Under the Blue Sky
Group Blog
 
All blogs
 

Romantic Road Germany 2012 #1

“Romantische Straße“  - 

 “เส้นทางสายโรแมนติก ณ ประเทศเยอรมัน”

เส้นทางนี้เริ่มทางตอนกลางค่อนไปทางตอนใต้ของเยอรมันที่เมือง Wurzburg เรื่อยลงไปทางใต้ ถึงเมือง Fussen ซึ่งเป็นเมืองเกือบติดชายแดนกับประเทศออสเตรีย ระยะทางทั้งหมดจากเหนือจรดใต้ก็ประมาณ 450 กิโลเมตร ค่ะ

เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 60 ปี และที่ถูกขนานนามว่า Romantic Road นั้น ก็เพราะเป็นเส้นทางที่ผ่านเมืองและหมู่บ้านเก่าแก่ประมาณ 27 แห่ง ที่ยังคงความมีเสน่ห์ของสถาปัตยกรรม  ของปราสาทราชวัง อาคาร บ้านเรือน โบสถ์ ต่างๆ ในยุคสมัยกลางไว้อย่างงดงาม เหมือนกลับว่าเราได้ย้อนยุคเข้าไปในสมัยนั้น  หรือได้เข้าไปในเมืองในเทพนิยายเลยทีเดียว อีกทั้งงานศิลปะต่างๆ งานแกะสลักไม้ที่ปราณีต งาน Handmake ของชาวเยอรมัน ก็น่าทึ่งมากๆ  ที่สำคัญครัวเยอรมันอร่อยอย่าบอกใคร…. (นี่แอบกระซิบเฉยๆ นะคะ อย่าเอะไป..)

 โหมโรงกันพอสมควรแล้ว เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ

ทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมด 10 คืน 11 วันค่ะ บนเส้นทางโรแมนติก เราเลือกพักที่เมือง Rothenburg o.d.T 4 คืน และที่ Schwangau อีก 4 คืน แถมอีก 2 คืน ที่เมือง Orbey Tannach ในฝรั่งเศสก่อนกลับบ้าน 

 

วันที่ 1 :   Netherlands – Rothenburg o.d.T

ระยะทางจากบ้านเราซึ่งอยู่ทางใต้ของเนเธอร์แลนด์ ถึงเมือง Rothenburg ประเทศเยอรมัน ประมาณ 500 กม. ค่ะ เราออกเดินทางแบบสบายๆ หลังรับประมาณอาหารเช้าประมาณ 9 โมง กว่าๆ เดินทางกันมาได้สองสามชั่งโมง ก็พักให้ลูกทัวร์ตัวเล็กๆ และคนขับรถส่วนตัว ลงมายืดเส้นยืดสายและเติมพลังมื้อกลางวันกันแถว Frankfurt  จากนั้นก็ขับต่อมารวดเดียว แต่ก็แบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ นะคะ ถึง Rothenburg ประมาณสี่โมงเย็นค่ะ  

เราพักที่ Hotel Hornburg Garni ซึ่งเป็นโรงแรมเล็กๆ หลังกำแพงเมืองเก่า สร้างขึ้นในปี 1903

 

//www.hotel-hornburg.de/english/rooms.htm

โรงแรมอยู่ในโลเกชั่นที่ดีทีเดียวค่ะ สามารถเดินเข้าไปในเมืองเก่าได้ไม่ไกล และไม่พลุกพล่าน เหมือนอยู่ในเขตกำแพงเมือง อาหารเช้าถึงจะไม่ฟู่ฟ่าเหมือนโรงแรมใหญ่ ๆ แต่ก็มีให้ครบทุกอย่าง ทั้งเนื้อ นม ไข่ ฯลฯ เจ้าของเป็นกันเองและให้บริการดีมากๆ

 *************  

วันที่ 2 : Rothenburg o.d.T – Rottingen – Weikersheim

เช้าวันแรกใน Rothenburg อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไร (โดยเฉพาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป) ท้องฟ้าสีหม่นๆ ปกคลุมไปด้วยเมฆ มีฝนตกแบบเป็นละอองๆ เป็นพัก ๆ แต่ก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะไม่หนาว ประมาณ 18 องศา และบางช่วงก็มีแสงแดดออกมาทักทายกันให้ชื่นใจบ้าง

 

ประตูเมือง Rothenburg o.d.T สร้างขึ้นในปี คศ.1388

 

กำแพงเมืองด้านใน สามารถขึ้นไปเดินชมวิวได้เกือบรอบเมืองเลยค่ะ กำแพงเมืองนี้ก็สูงพอสมควรนะคะ แต่ลูกทัวร์สองสาวก็สามารถปีนขึ้นไปเองได้ค่ะ  ไม่มีบ่น กลับสนุกสนาน วันถัดมามีขอขึ้นไปอีกแหนะ แต่แม่ละกลัว โดยเฉพาะยัยตัวเล็กจะลอดช่องไม้หล่นลงมา เพราะคุณเธอไปซ้ายทีขวาที… 

 

 

วิวจากด้านบนกำแพง

นอกจากจะเดินชมวิวบนกำแพงเมืองแล้ว รอบๆ กำแพงเมืองด้านนอกก็สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยค่ะ ทางเมืองเค้าจัดทำทัศนียภาพรอบกำแพงเมืองไว้อย่างสวยงาม มีม้านั่ง สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น เป็นระยะ ๆ แล้วยังมีห้องน้ำสาธารณะไว้บริการด้วย สะอาด และฟรี!! (ที่ต้องใส่เครื่องหมายตกใจสองอัน เพราะหาห้องน้ำเข้าฟรีไม่ได้ในฮอลแลนด์ แหะๆๆ  และทุกเมืองที่ผ่านในเยอรมัน จะมีห้องน้ำสาธารณะไว้บริการตลอดค่ะ ไม่เคยเสียค่าเข้าห้องน้ำในเยอรมันเลย ชอบบบบ ย้่ายประเทศดีไหม๊เนี่ย...)

พาไปชมในตัวเมืองเก่าบ้างดีกว่าค่ะ

ที่จตุรัสกลางเมือง ตอน 5 โมงเย็น จะมีการดวนดื่มไวน์ของหุ่นบนหอคอยกันด้วยค่ะ วันนั้นโชคดีที่ไปหาอาหารเย็นทานกันพอดี ก็เลยได้เห็นค่ะ

มุมโปรโมทเมืองค่ะ ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปที่นี่ เพราะเห็นประตูเมือง 2 ประตูจากมุมนี้

แหม…แล้วทัวร์นกกระจิบของเราจะพลาดได้อย่างไร  

ป้ายร้านค้า ร้านอาหาร เก๋ๆ มีให้เห็นได้ทั่วไป

ตู้โชว์หน้าร้าน น่ารัก น่าดู ไปหมด  

อันนี้เรียกว่า Snowball ค่ะ เป็นขนมพื้นเมืองดั่งเดิ่มของที่นี้ ลูกใหญ่มากเลยนะคะ ประมาณกำปั้นมือของเรา ลูกนึงนี่แบ่งกันทานได้ทั้งครอบครัวเลย มีกว่า 20 ชนิด ให้เลือก ถ้าแบบธรรมดาดั่งเดิมก็เหมือนคุกกี้ที่ทำจากถั่วอะค่ะ แล้วก็มีแบบคลือบช็อคโกแลตขาว ช็อคโกแลตดำ โรยถั่ว โรยมะพร้าว หรือ ใส่ไส้อะไรก็เลือกกันไปค่ะ เราซื้อมาชิมกัน 2 ลูก แบบดั่งเดิมกับเคลือบช็อคโกแล็ต รสชาติก็ธรรมดา ๆ อ่ะค่ะ  

เดินเล่นกันจนทั่วเมือง Rothenburg แล้วก็ขับรถต่อขึ้นไปยังเมืองใกล้ๆ ทางเหนือ แวะซื้อขนมปังเป็นเสบียงสำหรับมื้อกลางวันกันแป๊บนึงที่เมือง Rottingen เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาแวะชมมากนัก

จากนั้นก็ขับกันขึ้นมาอีกหน่อยที่เมือง Weikersheim เมืองนี้มีพระราชวังและสวนในพระราชวังสวยค่ะ แต่เราก็ไม่ได้เข้าไปชมด้านใน เพราะเด็กๆ เริ่มเหนื่อย และฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจนัก ก็เลยเดินเล่นกันอยู่รอบ ๆ มีสวนสาธารณะของเมืองอยู่ข้างๆ พระราชวังด้วยค่ะ

 ***************

วันที่ 3 : Dinkelsbuhl

วันนี้เราจะลงไปทางใต้กันนิดนึงค่ะ เมือง Dinkelsbuhl ห่างจาก Rothenburg ประมาณ 45 กม. ความน่ารักของเมืองนี้ ก็คือสีสรรของอาคารบ้านเรือน ที่เป็นสีลูกกวาดมากๆ ค่ะ 

ประตูและกำแพงเมือง

  อาคารบ้านเรือนสีสรรสดใส

  

เดินเล่นเลาะรอบกำแพงเมือง

********************

(ติดตามวันที่ 4 ได้ ในตอนต่อไปค่ะ)




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2555    
Last Update : 10 สิงหาคม 2555 3:46:50 น.
Counter : 4558 Pageviews.  

South of England : Episode # 3 (South-Center)

Image Hosting by PictureTrail.com


อังกฤษนับว่าเป็นประเทศที่อากาศค่อนข้างแปรปรวนและฝนตกเกือบทั้งปี (น่าจะพอ ๆ กับที่ฮอลแลนด์เลยล่ะ)
เราเลือกที่จะมาเที่ยวอังกฤษหน้าร้อน (กรกฏา – สิงหา) ก็เพราะอัตราเสี่ยงต่อฝนตกน้อยกว่าฤดูอื่น ๆ ค่ะ
แต่เราก็ไม่ประมาทนะคะ เตรียมร่มและเสื้อกันฝนติดกระเป๋ามาด้วยค่ะ
แปดวันที่ผ่านมายังไม่มีโอกาสได้ใช้เลย นับว่าเราโชคดีมาก ๆ แดดออกทุกวัน อากาศก็กำลังสบาย ๆ 18-27 องศา ไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป


วันที่เก้า (1/08/11) : Lympstone - Sidmouth - Abbotsbury - Burley

แต่วันนี้ฟ้ามืดครึ้มแต่เช้า หมอกลงจัด Mrs.Mavis เจ้าของ Farm Stay บอกว่า วันนี้ล่ะฝนจะตกในย่านแถบนี้ เพราะไม่ตกมาอาทิตย์กว่าแล้ว
แต่พวกคุณโชคดีนะ ที่จะเดินทางออกกันวันนี้ และทาง Dorset ที่พวกคุณจะไปฟ้ายังแจ่มใส่อยู่นะ
พอได้ฟังอย่างนั้น เราก็ดีใจค่ะ เพราะถ้าไปเที่ยวแล้วฝนตกเนี่ย คงไม่ค่อยสนุกเท่าไรนัก
เราออกเดินทางกันแต่เช้าหลังจากรับประทานเสร็จ ผ่านบางช่วงใน Dartmoor National Park อีกครั้ง บรรยากาศวันนี้ช่างไม่เหมือนวันก่อนๆ ที่ผ่านมา


Image Hosting by PictureTrail.com


ตลอดทางฟ้ายังคงปิดและอึมครึม แต่เราก็ขับรถชมเมืองริมทะเลไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน

Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


เราขับรถมาได้สักระยะ พอพ้นเขต Devon เข้าสู่ Dorset ท้องฟ้าก็เริ่มเปิด ทำให้โลกดูสดใสขึ้นมาอีกครั้ง (เหมือนที่ Mrs.Mavis บอกเลยแฮะ)

Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


ระหว่างทางผ่านฟาร์มเลี้ยงวัวนมนับหลายร้อยตัว (อันนี้คิดเอาเองนะคะว่าเป็นวัวนม เพราะดูเต้าของแต่ละนาง อวบอิ่มจริงๆ)
และดูเหมือนว่าพวกเธอจะยืนรอต้อนรับพวกเราอยู่ค่ะ อย่ากระนั้นเลย ลงไปถ่ายรูปพวกเธอซะหน่อยล่ะกัน และก็ดูเหมือนพวกเธอจะรู้หน้าที่ ยืนโพสต์ท่าให้เราถ่ายรูปด้วย
พวกเธอจะสามัคคีกันมากกันค่ะ ถ้านางหนึ่งขยับหรือหันไปทางไหน เหล่านางที่เหลือก็จะทำตามกันทั้งฝูง ดูมีระเบียบกันดีจัง
บางทีพวกเธอหันมามองดูพวกเรากันตาเป็นมันกันเกือบหมดทั้งร้อยกว่าตัว ก็ดูน่ากลัวเหมือนกันนะ
นี่ถ้าพวกเธอหลุดออกมาจากรั้วได้ พวกเราอาจจะโดนเหยืยบได้นะเนี่ย
แต่เด็ก ๆ ชอบกันมากค่ะ โดยเฉพาะคุณน้องญาณิณ เหมือนเธอจะเจอเพื่อนที่ถูกคอ เห็นยืนคุยอะไรก็ไม่รู้กับแม่วัวได้เป็นนานสองนาน


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


และแล้วเราก็เดินทางมาถึงที่พักในเมือง Burley ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ New Forest
สี่คืนสุดท้ายนี้เราพักกันที่ Burley Manor Hotel (//www.theburleymanorhotel.co.uk/)
สถานที่ตั้งและบริเวณรอบ ๆ โรงแรมนับว่าดีมาก ๆ เพราะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ
บริเวณโรงแรมกว้างขวาง มีที่ให้เดิน ให้วิ่งเล่นเยอะ เดินออกนอกรั้วโรงแรมไปก็จะเจอ กวาง ลา ม้า วัว และสัตว์เล็กสัตว์น้อย


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


การตกแต่งภายในโรงแรมก็โอเคนะคะ ไม่หวือหวาแต่ก็ดูดีทั้งส่วนห้องนั่งเล่นและห้องอาหาร
แต่ห้องพัก (ห้องพรีเมียร์) ออกจะธรรมดา ไปหน่อยค่ะ เมื่อเทียบกับสองที่ที่เราไปพักมา
แต่ห้องกว้างขวางพอสมควร สำหรับครอบครัว เสริมเตียงแล้วก็ยังไม่อึดอัด


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่สิบ (2/08/11) : Easy Day

จริงๆ แล้ววันนี้เราวางแผนกันไว้ว่าจะไปตลุย New Forest National Park แต่แผนของเราก็ต้องล้มลง เพราะสารถีป่วยค่ะ
ท้องเสียและอาเจียรทั้งวัน กินอะไรไม่ได้เลย อาการแย่กว่าคุณลูกสาวอีก ได้แต่นอนพักอยู่ในห้อง
ส่วนคุณแม่ก็ต้องหากิจกรรมให้เด็ก ๆ ทำกันในโรงแรมนั่นแหละ จะว่าไปก็ดีนะคะ ถือโอกาสพักผ่อนจริงๆ ไม่ต้องออกไปตะลอน ๆ ข้างนอก
เพราะที่ผ่านมาออกตะลอนกันทุกวัน (ที่ป่วยนี่ ก็อาจจะเป็นเพราะตะลอนมากไปหน่อยก็ได้เน๊าะ)
อยู่ในโรงแรมเด็ก ๆ เค้าก็สนุกดี ได้วิ่งเล่น ปั้นดินน้ำมัน วาดรูป เป่าฟองสบู่ ว่ายน้ำ พอเหนื่อยคุณพี่ก็มาดูการ์ตูน คุณน้องก็นอนหลับไป
แต่คุณแม่นะรับบทหนักหน่อย เพราะต้องหาเรื่องให้ลูกเล่นและเล่นกับลูกอยู่คนเดียว แล้วยังต้องมาดูแลลูกชายคนโตอีก
อาการของคุณป๊ะป๋าเริ่มดีขึ้นในช่วงหัวค่ำ แต่ก็ยังทานอะไรมากไม่ได้ ก็ได้ซุปไปถ้วยกับขนมปังแผ่นนึงช่วยชีวิต


Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่สิบเอ็ด (3/08/11) : New Forest National Park – Milford on Sea

เดิมทีเราแพลนกันไว้ว่าวันนี้เราจะขับรถขึ้นไปเที่ยวที่ Bath กัน ซึ่งอยู่ทางเหนือของ Dorset ขึ้นไป แต่แพลนนี้ก็ต้องเปลี่ยนอีก
เพราะคุณสารถีก็ยังเพลีย ๆ อยู่ ถึงแม้จะไม่มีอาการท้องเสียหรืออาเจียรแล้วก็ตาม เลยคิดว่าน่าจะเที่ยวอยู่แถว ๆ นี่ดีกว่า
ถ้าไป Bath ซึ่งต้องขับรถถึงสองชั่วโมงกว่าจะถึง น่าจะเหนื่อยเกินไป ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาอีกเดี๋ยวจะแย่
เราก็เลยเลือกแพลนของเมื่อวานที่ไม่ได้ไปแทน เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่พัก
(แต่ก็ยังแอบเสียดายที่ไม่ได้ไป Bath นะคะ เพราะเมืองเค้าสวยมาก และอยากไปดูอ่างอาบน้ำโรมัน คราวหน้านะคะ..คราวหน้า… หวังว่าคงมีโอกาสได้มาอีก)

อุทยานแห่งชาติ New Forest (//www.newforestnpa.gov.uk/) จะเล็กกว่าอุทยานแห่งชาติ Dartmoor ค่ะ แต่ก็สวยไม่แพ้กัน
มีเส้นทางให้เดินหลายเส้นทาง และเราก็ยังคงพบเห็นฝูงปศุสัตว์ เดินอยู่ตามถนนหรืออยู่ในหมู่บ้านได้ทั่วไปค่ะ
บางทีคุณ ๆ เค้าก็กระโดดออกมาจากริมทางโดยไม่ให้สัญยงสัญญาณอะไรเลย ทำเอาตกใจ เบรคแทบไม่ทันแหนะค่ะ


Image Hosting by PictureTrail.com


เราเลือกเส้นทาง Tall Trees Trail ค่ะ เส้นทางนี้ประมาณ 1.5 ไมล์ เดินไม่ไกลมาก เหมาะกับสภาพลูกทัวร์ ณ ขณะนี้ และยังสนุกกับการตามหาต้นไม้สูง ๆ 4-5 ต้น ด้วยล่ะค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


ช่วงบ่ายเราขับรถต่อมายัง Milford on Sea เมืองชายทะเล แวะให้เด็ก ๆ ลงไปเล่นหินเล่นทรายกันสักพัก ไม่ได้ให้เล่นน้ำทะเลหรอกค่ะ เพราะมันหนาว แล้วก็ไม่สวยเหมือนทะเลเมืองไทยเลย

Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่สิบสอง (4/08/11) : Stonehenge – Salisbury
และแล้ววันที่เรารอคอย (ที่ไม่อยากเจอ) ก็มาถึงค่ะ เราได้ใช้ร่มและเสื้อกันฝนในอังกฤษกันซะที อุตส่าห์หอบหิ้วมาด้วยนินะ ฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อกลางดึก
(อะไรกัน…เมื่อวานยังแดดแจ๋ ๆ อยู่เลยนะเนี่ย) เช้ามาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

แล้ววันนี้จะเอาไงดีล่ะ พ่อทัวร์แม่ทัวร์มองหน้ากัน พ่อทัวร์ชวนกลับบ้านกันเลยดีกว่า เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องกลับอยู่แล้ว
แต่แม่ทัวร์ยังห่วงเที่ยวอยู่ ขออีกวันล่ะกัน และพยายามคิดในแง่ดี (แกมเข้าข้างตัวเอง) ว่าเดี๋ยวฝนมันก็หยุด
แล้วจะเหลือหรือค่ะ พาลูกลำบากลำบนนี่ชอบบบบ….ค่ะ แล้วจะไปไหนกันดีล่ะ

อืม…มาอังกฤษทั้งที ก็ต้องนี่ซินะ ไปดูเจ้าแท่งก้อนหินกันอันลือชื่อดีกว่า ไปเลยค่ะ ไปชม Stonehenge กัน ท่ามกลางสายฝนปรอย ๆ โรแมนติกสุด ๆ


Image Hosting by PictureTrail.com


เค้าว่ายังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า คนสมัยก่อนมาเรียงเจ้าก้อนหินมหึมาเป็นวงกลมกันเพื่ออะไร แต่สันนิษฐานว่าน่าจะใช้เป็นปฏิทินบอกฤดูกาล
หาประวัติความเป็นมาอ่านได้จากเวปไซด์ (//www.stonehenge.co.uk/) หรือถามอากู๋ ก็น่าจะให้คำตอบได้ค่ะ

จากที่พักเรามาถึง Stonehenge ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ฝนก็เริ่มซาลงแล้ว แค่ตกเป็นปรอย ๆ ละอองฝน
แต่ผู้คนและคณะทัวร์ (โดยเฉพาะทัวร์ญี่ปุ่นเยอะมากกกกก) ก็ยังคงหลั่งไหลมาชม Stonehenge กันไม่ขาดสาย


Image Hosting by PictureTrail.com


ออกจาก Stonehenge ฝนก็หยุดตกแล้วค่ะ แต่ท้องฟ้าก็ยังครึ้ม ๆ อยู่
เรามาแวะกันต่อที่เมือง Salisbury เมืองที่มีโบสถ์สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองเองก็สวยและน่าเดินเล่นค่ะ


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


วันนี้เรากลับเข้าที่พักเร็ว เพราะต้องเตรียมเก็บของกลับบ้าน และต้องออมแรงกันเอาไว้สำหรับการเดินทางไกลในวันพรุ่งนี้

วันที่สิบสาม (5/08/11) : Euro Tunnel – Go Back Home

เช้านี้อากาศแจ่มใสขึ้นมาอีกครั้ง มีแดดอ่อน ๆ แต่เช้าเลย เป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับการเดินทางกลับบ้านของเรา
ไปเที่ยวก็สนุกดีค่ะ แต่จะมีที่ไหนสุขใจเหมือนบ้านเรา
ขากลับนี้ เราเลือกที่จะนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ใต้ทะเลจากอังกฤษที่เมือง Folkestone ไปโผล่ที่ฝรั่งเศส เมือง Calais
//www.eurotunnel.com/uk/home/


Image Hosting by PictureTrail.com


พอถึงสถานี ก็มีขั้นตอนการตรวจเอกสารการเดินทางเหมือนกับตอนที่ข้ามมาทางเรือ ก็ไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวายอะไร ขับไปตามช่องทางที่เจ้าหน้าทีบอกไปเรื่อยๆ
ปุ๊บปั๊บ รถก็เข้ามาจอดในรถไฟและ เราสามารถออกจากรถขึ้นไปนั่งข้างบนได้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันในรถค่ะ เพราะทางอุโมงค์ใต้ทะเลนี้ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึง เร็วมากค่ะ

อุโมงค์นี้จะลึกลงไปในทะเลประมาณ 50 เมตร มองไม่เห็นอะไรหรอกค่ะเพราะมันอยู่ในอุโมงค์
นี่ถ้าเค้าทำเป็นอุโมงค์แก้ว แล้วเห็นปลาเล็กปลาน้อยว่ายเวียนไปมา ก็น่าจะกิ๊บเก๋ไม่น้อยนะคะ…


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


พอโผล่พ้นออกจากอุโมงค์ที่ฝั่งฝรั่งเศส ก็มิวายมีป้ายคอยเตือนผู้ขับขี่อีกเช่นกัน Remember Keep to the Right นะจ๊ะ

Image Hosting by PictureTrail.com


วันนี้เราเดินทางกันทั้งวันกว่าจะถึงบ้าน เพราะระยะทางค่อนข้างไกล รวมแล้วก็ประมาณ 8 -9 ชั่วโมง ก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยกันมากนัก
แต่ดีใจที่ถึงบ้านซะที ได้กินข้าวสวยร้อน ๆ กับไข่เจียวที่อยากกินมาหลายวัน และคืนนี้ก็ได้นอนเตียงนุ่ม ๆ ที่คุ้นเคย….

เฮ้อ...จบซะที...ซัมเมอร์ทริปปีนี้ของเรา….
ปีหน้าถ้ามีโอกาสก็จะเก็บเรื่องราวมาเล่าให้ฟังกันใหม่นะคะ ขอบคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาชมค่ะ…


Image Hosting by PictureTrail.com


****เก็บตกข้างทางและนางแบบตัวน้อย ***







 

Create Date : 21 สิงหาคม 2554    
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 4:12:58 น.
Counter : 1054 Pageviews.  

South of England : Episode # 2 (South-West)

Image Hosting by PictureTrail.com


เราออกจาก West Sussex เมือง Chichester กันประมาณบ่ายสองโมงค่ะ แล้วก็เดินทางต่อมายังที่พักใน Devon เมือง Bridestowe กันเลย ถึงที่พักประมาณหกโมงเย็นค่ะ

วันนี้เราพักที่ Knole Farm (//www.knolefarm-dartmoor-holidays.co.uk/accommodation.html) เป็น Farm Stay ที่อยู่ติดกับเขตอุทยานแห่งชาติ Dartmoor ฟาร์มนี้เค้าเลี้ยงวัวเนื้อค่ะ มีวัวหลายร้อยตัวที่เดียว และแบ่งส่วนที่พักชั้นบน 3 ห้อง เป็น Bed & Breakfast เราจอง Family room ไว้ ห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย มีเตียงให้คุณหนูคนละเตียงด้วยล่ะค่ะ และเป็นครั้งแรกที่น้องญาณิณนอนเตียงใหญ่ที่ไม่มีคอกกั้น คุณแม่ก็แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าเธอจะนอนตกเตียงหรือเปล่า ต้องเอาหมอนมากั้นไว้กันพลาด แต่เธอก็ทำได้ดีนะคะ ไม่ตกเตียงด้วยล่ะ

Mrs.Mavis เจ้าของฟาร์มให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง อาหารเย็นมื้อนี้เราก็ทานกันที่นี้ เพราะมาถึงกันค่อนข้างเย็น อร่อยมาก ๆ ทานเสร็จ Mrs.Mavis ก็เชิญไปนั่งพักผ่อนที่ห้อง tea room มีบริการชากาแฟอีก อาหารมื้อเช้าก็อร่อยไม่แพ้ในโรงแรมเลย พักที่นี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนกันอยู่บ้านตัวเอง ง่าย ๆ สบายๆ แต่มีความสะดวกครบครัน มีอินเตอร์เน็ต wi-fi บริการฟรีด้วยค่ะ ดีและถูกกว่าในโรงแรมอีกค่ะ (ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้มาอังกฤษอีก เราคงจะเลือกหาที่พักแบบ Farm Stay เป็นอันดับแรก) ทุกคนประทับใจที่นี้มาก ๆ รวมทั้งแขกที่มาพักท่านอื่น ๆ บางท่านมาพักที่นี้ทุกปี และปีละหลายครั้ง เพราะนอกจากบริการดีแล้ว สถานที่ตั้งยัง perfect สามารถเดินไป National park ได้เลย


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


South-West


Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่หก (29/07/11) : Land’s End – St.Ives
หลังจากนอนพักชาร์ตแบตกันเต็มที่แล้ว เช้านี้เราจะออกเดินทางไกลกันอีก เพราะจะข้ามจังหวัดไปยัง Cornwall จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ Land’s End ไม่ใช่สุดยอดแดนสยาม แต่เป็นสุดเขตเกาะอังกฤษค่ะ ถ้าลงเรือจากที่นี้แล้วพายไปเรื่อย ๆ ก็ถึงอเมริกาได้เลยนะคะเนี่ย ที่นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่ออีกแห่งหนึ่งของอังกฤษ เนื่องจากว่ามันเป็นสุดเขตนี่เอง

ก่อนถึง Land’s End เรา แวะที่ Falmouth กันแป๊บนึง เพราะเป็นทางผ่าน เห็นปราสาทสวย ๆ อยู่บนยอดเขาไกล ๆ ตั้งใจว่าจะขึ้นไปดู พอไปถึงที่จอดรถซึ่งอยู่ตีนเขา และต้องเข็นคุณลูกซึ่งกำลังหลับอยู่รถ ขึ้นรถเข็นไปอีก ก็เลยไม่เอาดีกว่า ไม่อยากปลุก เดี๋ยวจะรมณ์เสีย ก็เลยจอดรถชมวิวแค่ริมทาง แล้วเดินทางต่อไปยังจุดหมายของเรา


Image Hosting by PictureTrail.com


ที่ Land’s End นี้ นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเส้นทางให้เดินหลายเส้นทาง ถ้ามีเวลาเยอะๆ เดินเล่นได้ทั้งวันทีเดียว เราก็เดินเล่นและปิกนิคที่นี้กันอยู่พักใหญ่ ๆ ค่ะ เพราะเดินทางกันมาไกลจากที่พัก เกือบสองชั่วโมงได้ แต่เด็ก ๆ ก็ให้ความร่วมมือดีนะคะ ในรถก็ไม่งอแง น้องญาณิณก็ตื่นบ้างหลับบ้าง พี่ณิชาก็เล่นอะไรของเธอไป พอได้ลงจากรถเค้าก็ดีใจ ที่ได้ลงมาวิ่งเล่น ได้ปีนป่าย ดูนกนางนวล เก็บดอกไม้ใบหญ้า มีความสุขกับธรรมชาติค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com



ที่นี้ยังมีส่วนที่เป็นสนามเด็กเล็กสำหรับผู้มาเยือนตัวน้อยด้วยค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com

ออกจาก Land’s End เราก็ต่อไปยังเมือง St. Ives ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง และยังเป็นหมู่บ้านของเหล่าศิลปินด้วย ที่นี้จะมีแกลลอรี่งานศิลปะมากมายค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย เพราะคนเยอะมากๆ และเริ่มเหนื่อยกันแล้ว เดินไปสักพักคุณพี่ณิชาเริ่มไม่อยากเดิน เพราะทางเดินก็ขึ้น ๆ ลงๆ เขา ส่วนคุณน้องญาณิณก็ไม่อยากจะนั่งรถเข็น ถ้าสลับกันก็ดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวนะคะ แต่มันไม่ได้ค่ะ เพราะคนเยอะมาก ถ้าปล่อยให้คุณน้องเธอเดินเอง หายแน่ ๆ ค่ะ ก็ต้องหลอกล่อกันไป เอาคุณน้องไปขี่คอคุณป๊ะป๋าบ้าง แล้วให้คุณพี่นั่งรถแทน คุณแม่ก็ต้องเข็นครกขึ้นภูเขาไป เราทานข้าวเย็นที่นี้เสร็จแล้วก็ตรงดิ่งกลับที่พักอาบน้ำนอนกันเลย สนุกแต่ก็เหนื่อยมากค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่เจ็ด (30/07/11) : Tavistock – Dartmoor National Park


Dartmoor National Park


Image Hosting by PictureTrail.com

//www.dartmoor-npa.gov.uk/
//www.discoverdartmoor.co.uk/


วันนี้เราจะพาไปตะลุย Dart moor National Park กันค่ะ แต่ก่อนอื่นขอแวะที่ Tavistock เตรียมเสบียงก่อนนะคะ

Image Hosting by PictureTrail.com


หลังจากหาซื้อเสบียงจากในเมืองเสร็จ ขับรถออกมานึ๊ดนึง ก็เหลือบไปเห็นอาคารเก่าแก่ใหญ่โต คุณป๊ะป๋าเดาว่าน่าจะเป็นโรงเรียน เราก็คิดในใจว่า อืมมม…ถ้าเป็นโรงเรียนจริง ก็ได้อารมณ์โรงเรียนแฮรี่พ๊อตเตอร์เลยแฮะ อย่ากระนั้นเลย เข้าไปดูให้หายสงสัยดีกว่า
และแล้วก็จริงอย่างที่คุณป๊ะป๋าคาดเดาค่ะ เป็นโรงเรียนจริง ๆ ด้วย ดูใหญ่โตอลังการณ์ และแฝงไปด้วยความขลัง ความขรึม ยังไงบอกไม่ถูก


Image Hosting by PictureTrail.com


จากนั้นเราก็ขับรถเข้าอุทยานกัน วิวทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามมาก ๆ มันสวยเกินกว่ากล้องและตากล้องกิ๊กก๊อกอย่างเราจะเก็บภาพเอาความสวยงามความประทับใจกลับมาได้หมด เนินเขากว้างใหญ่ ทอดยาวขึ้น ๆ ลง ๆ สลับกันไปสุดลูกหูลูกตา และสิ่งที่ได้พบเห็นกันตลอดทางก็คือ เหล่าฝูงแกะ ม้า วัว ลา ล่อ ที่ยืนอวดโฉม กินหญ้าอยู่กลางทุ่ง ไม่ก็พากันเดินเฉิดฉายกันตามไหล่ทาง ไม่กลัวรถราที่ขับผ่านไปมาเลย พวกเธอคงคิดว่า นี่ถิ่นฉันนะย่ะ โปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง ฝูงสัตว์เหล่านี้มีเจ้าของค่ะ แต่เค้าปล่อยให้หากินตามธรรมชาติ ก็ยังสงสัยว่ามันจะเดินกลับบ้านกันเอง หรือต้องมีเจ้าของมาต้อนกลับไปนา….. ก็ลืมถามคนแถวนั้นซะด้วย…แย่จัง..

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


เส้นทางที่เห็นในแผนที่ Dartmoor ด้านบนนั้น เป็นถนนสายหลักสองช่องทาง ที่รถสามารถขับสวนทางกันได้ แต่ระหว่างทางสายหลักนั้น ก็ยังมีถนนเล็ก ๆ แยกลัดเลาะอยู่ทั่วไป เป็นถนนช่องทางเดียว และส่วนใหญ่จะมีต้นไม้สูงเป็นรั้วทั้งสองข้างทาง เวลาขับต้องระมัดระวังมาก ๆ และเวลาที่ขับรถสวนกัน ก็ต้องหยุดข้างทางให้คันใดคันหนึ่งไปก่อน แต่ผู้ขับขี่รถยนต์ที่นี้เค้ามารยาทดีกันมาก ๆ ค่ะ ถ่อยทีถ่อยอาศัย บางทีก็หลบให้กันทั้งสองฝ่ายเลยดีเดียว และมีการให้สัญญาณยกไม้ยกมือขอบคุณกันทุกครั้งไปค่ะ น่ารักดีค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com


ในบริเวณอุทยาน จะมีจุดให้จอดรถ เป็นระยะ ๆ เพื่อลงเดินหรือถีบจักรยานต่อ สามารถหาข้อมูลก่อนการเดินทางได้ในเวปไซด์ค่ะ ว่าเราจะเลือกเดินตรงจุดไหน ทำให้ไม่เสียเวลามาก แต่ถ้าไม่ได้ทำการบ้านมาก่อน ก็สามารถขับรถชมวิว หรือถ้าเห็นจุดไหนสวย ๆ ก็จอดแล้วลงเดินกันได้ค่ะ เราหาข้อมูลกันมาบ้างแล้ว แต่ก็อดที่จะจอดรถถ่ายรูปบ้าง ลงไปดูบ้างเป็นระยะ ๆ ไม่ได้ เพราะมันสวยไปหมด บางจุดมี ฝูง Pony กินหญ้า รอรับเด็ก ๆ อยู่ด้วย

Image Hosting by PictureTrail.com


โดยเฉพาะน้องญาณิณ รักสัตว์เป็นพิเศษ อยากเลี้ยงอาหารเพื่อน ๆ สี่ขา อยากให้เพื่อนได้กินเหมือนที่ตัวเองกิน เธอก็เลยเสียสละสิ่งที่ทานไปเมื่อเช้าทุกอย่าง อาเจียรออกมาหมดต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ สี่ขาเหล่านั้น เพื่อน ๆ ก็ทำหน้ากันงงๆ คงสงสัยว่า อะไรเนี่ย กินได้หรือเปล่าหว่า ขนมปัง แยม ไข่ดาว ไส้กรอก เคยแต่แทะเล็มหญ้าอ่อน ๆ พวกเธอยืนลังเลอยู่พักนึง แล้วก็เมินหน้า เดินหนีไปทางอื่นเฉยเลย ส่วนคุณน้องญาณิณของเราก็ซึมไปพักใหญ่ เพื่อนไม่สนใจ…เศร้า… มากอดแม่แทนดีกว่า…
คุณแม่ก็คิดในใจว่า วันนี้คงงานเข้าแน่ ๆ เที่ยวคงไม่สนุก อาจจะต้องพาน้องญาณิณกลับไปที่พัก แต่เธอก็อึดนะคะ พอขึ้นรถได้ก็หลับไปพักใหญ่ ตื่นมาก็คุยได้ ร่าเริง และ ที่สำคัญเธอไม่มีไข้ หรือท้องเสีย เราก็เลยตัดสินใจ ไปกันต่อค่ะ ว่าไปแล้วก็ทรมานลูกยังไงไม่รู้….

เราเดินทางมายังจุดที่จอดรถที่เมือง Drewsteignton เพื่อที่จะเดินเล่นกันต่อ เราเลือกเส้นทางที่ไม่ไกลนัก พอที่คุณพี่ณิชาจะ (ทน)เดินได้ และเลือกเส้นทางที่สามารถใช้รถเข็นได้ด้วย สำหรับเข็นคุณน้องญาณิณ อันนี้ก็สามารถหาข้อมูลได้จากเวปไซด์นะคะ เค้าจะบอกรายละเอียดไว้ค่อนข้างดี เส้นทางที่เราเดิน ก็จะเลาะริมลำธารไปเรื่อย ๆ จากสะพานของหมู่บ้านหนึ่งไปยังสะพานของอีกหมู่บ้านหนึ่งค่ะ


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


คุณน้องญาณิณหลังจากเมื่อเช้าให้ทาน แก่เพื่อน ๆ Pony ไปแล้ว เธอก็ร่าเริงดี เป็นปกติ เดินชมนกชมไม้ได้ไกลที่เดียว เธอชอบเดินมากกว่านั่งรถเข็นอีกค่ะ และก็ทานต่อได้อีก แต่ช้าแต่…ทานไปได้ไม่ถึงห้านาที เธอก็ใจบุญอีกแล้ว แบ่งขนมปังที่ทานเข้าไปให้แก่ปลาเล็กปลาน้อยในลำธาร โอ้…คุณลูกขา.. แม่พามาทรมารแท้ ๆ ….

Image Hosting by PictureTrail.com


แต่หลังจากอาเจียรมาอีกรอบ เธอก็ซึมลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้ร้องไห้หรือโยเยอะไร ยังเล่น ยังหัวเราะกับคุณพี่สาวได้ แต่เราก็คิดว่าน่าจะกลับกันดีกว่า (น่าจะคิดได้ตั้งแต่เช้าแล้วนะคะคุณแม่ขา) เพราะก็เดินมาได้ไกลพอสมควร ถึงจะไม่ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็พาเด็ก ๆ ได้มาซึมซับธรรมชาติ (หรือมาทรมาร ??) ได้พอสมควร ระหว่างเดินกลับไปที่รถ คุณน้องญาณิณคงเหนื่อยหมดแรง หลับไปในรถเข็นตลอดทางค่ะ

เราแวะทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารระหว่างทาง ก่อนเข้าที่พัก และอย่างเคยค่ะ น้องญาณิณทานได้ แล้วก็เอาออกได้อีกในเวลาตอนมา สรุปว่าวันนี้เธอไม่มีอะไรอยู่ในท้องเลย แต่ดีที่เธอดื่มน้ำได้ค่อนข้างเยอะ และก่อนนอนได้คุกกี้ชิ้นน้อย ๆ ไปหนึ่งชิ้น (ไม่ยักกะออกมาอีกแฮะ…แม่ก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน…)


วันที่แปด (31/07/11) : Okehampton Castle – Pony Center

วันนี้เราเลือกกิจกรรมเบา ๆ สำหรับเด็ก ๆ และไม่ไกลจากที่พักค่ะ ซึ่งก็ยังอยู่ในเขต Dartmoor National Park เนื่องจากยังไม่รู้ว่าวันนี้น้องญาณิณเธอจะเป็นยังไง

ช่วงเช้าเราไปชมปราสาทที่เมือง Okehampton ซึ่งขับรถไปสิบนาทีก็ถึงค่ะ ดูแล้วน่าจะเป็นซากปราสาทมากกว่า แต่เค้าว่าเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดของ Devon รอบ ๆ ปราสาทยังมีเส้นทางให้เดินเล่นด้วย เราก็เดินเล่นกันสักพัก เพราะยังมีเรียวแรงกันอยู่


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


หลังจากนั้นเราก็ขับรถเข้าไปในเขตอุทยานกันอีกครั้ง เพื่อไปยัง Miniature Pony Center ระหว่างทาง มองไปเห็นฝูงแกะฝูงใหญ่ที่เดียวอยู่กลางเนินเขา เห็นมีรถกำลังวิ่งไล่ต้อนฝูงแกะอยู่ด้วย

Image Hosting by PictureTrail.com


จากนั้นเราก็มุ่งตรงมายัง Miniature Pony Centre (//www.miniatureponycentre.com/) ซึ่งเป็นฟาร์มสวนสัตว์ นอกจาก Pony แล้ว ก็ยังมีสัตว์อื่น ๆ ด้วยมากมาย ม้า หมู ไก่ วัว นก เป็นศูนย์การศึกษาที่ดีอีกที่หนึ่งค่ะ เพราะเค้าจะทำเหมือนในฟาร์มที่เลี้ยงจริงๆ นอกจากนี้ยังการแสดงโชว์ต่างๆ มีกิจกรรมให้เด็ก ๆ ทำอีกมากมาย มีส่วนที่เป็นสนามเด็กเล่น ทั้งของเด็กเล็กและเด็กโต ทั้งสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง และในร่ม มีบริเวณให้นั่งปิคนิคด้วย สามารถอยู่ที่นี้ได้ทั้งวันเลยค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


วันนี้ทั้งสองสาวสนุกเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพี่ณิชา ได้ทำกิจกรรมหลายอย่าง ที่เธอชอบมากคือ ได้ขี่เจ้า Pony และได้เป็นเจ้าหญิงผีเสื้อน้อย

Image Hosting by PictureTrail.com


แต่เจ้าหญิงผีเสื้อของเราเกือบเป็นหมดสวยหลังจากแปลงร่างได้ไม่ถึงห้านาที
เรื่องของเรื่องคือ พอแต่งหน้าเสร็จเธอก็ปวดฉี่ แม่ก็พาไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องญาณิณไปด้วย
เธอเข้าห้องน้ำเสร็จ ด้วยความเคยชิน แม่ก็บอกให้เธอไปล้างมือ และเนื่องด้วยอากาศค่อนข้างร้อน ก็เลยบอกให้ลูกเอาน้ำลูบหน้าลูบตาซะหน่อยนะคะ จะได้สดชื่น ปากเราก็บอกไปขณะกำลังยุ่งเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องอยู่ เพราะคุณน้องเธอไม่อยู่เฉยเลย ก็ไม่ได้หันไปดูหรือสนใจคุณพี่สาวเท่าไร เพราะรู้ว่าเธอช่วยเหลือตัวเองได้
เท่านั้นแหละ.. โอ๊ยยยยย…..คุณแม่ขาาาาาา…..แล้วเธอก็ยื่นมือที่ฉาบสีรุ้งมาให้ดู…. พร้อมสีหน้าตกใจ….แล้วถามแม่ว่า…คุณแม่ขา..ผีเสื้อยังอยู่ไหม๊ค่ะ….
แม่หันไปเห็นหน้าลูกก็ตกใจ...แต่ก็ตอบลูกไปว่า….มันยังอยู่ค่ะลูก แต่เดี๋ยวคุณแม่จะพาไปให้มิสเค้าเพิ่มสีปีกให้อีกหน่อยนะคะ เพราะรู้สึกว่าปีกข้างนึงมันจะหักอ่ะค่ะ ดีนะที่เธอตัวเล็กยื่นไม่ถึงกระจก ไม่งั้นถ้าเห็นคงร้องไห้ฟูมฟาย แล้วก็พาเธอไปให้มิสเค้าแต่งให้อีกรอบค่ะ มีสเค้าก็ใจดีนะคะ ไม่คิดตังค์เพิ่ม
งานนี้ก็โทษคุณลูกไม่ได้เลยค่ะ เพราะเธอเป็นเด็กดี เชื่อและทำตามที่แม่บอก แม่ก็โทษตัวแม่อยู่ในใจเองล้วน ๆ ค่ะ ที่สะเพร่า ไม่ยอมดูลูกเลย (แหม…ก็มันยุ่งอะนะ)
และเจ้าหญิงผีเสื้อของเราก็อยากจะเป็นเจ้าหญิงตลอดไป ไม่ยอมให้ล้างหน้า ไม่ยอมให้เช็ดออก แต่ก็ตกลงกับเธอว่าให้ไว้ได้ถึงพรุ่งนี้เย็น เพราะเดี๋ยวจะคันหน้า เธอก็ยอมตกลงโดยดีค่ะ เด็กดีจริงจริ๊งงงงง…แม่ผีเสื้อน้อย….


Image Hosting by PictureTrail.com


ส่วนคุณน้องญาณิณ วันนี้เธอฟิตเหมือนเดิมแล้วค่ะ ไม่มีอาการเหมือนเมื่อวาน แถมคึกมากกว่าเดิมอีกสองเท่า แต่วันนี้ทั้งวัน ทั้งคุณแม่และคุณป๊ะป๋า ก็คอยลุ้น คอยสังเกตอาการอยู่ตลอด ดีใจที่เธอกลับมาเป็นปกติค่ะ หัวอกพ่อแม่อ่ะเน๊าะ…

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะพักที่ Lovely Farm แห่งนี้ สามสี่วันที่ได้ตะลอน ๆ อยู่ที่นี้ มีความสุขและประทับใจมากค่ะ

พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางต่อไปยัง Dorset ติดตามได้ใน Episode # 3 ค่ะ




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2554    
Last Update : 12 สิงหาคม 2554 15:32:29 น.
Counter : 896 Pageviews.  

South of England : Episode # 1 (South-East)

ล่องใต้เมืองผู้ดีอังกฤษ

ซัมเมอร์ปีนี้เราจะพาไปล่องใต้เมืองผู้ดีกันค่ะ ตั้งแต่ทางใต้ฝั้งตะวันออก ยันทางใต้ฝั่งตะวันตก
ตะลอน ๆ กันไป รวม 12 คืน 13 วัน เราแบ่งทริปของเราออกเป็น 3 ช่วงค่ะ

ช่วงแรก 4 คืน เราพักที่ East Sussex เพื่อที่จะเที่ยวแทบทาง ใต้ฝั่งตะวันออก
ช่วงที่สอง 4 คืนต่อมา เราข้ามไปพักที่ Devon เพื่อที่จะเที่ยวแทบทางใต้ฝั่งตะวันตก
และช่วงสุดท้าย อีก 4 คืน ย้อนกลับมาพักที่ Dorset เพื่อที่จะเที่ยวทางใต้ตอนกลาง


แผนที่แบ่งเขตตามจังหวัด
ระยะทางจากทางใต้ฝั่งตะวันออกจนถึงทางใต้ฝั่งตะวันตกประมาณ 600 กิโลเมตร

Image Hosting by PictureTrail.com


South of England : Episode # 1 (South-East)


Image Hosting by PictureTrail.com



วันแรก (24/07/11) :  Netherlands – Dunkerque (Dunkirk) – Dover – Rye - Battle

เราขับรถกันไปเองจากบ้านที่เมือง Helmond ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไปลงเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือเมือง Dunkerque (Dunkirk) ประเทศฝรั่งเศส ระยะทางจากบ้านถึงท่าเรือประมาณ 300 กม. ขับรถไปประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วก็นั่งเรือข้ามฝากไป อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง ขึ้นที่ท่าเรือเมือง Dover ประเทศอังกฤษ (จากรูปตามเส้นทางสีแดง)

Image Hosting by PictureTrail.com


จริง ๆ แล้ว ท่าเรือข้ามฝากจากฝั่งภาคพื้นยุโรปไปอังกฤษนั้นมีหลายท่า จะข้ามจากเบลเยี่ยม (เมือง Oostende) ซึ่งใกล้บ้านเรามากกว่าฝรั่งเศสก็ได้ แต่ใช้เวลาบนเรือนาน 4-5 ชั่วโมงแหนะ เราก็เลยเลือกขับรถต่อไปอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง Dunkerque ท่าเรือที่ฝรั่งเศสก็มีหลายท่าอีกเช่นกัน แต่ที่ Dunkeken อยู่ใกล้สุด และที่สำคัญราคาไม่แพงค่ะ

เราใช้บริการของบริษัทเรือแห่งนี้ค่ะ //www.dfdsseaways.com/

บนเรือก็มีร้านอาหาร ร้านขายของปลอดภาษี มีมุมให้เด็ก ๆ เล่น หรือจะขึ้นปชมวิวบนดาดฟ้าเรือก็ได้ ทำให้เด็กๆ ไม่เบื่อ แต่วันนี้เด็ก ๆ ก็นิสัยดีกันมากนะคะ ไม่งอแงเลยถึงจะเดินทางกันทั้งวัน แต่เพื่อความไม่ประมาท แม่ก็ต้องเตรียมอุปกรณ์รับมือไว้ให้ครบครั้น ไม่ว่าจะเป็นของเล่นใหม่ ๆ แอบซื้อไว้ไม่ให้เห็นมาก่อน ขนมนมเนยแปลก ๆ หนังสือเล่มโปรด แล้วก็ยังมีดีวีดีติดรถไว้ด้วย ทุกอย่างช่วยได้มากที่เดียวค่ะ สลับกันไป นี่ค่ะ เรือของเรา


Image Hosting by PictureTrail.com


เมือง Dover เป็นเมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเมืองหนึ่งของอังกฤษ ด้วยที่ว่ามีหน้าผาหินปูนสีขาว ตั้งตระหง่านยาวสุดลูกหูลูกตา รอรับผู้มาเยือน ที่ใคร ๆ เห็นก็คงอดถ่ายรูปไว้ไม่ได้…

Image Hosting by PictureTrail.com


อันที่จริงเราจองตั๋วเรือได้รอบบ่ายสองโมง แต่เราเดินทางมาถึงกันค่อนข้างเร็ว ก่อนเที่ยงแหนะ เค้าก็ให้ขับรถไปตามช่องทาง ตรวจเอกสารเสร็จ แล้วก็ให้ขับเข้าไปจอดในเรือ อารมณ์ก็เหมือน ๆ กับ ข้ามเรือเกาะช้างอ่ะค่ะ จอดรถเสร็จก็ขึ้นไปนั่งเล่นข้างบนเรือเพื่อจะรอเรือออก เพราะคิดว่าคงต้องรออีกนาน แต่พอขึ้นไปไม่ถึงห้านาที ก็รู้สึกว่าเหมือนเรือกำลังขับเคลื่อน อารมณ์งง ๆ นิด ๆ เอ๊ะ ขึ้นเรือผิดหรือเปล่านี่ แต่ก็ไม่น่าจะผิดหรอกน่ะ มันก็มีอยู่ลำเดี่ยว แล้วเค้าก็ตรวจเอกสารเรียบร้อย โอ๊ะโอ…โชคดีจัง เราได้ไปรอบเที่ยงเลยหรือนี่ (เรือออกทุก 2 ชั่วโมง) ไม่ต้องเสียเวลารอ นับว่าเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ดีนะเนี่ย….

พอได้ขึ้นฝั่งอังกฤษที่ Dover คุณป๊ะป๋าซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถี ก็ต้องตั้งสติให้ดี เพราะที่อังกฤษขับรถทางซ้าย เหมือนเมืองไทย แต่ที่ฝั่งยุโรป คิดว่าเกือบทั้งหมด จะขับรถทางขวา ออกจากท่าเรือจะมีป้ายเตือนตลอด Remember Keep to the Left นะจ๊ะะะะ…..


South East


Image Hosting by PictureTrail.com


อย่างที่เล่าให้ฟังว่า วันนี้เราโชคดีที่ได้ลงเรือก่อนกำหนดเวลา เลยทำให้เรามีเวลาแวะเที่ยวแป๊บนึง ก่อนเข้าที่พัก ที่เมือง Battle จากรูปบน ตามเส้นทางสีแดงค่ะ
และเวลาที่อังกฤษจะช้ากว่าเนเธอร์แลนด์หนึ่งชั่วโมง ก็ทำให้เราได้กำไรอีกนึดนึง เรามาแวะให้สาวๆ ได้ลงมายืดเส้นยืดสายกันที่เมือง Rye ค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่น่ารักมาก ๆ


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


ออกจาก Rye เราก็ขับรถชมวิวเลาะชายฝั่งทะเลไปเรื่อย ๆ แล้วก็มุ่งสู่ที่พักที่เมือง Battle

เราพักที่ Powdermills Hotel (//www.powdermillshotel.com/)
บรรยากาศโดยรอบสวยงาม และสถานที่ตั้งโรงแรมนี้ดีมาก ๆ ส่วนห้องพัก ถ้าดูจากเวปไซด์ ห้องพักจะดูหรูหราโอ่อ่า แต่ห้องที่เราพักเป็นห้องแสตนด์ดาร์ดเล็ก ๆ ธรรมดา ตกแต่งสไตล์อังกฤษ ที่มีม่านห้อยระโยงระยาง มี wallpaper ลวดลายดอกไม้เต็มผนัง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปภายในห้องพักมาเลยค่ะ เพราะห้องค่อนข้างเล็ก กางเตียงคุณหนูเข้าไปก็ไม่มีมุมถ่ายรูปแล้วค่ะ แต่ห้องนั่งเล่นอื่น ๆ ของโรงแรมตกแต่งดีมาก ๆ ค่ะ ได้บรรยากาศทีเดียว

ที่โรงแรมนี้เราได้เจอกับพนักงานเสริฟชาวเขมรด้วยค่ะ น้องเค้าพูดภาษาไทยได้ดีทีเดียว เพราะเคยทำงานที่โรงแรมในไทยมากว่าสิบปี พอเค้าได้ยินเราพูดภาษาไทยกับเด็ก ๆ เค้าก็เลยทักเป็นภาษาไทยกับเรา ก็ดีใจค่ะ ที่ได้มีโอกาสพูดภาษาไทยในต่างแดน ถึงแม้จะไม่ใช่กับคนไทยแท้ ๆ



Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่สอง (25/07/11) : Canterbury – White Cliff – Hastings (รูป south east - เส้นทางสีน้ำเงิน)

วันนี้เราขับรถขึ้นเที่ยวที่ Canterbury ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ Kent เราใช้บริการ Park & Ride โดยขับรถไปจอดที่ Car park บริเวณชานเมืองและนั่งรถบัสเข้าตัวเมืองกัน สะดวกสบายมาก จ่ายค่าที่จอดรถ และใช้ตั๋วขึ้นรถบัสได้เลยทั้งครอบครัว (สูงสุด 6 คน/คัน) คันละ 2.5 ปอนด์/วัน เองค่ะ ราคาน่ารักมาก ๆ และไม่ต้องเครียดกับการจราจรในตัวเมืองด้วย เด็กๆ ก็ชอบมาก เพราะได้เปลี่ยนรถ ได้นั่งรถบัสสองชั้นคันใหญ่ ๆ บริการแบบนี้จะมีแทบทุกตัวเมืองใหญ่ ๆ ค่ะ
เราตั้งใจว่าจะไปชม Canterbury Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์ที่สวยงามและมีชื่อเสียงของเมืองนี้ แต่วันนี้คนเยอะมาก ต้องต่อคิวยาว ก็เลยไม่ได้เข้าไปชมข้างในโบสถ์ ได้แต่เดินในเมืองกัน


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

ออกจาก Canterbury เราก็ขับรถย้อนลงมาที่เมือง Dover เพราะอยากจะไปชมปราสาทและเขาหินปูนสีขาวๆ ที่เราเห็นตอนนั่งเรือมาให้ชัด ๆ อีกสักครั้ง ขับรถมาไม่ไกลก็เห็นปราสาทเมือง Dover ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างหน้า เสียดายที่เค้าไม่เปิดให้เข้าชม ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปจากตอนที่รถวิ่งผ่าน จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่ White Cliff กันค่ะ ต้อง เสียค่าเข้า 3 ปอนด์ต่อคัน จากที่นี้เรายังได้เห็นท่าเรือที่เรามาถึงจากมุมสูงด้วยค่ะ พาเด็ก ๆ มาเดินที่นี้ก็ต้องคอยระวังค่ะ เพราะอาจจะกลิ้งตกหน้าผาไปได้ง่าย ๆ อยากจะยืนถ่ายรูปริม ๆ หน้าผา ก็เล่นเอาขาสั่นเหมือนกัน เราไปถึงสักประมาณบ่ายสามได้มั่งค่ะ ก็ใช้เวลาเดินเล่นนั่งเล่นอยู่สักพัก แล้วก็เดินทางกลับที่พัก

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

ระหว่างทางผ่านเมือง Hastings ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลที่มีชื่อเสียงอีกเมืองนึง ที่นี่มีกิจกรรมชายหาด มีสวนสนุกให้เด็ก ๆ เล่น แต่เรามาถึงกันก็ห้าโมงครึ่งแล้ว เครื่องเล่นต่าง ๆ ก็ปิดหมด ก็ได้แต่ให้เด็ก ๆ นั่งเล่นที่ชายหาด แค่นี้เค้าก็สนุกสนานกันแล้วค่ะ ชายหาดส่วนใหญ่ที่นี้จะเป็นหาดหินค่ะ นั่งไปก็เจ็บก้นเหมือนกัน จะเล่นน้ำก็หนาว ว่าแล้วก็คิดถึงทะเลเมืองไทยจัง ไม่มีที่ไหนสู้ได้จริงๆ อ้อ…แล้วเราก็ไม่ลืมที่จะลิ้มลอง Fish & Chips ด้วยล่ะค่ะ
จริงๆ แล้วนั่นก็คือ ปลาชุบแป้งทอด กับ เฟรนไฟร์ นี่เอง แต่เค้าก็ขาย snack อย่างอื่นด้วยนะคะ ร้าน Fish & Chips จะมีอยู่ทั่วไปเกือบทุกย่อมย่าน ถ้าหาอะไรทานไม่ได้ ร้านนี้ก็ช่วยได้ค่ะ แต่ทานบ่อย ๆ ไม่ดีแน่ ๆ อ้วนค่ะอ้วน เราก็ลองกันแค่ครั้งเดียวให้รู้เท่านั่นเองค่ะว่ามันเป็นยังไง (ก็คนมันไม่เคยนิเน๊าะ)


Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่สาม (26/07/11) : Battle – Hailsham – Beachy Head (รูป south east - เส้นทางสีม่วง)

Battle เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็เป็นประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งของอังกฤษ ( English Heritage : 1066 Battle of Hastings) หาประวัติอ่าน กันได้ที่ Wikipedia นะคะ สถานที่ที่น่าสนใจของเมืองนี้ก็คือ Battle Abbey

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com



ออกจาก Battle เรามาแวะที่ Herstmonceux Castle ปราสาทสวย ๆ ที่เมือง Hailsham รอบ ๆ ปราสาทนั้นจะโอบล้อมไปด้วยป่า ซึ่งก็มีเส้นทางให้เราสามารถเดินศึกษาธรรมชาติได้ บริเวณใกล้ ๆ กัน กับปราสาทแห่งนี้ ยังมีศูนย์วิทยาศาสตร์อีกด้วย สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้พร้อมกัน หรือจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ค่ะ เราเลือกเฉพาะชมสวนในปราสาทและบริเวณป่าโดยรอบ เพราะเหมาะกับคุณหนูวัย 2 และ 4 ขวบ มากกว่า ก็เดินชมนกชมไม้กันไป ถ่ายรูปไป หยุดปิคนิคกันพักนึง ใช้เวลากันไปเกือบ 3 ชั่วโมง แบบสบาย ๆ ค่ะ


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


Beachy Head & Seven Sisters เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีชื่อเสียงของ East Sussex ความโด่ดเด่นของที่นี้อยู่ที่หน้าผาหินปูนสีขาวที่ทอดยาว และลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาสูงขึ้น ๆ ลง ๆ ที่นี้สวยกว่า white cliff ที่ Dover เยอะเลยค่ะ เหมาะแก่การเดินและถีบจักรยาน มีหลายเส้นทางเดินให้เลือก แต่เรามาถึงที่นี้ค่อนข้างเย็นแล้ว และเมฆฝนก็ดูเหมือนเริ่มจะมา ก็เลยอยู่ที่นี้ได้ไม่นานนัก เสียดายเหมือนกันค่ะ ถ้ามากันแต่เช้า ก็คงอยู่ที่นี้กันได้ทั้งวันเหมือนกันค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่สี่ (27/07/11) : Brighton – Arundel (รูป south east – เส้นทางสีชมพู)

Brighton เมืองชายทะเลที่ครึกครื้นและมีสีสัน ทั้งกลางวันและกลางคืน เหมาะกับหนุ่มสาว และคนที่ชอบความสนุกสนานครึ้นเครง นอกจากกิจกรรมชายหาดแล้ว จุดเด่นหรือสัญลักษณ์ของ Brighton ที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งก็คือ The Royal Pavilion ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราเลือกที่จะมาเยี่ยมเมืองนี้ค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com


ที่ Brighton มีกิจกรรมชายหาดหลายรูปแบบให้เลือกสรรสำหรับทุกเพศและทุกวัย โดยเฉพาะที่ Brighton Pier แพยาวที่ทอดออกไปในทะเล ใครมาที่นี้ก็คงจะไม่พลาดแน่ ๆ ตรงกลางแพจะเป็นร้านค้าขายของกิน ของเล่น ของประดับตกแต่ง ล่อตาล่อใจนักท่องเที่ยวทั้งตัวน้อยตัวใหญ่ ปลายสุดของแพจะเป็นสวนสนุกใหญ่มาก ๆ ไม่ต้องเสียค่าเข้า แต่ต้องซื้อตั๋วเล่นเป็นอย่าง ๆ ไป มีทั้งของเด็กน้อยและเด็กโต รวมทั้งผู้ใหญ่ที่ชอบของเล่นท้าทายความเสียวด้วย
หลังจากหลวมตัวเดินมาจนสุดถึงเขตสวนสนุกแล้ว ก็คิดไว้แล้วว่าเด็ก ๆ คงร้องอยากเล่นโน่นเล่นนี่แน่ ๆ โดยเฉพาะคุณพี่ณิชา อยากเล่นไปหมดซะทุกอย่าง แต่เราก็มีข้อตกลงกันก่อนค่ะ ว่าให้เล่นได้กี่อย่าง แล้วให้เธอเลือกเอง
รู้ไหม๊ค่ะ อย่างหนึ่งที่เธอเลือกเล่นคืออะไร นี่เลยค่ะ “Horror Hotel” โรงแรมผีสิงนั่นเอง ก็เอาน่าไม่ลองไม่รู้นิ ก็เลยให้เข้าไปกับคุณป๊ะป๋า เพราะคุณแม่ต้องเสียสละอยู่เป็นเพื่อนน้องญาณิณ เนื่องจากยังเล็กเกินไป ไม่อนุญาตให้เข้าค่ะ (คุณแม่ไม่ได้กลัวผีนะคะ แต่คุณน้องติดแม่ค่ะ) เครื่องเล่นทุกอย่างจะมีมาตรฐานบอกว่ากี่ขวบ หรือส่วนสูงเท่าไหร่ ถึงจะเล่นได้ โรงแรมผีสิงนั้น พี่ณิชาสูงพอดิบพอดีเกณฑ์ เลยได้เข้าไปทดสอบความกลัว เธอออกมาด้วยสีหน้าที่ตื้นเต้นและภาคภูมิใจ พร้อมกับโม้ว่า พี่ณิชากลัวแค่นิ๊ดดดเดียวเองค่ะคุณแม่.. ส่วนคุณน้องญาณิณ ก็นี่เลยค่ะ แม่เลือก ม้าหมุน ให้เล่น เพราะดูเริ่ดสุด ๆ แล้ว แต่พอเห็นหน้าเธอตอนนั่งอยู่ในม้าหมุน บ่งบอกว่าไม่ค่อยจอยเท่าไหร่ สงสัยมันชิวๆ ไปค่ะ ไม่ตื่นเต้นอ่ะค่ะคุณแม่ขา…….


Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


หลังจากเอาใจเด็ก ๆ กันพอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังเมือง Arundel จุดประสงค์คืออยากไปชมปราสาทที่เมืองนี้ค่ะ เพราะเห็นในรูปแล้วสวยมาก ๆ แต่เราไปถึงกันประมาณ เกือบสี่โมงเย็นแล้ว ปราสาทปิดประมาณห้าโมงเย็น เด็ก ๆ ก็เริ่มเหนื่อย เพราะเล่นมาก ก็เลยตัดสินใจเดินเล่นชมเมือง ชมวัดวาอารามและป่าช้าฝรั่งแทน เมื่อเช้าคุณแม่ไม่ได้เข้าโรงแรมผีสิง ตกเย็นก็เอาของจริงกันซะนิ๊ดนึง.. ส่วนใหญ่คุณแม่จะรับอาสาเป็นตากล้อง และก็จะเดินตามลูกทัวร์เก็บภาพอยู่ข้างหลัง ในสุสานฝรั่งนี่ก็เช่นกัน เราก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกที ลูกทัวร์วิ่งหายกันไปหมดแล้ว เหลือเราคนเดียว อุแหม…มันเงียบได้ใจจริงๆ ใจเริ่มหวิว พอดีกว่า ไม่ถ่ายและ ว่าแล้วก็รีบก้าวเท้าไปตามหาลูกทัวร์ทันที...

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


รูป Arundel Castle ที่ถ่ายจากด้านนอก ตอนรถวิ่งผ่าน ปราสาทนี้สวยมากๆ ชมภาพสวย ๆ ได้ที่เวปไซด์ค่ะ//www.arundelcastle.org/_pages/03_visitor_info.htm

Image Hosting by PictureTrail.com


วันที่ห้า (28/07/11) : Chichester --> Devon

วันนี้เราต้องย้ายฐานทัพกันแล้วค่ะ จาก East Sussex (Battle) ไปยัง Devon (Bridestowe) ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร แต่ช่วงเช้าเราขอเก็บตก ใน West Sussex กันอีกสักเมืองค่ะ เราแวะกันที่ Chichester เค้าว่าโบสถ์สวยค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com


ขอจบภาคแรกแต่เพียงเท่านี้นะคะ แล้วไปต่อกันที่ Episode # 2 (South-West)
ปล.จะเสร็จเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ค่ะ
*******




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2554    
Last Update : 12 สิงหาคม 2554 15:33:09 น.
Counter : 5453 Pageviews.  

Switzerland 2010

Switzerland : Bernese Oberland
August 2010

สวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน ซัมเมอร์ปีนี้ฝันเราก็กลายเป็นจริง

เราขับรถจากบ้านกันไปเองค่ะ เพราะประเทศทางยุโรปเป็นประเทศเล็ก ๆ ขับรถไปมาหากันได้สะดวกและไม่มีด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ถึงกระนั้นเราก็ต้องเตรียมเอกสารการเดินทางให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะอาจจะโดนสุ่มตรวจตอนไหนก็ได้ ระยะทางจากบ้าน (Helmond, Netherlands) ผ่านประเทศเยอรมัน ถึงที่พักในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประมาณ 700 กิโลเมตร (ทางด่วน) ใช้เวลาขับรถจริง ๆ ประมาณ 7 ชั่วโมง แต่เราใช้เวลาเดินทางกันไปตั้ง 9 ชั่วโมง เพราะต้องหยุดพักทานอาหารกลางวัน และพักเพื่อให้คุณหนูสองคนได้ลงมายืดเส้นยืดสายกันด้วย บวกกับเกือบตลอดเส้นทางในเยอรมันมีการก่อสร้างขยายถนนเพิ่มเติมอีก ทางด่วนก็เลยไม่ด่วนซะอย่างงั้น แต่ตลอดการเดินทางก็ราบรื่นดี คุณหนูทั้งสองไม่โยเย ให้ความร่วมมือในการเดินทางเป็นดีมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นป๊ะป๋าและคุณแม่ก็ต้องมีการเตรียมแผนรับมือไว้ด้วย มีดีวิดีให้คุณหนูใหญ่ดูในรถแก้เบื่อ และของเล่นใหม่ ๆ ให้คุณหนูเล็กแก้เซ็ง รวมทั้งเสริฟขนมนมเนยเป็นระยะ ๆ ก็ทำให้การเดินทางของเราเหนื่อยน้อยลงไปได้เยอะ เราออกจากบ้านประมาณ 7 โมงเช้า และถึงที่พักประมาณ 4 โมงเย็น


Image Hosting by PictureTrail.com


ที่ที่เราจะไปพักและตะลอนเที่ยวนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ที่เรียกว่า Bernese Oberland ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ภูเขาสูง และแน่นอนยอดเขา Jungfrau (ยุงเฟรา-Top of Europe) ก็อยู่ในเขตนี้ด้วย ศูนย์กลางของเขตพื้นที่นี้จะอยู่ที่เมือง Interlaken ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทะเลสาปที่สวยงามสองแห่งคือ Thunersee และ Brienzersee (ภาษาเยอรมัน เรียก lake ว่า see) และยังเป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศด้วย

Image Hosting by PictureTrail.com


เราเลือกที่จะพักเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจาก Interlaken ในรัศมีประมาณ 5-10 กิโลเมตร เพราะชอบความสงบและเป็นธรรมชาติมากกว่าในเมือง เราพักที่เมือง Wilderswil 4 คืน และ Iseltwald 4 คืน ทั้งสองเมืองห่างกันไม่มาก แต่ก็คนละบรรยากาศกันค่ะ Wilderswil จะอยู่เข้าไปในหุบเขา เป็นประตูไปสู่เทือกเขาสูงและยุงฟราว แต่ Iseltwald จะอยู่ริมทะเลสาป Brienzersee แต่ถ้าได้มีโอกาสมาเข้ามาใน Bernese Oberland แล้ว ไม่ว่าจะพักที่เมืองไหนก็สวยงามและมีเสน่ห์ไปหมด

แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวกัน มาชมเมืองและโรงแรมที่เราพักกันก่อนดีกว่าค่ะ

Hotel Berghof Amaranth เมือง Wilderswil
เป็นโรงแรมเล็กๆ สามดาว แบ่งเป็นสองอาคาร อาคารแรกเป็นโรงแรมห้าชั้น อีกอาคารเป็นชาเล็ตสามชั้น ซึ่งเราได้พักอาคารนี้ห้องมุมชั้นสอง ห้องก็กว้างขวางมีที่เตียงให้คุณหนูใหญ่ และมีที่ให้คุณหนูเล็กคลานได้สบาย รวมทั้งมีระเบียงไว้ให้ชมวิวจิบกาแฟด้วย
Image Hosting by PictureTrail.com


บริเวณและวิวรอบ ๆ โรงแรม จากโรงแรมสามารถมองเห็นทะเลสาป Brienzersee อยู่ไกล ๆ ด้วย
มีสนามเด็กเล่นเล็ก ๆ สำหรับแขกตัวน้อย ๆ มีสระว่ายด้วยแต่ก็ไม่ได้เล่นเพราะออกไปตะลอน ๆ ข้างนอกทั้งวัน กลับมาเด็ก ๆ ก็หลับกัน ตื่นอีกทีก็ได้เวลาอาหารเย็น
Image Hosting by PictureTrail.com


Hotel Bellevue Iseltwald เมือง Iseltwald
เป็นโรงแรมเล็ก ๆ สามดาวอีกเช่นกัน ห้องเล็กกว่าโรงแรมแรกมาก ๆ ถ้ากางเตียงเสริมสำหรับเด็กแล้ว แถบจะไม่มีที่ให้คุณหนูคลานเลย (ไม่มีมุมให้ถ่ายภายในห้องด้วย) แต่สถานที่ตั้งและบรรยากาศสุดยอดให้ห้าดาวเลยค่ะ ตัวเมือง Iseltwald ก็น่ารัก ต้องเรียกว่าเป็นหมู่บ้านน่าจะเหมาะกว่า เพราะเป็นเมืองเล็กมาก ๆ อาหารเย็นของโรงแรมก็อร่อยมาก ๆ ทั้งเมนูเนื้อและปลา แต่ที่นี้จะขึ้นชื่อเรื่องปลาเพราะติดทะเลสาป
Image Hosting by PictureTrail.com


บริเวณรอบ ๆ โรงแรมและเมือง Iseltwald
Image Hosting by PictureTrail.com


ถ้าหันหน้าไปทางทะเลสาป Brienzersee แล้วเดินไปทางขวามือเรื่อย ๆ ก็จะเป็นเส้นทางเดินริมทะเลสาปไปยังเมืองถัดไปได้ บรรยากาศดีมาก ๆ มีจุดชมวิวและมีม้านั่งไว้ให้นั่งพักตลอดทาง
Image Hosting by PictureTrail.com


ทริปนี้เราใช้เวลา 8 คืน 9 วัน ตะลอนเที่ยวจริงๆ ก็ทั้งหมด 7 วัน ที่เหลือสองวันก็เป็นวันทางเดินไปกลับ



Jungfrau region

Image Hosting by PictureTrail.com


เริ่มตะลอนกันเลยดีกว่า

วันแรก ขับรถเที่ยวรอบทะเลสาป Thunersee
วันนี้อากาศไม่ค่อยดีหนัก เมฆหมอกลงหนา และฝนตกพร่ำ ๆ เราก็เลยเลือกที่จะขับรถชมเมืองและวิวทิวทัศน์ไปรอบ ๆ ทะเลสาป วันนี้เราจะไปทะเลสาป Thunersee กัน ถึงแม้อากาศและท้องฟ้าจะมัว ๆ แต่ก็มีความสวยงามไปอีกแบบ
(จากรูป Jungfrau region Thunersee จะอยู่ทางด้านขวา)

Image Hosting by PictureTrail.com


แวะชมปราสาทที่เมือง Spiez
Image Hosting by PictureTrail.com


แวะชมเมือง Thun ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งในเขต Bernese Oberland แต่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมามากนัก
Image Hosting by PictureTrail.com

**********************


วันที่สอง ขับรถเที่ยวรอบทะเลสาป Brienzersee
สภาพอากาศดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีพอที่พากันขึ้นเขาสูง ๆ เราก็เลยขอเที่ยวแบบชิว ๆ รอบ ๆ ทะเลสาปอีกแห่งคือ Brienzersee บางช่วงก็ขับรถขึ้นเขาเข้าป่าไปชมวิวมุมสูงของทะเลสาป บางช่วงก็ขับเลาะเรียบริมทะเลสาป วิวทิวทัศน์ข้างทางสวยงามมาก ๆ
(จากรูป Jungfrau region Brienzersee จะอยู่ทางด้านช้าย)
Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


ระหว่างทางขึ้นเขา เรายังได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ ขนอุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นมาบนเขาด้วย เพราะเป็นการขนส่งที่สะดวกที่สุด
และไม่ใช่แค่ขนของขึ้นมาเท่านั้น ยังทำหน้าที่เคลื่อนย้ายอุปกรณ์หนัก ๆ ต่าง ๆ แทนแครนด้วย ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นเชือกที่ผูกห้อยลงมาจาเฮลิคอปเตอร์ พยายามรอถ่ายรูปของที่ห้อยอยู่ในเชือก แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมันอยู่ในระดับต่ำ
Image Hosting by PictureTrail.com


ทริปวันนี้จบลงที่ Interlaken ที่นี้จะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลก มีทั้งทัวร์ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย จีน และประเทศทางตะวันตก (แต่ไม่ยักเจอทัวร์ไทยแฮะ) เรามานั่งพักที่สวนสาธารณะ Jungfraupark และดูคนที่เล่น Tandem Paragliding ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดฮิตกิจกรรมหนึ่งของที่นี่
Image Hosting by PictureTrail.com


จริง ๆ แล้วทั้งสองทะเลสาปสามารถนั่งเรือชมได้ด้วยค่ะ และบนเรือก็มีกิจกรรมไว้ให้เด็ก ๆ ด้วย แก้เบื่อ วิวทิวทัศน์ก็คงจะเป็นคนละบรรยากาศกับการขับรถรอบทะเลสาป แต่เราก็เลือกที่จะขับรถกันไป เพราะอากาศไม่ค่อยดี และขับรถไปกันเองก็สะดวกดีและจะหยุดพักที่ไหนหรือตอนไหนก็ได้



**********************


วันที่สาม Stechelberg - Gimmelwald - Murren
วันนี้อากาศแจ่มมาก ๆ อย่ากระนั้นเลย มาที่นี้ทั้งทีใคร ๆ ก็ต้องไปเหยียบ Top of Europe
แต่ช้าแต่...หยุดคิดสักนิด ถึงลูกทัวร์ตัวน้อยอีกสองนาง จะไหวไหม๊เนี่ย เพราะเท่าที่สืบถามข้อมูลมา ถ้าจะไปถึง Jungfrau ต้องใช้เวลากันทั้งวันทั้งไปและกลับ โอ้ว...แล้วมันก็แพ้งแพงนะคะ ทั้งค่ารถไฟและค่า Gondola หรือ เคเบิ้ล ที่ขึ้นไป ราคาสำหรับผู้ใหญ่ต่อคนเนี่ยเหยียบร้อยยูโรแหนะค่ะ แล้วถ้าไปได้แค่ครึ่งทาง สองนางนั่นเกิดไม่สบอารมณ์ขี้นมา มิต้องรีบดิ่ง Paragliding ลงมาหรือนี่
แต่อย่างที่บอกค่ะ ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหนของพื้นที่นี้ มันสวยงามไปหมดค่ะ ไม่ต้องกลัวผิดหวัง (จริง ๆ ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน)

ว่าแล้วเราก็หันไปเลือกขึ้นเขาอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะสามารถมองเห็น Jungfrau (4158m) และยอดเขาสูงอีกสองลูก คือ Eiger (3970m) และ Monch (4107m) ซึ่งอยู่เรียงกัน เค้าว่าเปรียบเสมือนเป็นยอดมงกุฏสามยอด
ไม่ได้ไปเหยียบ เอ้ย...สัมผัสเธอ แต่ได้เห็นอยู่ไกล ๆ ก็ยังดี (จากรูป Jungfrau region เราจะไปทางขวากันค่ะ)

ขับรถจากที่พักไปยังเมือง Stechelberg แล้วขึ้น Gondola ไปยัง Gimmelwald (1400m) เดิน trekking ต่อไปยัง Murren (1634m) แล้วก็เดินกลับลงมาในเส้นทางเดิม
ในเส้นทางนี้ยังสามารถขึ้นไปถึง Schilthorn (2941m) ซึ่งเป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Jame Bond 007 และยังเป็น Best view ที่จะชมมงกุฏทั้งสามยอดด้วย แต่เราก็ไม่ได้ไปหรอกค่ะ เพราะใช้เวลาทั้งวัน พอ ๆ กับไปทาง Jungfrau

ในการพาเด็กน้อยอย่างน้องญาณิณ (1 ขวบ) ขึ้นที่สูง ๆ แบบนี้ ก็ต้องเตรียมน้ำไว้ให้เค้าดูดเรื่อย ๆ เหมือนขึ้นเครื่องบิน เพื่อปรับระดับความกดดันอากาศ จะได้ไม่ปวดหู เพราะเค้ายังกลืนน้ำลายไม่เป็น ส่วนพี่ณิชาไม่มีปัญหาเพราะรู้เรื่องแล้ว แต่ก็ต้องเตรียมให้เธอด้วย (เพราะน้องได้ ชั้นก็ต้องมีมั่ง)
Image Hosting by PictureTrail.com


เมื่อไปถึงสถานีข้างบน Gimmelwald ก็ต้องทำเสียง...Wow…Wow…Wow พร้อมกับทำตาโต โอ้ว...มันสุดยอด..
และหนึ่งในสิ่งที่เราประทับใจในสวิสเซอร์แลนด์ก็คือ ไม่ว่าจะไปที่ไหน สูงแค่ไหน ก็จะมีสนามเด็กเล่นไว้ให้เด็ก ๆ เสมอ แสดงว่าเค้าให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ และสนับสนุนให้เด็ก ๆ สามารถท่องเที่ยวไปกับพ่อแม่ในทุก ๆ ที่
Image Hosting by PictureTrail.com


เราเดินชมหมู่บ้าน Gimmelwald อยู่สักพัก คุยกับชาวบ้านที่นี้ไปด้วย ส่วนใหญ่ก็จะทำเกษตรกรรม ก็ถามเค้าว่าอยู่กันยังไงสูง ๆ แบบนี้ เค้าว่าเด็ก ๆ ก็ต้องนั่งเคเบิ้ลลงไปเรียนที่โรงเรียนข้างล่าง การเดินทางก็ต้องใช้รถที่ผลิตมาเป็นพิเศษสำหรับขับบนภูเขา และใช้เฮลิคอปเตอร์ในการขนส่งอุปการณ์ก่อสร้างหนัก ๆ แต่เค้าก็มีความสุขกับชีวิตที่นี้ อากาศดีไม่มีมลพิษ คิดแล้วก็น่าอิจฉา

เส้นทางในสวิสเซอร์แลนด์นี้จะมีป้ายบอกทางตลอด ไม่ว่าในเมืองหรือนอกเมือง บอกทั้งทางสำหรับเดินและทางสำหรับจักรยานภูเขา รวมทั้งยังบอกระยะเวลาในการเดินไปยังจุดต่าง ๆ และความสูงจากระดับน้ำทะเล ณ จุดที่เรายืนอยู่ด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วไม่มีหลงทางเด็ดขาด
Image Hosting by PictureTrail.com


จากป้าย เราตัดสินใจเดินต่อขึ้นไปยัง Murren เพราะใช้เวลาเพียง 50 นาที ชิว ๆ เน๊าะ และเท่าที่คุยกับชาวบ้าน เค้าบอกว่าเป็นทางลาดยาง รถเข็นเด็กขึ้นไปได้สบาย ๆ ฮืม...ไม่ไปก็ไม่รู้ ไม่ไปก็ไม่ได้เห็น เอาว่ะ...ตามกันไปเลยค่ะ

และนี่คือภาพที่เราได้เห็นกันไปตลอดทาง เสียดายที่กล้องคู่ใจไม่สามารถเก็บความประทับใจมาได้ทั้งหมด ด้วยขีดจำกัดของเทคโนโลยี่ แต่ก็ยังดีที่ได้มีบางมุมเก็บกลับบ้านมาบ้าง ที่เหลือก็คงจะอยู่ในความทรงจำ
Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


เดินตามทางไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอเจ้าไม้สามขา เค้าเรียกว่า Three leg mounting ซึ่งเอาไว้กันหิมะถล่มตอนฤดูหนาว เค้าจะทำไว้ในบางช่วงบนภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ขึ้น ก็จะใช้เจ้าสามขานี้แทน ตลอดเส้นทางจะมีป้ายอธิบายนักท่องเที่ยวปักไว้ด้วย เป็นการศึกษาธรรมชาติไปในตัว
Image Hosting by PictureTrail.com


ทิวท้ศน์ข้างทางที่เราเดินขึ้นมา ราวกับว่าเป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ที่คุณจะสามารถชื่นชมไปได้ตลอดทาง (ซึ่งก็จริงๆนะแหละ) แต่กระนั้นในบางช่วงของเส้นทางก็มีหนามกุหลาบมาแอบหล่นไว้เป็นระยะ ๆ พร้อมกับบทพิสูจน์ของสุภาษิตไทยว่าด้วยเรื่อง “เข็นครกขึ้นภูเขา” แต่ของเราเป็น เข็นลูกขึ้นภูเขา ซึ่งมันหนักกว่าครกหลายเท่า คุณน้องเล็กญาณิณไม่ต้องพูดถึงเพราะเธอนั่งแท่นนอนแท่นไปตลอด สบายเธอไป ไม่บ่นสักคำ แต่คุณพี่ณิชานี่ซิ เห็นน้องนั่ง เธอก็จะนั่งบ้างไม่ยอมจะเดินเอาเสียเลย ต้องหลอกล่อกันไปตลอดทาง ให้เดินบ้าง นั่งบ้าง ไม่งั้นป๊ะป๋ากับแม่ตายแน่ๆ แต่ก็เห็นใจเธอนะ เพราะเธอก็ตัวแค่นี้จะให้เดินขึ้นเขา แม่ยังกลับลงมาขาเด้งเลย แต่ก็นะ...พ่อกับแม่อยากเที่ยว ก็ต้องหอบกันไป

และนี้คือเส้นทางเข็นลูกขึ้นภูเขาค่ะ เห็นจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกล แต่ขามันจะไม่ไปเอาซะดื้อ ๆ เพราะทางมันคดเคี้ยวไปมา เลาะไปตามเขา แล้วก็ได้แต่เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ มองกลับลงไปยังจุดเริ่มต้น โอ้ว...เราเดินขึ้นมาได้ยังไงว่ะเนี่ย..
Image Hosting by PictureTrail.com


จากป้ายต้นทางที่บอกว่าใช้เวลา 50 นาที แต่เราเดินกันไปเรื่อย ๆ หยุดพักเหนื่อยบ้าง หยุดถ่ายรูปบ้าง หยุดโอ๋และปลอบประโลมลูกไปบ้าง ใช้เวลากันไป ชั่วโมงครี่ง ก็ทำเวลาได้ไม่เลวแฮะ....
แต่สิ่งที่เราได้เห็น ก็ไม่ทำให้ผิดหวังและหายเหนื่อยไปได้เลยค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


นั่งชื่นชมบรรยากาศพร้อมกับกินพิซซ่าบนเขาสูงที่ Murren อยู่ชั่วโมงกว่า ๆ ก็คิดมาได้ว่า จริง ๆ แล้วสามารถนั่ง gondola ขึ้นมาที่นี้ได้ด้วย แล้วขากลับค่อยเดินลงไปยัง Gimmelwald มันจะง่ายและหนื่อยน้อยกว่ามาก ๆ แต่นะ...คิดได้เมื่อสายไปแล้ว แต่ก็ภูมิใจที่ทำสำเร็จ ขากลับเราก็ยังไม่เข็ด แทนที่จะนั่ง gondola ลงไป ก็หาเรื่องเดินลงไปกันอีก เพราะคิดว่ายังเดินขึ้นมาได้ ขาลงจะสักแค่ไหนเชียว แล้วก็จริงๆ ค่ะ ขาลงนี่แป๊บเดียวถึง ลูกทัวร์ตัวน้อยทั้งสองไม่บ่นเลยเพราะหมดแรงหลับตลอดทาง

**********************


วันที่สี่ ตะลุยเมืองคนแคระที่ Hasliberg
จริง ๆ แล้วที่นี่ไม่ได้อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากไป เพราะไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวสวิสฯ แต่เราได้รับคำแนะนำจากเจ้าของโรงแรมที่เห็นว่าเรามีเด็ก ๆ น่าจะสนุก ฟังดูแล้วก็น่าสนใจดีสำหรับพี่ณิชา แต่ก็ยังไม่ลืมถามถึงการเดินทางกับเด็กน้อยอีกคน เพราะเธอต้องนั่งรถเข็นไป เค้าก็บอกว่าไปได้นะ ก็เอาซิ...เมื่อวานเป็นสถานที่ที่ป๊ะป๋าเค้าอยากไป วันนี้ก็น่าจะเป็นวันของลูกบ้าง

เราต้องขับรถออกไปไกลหน่อยประมาณ 30 กม. เพราะไม่ได้อยู่ในเขต Jungfrau region เราขับรถไปที่เมือง Hasliberg
เพื่อนั่งเคเบิ้ลไปยังจุดหมายปลายทาง จากที่นี้สามารถเลือกเส้นทาง hiking หรือ trekking ได้หลายเส้นทาง ซึ่งก็ใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไป เราเลือกนั่งเคเบิ้ลต่อขึ้นไปยัง Kaserstatt (1831 m) เพราะเป็นเส้นทางที่จะไปตะลุยเมืองคนแคระกัน
Image Hosting by PictureTrail.com


Zwergenweg : Kaserstatt – Balisalp – Bannwald – Lischen
(Zwergen = Dwarf = คนแคระ , weg = trial = เส้นทาง)

จากข้อมูลเส้นทางนี้มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร และใช้เวลาคร่าว ๆ ประมาณ 1.5 ชั่วโมง
พอซื้อตั๋วเคเบิ้ลเสร็จ ก็เพิ่งจะมาอ่านเจอในเอกสารแจกว่า เส้นทางไม่เหมาะสำหรับรถเข็ญเด็ก แป่วววววว.....
ค่าตั๋วก็แพง ป๊ะป๋ากับคุณแม่มองหน้ากันแป๊บนึง แล้วก็...ฮืม..เอาว่ะ..เมื่อวานยังไหว วันนี้จะสักแค่ไหนเชียว แฮะ ๆๆ...
Image Hosting by PictureTrail.com


ตลอดเส้นเทางเค้าจะทำเป็นฐานไว้เป็นระยะ ๆ ให้เด็ก ๆ ได้ผจญภัย น่าสนุกและตื่นเต้นมากสำหรับเด็ก ๆ และยังมีที่พักสำหรับตั้งแคมป์ จิบไวน์ ก่อไฟกินบาบีคิวด้วย แต่เราก็เตรียมแค่กาแฟ นม และแซนวิช ไปสำหรับอาหารกลางวัน แต่ตลอดเส้นทางไม่มีขยะเลยค่ะ ณ จุดแคมป์ปิ้งก็สะอาด คือทานเสร็จแล้วเค้าก็จะเก็บทำความสะอาดกันเรียบร้อย
Image Hosting by PictureTrail.com


จากที่ว่า เส้นทางจะสักแค่ไหนเชียว.....ก็สักประมาณนี้ที่เห็นในรูปแหละค่ะ ก้อนกรวดก้อนหินและรากไม้ตลอด มิหน่ำซั้า ยังขึ้น ๆ ลงๆ เขา เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้เอาซะเลย
Image Hosting by PictureTrail.com


OMG…. แล้วคุณหนูใหญ่จะเหลือหรือค่ะ กระฟอดกระแฟดไม่ยอมจะเดิน แต่เราก็เอารถเข็นไปสองคันนะคะ แต่จะเข็นให้เค้านั่งตลอดมันก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ ส่วนคุณคนน้องไม่ต้องพูดถึง เธอยิ้มแปร้ตลอดทางเพราะไม่เหน็ดไม่เหนื่อยกับใครเขา
(อันนี้ก็โทษลูกไม่ได้นะ เพราะพ่อกับแม่อยากไปกันเอง รับกรรมกันไป)

ช่วงบ่ายฝนเริ่มพรำลงมาและเด็ก ๆ เริ่มเหนื่อยกันแล้ว จากแผนที่ด้านบน พี่ณิชาได้แวะเล่นประมาณห้าจุด จุดสุดท้ายก่อนถึง Lischen เราไม่ได้แวะ ก็เดินตรงมาที่สถานนีเคเบิ้ล เพื่อลงมากลับที่พักกันเลย
ทริปวันนี้นี้ก็เป็นทริปที่สนุกอีกวันหนึ่ง ที่เราได้ฝ่าฝันอุปสรรคกันมาได้

**************************


วันที่ห้า Grindelwald – First – Bachalpsee
Grindelwald เป็นเมืองใหญ่และเมืองศูนย์กลางอีกเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวรู้จักกัน เพราะเป็นเหมือนตีนเขาที่จะขึ้นไปยัง Jungfrau และอีกหลาย ๆ เส้นทางที่สวยงาม
วันนี้เป็นวันของคุณแม่ค่ะ คุณแม่เลือกที่จะไปชมทะเลสาป Bachalpsee เพราะก่อนมาได้อ่านเจอมาว่า สวยนักสวยหนา พร้อมกับดูรูปแล้วก็งามจริง จึงอยากไปดูด้วยตาตนเอง แต่ยังไงก็ต้องนึกถึงความเป็นไปได้ของลูกทัวร์ทุกคน

เราขับรถจากที่พักไปยัง Grindelwald เพื่อจะนั่ง gondola ขึ้นไปยัง First (2168 m) และเดินเท้าต่อไปยัง ทะเลสาป Bachalpsee (2265 m) จากรูป Jungfrau region จะไปทางด้านซ้ายมือ

สอบถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว gondola เค้าบอกว่าทางไม่ได้ลาดยาง เป็นก้อนหินเล็กหินน้อย และชี้รูปให้ดูตัวอย่างทางเดิน ป๊ะป๋ากับคุณแม่ก็มองหน้ากันอีกแล้ว แล้วก็อย่างเคย อืม.....เมื่อวานหนักกว่านี้ยังผ่านมาได้หนินะ... ความอยากและความมุ่งมั่นไม่เคยปราณีใคร แล้วเราก็ซื้อตั๋วหอบลูกหอบเต้าขึ้น gondola กันไปค่ะ

วันนี้เรานั่ง gondola กันค่อนข้างนาน เพราะระยะทางไกลพอสมควร จาก Grindelwald ไปยัง First ต้องผ่าน 2 สถานี คือ Bort และ Grindel ที่ Bort จะมีสนามเด็กเล่นค่อนข้างใหญ่ไว้ให้เด็ก ๆ ด้วย ครอบครัวที่มากับเด็ก ๆ ก็มักจะลงกันที่สถานีนี้ แต่เราก็ไม่ได้ลง เพราะไม่ใช้จุดหมายปลายทางของเรา
Image Hosting by PictureTrail.com


นี่ค่ะ...หนทางที่วันนี้เราต้องฝ่าฝันไป จากป้ายใช้เวลา 50 นาที (เหมือนที่ Murren เลย) แต่เราก็ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ใช้เวลากันไป ชั่วโมงครึ่ง คุณลูกทั้งสองก็ฟอร์มเดิมเหมือนสองทริปที่ผ่านมา ต้องโอ๋และหลอกล่อพี่ณิชากันไปตลอดทางค่ะ
แต่วันนี้มีเพื่อนร่วมทาง และร่วมชะตากรรมเหมือนกัน (คือมีเด็กน้อยไปด้วย) มากมาย ไม่เหงา บางช่วงที่ทางลำบากนักท่องเที่ยวก็ช่วยเหลือกัน บางคนเห็นว่าเราต้องเข็นเด็กทั้งสองคน ก็ช่วยยกช่วยเข็น น่ารักมาก ๆ ค่ะ เพราะทุกคนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน
Image Hosting by PictureTrail.com


ทิวทัศน์และบรรยากาศข้างทาง ก็ทำให้เราหายเหนื่อย และมีกำลังใจเดินต่อไป
Image Hosting by PictureTrail.com


นอกจากเพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวสองขาแล้ว ยังมีเพื่อน ๆ สี่ขาที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างทางตลอด
เค้าน่าร๊ากกกกก..และเป็นมิตรมาก ๆ (แต่ก็มีสายตาเยาะเย้ย และยิ้มเยาะเล็กๆ ว่าขนขึ้นเขากันมาด้ายยย...ลูกเด็กเล็กแดง)
Image Hosting by PictureTrail.com


และก็ไม่ลืมที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ ริมทางมาฝาก ตลอดทางจะมีป้ายบอกชื่อสายพันธุ์ของดอกไม้ด้วยค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


หลังจากที่เดินตุปัดตุเป๋กันมาแทบขาดใจ ก็เจอป้ายนี้เข้า
โอ้วววววว.....ดีใจสุดฤทธิ์ อีก 5 นาทีเอง เจ้าขาเอ๋ย......
ไม่สินะ..ไม่ช่าย...ของเรามันต้อง 10 นาที แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดี..ใจจะขาดอยู่แล้ว เหนื่อยจริงๆ นะจะบอกให้
Image Hosting by PictureTrail.com


และนี่คือภาพที่คุณแม่อยากเห็นด้วยตา และดั้นด้นกันมาจนได้เห็นจริง คุ้มค่าไหม๊ค่ะ
(แฮะ ๆๆๆ เหมือนรูปในหนังสือเลยแหละ)
Image Hosting by PictureTrail.com


เรานั่งพักผ่อนทานอาหารกลางวันและซึมซับกับบรรยากาศและภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าอยู่ชั่วโมงกว่า ๆ ให้มันคุ้มกับความเหนื่อยยากจนหนำใจ แล้วก็พากันเดินกลับลงมาในเส้นทางเดิม ระหว่างทางกลับก็ยังคงเห็นผู้คนที่เดินสวนกับเราเพื่อไปยังทะเลสาปเรื่อย ๆ ตลอดทาง
Image Hosting by PictureTrail.com


และเราก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนคู่ใจที่พาเราขึ้นเขาลงห้วยและประคับประคองเราทุกคนไปให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัย ไม่มีล้มลุกคลุกคลานเลยค่ะ
(รองเท้า hiking นี่จำเป็นมาก ๆ นะคะ ถ้าจะไปเที่ยวแบบนี้นะค่ะ เพราะมันจะ support เท้าและข้อเท้าได้ดี ทำให้ความอดทนในการเดินนานขึ้น แฮะๆๆ บางเส้นทางถึงกับให้คำแนะนำให้สวมร้องเท้าแบบนี้โดยเฉพาะ แต่ก็เห็นมีนักเที่ยวใส่เป็นร้องเท้ากีฬา หรือร้องเท้าผ้าใบไปก็มี ก็ดูทะมัดทเเมงดีเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ไปบ่อยคงไม่เป็นไร เพราะราคาร้องเท้า hiking ก็ค่อนข้างสูง ที่มีอยู่ก็ซื้อตอนลดราคา ใช้คุ้มจริงๆ ค่ะ)
Image Hosting by PictureTrail.com


***************************


วันที่หก นั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำจาก Brienz ไป Brienzer Rothorn
หลังจากพาเด็ก ๆ สมบุกสมบันกันมาสามวันเต็ม ๆ สองวันที่เหลือขอเป็นวันสบายๆ ก่อนกลับบ้านล่ะกันค่ะ
(เพราะเข่าแม่ก็เริ่มเดี้ยงแล้ว ต้องนวดเคาเตอร์เพนทุกคืน แถมยังลื่นตกบันไดที่โรงแรมให้ลูก ๆ ขำกันอีก สะบักสะบอมซะ)

วันนี้เราเปลี่ยนจากนั่ง gondola มานั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำขึ้นเขากันค่ะ กิ๊บเก๋ไหม๊ค่ะ เค้าว่าเป็นรถไฟที่โบราณที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ (ไม่รู้จริงหรือเปล่า) เราจะขึ้นเขาไปจุดชมวิวที่จะมองลงมาเห็นทะเลสาป Brienzersee เบื้องล่าง เค้าว่า(เค้าว่าอีกแล้ว) เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด

นี่ค่ะ โฉมหน้ารถไฟไอน้ำ ต้องมีการเติมน้ำที่สถานีกลางทางและรอสับรางกับอีกขบวนนึงด้วย
แต่เราก็แปลกใจอยู่อย่างนะคะ เพราะคิดว่าหัวจักรรถไฟ มันน่าจะอยู่ข้างหน้าที่คอยฉุดลากขบวนรถไฟไป แต่มันดันมาอยู่ข้างหลัง ใช้พลังไอน้ำดันไปข้างหน้าแทน (หรือมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ใครรู้บ้านเนี่ย) เด็ก ๆ สนุกสนานดีค่ะ ขาขึ้นไปเรานั่งหน้าขบวน แต่ขากลับนั่งติด ๆ กับหัวจักรไอน้ำเวลารถไฟเป่าควัน ปู๊น ๆ เหม็นควันมาก ๆ ค่ะ ต้องคอยปิดจมูกให้น้องญาณิณ (แต่เธอก็ไม่ค่อยพอใจหรอกค่ะ รำคาญค่ะคุณแม่..รำคาญ)
Image Hosting by PictureTrail.com


วิวทิวทัศน์ จากข้างบนมองลงมาเห็นโรงแรมที่เราพักที่เมือง Iseltwald ด้วยค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


ลูกทัวร์วันนี้นิสัยดีมาก ๆ พี่ณิชาไม่บ่นเลย เพราะแม่ไม่ได้พาเดินขึ้นเขา แฮะๆๆ วันนี้เธอขอเดินเองเลยค่ะ เอารถเข็นของน้องญาณิณไปคันเดียว
<Image Hosting by PictureTrail.com


ทริปวันนี้ไม่มีอะไรมาก สบาย ๆ จริงๆ ช่วงบ่ายกลับมาพักผ่อนที่โรงแรมและเดินเล่นริมทะเลสาป Brienzersee

วันที่เจ็ด Bern
วันนี้เป็นสุดท้ายของทริปเราแล้วค่ะ เราจะไป Bern เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์กัน Bern จะอยู่ทางเหนือของ Bernese Oberland ห่างจากที่พักเราไปประมาณ 80 กิโลเมตร เจ้าของโรงแรมแนะนำว่านั่งรถไฟไปจะสะดวกที่สุด เพราะที่จอดรถในเมืองแพงมาก ๆ เราก็เชื่อเค้านะคะ แล้วก็คิดว่าน่าสนุกสำหรับเด็ก ๆ และก็สะดวกสบายมาก ๆ ค่ะ
เรานั่งรถบัสประจำทางจากหมู่บ้านที่เราพัก ไปยังสถานีรถไฟที่ Interlaken Ost เพื่อต่อไปยัง Bern การเชื่อมต่อการคมนาคมในสวิสเซอร์แลนด์ดีมาก ๆ ค่ะ ไม่ต้องเสียเวลารอเลย เรานั่งรถไฟไปประมาณ 50 นาที ก็ถึง Bern ค่ะ รถไฟจอดประมาณ 2 สถานีใหญ่ ๆ
อ๋อ...ลืมบอกไปว่าเราไม่เสียค่ารถบัสประจำทางด้วยนะคะ เพราะเรามี Visitor’s card ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขอได้จากโรงแรมที่พักได้เลยค่ะ ไม่เสียตังค์ เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องเสียค่าภาษีท่องเที่ยวให้ทางโรงแรมอยู่แล้ว นอกจากขึ้นรถฟรีแล้ว ยังใช้เป็นส่วนลดหรือเป็นบัตรเข้าชมสถานที่บางที่ได้ รวมทั้งส่วนลดค่าตั๋ว gondola ด้วย (แต่ลดแล้วก็ยังแพงค่ะ)

Bern จะมีทั้งส่วนที่เป็นย่านช๊อปปิ้งสมัยใหม่ และส่วนที่เป็นเมืองเก่าค่ะ เราไม่ได้ถ่ายรูปมามาก เพราะฝนตกพรำ ๆ เป็นระยะ และเริ่มอิ่มกับการถ่ายรูปแล้ว มาถึงวันนี้ก็ชักภาพไปแปดร้อยกว่าภาพ

ย่านเมืองใหม่
Image Hosting by PictureTrail.com


เมืองเก่า
Image Hosting by PictureTrail.com


สัญลักษณ์ของ Bern ก็คือ หมี ค่ะ ใครสนใจประวัติความเป็นมา ลองปรึกษาลุงกู๋ Google ดูนะคะ (เริ่มขี้เกียจค่ะ)
และนอกจากนาฬิกาสวิสฯ ที่มีชื่อเสียงแล้ว มีดสวิสฯก็มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน น้องวัวสีแดงยืนเป็นพรีเซอร์เตอร์อยู่หน้าร้านขายมีดค่ะ และที่พบบ่อย ๆ ในเกือบทุกเมืองก็คือกระดานหมากรุกที่พื้นอันใหญ่ ๆ นี่และค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


เฮ้อ....จบแล้วค่ะ ทริปสวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน....
ประทับใจมาก ๆ ค่ะ สนุกสนานและสะบักสะบอมไปพอ ๆ กัน

เก็บตกฝากท้าย ดอกไม้สวย ๆ ในรั้วบ้านที่เค้าปลูกไว้ และนางแบบต้วน้อย ๆ ค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


*************





 

Create Date : 17 สิงหาคม 2553    
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 4:36:10 น.
Counter : 1622 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

Natteke
Location :
Thailand- Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





This blog is created by love :-)




Friends' blogs
[Add Natteke's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.