|
ในขณะที่เก็บเงิน ฉันก็เก็บความสุขไปด้วย
มีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับเงินๆทองๆ จากประสบการณ์ของตัวเอง ที่ฉันคงจะเพิ่งตื่นจริงๆ
เคยเล่านะคะว่าฉันเพิ่งจะคิดว่าตัวเองต้องสนใจเรื่องเงินๆทองๆ ในการจัดการและเพิ่มมูลค่าของเงิน ก็เมื่อสองปีเศษๆที่ผ่านมานี่เอง ฉันเสียเวลาไปกับอะไรมากมาย กว่าจะรู้ตัว มันก็ช้าไปมากแล้ว เสียดายเวลาจริงๆเลย
เอาเถอะค่ะ ก็ยังดีกว่าไม่ตื่นเลยล่ะ (ฮา)
เพิ่งจะปีที่แล้วนี่เองค่ะที่ฉัน หนึ่ง ลงทุนในกองทุนหุ้น วัตถุประสงค์เพื่อการลดหย่อนภาษี และทำกำไร ซึ่งเมื่อซื้อช่วงปลายปี ก็จะถือไว้เพียงแค่ 3 ปีปฏิทิน ก็จะได้ผลกำไรกลับคืน สอง บริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิ วัตถุประสงค์ อยากแบ่งปัน และนำไปหย่อนภาษี ( อันนีไม่เน้นเท่าไหร่ค่ะ ) สาม เพิ่งจะริทำประกันฉบับใหม่ วัตถุประสงค์ เพื่อเก็บเงินระยะยาวให้ตัวเองและลดหย่อนภาษี สี่ ลงทุนในกองทุนที่ไม่ใช่การฝากธนาคาร โยกเงินไปซื้อกองทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ( ไม่กล้าเสี่ยงมาก ) และ กองทุนตลาดเงิน เพื่อทำกำไรจากเงินให้ได้มากกว่าการฝ่ากธนาคาร
ที่ตะลึง ตึง ตึง ก็คือว่า กองทุนที่เสี่ยงต่ำอย่างพวก K money หรือ BBL ธนทวี พวกนี้ให้ผลตอบแทนกับเราดีกว่าออมทรัพย์อย่างเห็นๆนะคะ ตัวอย่างของฉันในเงินต้น สมมตินะคะ เงินเจ็ดหมื่น ทิ้งไว้หนึ่งปี ผลตอบแทน เกือบหกร้อยบาท ขณะที่บัญชีออมทรัพย์ กับเงินต้นสามแสน ได้ดอกเบี้ยแค่เก้าร้อยบาท เป็นต้น เห็นจำนวนเงินต้นที่ต่างกัน และผลตอบแทนไหมคะ สมควรจะพิจารณาโยกเงินจากออมทรัพย์โดยด่วนค่ะ
และแต่ละครั้งที่มีเงินเข้าบัญชีไม่ว่าจากการทำงานที่ทำอยู่หรืองานพิเศษ หรือมีรายได้จากทางใด ฉันจะพิจารณาเก็บก่อนใช้ นั่นทำให้เงินออมของฉันโตขึ้นจากสองปีที่ผ่านมา ประมาณสามเท่า ตะลึงตึง ตึง มากกกก ค่ะ
ทั้งๆที่เก็บเงินแบบนี้ และไม่ได้กระเหม็ดกระแหม่อะไรมากมาย ยังอยากซื้อสิ่งที่อยากซื้อ แต่เงินก็ยังเหลือใช้อีก
นั่นเพราะ ฉันยึดการ 'เก็บก่อนใช้' และ 'ถามตัวเองก่อนว่าจำเป็น' หรือไม่ บางครั้งเมื่อมีเงินก้อนมากถึงหกหลักผ่านเข้าบัญชี ฉันแทบจะไม่เอามันไปใช้ทำอะไรเลย
มีเพียงการคิดว่าจะต่อยอดให้มันอย่างไร มันจะโตกว่านี้ได้
ฉันยังสนุกกับการหาทางให้เงินไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้ แม้จะใจไม่กล้าพอจะไปเล่นหุ้นรายวัน แต่ก็พบว่ายังมีทางอื่นให้ไปได้อีกนะคะ จากไม่เคยอ่านหนังสือการเงิน กลับมาอ่านเพื่อหาความรู้ จากไม่เคยสนใจเรื่องดอกเบี้ย เรื่องหุ้นกู้ เรื่องกองทุน ก็พยายามหาความรู้ จากรู้น้อยก็กลายเป็นค่อยๆรู้ รู้ทีละนิด เก็บมันไปเรื่อยๆ
ในขณะที่เก็บเงิน ฉันก็เก็บความสุขไปด้วย
แต่ไม่ได้เป็นความสุขจากการใช้เงินอย่างเพลินมือนะคะ เป็นความสุขจากการได้สร้างวินัยให้ตัวเอง มีก็เก็บอย่างมีหลักการ ใช้ก็ด้วยความจำเป็น เงินกับเราอยู่ด้วยกันได้ ด้วยการเคารพและให้เกียรติ
และเพราะเราเป็นคนโสด ไม่มีภาระ ไม่มีลูกให้เลี้ยงนอกจากแมว เราจึงไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง พ่อกับแม่เคยสอนและสนับสนุนให้เราเก็บตังค์ ไม่ใช่เพื่อใครอื่น แต่มันก็เพื่อตัวเองในบั้นปลาย
ผู้หญิงโสดๆอย่างเรา ต้องดูแลตัวเองให้ได้ดีๆค่ะ อย่าไปคิดพึ่งใคร ต่อให้มีแฟน ก็ไม่ควรจะไปพึ่งพิงแฟนในเรื่องการเงินด้วย แต่เราควรจะอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง และหาเลี้ยงตัวเองให้ได้อย่างดี ไม่ใช่ว่าขาดเขาแล้วเราตายแน่ แบบนั้นก็อาจตายไปเลยจริงๆ
และอีกอย่างนะคะ จะรู้สึกดีกับตัวเองได้มากกว่าด้วย
บางคนบอกว่า หาเงินไปก็เท่านั้น แต่ปฏิเสธไมได้หรอกค่ะว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต ตราบเท่าที่เรายังมีเงินเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้าวของประดามี เราก็หาไปค่ะ แต่ใช้อย่างมีสติ รู้ทันมันให้มาก แล้วเราก็จะไม่ต้องทุกข์เพราะเงิน
เรื่องอื่นๆไว้เล่าต่อวันหลังนะคะ..
Create Date : 05 มกราคม 2554 |
Last Update : 5 มกราคม 2554 23:16:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 397 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
|