเหยียบย้่ำ เมื่อมันร่วงลงบนพื้น แต่เพราะมันหล่นร่วง เราจึงมีโอกาสได้พิศดูมันใกล้ๆ และเผลอใจให้รักมันในที่สุด
ฉันชอบดอกไม้เล็กๆ แบบนี้แหละ กระดุมทอง พยับหมอก คุณนายตื่นสาย และอื่นๆ ขอให้เป็นดอกเล็กๆ จะเป็นพุ่ม จะคลุมดินหรืออยู่ในกระถางใบน้อย ขอให้เป็นดอกเล็กดอกน้อย ฉันจะนั่งดูได้บ่อยๆไม่รู้เบื่อ
ดอกไม้เหล่านี้ไม่ได้มีความหมายในเชิงไหนทั้งสิ้น นอกจาก ทำให้เพลินเวลานั่งอยู่ในสวนหรือที่ไหนก็ตามที่ได้นั่งมอง เพราะธรรมชาตินั้นเอื้อต่อการเยียวยาใจเราที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะหม่นหมองมาจากไหน แค่ได้นั่งมองใบไม้ใบหญ้า หรือเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ความสุขเล็กๆก็เกิดขึ้นได้
หากออกจากบ้าน ฉันมักจะมุ่งหน้าออกไปจังหวัดใกล้เคียง ไกลจากบ้านไปห้าสิบกิโลเศษๆ ขับรถไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เห็นน้ำทะเลแล้ว ถ้าใจอยากไปทะเล หรืออยากไปนั่งริมคลอง จากบ้านบางพลีไปนิดเดียวก็มีคลองสายเล็กๆให้ได้หย่อนใจ แต่ถ้าไม่ไปไหน อยู่บ้านก็มีดอกไม้ให้ชื่นชม
หน้าฝนแบบนี้นอกจากดอกไม้จะบานแล้ว หญ้าที่จวนเจียนจะสิ้นใจก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จากที่คิดว่าตัดใจเสียแล้ว ที่จะไม่ลงหญ้าใหม่ ฝนทำให้พื้นดินชุ่มน้ำ ต้นไม้เล็กๆก็เติบโต ไม้เว้นแม้แต่หญ้าที่เราเหยียบย่ำอยู่ทุกวันยังแทงตัวเบียดแทรกกันขึ้นมาบนพื้นดิน กลายเป็นผืนหญ้าสีเขียวสดอยู่รอบบ้าน
เราอยู่บ้านชื่นชมดอกไม้ใบหญ้า แต่มีคนบางส่วนไม่มีบ้านอยู่เพราะน้ำท่วมเสียหาย ดูจากภาพข่าวแล้วก็เศร้าใจ ลำบากกันไปหมดเพราะน้ำมาไม่ทันตั้งตัว
ที่จริง ธรรมชาติไม่ได้โหดร้าย มันมีฤดูกาล มันเป็นไปของมันอย่างนั้น แต่มันบิดเพี้ยนเพราะคนไปทำให้มันเพี้ยน ฝนไม่ตกตามฤดู ไม่มีต้นไม้ ใหญ่ให้อุ้มน้ำ น้ำมาจะเอาปัญญาที่ไหนไปห้ามได้
พอเกิดเรื่องที ก็ตื่นเต้นที
เด็ดดอกไม้จึงสะเทือนถึงดวงดาวจริงๆนะ ว่ามั๊ย...
Create Date : 25 กันยายน 2554 | | |
Last Update : 25 กันยายน 2554 18:58:01 น. |
Counter : 882 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ดวงดาวดอกไม้ .. การเดินทางและการรอคอย ในที่สุด...
แล้วเจ้าของสำนักพิมพ์ก็ส่งปกหนังสือมาให้ดูแล้วค่ะ เลยส่งข่าวถึงคนอ่านที่ผ่านมา ดวงดาวดอกไม้มีสองเล่มจบ และจะวางขายในงานหนังสือต้นเดือน ตุลาคมนี้ ที่บูธสนพ ไซเบอร์ฟิชมีเดีย และสำนักพิมพ์สะพาน
นอกจากดวงดาวดอกไม้ ไม่แน่ใจว่าจะยังมีดอกไม้กับดอกไม้ ( นวนิยายขนาดสั้นเรื่องแรก ) ไปขายด้วยหรือไม่ค่ะ อีกนิดเดียวแล้ว ต้นฉบับจะส่งครบ รอส่งพิมพ์ให้ทัน event นี้
จะได้เจอกันแล้วสินะ... ในที่สุด
นี่เล่มหนึ่งค่ะ
ส่วนเล่มสอง หวานเข้าไปอีก...
ขอบคุณคนอ่านที่รอคอย และขอบคุณสำนักพิมพ์ที่กล้าพิมพ์
ฉันเชื่อว่าครั้งที่นิยายเรื่องนี้ลงในเว็บเลสเลดี้ ได้ทำให้ใครๆหลายคน ซาบซึ้ง น้ำตาร่วง ยิ้ม หัวเราะ เขินอาย และหลงใหล เมื่อมันมาอยู่ บนหน้ากระดาษ ความประทับใจย่อมไม่ต่าง
แม้ผู้อ่้านนิยายแนวนี้จะเป็นกลุ่มเฉพาะ ไม่อาจหวังเรื่องยอดขาย แต่อย่างน้อยการได้มีหนังสือแบบที่เราอ่านกันได้และมีความสุขกับมัน ก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งแล้ว
ในฐานะคนเขียน ฉันดีใจมากที่ได้ทำให้คนอ่านในเว็บเลสเลดี้ มีความสุขกับนิยายเรื่องนี้ เมื่อสองวันก่อนมีคนอ่านที่น่ารัก ส่งข้อความมาใน FB ว่า เมื่อเว็บเลสเลดี้มีอันต้องปิดไป ทำให้คนอ่าน หลายคนลงแดงเพราะไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้
คนเขียนย่อมดีใจเป็นธรรมดา
เดี๋ยวเราจะได้เจอกันแล้วค่ะ และนี่คือกำลังใจที่ดีสำหรับคนเขียน ขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณบอกอ ( คุณมน ) ซึ่งบอกว่านิยายอะไรเนี่ย ยาวมาก ไม่ยาวจะเป็นสองเล่มจบได้หรือนี่
แรงบันดาลใจเมื่อสี่ห้าปีก่อน ทำให้เกิดดวงดาวดอกไม้ค่ะ และเพราะดวงดาวดอกไม้นี่แหละทำให้หลายคนได้ผ่านมารู้จักกัน ได้พูดคุยกัน คนอ่านทุกคนได้ให้ใจแก่ฉัน
ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวเราจะได้พบกันแล้ว ....
Create Date : 21 กันยายน 2554 | | |
Last Update : 21 กันยายน 2554 22:20:10 น. |
Counter : 942 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ยังต้องเจออีกเยอะ ... ต้องแข็งแรงนะ.. หัวใจ
ข่าวหนังสือค่ะ
คุณมนบอกว่ากำลังจัดหน้านิยายดวงดาวดอกไม้ค่ะ ส่วนตอนสุดท้าย คนเขียนก็กำลังจัดการอย่างใจเย็น เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมางานยุ่งมาก ข่าวหนังสือไป update ที่ //www.les-books.com นะคะ สำหรับ FB ของ คนเขียนก็จะ update ไว้เช่นกันค่ะ ท่านใดอยาก update ด้วย search หา parawee nasaree นะคะ
เนื่องจากเว็บ leslady ปิด คนอ่านที่ตามอ่านก็จะไม่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อ คงต้อง ไปรออ่านจากที่เป็นเล่มเลย ตอนล่าสุดจากในเว็บอยุ๋ที่ 54 แต่ตอนที่ 55-57 จะอยู่ในเล่มค่ะ เสียงจากคุณมนบอกว่าเรื่องนี้สนุกดีค่ะ บอกอเพิ่งได้อ่านตอนรวมเล่มนี่แหละ ที่จริงเบื้องหลังการเขียนนิยายเรื่องนี้ก็มีแรงบันดาลใจดีๆ และมีทั้งกำลังใจดีๆจากคนอ่านเยอะค่ะ คงได้เล่าในโอกาสหน้า
เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาดีกว่านะคะ
ไม่สบายเพราะภูมิแพ้ เป็นสัปดาห์แล้ว ตื่นมาตอนเช้ามีน้ำมูกทุกเช้า จามเป็นระยะๆ อาการไม่เหมือนหวัด รู้ว่ามันไม่ปกติค่ะ มีอยู่วันหนึ่งนั่งทำงานอยู่ดีๆน้ำมูกไหลลงคอตลอด ในที่สุดก็ต้องไปหาหมอจนได้ หมอให้ยาพ่นจมูก และยาแก้แพ้มาทานและยังสรุปไม่ได้ว่าแพ้อะไรแน่ ระหว่างขนสัตว์ หรือฝุ่น หรือแพ้อากาศ การจะรู้ว่าแพ้อะไรต้อง test แต่หมอบอกว่าอย่านอนกับเหมียว ให้แยกเหมียวออกมา เราติดแมวยิ่งกว่าอะไร แต่ก็ต้องตัดใจไม่ให้เขานอนด้วย
อาการดีขึ้นจากเดิมค่ะ แต่ไม่หายขาด สรุปว่ามีโรคมาอยู่ประจำตัวอีกโรคแล้ว นอกจาก ลำไส้แปรปรวน (IBS) และไมเกรน ซึ่งอาการเหล่านี้รักษาไม่หาย มันจะอยู่ของมันและมาเป็นระยะๆ เราทำได้ในแง่การดูแลตัวเอง รวมถึงดูแลอาหารการกินด้วยค่ะ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกเหมือนกันที่เจอเรื่องไม่ดีจากลูกน้อง มันบั่นทอนจิตใจมาก ทำให้ไม่ happy กับการทำงานเลย แต่คนที่บั่นทอนเราเป็นคนนิสัยไม่ดีอย่างรุนแรง มองโลกในแง่ร้ายถึงร้ายมาก และเป็นคนที้ทำให้เราเหนื่อยที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นแรงมากจนทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จากที่คิดว่าจะเมตตาให้ถึงที่สุด อดทนให้ถึงที่สุด จากที่อดทนมาแล้วและพยายามใจดี ไม่เอาเรื่อง ไม่ถือสาหาความ แต่ความอดทนของเราก็มีขีดจำกัด ในเมื่อดีด้วยแล้ว ไม่อะไรด้วยแล้วยังกล้าใส่ร้ายป้ายสีเรา มองเราในแง่ลบ และคิดว่าเราไปรังแก ทั้งๆที่คนอย่างเรา ไม่เคยไปทำอะไรใคร ทำแต่เรื่องที่ถูกต้อง และมีเมตตาต่อน้องทุกคนอยู่เสมอ ไม่เคยใช้อำนาจบาตรใหญ่ แต่เขายังคิดกับเราไม่ดี พร้อมจะลบ ( และรบ ) กับเราทั้งที่อยู่ใต้เรา ความเมตตาของเรามีพอสมควร ถึงจุดที่เมตตาไม่ได้เราก็ต้องเลือกจะปกป้องตัวเอง เรื่องที่เขาทำไม่ดีกับเรา เราจำเป็นต้อง report ตามสายงาน ทั้งที่ไม่ อยากทำอย่างนี้ แต่เขาบังคับให้เราต้องทำ
มีพี่ที่เคารพรักของเราบอกเราว่า ในเมื่อเขาบั่นทอนเรามากขนาดนี้ ทำไมเรายังปล่อยให้เขาบั่นทอนเราอยู่ได้ และเราจะป่วยเพราะคนเช่นนี้หรือ คำตอบของเราก็คือ เพราะเราใจดีไง เราไม่อยากทำอะไรไม่ดี จึงยอมทนและพยายามจะสอนเขา เตือนเขาด้วยความหวังดีเสมอ แต่ในที่สุดเราก็รู้ว่าคนบางประเภทนั้นสอนไม่ได้ และถ้าเรายังเลือกจะทำร้ายด้วยเองด้วยการใจดีอยู่ร่ำไป เรานั่นแหละที่จะแย่เอง
ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นสำหรับเรื่องนี้ ได้แต่หวังว่าเขาจะคิดได้ และจบกันไปดีๆ ( ไม่แน่นะคะ หรืออาจจะคิดไม่ได้เพราะคนมันมีอดติและไม่เคยมองใครในแง่ดีอยู่แล้ว ไม่มีใครดีในสายตาเขา นอกจากคนที่เออออไปกับเขาเท่านั้่นแหละค่ะ ) ฉันไม่อยากสร้างเวรสร้างกรรมกับใคร
เพื่อนบอกว่าให้ฝึกเมตตาให้มากๆ กับคนที่เราไม่อยากให้เขามาวนเวียนในชีวิตเราอีก ถ้าแผ่เมตตามากๆ เขาจะได้รับผล(แห่งใจที่ไม่อาฆาตพยาบาท ) และจะไปไกลๆจากวงโคจรของเราในที่สุด ฉันบอกเพื่อนว่าสงสัยต้องหัดอีกเยอะเลย การเผื่อแผ่ความรู้สึกดีๆ หรือเมตตา ไม่ใช่จะแค่บอกว่าเมตตาแล้ว แต่ใจต้องพร้อมไปด้วยกัน หากทำได้แบบนี้ก็จะเป็นการเมตตาจริงๆ
ดูเหมือนฉันจะยังไม่ผ่านบทเรียนนี้นะคะ เพราะที่ผ่านมานั้นสิ่งที่ฉันเจอนั้นยากมากกับการจะทำให้ใจมีเมตตาแบบไม่มีประมาณได้ ( แอบหนักใจจริงๆ ) ไล่มาตั้งแต่เรื่องน้องกับสิ่งที่น้องทำ เรื่องบ้านตรงข้ามที่ด่าเราเรื่องแมว และเราก็ต้องยืนให้เขาด่าเพราะทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่เขากล่าวหาเราไม่ใช่เรื่องจริงเลย ในที่สุดเราก็ต้องหาทางแก้ปัญหาไม่ไห้แมวหลุดออกจากบ้านไปเข้าบ้านเขา แม้แต่เรื่องแย่ๆจากการถูกทำลายความไว้วางใจ เรื่องคนในที่ทำงานที่บั่นทอนเราทั้งที่เราตั้งใจทำงานอย่างดีแล้ว เรื่องความขุ่นมัวจากการถูกใส่ร้าย หลายอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ทำให้ใจเราแบกรับอะไรมากมาย มันหนักหนามากจนอาจเป็นเหตุที่ทำให้ป่วยหลายครั้งในปีนี้
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี อย่างน้อยเราก็ยังหายใจได้อยู่ ยังมีคนที่รักและให้กำลังใจเราอีกหลายคน ยังมีครอบครัวที่พร้อมจะโอบอุ้ม ยังมีใจที่จะแข็งแรงพอที่จะฟันฝ่า แม้มันจะอ่อนล้าอยู่บ้างในบางคราว ก็ต้องยอมรับนะคะว่าคงไม่มีใครจะเจอแต่เรื่องโชคดีตลอดเวลา บางครั้งชีวิตก็มีโจทย์ยากมาทดสอบเรา เราก็ต้องผ่านมันให้ได้เช่นนี้ค่ะ
Create Date : 17 กันยายน 2554 | | |
Last Update : 17 กันยายน 2554 17:07:20 น. |
Counter : 823 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|