รักษ์นกปกป้องป่า รักษ์ปลาปกป้องน้ำ
Group Blog
 
All blogs
 

ทีลอซู 1

วันหนึ่งในหน้าร้อนก่อนหน้านี้
สู้ฝ่าดงพงพีที่ อุ้มผาง
เปี่ยมความหวังทั้งหวังยังเลือนราง
หาเส้นทาง ทีลอซู อยู่สองวัน
ไม่มีใครเคยรู้ว่าอยู่ไหน
เล่ากันไว้ลึกลับแทบดับขวัญ
ว่าน้ำตกตกใหญ่สูงหลายชั้น
เทียมขุนเขากางกั้นนั่นเลยเชียว
ว่าเข้าป่าฝ่าไปอีกไกลมาก
อย่ายุ่งยากเข้าไปให้เสียเที่ยว
เราห้าคนจนใจไม่ลดเลี้ยว
ใจเด็ดเดี่ยวดุ่มป่าอย่างท้าทาย
หลับหนึ่งคืนข้างแก่ง มอแกนโด้
ฟังไก่โห่เพรียกพร่ำจนย่ำสาย
จึงตัดไผ่ผูกแพแผ่เรียงราย
แล้วคัดท้ายถ่อแพใน แม่กลอง
ผ่านภูผาป่าไผ่หมู่ไม้เขียว
ทวนน้ำเชี่ยวชื่นแท้แพทั้งสอง
ผ่าน แก่งกีด แม่ละมัง ยังหลงมอง
ตราบจนท่องแพมา ปะหละทะ
ข้ามลำห้วยแม่กลองด้วยสองขา
ดุ่มเดินฝ่าป่าแล้งแสงจะจะ
ดิ่งขึ้นเขาเร่าร้อนทุกตอนนะ
เดินลงเขาเข่าคละความระบม
ข้ามลำห้วยสวยใสไปอีกหน
ก็พบชนชาวกะเหรี่ยงเลี้ยงขนม
ขนุนอ่อนจิ้มน้ำพริกพอกล่อมกลม
อิ่มแล้วล้มตัวนอนเอาตอนเย็น
เข้าไต้จุดไต้ไปท้ายบ้าน
เขามีงานบุญใหญ่เราได้เห็น
พิธีทำด้วยเทียนล้อเลียนเพ็ญ
หนุ่มสาวเต้นรอบรอบชอบคึกคัก
ไก่กระชั้นพลันต่างล้างหน้าแก้
จอทีแฮ ผู้ใหญ่บ้านท่านเป็นหลัก
พาเราเดินดุ่มไปไม่ช้าชัก
ผ่านที่นักศึกษามาซ่อนตัว
ร่องรอยหลุมขวากล่มเป็นหล่มรอบ
ใบไผ่กรอบเกลี่ยกลบพบอยู่ทั่ว
บ้างสามเส้าเก่าคร่ำเคยทำครัว
ไอน่ากลัวกล่อมขวัญขึ้นทันที
พลันทะมึนควายทโมนมันโผนวิ่ง
เราแทบทิ้งสัมภาระกระโจนหนี
ผู้ใหญ่บอกอย่ากลัวกันควายบ้านนี้
พวกเรานี่เปิ่นเป็นบ้าน่าหัวเราะ
กลางป่าใหญ่ไผ่โค้งอยู่ตรงหน้า
เหล่าไก่ป่าเกาะสงบล้วนขบเผาะ
ผู้ใหญ่กะยิงไปแกง เราแกล้งเคาะ
ทำเปาะเหลาะขอยิงไก่ให้ท่านเอง
พอปืนเปรี้ยงเสียงไก่กระต๊ากกระต๊าก
บินข้ามฟากธารไปในความเร่ง
ผู้ใหญ่ส่ายหัวใหญ่ไปตามเพลง
ไม่ได้ไก่ตัวเก่งไปแกงเลย
เราเริ่มเลียบธารใสไปเรื่อยเรื่อย
พอเหน็ดเหนื่อยนั่งลักพักกันเฉย
แล้วดุ่มเดินด้นดั้นกันเหมือนเคย
ตะวันเกยกลางฟ้ายิ่งล้าแรง
ชะนี กู่กึกก้องทั่วห้องป่า
แว่วเสียงลมพรมผามาเสแสร้ง
คล้ายเสียงน้ำแว่วคละให้ระแวง
เยื้องทแยงคงใกล้มิไกลไกล
เลี้ยวร่องหุบโหดไม้ไพรทึบเทียบ
เราตัดเลียบ คลอท้อ ธารสวยใส
รอยหินปูนเกาะขอบคั่นนอกใน
เลาะเลยไปป่วนทึ่งตะลึงตา
ระยับรุ้งเลื่อมพรายแห่งสายน้ำ
กระเซ็นฉ่ำเชยชินหมู่หินผา
ฟุ้งละอองล่องชมยามลมพา
ชุ่มไม้ป่าใหญ่น้อย ณ ผานั้น
หลากลงไหลใสเขียวเชี่ยวในแอ่ง
แล้วเลาะแก่งกราดสายอีกหลายชั้น
จึงไหลรวมร่วมมากหลากเลยพลัน
ผ่านหินกั้นก้อนกรวดที่ก้นธาร
ครึ้มใบไม้ใหญ่น้อยคอยให้ร่ม
ตะไคร้น้ำ ดอกพรมดมกลิ่นหวาน
บริสุทธิ์ช่อขาวพราวเบ่งบาน
ทิ้งกลีบก้านประดับไพรริมสายน้ำ
ที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาแต่หลัง
ดุจจะฝังจมไว้ใต้ธารฉ่ำ
ความสุขเอ่ออาบสู่อยู่ซ้ำซ้ำ
ใจคอยย้ำ ทีลอซู อยู่ไม่คลาย
หลังอิ่มข้าวเก็บของต้องจำจาก
รู้สึกยากตัดใจเพราะใจหาย
คะนึงถึง ทีลอซู ไม่รู้วาย
ตั้งจิตหมายกลับมาสักคราครั้ง

สถานที่ : ทีลอซู อ.อุ้มผาง จ.ตาก
*จอทีแฮ: ชื่อผู้ใหญ่บ้าน บ้านโคทะ
*แม่ละมัง และ คลอท้อ: เป็นชื่อแม่น้ำสายเล็กๆที่ไหลลงแม่กลอง
*ตะไคร้น้ำ : ไม้ยืนตัน พุ่มเตี้ย มีดอกสีขาว กลีบส่วนปลายเป็นริ้วเล็กๆ กลิ่นหอมเบาบาง


หมายเหตุ : หลังจากเข้าไปกับคณะสำรวจของแคมป์ปิ้งและพบทีลอซูเป็นครั้งแรก ต่อมาผู้เขียนได้เขียนสารคดีน้ำตกทีลอซูในนิตยศาสตร์แคมป์ปิ้ง หลังจากนั้นไม่นาน กลับไปเยือนทีลอซูอีกครั้ง พบว่าสภาพธรรมชาติถูกทำลายไปอย่างมาก เพราะผู้คนหลั่งไหลเข้าไปเที่ยว จนรู้สึกว่าเป็นเพราะผู้เขียนหรือเปล่า ทำให้เลิกเขียนสารคดีไปเลย

หลังจาก 20 กว่าปีผ่านไป ผู้เขียนได้กลับไปเยือนทีลอซูอีกครั้ง รู้สึกปิติยินดีที่พบว่าสภาพธรรมชาติได้หวนคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความพยายามของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 8:18:01 น.
Counter : 302 Pageviews.  

ทีลอซู 2

วันปีเลยล่วงไปช่างไวมาก
กลับมาตาก อีกหนค้นความหลัง
เข้าแม่สอดลำเลียงเสบียงกรัง
เดินทางยัง พบพระ สะท้อนใจ
ป่าเคยใหญ่ไยเลี่ยนเตียนไปหมด
เขียวสลด หลาบ แดดแผดพืชไร่
สุดลูกหูลูกตาสิ้นป่าไม้
จนเข้าใกล้ บ้านวาเลย์ ริมเขตแดน
มีบ้านใหม่ไม้ใหม่ได้ทุกบ้าน
เด็กข้ามด่านพร้อมไม้ในอ้อมแขน
ไม่เคยรู้ปัญหาไทยไม้ขาดแคลน
ด้วยข้นแค้นข้องคับเกินรับรู้
ฝั่งพม่าไม้สักสูงเสียดฟ้า
พรรณไม้ป่าแน่นชัฎขนัดอยู่
ทางรถซุงพัวพันกันน่าดู
หลุมหล่มกู้ต่อต้านรถผ่านไป
บ่อยครั้งผ่านธารใสทั้งใหญ่น้อย
และบ่อยบ่อยบางป่าเห็นกลายเป็นไร่
ยิ่งวิ่งรถเข้าแคว้นเขตแดนไทย
รอยป่าไม้มลายยับกับมือคน
เมืองสงบเงียบนั้นเมื่อวันก่อน
อุ้มผาง ซ้อนร่างใหม่ให้ฉงน
มีทั้งตึกทั้งรถราน่ากังวล
ทีลอจ่อ ล้อนทีลงรี่ไหล
กระเซ็นไกลประกายกอดมอสสวยสรร
ทั้งหมู่เฟิร์น เนินตะไคร่ ป่ายปนกัน
เหมือนสวรรค์น้อยน้อยลอยลงมา
ดอยหัวหมด หมดอย่างไรก็อย่างนั้น
ท้าคืนวันวนเวียนไม่เปลี่ยนค่า
แซม ดอกดิน ชมพู ขาว อยู่พราวตา
สลับหญ้าทุ่งเถินบนเนินเตียน
หมู่ แย้ เต้นเร้นรูอยู่หลกหลก
ฝูง นกหก เหินฟ้างามกว่าเขียน
เจ้า ถุงทอง ทักดอกไม้บินว่ายเวียน
สีทองเทียน เอื้องหลวง ดั่งร่วงดิน
ปะหละทะ เจริญเกินเก่ามาก
เราเดินจากครึ้มใจไม่รู้สิ้น
ผ่านซุ้มไผ่ มะกอก ออกเกลื่อนกิน
มะม่วงป่า เคยถวิลก็วางราย
ลูก มะไฟ ไหวฟ้อนลงฟอนหญ้า
ว่านมหาโชค ช่อล้อลมส่าย
ดอกไม้ป่าระย้าแย้มแต้มมากมาย
ปรอด ว่ายวกฟ้ามาทายทัก
บ้าน โคทะ ตรงนี้สองปีก่อน
เคยล้มพับหลับนอนตอนเหนื่อยหนัก
ขนุน ย้อยรุงรังยังน่ารัก
ผู้ใหญ่นักเดินทางยังแย้มยิ้ม
การเดินทางเริ่มต้นอีกหนหนึ่ง
เดินไปถึง ทีลอซู ดูเต็มอิ่ม
กระเซ็นใสสายพร่าชายตาพริ้ม
สะท้อนลิ่มรุ้งธารผ่านตะวัน
เราตกลงปลงแคมป์แรมคืนป่า
ต่อแพพาล่องผ่านสายธารฝัน
อยากให้กาลหยุดตัวชั่วนิรันดร์
อยากอยู่กันที่นี่ ทีลอซู
เหนือจากหริ่งเรไรใบไม้เพรียก
ไร้สำเหนียกสิ่งใดได้เหลืออยู่
น้ำค้างหนาวดาวค้างแล้วพร่างพรู
แม้เช้าตรู่ตื่นเพียงเสียงสายน้ำ
เสียงเคยกู่ ชะนี ก้องกลับล่องหาย
เหลือเพียงพรายสายลมที่พรมพร่ำ
ป่าก็โปร่งกว่าก่อนเคยกร้านกรำ
ค้านความจำจากใจในวันวาร
มาเดี๋ยวนี้ ทีลอซู คนรู้จัก
มุ่งและมักหมายตามาเพียงผ่าน
เสาะความสวยสดใสแห่งสายธาร
บันทึกม่านมุ่นใสไอรุ้งงาม
จะมีใครหมายพร้อมถนอมนัก
อนุรักษ์ ทีลอซู คู่สยาม
พืชและสัตว์อยู่ได้ไม่ครั่นคร้าม
อยู่กันตามประสาไพรไปเท่านาน

สถานที่ : ดอยหัวหมด น้ำตกทีลอจ่อ น้ำตกทีลอซู อ.อุ้มผาง จ.ตาก

*ดอกดิน: ดอกไม้สีชมพูขาวรูปแตร มีเหง้าอยู่ในดิน
*เอื้องหลวง:กล้วยไม้ ขึ้นตามคาคบไม้ ดอกสีเหลืองทองช่อใหญ่ยาว
*ถุงทอง : ชื่อผีเสื้อชนิดหนึ่ง
*นกหก : นกในวงศ์นกแก้ว ตัวเล็ก ชอบอยู่กันเป็นฝูง กินเมล็ดพืชเป็นอาหาร ในที่นี้หมายถึงนกหกเล็กปากแดง (Vermal Hanging Parrot)




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 8:08:39 น.
Counter : 350 Pageviews.  

บันทึกถึีงดงวี่

แปดพฤษภาฟ้าใสใสทั้งฟ้า
นกถลาเกาะไผ่ไปทุกที่
ขณะแดดโลมละปฐพี
สยายคลี่หมอกคลายเคลื่อนคล้ายเงา
ทองผาภูมิ ผ่านทางเข้า สังขละ
แล้วทิ้งผละสู่ พุทโธ ท่ามขุนเขา
ผ่าน พุเย โปตานา นางครวญ เคล้า
ผ่าน ลำเขางู คิตตี้ ถึง ทินวย
เขาดีกะ เมิ่งชะ ปะชิ นั่น
เนินสาม ดัน ผ่านธารละหานห้วย
ผ่านหล่มหลุมไม่สลดระทดระทวย
จนถึง หน่วยซ่งไท้ ตอนบ่ายสาม
ยิ้มไมตรี พี่กฤช ไม่ผิดแน่
นายพรานแท้หนึ่งไซร้ในสยาม
เราพักผ่อนหลับใหลในโมงยาม
เต็มเปี่ยมความสุขใจในส่วนลึก
เช้าลาจาก ซ่งไท้ ไป ซ่งโซ่ง
กล้วยบัวโยงเยื่อใยให้รู้สึก
ดอกไม้ป่าค่าสูงในสำนึก
แน่นผนึกคู่ป่ามาเนานาน
ชะนีกู่ประกาศอาณาเขต
ไอยเรศทิ้งรอยให้ร่ำขาน
รอยสัตว์กีบเกรอะไปในลำธาร
กระรางผ่านกอไผ่ไปเงียบงัน

พี่กฤชเดินดุ่มขึ้น กระเพรียวแดง
เต็มกำลังขาแข้งมันแกล้งสั่น
พี่หมูเหนื่อยเมื่อยล้ามาไม่ทัน
ตะคริวมันผูกมัดคอยขัดใจ
ผ่านมะค่าป่าไผ่ไต่สันเขา
กระเพรียวแดง ด่วนเย้ยอยู่ไหวไหว
ปรง หญ้า ลาดพาดผาจรดป่าไกล
เขียวแมกไม้ม่านเขาแตะเงาฟ้า
โน่น องค์ทั่ง นี่ ดงวี่ พี่กฤชชี้
ข้างล่างนี่เห็นทรายอยู่ชายป่า
ในร่องหุบ แม่กลอง น้ำล่องมา
คืนนี้หนาจะไปนอนชายน้ำ
ดิ่งผ่านหินดินกรวดพอปวดเขา
แล้วดิ่งเข้าป่ารวกที่ร้อนร่ำ
หยาดเหงื่อสาดโซมกายสายหยาดพรำ
ตะวันย่ำลาฟ้าพาหมดแรง
กัดฟันเดินต่อไปไม่ย่อท้อ
เห็นน้ำล้อลิบลิบให้ใจแสยง
คอเป็นผงเผือดปากอยากลงแดง
ขาเลยแข่งเวลาลงหาชล
ในความเหนื่อยคืนนั้นก็ฝันว่า
มีฟ้าผ่าเปรี้ยงใหญ่กลางสายฝน
แท้คือเปลพี่หมูที่อยู่บน
พี่นอนจนไม้หักเพราะหนักไป

นกแก๊กร้องเรียกใกล้ในยามเช้า
เหม่อดูเงาน้ำงามครามสดใส
บางบางหมอกม้วนเคลื่อนแล้วเลื่อนไกล
ขึ้นกล่อมไกวยอดเขาอยู่ยาวนาน
อยากจะอยู่อย่างนี้ชั่วชีวิต
ไม่อยากคิดว่าวันจะผันผ่าน
อยากอยู่กับเหมยไหมและสายธาร
กับแมกไม้ไพศาลเป็นบ้านเรา
เดินเลาะทรายเลี้ยวเท้าเข้า ดงวี่
เหนื่อยเริ่มมีเมื่อป่ายไปข้างเขา
โขดหินผาปีนตะกายใช่เบาเบา
ลุยโคลนเคล้าน้ำคลุกสนุกดี
ทวนกระแสชลเชี่ยวท่องเลี้ยวลด
กรวดหินบดเท้าเท่าไหร่ไม่ถอยหนี
ขึ้นเลาะฝั่งข้ามคู ไล้จูมี
ผูกเปลที่ร่มไม้ต่างชายคา

น้ำเต็มวังปลาเวียนขึ้นวนว่าย
โผล่ผุดพรายหลายตัวเห็นทั่วหน้า
ปลาอะไรตัวใหญ่ไม่คล้ายปลา
ดูทีท่าน่ากลัวกว่าน่ากิน
ใต้ฟ้าใสไม้โยกกล่อมโลกหล้า
หย่อนกายาซุกซอนหว่างก้อนหิน
เสนาะเพลงน้ำพรายดั่งสายพิณ
กล่อมคนยินเย็นสบายกลางสายน้ำ
แต่ฝนพร่างร่างสายลงส่ายซัด
ตามลมจัดพัดพรายสาดสายฉ่ำ
หนาวทั้งฝนปนลมถาโถมซ้ำ
แต่ชื่นย้ำอยู่ใจไปเท่านาน
สิ้นเม็ดฝนบนค่ำที่ดำหม่น
พลันวับวนหิ่งห้อยร้อยแสงสาน
วูบแล้ววาบวาบไหวไปหนึ่งกาล
แลละลานดั่งเพชรเกล็ดประกาย
เจ้าหิ่งห้อยหาใครกลางไพรกว้าง
จึงกระจ่างแสงขับระยับฉาย
ประดังเหงาเศร้าซับวับวับวาย
คนรักหายห่างไปหรือไรนะ
คิดถึงเขาคนดีขวัญนี้คว้าง
เหงาอ้างว้างวนผูกทุกขณะ
เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขทุกระยะ
ครั้งนี้ละงานรั้งต้องห่างกัน

เจ้ากู๋กี๋ กระเต็นลาย มาร่ำเรียก
ปลุกสำเหนียกนำฟื้นตื่นจากฝัน
สายแล้วสู่ ไล้จูมี ที่หมายพลัน
ต่างพลิกผันไต่หินปีนทวนน้ำ
สูงขึ้นไป ขึ้นไป ไม่สุดสิ้น
น้ำแห้งหินเหือดทรายใครใครย่ำ
พบรอยเสือ กวางหมี มีประจำ
กลิ่นสาบซ้ำ หรือกระทิง ให้กริ่งกลัว
จนตะวันตรงเที่ยงให้เลี่ยงหลง
ทากน้อยตรงเกาะไชคล้ายหยอกยั่ว
ไต่ผาเหนือวังน้ำใจย้ำรัว
คงใกล้ตัวน้ำตกใหญ่เข้าไปแล้ว
แต่เงียบงันงงคว้างอยู่กลางป่า
กก ถลาร่อนไปอยู่ไหวแว่ว
ค่าง หลบเร้นเต้นไม้ไปเป็นแนว
หากวี่แววน้ำตกวับไปกับตา
คงอีกไกลแสนไกลไม่ไหวแน่
ครั้นบ่ายแก่กลับหลังยังแผ่นผา
ทัยนำเดินดุ่มลัดตัดพนา
ต่างตั้งหน้าตะบึงจนถึงแคมป์
ซึ้ง พี่กฤช พี่สามารถ และพี่หมู
ทั้งเจ๊จือ รออยู่ดูยิ้มแจ่ม
อิ่มวันนี้เหนื่อยนักลงพักแรม
ให้หิ่งห้อยแตะแต้มแซมราวไพร

เดินแต่เช้าเลาะไปใกล้ชายน้ำ
กวางถลำโลดลู่อยู่ไหวไหว
กระเต็นลายเริงฟ้ามาแต่ไกล
รอยอาลัยรางรางหว่างความคิด
เดินตามน้ำย่ำหินปลิ้นโคลนก้าว
อยากให้วันนานยาวเท่ามีสิทธิ์
อยากอยู่กับดงวี่นี้อีกนิด
แต่พี่กฤชนำไกลออกไปแล้ว


เว้ ตัดไผ่เราลากไผ่ใจคึกคัก
สนุกนักพูดกู่อยู่แจ้วแจ้ว
ลิดกิ่งไผ่ เรียงไผ่ ไว้เป็นแนว
ทัยกล้าแกล้วขึ้นไปตัดไผ่พลัน
ก็ตกไผ่มีดพลาดบาดที่เท้า
เลือดเล่นเอาเงียบอึ้งตะลึงสั่น
เย็บห้าเข็มสดสดในบทนั้น
ต้องกัดฟันทั้งคนเจ็บคนเย็บเชียว
เดินออกไปปลดเป้ที่แม่กลอง
แล้วเดินท่องทวนไปดงไผ่เขียว
ปล้ำยกลากล่องไผ่ไวประเปรียว
มันแท้เทียวเที่ยวนี้นี่หมดแรง
พี่กฤชผูกแพพลันทันบ่ายกว่า
แล้วล่องพาชมไพรไปจรดแก่ง
ที่พี่กฤชเคยล่องราคาแพง
พระกาฬ แทงแพแตกแทบแหลกตาย
ขึ้นฝั่งท่ามฝนเทลงเห่กล่อม
ไต่หินจ่อมหนาวจมข่มขาป่าย
ทั้งปีนขึ้นก้าวข้ามคร้ามใจกาย
ลื่นเหลือร้ายล้มขวับนับไม่ทัน
และแล้วพี่สามารถก็พลาดท่า
เซถลาหัวบินชนหินนั่น
หน้าผากขวาเลือดไหลในฉับพลัน
ต้องเย็บกันสองเข็มแทบเต็มกลืน

ผ่านเต้นหินไต่หาขอบผาแคบ
ลำตัวแนบเนื้อผาท่าสุดฝืน
มือก็เกาะขาก็ก่ายตะกายยืน
แอบตาตื่นน้ำแก่งเต้นเห็นมรณะ
พอผ่านพ้นก็พาพบผาขาด
ใจมิอาจปีนป่ายไปจะจะ
พี่กฤชผ่านผาพาสัมภาระ
พวกเราละลงว่ายกลางสายชล
เหนื่อยนะเหนื่อยน้ำวูบสูบเข้าผา
หน่อยลากพาว่ายไปกลางสายฝน
พอขึ้นน้ำผ่านผามาทุกคน
โล่งใจจนจับในหัวใจนี้
เลยพักค้างกลางผาเวลานั้น
เช้าก็ผันโผเผ่นเต้นหินถี่
ผ่านผืนทราย ชายป่า มาด้วยดี
ผ่านจุดที่ปักหมุดไว้สีป้ายรอ
จะเป็นจุดเจาะฐานการสร้างเขื่อน
มันย้ำเตือนตื้นตันกดขวัญฝ่อ
หากสร้างเขื่อนขึ้นมาน้ำตาคลอ
จุดนี้หนดจมมลายอยู่ใต้น้ำ
แมกไม้เขียวขจีที่แหนหวง
สัตว์ป่าปวงตายประดังวันยังค่ำ
คนแรมป่าปางตายด้วยใจช้ำ
คงตอกย้ำเสียดายไม่รู้เลือน

ระหว่างพักพี่อ้ายจ่ายขนม
มะนาวและลูกอมแทบถมเถื่อน
พี่สรรทัศ งัดกิมจ้อให้ไม่แชเชือน
กินกันเหมือนอดอยากมามากปี
ตะวันเที่ยงเลี่ยงชายลงบ่ายคล้อย
ต่างทยอยเดินไปให้เร็วรี่
ผ่านโขดหิน หาดทราย ชายป่าอีกที
ก็ถึงที่พี่กฤชขวางทิศทาง
ทรุดกับทรายกายพักสุดหนักเหนื่อย
มอง ซ่งไท้ ไหลเรื่อยสู่เบื้องล่าง
กระเซ็นสายสาดพลิ้วริ้วบางบาง
ใสมิสร่างกระแสลงแม่กลอง
ทะเลหมอกระลอกคลุมพุ่มพฤกษา
ไล้โขด ผากระเพรียว แดงดูผุดผ่อง
ใต้ร่มแว่ แผ่ใบสายทำนอง
พอเพราะพ้องเพียงน้ำร่ำกระซิบ
คิดถึงใครคนหนึ่งซึ่งไกลมาก
คงยุ่งยากงานยับนับสิบสิบ
อยากจะให้คนดีมีตาทิพย์
เห็นระยิบน้ำระยับหมอกขับคลอ
ถ้าคนดีอยู่ด้วยคงช่วยซึ้ง
แค่นึกถึงหวั่นไหวแล้วใจหนอ
นี่ป่านนี้คงนั่งนับวันรอ
หรือระย่อท้อหวังจนวังเวง

พี่กฤชขึ้นตัดไผ่น้องชัยช่วย
พี่ป้อมด้วยพี่อี๊ดประชิดเร่ง
พอแพพร้อมเจ๊จือโผล่มาทันเพลง
ลอยเท้งเต้งเกาะแพข้ามแม่กลอง
ขึ้นหุงข้าววางแคมป์แรมตรงนั้น
ชะเง้อดูพี่หมูกันขวัญหม่นหมอง
โอ้ป่านนี้อยู่ไหนไกลเพื่อนพ้อง
ตะคริวข้องลมเข่นเป็นอะไร
พี่กฤช พี่อี๊ดข้ามไปตามหา
พยุงพาพี่หมูมาจนได้
สามัคคีคลี่เปลต่างเห่ไกว
ลงหลับใหลไล่เหนื่อยลบเมื่อยล้า

ท่ามไอหมอกม่านเช้าเราข้ามน้ำ
ตะกายกรำไต่เกินขึ้นเนินผา
เจอทางเรียบเร่งไปในมรรคา
เที่ยงถึงท่า ซ่งไท้ ให้ยินดี
โบกมือลาพี่กฤชอย่างคิดถึง
หวังวันหนึ่งวันหน้ามาหาพี่
มาเดินป่าด้วยกันอย่างวันนี้
เติมฝันที่ ทุ่งใหญ่ ให้เปี่ยมล้น

สถานที่ : ทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี
*แว่ : ต้นไม้พุ่มโปร่งเตี้ย ขื้นบริเวณชายน้ำ มีลูกคล้ายหว้า รับประทานได้
*กู๋กี๋ : นกเงือกกรามช้าง (Wreathed Hornbill) นกวงศ์นกเงือก อาศัยในป่าดงดิบ
*แก๊ก แกง(Oriental Pied Hornbill) : นกวงศ์นกเงือก อาศัยในป่าดิบ ป่าต่ำ ป่าเล็กๆที่โดนบุกรุก สามารถปรับตัวกับสภาพป่าที่เปลี่ยนไปได้ดี
*กะเต็นลาย (Banded Kingfisher): นกวงศ์นกกินปลา อาศัยในป่าดงดิบ ห่างแหล่งน้ำ เป็นนกหายาก




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 8:25:15 น.
Counter : 362 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

Nature Mirror
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




E-mail to Nature Mirror Nature Mirror

Promote Your Page Too
Friends' blogs
[Add Nature Mirror's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.