Under the Blue Sky
Group Blog
 
All blogs
 

England 2013#1 : Travelling & Cottage

England#2 : เที่ยวเมืองผู้ดีปี 2

Chapter @1 – Travelling & Cottage

ซัมเมอร์ปีนี้เราก็ได้กลับมาเที่ยวเมืองผู้ดีอีกครั้ง เนื่องด้วยติดใจอัธยาศัยไมตรีของคนอังกฤษ สภาพภูมิประเทศและความมีเสน่ห์ของเมืองเก่าๆ ตามชนบท 

อีกทั้งอยากยลโฉมเมืองใหญ่ เมืองดังระดับโลกอย่างลอนดอน ที่คราวที่แล้วเราไม่ได้แวะ ปีนีก็เลยจัดซะอย่าได้ขาด เดี๋ยวจะว่าไม่เคยมาอังกฤษ หุหุหุ

ที่ว่าติดใจอัธยาศัยไม่ตรีของคนอังกฤษนั้นเพราะไม่ว่าเราจะขอความช่วยเหลืออะไรคนที่นี้จะแสดงความมีน้ำใจและกระตือรื้อร้นที่จะช่วยเหลือตลอดและไม่เคยถูกปฏิเสธเลย

บางครั้งเพียงแค่ยืนเปิดแผนที่ปรึกษากันว่าจะไปไหนกันก่อนดี ก็มีคนมาถามแล้วว่าจะให้ช่วยอะไรไหม ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นลักษณะนิสัยของคนชนบททั้วๆไป แต่ไม่เลยค่ะ เพราะไม่ว่าเราจะไปเมืองใหญ่อย่างลอนดอน หรือเมืองท่องเที่ยวอื่นๆก็ได้รับน้ำใจจากผู้คนที่นั้นเหมือนๆ กัน แล้วอย่างนี้จะไม่กลับมาอีกได้อย่างไรชิมิคะ

ส่วนที่ติดใจสภาพภูมิประเทศของอังกฤษนั้นก็เพราะประเทศอังกฤษมีทัศนียภาพที่สวยงาม มีเนินเขาสูงๆ ต้ำๆ(ไม่แบนเหมือนฮอลแลนด์) และมี National Park สวยๆ อยู่แถบทุกภูมิภาค

และเราก็ยังชอบที่จะไปชมเมืองเล็กๆ เมืองเก่าๆรวมทั้งเมืองประวัติศาสตร์ เพราะรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ มีอารยธรรม บางที่ก็ได้บรรยากาศย้อนยุค ขลัง ๆ ดี

ครั้งนี้เราไปเที่ยวทางตอนกลางของอังกฤษในจังหวัด Gloucestershire ในเขตที่เรียกว่า Cotswold District กัน 1 อาทิตย์ และเที่ยวเมืองหลวงลอนดอน 4 วัน ค่ะ

การเดินทางไปอังกฤษของเราก็เหมือนเมื่อครั้งที่แล้วค่ะขับรถจากบ้านไปขึ้นเรือที่เมือง Dunkirk ประเทศฝรั่งเศส และไปขึ้นฝั่งที่เมืองDover ประเทศอังกฤษเหมือนเดิมค่ะ ใช้เวลาบนเรือประมาณสองชั่วโมง

ทางเข้าท่าเรือ และ Border Control ของทางประเทศอังกฤษ แต่ยังอยู่ในฝั่งฝรั่งเศสนะคะ


บรรยากาศที่ท่าเรือ

ภายในเรือมีมุมให้เด็กๆ ได้สนุกสนาน ไม่เบื่อกับการเดินทาง และมี Free Wifi ให้บริการด้วยนะคะ


ปีนี้อากาศดีมากๆ ออกมารับแดด รับลม และสนุกสนานอยู่บนดาดฟ้าเรือ ได้สบายๆ

เห็นเกาะอังกฤษอยู่รำไร ภูเขาหินปูนสีขาวสัญลักษณ์ของ Dover


เมื่อถึงฝั่งแล้ว เราก็ขับรถต่อจาก Dover ไปยังเมืองที่พัก Kemerton (ประมาณ 405 กม.) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของ Cotswold District

วันนี้เดินทางกันทั้งวันออกจากบ้านประมาณเจ็ดโมงครึ่ง ถึงที่พักทุ่มครึ่งค่ะ จริงๆ ควรจะถึงเร็วกว่านี่นะคะแต่ตลอดการเดินทางทั้งในฝั่งยุโรป และฝั่งอังกฤษมีการก่อสร้างทางตลอด แต่เด็กๆก็นิสัยดีค่ะ ไม่งอแง เพราะแม่เตรียมของเอาไว้รับมืออย่างครบครัน ขนมนมเนยบางอย่าง ที่ปกติไม่ค่อยให้ทานกันเท่าไหร่ ก็มีไปหลอกล่อบ้าง ของเล่น สมุดระบายสีเล่มใหม่ สติกเกอร์สวยๆ การ์ตูนเรื่องโปรดไว้ดูในรถ แค่นี้การเดินทางกับเด็กๆ ก็ราบรื่นแล้วค่ะ

นี่ค่ะ เราพักที่นี่ กระท่อมน้อยริมธาร “Dovecote Cottage” 

ซึ่งเป็นกระท่อมหนึ่งใน Upper Court & Courtyard Cottage Kemerton (//www.uppercourt.co.uk)


เราเช่ากระท่อมน้อยหลังนี้หนึ่งอาทิตย์ค่ะ เป็นกระท่อมหลังเล็กๆ แต่เครื่องใช้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ในครัว เตาทำอาหาร เตาอบ ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน ตัวกระท่อมมีสามชั้น ชั้นล่างเป็นห้องครัวและห้องนั่งเล่น ชั้นสองเป็นห้องนอนใหญ่ และชั้นสามเป็นห้องนอนเล็ก และห้องน้ำ


ที่นี่เราต้องทำหรือหาอาหารเช้าทานกันเองค่ะ(Self Catering) ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะเราทาน Dutch Breakfast นั่นก็คือ แซนวิช นั่นเอง แหะๆๆ

และเนื่องจากเครื่องครัวครบครัน เราสามารถอบขนมปัง (แบบ pre-cooking) หอมกรุ่น ทานร้อนๆ ได้ทุกเช้า บางวันก็แถมไข่ต้มบ้าง ไข่ดาวบ้าง อร่อยไม่แพ้โรงแรมห้าดาว แถมได้บรรยากาศความเป็นส่วนตัว (ที่สำคัญมีพ่อครัว มาเตรียมอาหารเช้าให้ทานทุกเช้า นี่มันสุดยอดจริงๆ นะคะ จะบอกให้ อิอิอิ)

บรรยากาศ  Chill Chill at Home มีเพื่อนบ้านและเจ้าถิ่นมาเยี่ยมทุกเช้า

บริเวณรอบๆ กระท่อม ข้างๆสามารถเปิดรั้วเข้าไปเป็นสนามกว้าง สามารถวิ่งเล่นได้ 

และทาง Upper Court ยังใชัเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานด้วย บริเวณใกล้เคียงกันยังมีสนามเด็กเล่นให้เด็กๆ ด้วยค่ะ หมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ จะมากับครอบครัวเล็กๆ หรือครอบครัวใหญ่ เพื่อนฝูง เค้าก็มีให้เลือก และ Cottage แต่ละหลังมีความเป็นส่วนตัวค่ะ 

เจ้าของที่นี่ใจดีและน่ารักมาก วันที่เราเดินทางมาถึง นำแจกันดอกไม้ (ซึ่งก็เป็นดอกไม้จากในสวนน่ะค่ะ ดูเป็นกันเองและจริงใจดี) มาให้ด้วย

บริเวณที่นี้กว้างขวางมากค่ะ มีสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส และยังมีสนามให้เล่นกีฬา Croquet ซึ่งเป็นกีฬาพื้นเมืองดั่งเดิมของอังกฤษด้วย 


จบตอนแรกไว้แค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ ตอนต่อไปจะพาไปตะลอน Cotswold นะคะ





 

Create Date : 07 สิงหาคม 2556    
Last Update : 8 สิงหาคม 2556 4:34:53 น.
Counter : 524 Pageviews.  

Netherlands : 2008-2012

Frysland 2012

********************

Drelft 2011

********************

Drenthe-Hunnebed 2010

******************

Noordwijk : Flower Parade 25 April 2009

 Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

 Image Hosting by PictureTrail.com

 Image Hosting by PictureTrail.com

 Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

Image Hosting by PictureTrail.com

 Image Hosting by PictureTrail.com

 ******************

Overloon Zoo : 7 June 2008

******************




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2555    
Last Update : 22 สิงหาคม 2555 2:57:26 น.
Counter : 1045 Pageviews.  

Alsace France 2012

Alsace France 2012

ตั้งแต่ออกเดินทางจาก Schwangau มาถึง Meersburg และต่อมายัง Orbey Tannach ทิวทัศน์สองข้างทางสวยมากๆ บางช่วงเป็นภูเขาสูง ต้องขับลดเลี้ยวไปมาเลี้ยวมา บางช่วงต้องขับเข้าเขตอุทธยานแห่งชาติ ร่มรื่น เพลินตา เพลินใจไปตลอดทางเลยค่ะ

เราถึงที่พักกันช่วงเย็น ๆ โรงแรมที่เราพักค่อนข้างหายาก เพราะอยู่ในหุบเขา และเป็นโรงแรมใหม่ เพิ่งเปิดมาได้สองปีกว่า ยังไม่ได้ลงทะเบียน GSP ก็ต้องแกะรอยตามป้ายบอกทางกันไป แต่ในที่สุดเราก็หาเจอ และไม่ผิดหวังที่เลือกพักที่นี่

Hotel & Restaurant Domaine de Basil  

www.domainedebasil.com

 

ที่นี้เจ้าของบริการเอง เป็นแบบครอบครัว น่ารักมากค่ะ

แล้วเราก็เกือบจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับเจ้าของโรงแรมที่นี้จริงๆ  เมื่อหนุ่มน้อยลูกเจ้าของโรงแรม มาก้อล่อก้อติกอยู่ไม่ห่างกับสาวน้อยของเรา

สองวันที่พักที่นี้ พ่อหนุ่มนามว่า Enzo พ่อมาเล่นไม่ห่างน้องญาณิณเลย กับคุณพี่ณิชา พ่อก็ไม่ไปเล่นด้วยนะนั่น…

ส่วนคุณน้องญาณิณ เธอก็ทำสวย เชิด หยิ่ง ใส่พ่อหนุ่มน้อยเค้า ไม่ยอมพูดด้วยซะอย่างนั้น (เรื่องของเรื่องคือ..พูดกันคนละภาษา…เธอก็เลยทำมึนไม่คุยกะเค้า..)

 

เด็ก ๆ ชอบที่นี่มากค่ะ เพราะบริเวณโรงแรมมีอะไรให้เล่นเยอะ จริงๆ ก็ของเล่นของพ่อหนุ่มน้อย Enzo เขานั่นแหละ อีกอย่างเธอได้นอนเตียงสองชั้นกัน ตื่นเต้นค่ะ ก็ที่บ้านไม่มีนี่นะ กว่าจะนอนกันได้ปีนขึ้นปีนลงจนเหนื่อย…

*************************

พาไปเที่ยวดีกว่า…. เรามีเวลาหนึ่งวันเต็ม สำหรับตะลอนทัวร์อยู่แุถวนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นก็ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี ไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป อยู่ในรัศมี 20-25 กม.

Colmar เป็นเมืองที่เราตั้งใจจะไปอยู่แล้วจากที่บ้าน เพราะฉะนั้นจะพลาดไม่ได้ ส่วนอีกสองเมือง Riquewihr และ Kaysersberg ได้รับคำแนะนำจากเจ้าของโรงแรมค่ะ

จริงๆ เค้าแนะนำหลายที่นะคะ แต่ก็ต้องเลือกเอาค่ะ โลภมากนัก ก็ไม่สนุกค่ะ 

เมืองที่เราจะไปกันวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง Wine Route ในเขต Alsace ของฝรั่งเศส จะมีป้ายบอกตลอดเหมือน Romantic Road ในเยอรมัน ใครที่ชื่นชอบในการดื่มไวน์ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ  เส้นทางนี้สวยมากๆ ภูเขาทั้งลูกเต็มไปด้วยต้นองุ่น และเมืองที่ผ่านหลายเมืองเป็นเมืองเก่า คลาสสิก มีสเน่ห์อย่างบอกไม่ถูกค่ะ

 

Colmar ในวันฟ้าหม่น

หนึ่งวันใน Alsace ฟ้าก็เปิด ๆ ปิด ๆ ค่ะ แต่มาแล้วนี่ค่ะ ก็ต้องลุยกันต่อ The old town ใน Colmar ได้รับการขนานนามว่า Little Venice เพราะสามารถนั่งเรือไปตามคลองเล็กๆ ชมอาคารบ้านเรือนไม้ที่สีสรรสดใส ตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้สีสดๆ และงานศิลปะเก๋ ๆ ดูโรแมนติกดีค่ะ แต่เราเลือกที่จะเดินชมเมือง เพราะแต่ละตรอกซอกซอยน่าดู น่าชมไปหมด  

//www.ot-colmar.fr/en/

 

 

 

***************************

Riquewihr “The Gem of the Alsace Vineyards”

เมืองนี้สวยมากค่ะ ไม่แพ้ Colmar เลย ด้วยความเก่าแก่ของเมืองในยุคสมัยกลาง บ้านเรือนไม้สีสรรสดใส ที่เรียกว่า “half-timbered houses” บานหน้าต่างที่ยืนออกมาจากตัวอาคารแบบที่เรียกว่า Oriel window และซุ้มประตูเมือง The Dolder ที่สร้างในศตวรรษที่ 13 ไม่ผิดหวังที่แวะชมเมืองนี้ค่ะ

***********

Kaysersberg

 เมืองนี้ก็เป็นเมืองเก่าสมัยกลางเช่นกัน อาคารบ้านเรือนก็คล้ายๆ กับเมืองที่ผ่านๆ มา แต่นักท่องเที่ยวไม่มากนัก แต่ก็มีอะไรให้เดินชมได้ไม่เบื่อค่ะ 

 

**************

แถมของฝากจาก Alsace ขนมคุกกี้มะพร้าว แวะเมืองไหน ทางร้านเค้าต้องให้ชิมค่ะ รสชาติเหมือนขนมที่ทำจากมะพร้าวของบ้านเรา แต่นึกไม่ออกว่าเรียกว่าขนมอะไร แล้วก็ไวน์ค่ะ แวะจิบกันคนละนิดนะคะ 

 

นกกระสา สัญลักษณ์ของ Alsace เธอจะมาเดินอวดโฉมให้เห็นได้ทั่วไป  รังของคุณเธอใหญ่มากกกกกก ค่ะ… พบเห็นรังของพวกเธอบนหลังคาบ้านได้ทั่วไปเช่นกัน และที่นี้ยังมีศูนย์หรือสวน

นกกระสาให้เข้าชมด้วย (แต่เราก็ไม่ได้มีโอกาสไปค่ะ)

 ***********

จบแล้วค่ะ ซัมเมอร์ทริปปีนี้

วันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางกลับบ้านที่ฮอลแลนด์อย่างสวัสดิภาพค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน มาดู มาชมนะคะ สวัสดีค่ะ

 

  




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2555    
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 2:58:17 น.
Counter : 1084 Pageviews.  

Romantic Road Germany 2012 #3

วันที่ 7-8 : Schwangau - Buching

สองวันสุดท้ายในเยอรมัน เราขอเป็นวันสบายๆ และให้เป็นวันของเด็กๆ ค่ะ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่ ป๊ะป๋ากับแม่พาแต่เที่ยวดูบ้าน ดูเมือง แต่เด็กๆ เค้าก็ไม่บ่นนะคะ (หรือยังบ่นไม่เป็นก็ไม่รู้) เพราะทุกเมืองที่ไปมีสนามเด็กเล่นค่ะ และให้เค้าได้เล่นหลังจากเดินชมเมืองกันเสร็จ และที่สำคัญทุกเืมืองมีไอติมให้ทานค่ะ จบทริปแต่ละวัน ต้องตบท้ายด้วยไอติม… แค่นี้ทัวร์นกกระจิบของเราก็ไปรอดค่ะ 

ไม่ไกลจากที่พักนัก ประมาณกิโลกว่าๆ มีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ มีเครื่องเล่นให้เล่นเยอะ เล่นได้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ไม่ต้องเสียค่าเข้า เสียแต่ค่าเครื่องเล่นบางอย่างและค่าที่จอดรถค่ะ แต่เราเดินกันไป เพราะไม่ไกลมาก ก่อนถึงสนามเด็กเล่น ก็แวะถ่ายรูประหว่างทางไปด้วย อากาศเช้านี้ดีมากๆ

 เห็นปราสาททั้งสองแห่งอยู่ด้านหลังไกลๆ

 ผ่าน โบสถ์ Wallfahrtskirche St.Coloman 

 ถึงแล้วค่ะ สนามเด็กเล่น

ที่เด็กๆ รวมทั้งป๊ะป๋ากับคุณแม่ก็ชอบเล่น คือ Roodelbaan (ภาษาดัตช์) ซึ่งเป็นที่นั่งแล้วมีคันโยกอยู่ข้างหน้า สำหรับเบรคและเร่งให้เร็วขึ้นค่ะ สนุกมากๆ ค่ะ เพราะจะไหลเลี้ยวไปเลี้ยวมา ลงมาจากเขาน่ะค่ะ

ขับรถจาก Schwangau มาสัก 5-6 กม. ก็ถึง Buching ที่นี้สามารถนั่ง Skylift ขึ้นไปบนเขาได้ค่ะ ช่วงหน้าหนาวเค้าก็จะใช้พาคนขั้นไปและเล่นสกีลงมา ส่วนหน้าร้อนคนก็ขึ้นไปเดินเล่นค่ะ ตอนขาขึ้นไปเด็กๆ ก็ชอบและตื่นเต้น ส่วนตอนลงนี่ พากันเดินลงค่ะ จริงๆ ก็ นั่ง Skylift ลงมาได้นะคะ แต่ทรมานลูกเล่นนี่ สนุกกว่าค่ะ แหะๆๆ 

 

หนูไม่กลัวค่ะ

วิวจากบนเขา

 

 ขึ้นมาแล้วก็ยังมีสนามเด็กเล่นให้เล่นด้วย

พากันเดินกลับลงมา จากป้ายบอกใช้เวลา 55 นาที แต่นกกระจิบของเราคงต้องคูณสองน่ะค่ะ เดินมาสักพักอากาศก็ไม่เป็นใจ ฝนตั้งเค้าเพราะร้อนมาหลายวัน และแล้วเม็ดฝนก็โปรยลงมา เรา (สามคนแม่ลูก) ก็เลยตัดสินใจพักกันก่อนที่ศาลาริมทาง โรแมนติกอีกและ… (จริงๆ ก็เป็นฟาร์มหรือโรงเก็บอะไรเก่าๆ สักอย่าง) แล้วก็ให้คุณป๊ะป๋า เดินฝ่าสายฝนที่โปรยปรายไปเอารถขับขึ้นมารับเราสามสาว… แมนสุดๆ….  

***********

และแล้วการเดินทางของเราในเส้นทางสายโรแมนติกแห่งนี้ก็สิ้นสุดลง  

 สวยงาม ประทับใจ ในทุกเมืองที่ผ่านค่ะ

 ***************

วันที่ 9 : Meersburg am Bodensee – Orbey Tannach (France)

ถึงเวลาที่ทัวร์นกกระจิบจะต้องบินกลับรังที่ฮอลแลนด์แล้วค่ะ แต่ว่าระยะทางจาก Schwangau ถีงบ้านนี่ก็เจ็ดร้อยกว่ากิโลเมตร จะบินกลับกันรวดเดียวเลยก็ได้ แต่ดูแล้วว่าลูกนกกระจิบตัวน้อยๆ และพ่อนกผู้นำทางคงจะเหนื่อยเกินไป แม่นกก็เลยออกไอเดียให้พักค้างคืนระหว่างทางสักคืนสองคืน แล้วค่อยไปต่อ (จริงๆ แล้วหาเรื่องเที่ยวต่ออ่ะค่ะ อุอุ)  เราก็เลยพากันข้ามประเทศมาพักในเมือง Orbey Tannach ซึ่งอยู่ในเขต Alsace ของประเทศฝรั่งเศส ก่อนกลับบ้านค่ะ (ความตั้งใจหลักคืออยากไปชมเมือง Colmar ซึ่งอยู่ในเขตนี้น่ะค่ะ)

แต่จาก Schwangau ในเยอรมัน ถึง Orbey ในฝรั่งเศส ก็ไกลพอสมควร ระยะทางประมาณ 350 กม. เราเลยแวะพักเที่ยวที่เมือง Meersburg กันก่อน  Meersburg ยังอยู่ในเขตของเยอรมันค่ะ เป็นเมืองริมทะเลสาป Bodensee เมืองนี้น่าแวะ น่าเดินเที่ยวมากๆ ค่ะ  และจากที่นี้ยังสามารถนั่งเรือข้ามไปยัง Lake Constance ได้ด้วย น่าสนใจมากๆ แต่เวลาเราน้อย ก็เลยไม่มีโอกาสได้ไป

หารายละเอียดได้จากเวปไซด์ค่ะ (ถ้าเล่าเดี่ยวจะยาว…..เริ่มขี้เกียจแฮะ..) 

//www.meersburg.de/ceasy/modules/cms/main.php5?cPageId=1000069

อาคาร ร้านรวง สีสรรสดใส ใน Meersburg

 

 Fortress - Old Castle

 New Castle

 

 ท่าเรือ

 

 Magic Column

เราแวะพักทานอาหารกลางวันริมทะเลสาป และทานไอติมกันคนละแท่ง ก่ิอนจะเดินทางต่อไปยังฝรั่งเศส…

************

แล้วเจอกันใหม่ในตอนต่อไป ที่ Alsace France นะคะ 




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2555    
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 3:19:59 น.
Counter : 1337 Pageviews.  

Romantic Road Germany 2012 #2

วันที่ 4 : Wurzburg - ประตูสู่เส้นทางสายโรแมนติก

Wurzburg เป็นเมืองแรกที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของเส้นทางนี้ เป็นเมืองใหญ่และเก่าแก่

Würzburg Residenz (Residence Palace) ได้รับจดทะเบียนจาก UNESCO เป็น  “World Cultural Heritage Site”

 

St. Stephan

 Alte Universitat

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 Dom St. Kilian & Neumunster Church

 

Marienkapelle Church

Pilgrimage Church "Käppele” & Festung Marienberg

The old bridge “Alte Mainbrücke”

เนื่องจาก Wurzburg อยู่ห่างจาก Rothenburg ที่เราพักพอสมควร ประมาณ 70 กม. ด้ ตอนขามาเราจึงเลือกใช้ทางด่วน จะได้ไม่เสียเวลานัก ส่วนขากลับก็ค่อยๆ ขับชมนกชมไม้ ชมเมืองมาเรื่อย ขับมาได้สักระยะ ช่วงระหว่างเมือง Tauberbishofsheim กับ Bad Mergentheim ก็เห็นภูเขาทั้งลูกเหลืองอร่ามอยู่ข้างหน้า อย่ากระนั้นเลย ขับรถมุ่งไปยังที่หมายโดยทันที........ว้าววววว.....ทุ่งทานตะวัน สวยมากค่ะ

 

กางเสื่อปิกนิค จิบกาแฟ ชมทุ่งทานตะวัน อาร้ายยยย…จะโรแมนติก..ชิมิค่ะ...    

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะพักที่ Rothenburg พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางลงไปทางใต้ จุดหมายปลายทางคือ Schloss Neuschwanstein ที่ Schwangau ค่ะ

************

วันที่ 5 : Harburg – Donauworth – Landsberg am Lech – Schwangau

วันนี้เราต้องย้ายฐานทัพลงใต้กันแล้วค่ะ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ Schwangau ซึ่งเป็นเมืองเกือบสุดทางของเส้นทางสายโรแมนติกนี้ ระยะทางจาก Rothenburg ถึง Schwangau ประมาณ 250 กม. ก็ไกลพอสมควร แต่เราก็ไปแบบแวะชมนก ชมไม้ ชมเมือง ไปเรื่อยๆ ค่ะ ก็ฮอลิเดย์นี่คะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อนค่ะ ระหว่างทางเราแวะชมวังเก่าที่เมือง Harburg  แวะทานอาหารกลางวันที่ Donauworth และแวะชมแม่น้ำ Lech ที่เมือง Landsberg am Lech

Schloss Harburg

 Donauworth

Landsberg am Lech

 

เราถึงที่หมายปลายทางที่ Schwangau ประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ ที่นี่เราพักที่   Hotel Helmer โรงแรมนี้ใหญ่กว่าโรงแรมใน Rothenburg  อาหารเช้ามีให้เลือกเยอะ อาหารเย็นก็อร่อยมากๆ ฝากท้องไว้ที่นี้ทุกวันเลยค่ะ

 //www.hotel-helmer.de/en/hotel-helmer-schwangau/hotel-rooms.html

จาก

 รางไม้สำหรับใส่น้ำให้คนมาแช่เท้า ระหว่างเดิน Trekking จะได้ผ่อนคลาย

ระเบียงห้องที่เราพัก สามารถมองเห็น Schloss Neuschwanstein และ Schloss Hohenschwangau ได้ด้วยค่ะ  

******************  

วันที่ 6 : Schloss Neuschwanstein – Fussen

Schloss Neuschwanstein ปราสาทในเทพนิยาย และเป็นต้นแบบของปราสาท ใน Disneyland (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในเยอรมัน มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากมาย โดยเฉพาะทัวร์ญี่ปุ่นและจีนค่ะ (วันที่ไปก็ได้อารมณ์เหมือนมาเที่ยวกำแพงเมืองจีน หรือไปชมภูเขาฟูจิ ที่ญี่ปุ่น…ประมาณน้าน…)  

ที่นี้มีปราสาท 2 แห่ง ด้วยกันค่ะ คือ Schloss Neuschwanstein และ Schloss Hohenschwangau ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก สามารถซื้อตั๋วเป็นแพ็คแกจเข้าชมได้ทั้งสองปราสาท

รายละเอียดตามเวปไซด์นี้ค่ะ  //www.hohenschwangau.de/430.html

จากที่พักเราสามารถถึบจักรยานไปได้ค่ะ เพราะระยะทางประมาณ 2-3 กม. เองค่ะ  ที่โรงแรมก็มีจักรยานไว้บริการฟรีด้วยนะคะ แต่อย่ากระนั้นเลย การถึบจักรยานพร้อมแบกลูกขึ้นเขานี่ก็งานหนักเอาการอยู่ ดังนั้นเราจึงเลือกขับรถไปค่ะ  

จากลานจอดรถ (P4) สามารถมองเห็น Schloss Hohenschwangau ซึ่งอยู่ด้านบนได้ และอยู่ใกล้กับ Ticket Center มากที่สุด

เราเลือกซื้อตั๋วชมแค่ Schloss Neuschwanstein เพราะเหมาะกับสภาพครอบครัวที่มีเด็กเล็กมากที่สุดค่ะ  

การขึ้นไปชม  Schloss Neuschwanstein นั้นมีให้เลือก 3 ทางค่ะ คือ รถบัส รถม้า และเดิน เราเลือกไปรถบัส เพราะจะไปจอดใกล้กับ สะพาน Marienbrucke ซึ่งเป็นจุดชมปราสาทที่สวยที่สุด และกลับลงมาด้วยรถม้าค่ะ

 

สะพาน Marienbrucke สูงมากค่ะ และนี่ค่ะ รูปที่ได้จากสะพานแห่งนี้

ถ่ายรูปกันที่สะพานจนหนำใจ ก็พากันเดินลงมายังตัวปราสาท ใช้เวลาเดินประมาณสิบห้านาที แต่เป็นการเดินลงเขา เด็ก ๆ สามารถเดินกันได้ค่ะ ระหว่างทางก็มีจุดให้ชมวิวไปได้เรื่อยๆ

ถึงแล้วค่ะ Schloss Neuschwanstein

ผ่านประตูด้านหน้าเข้ามาเพื่อรอเข้าชมภายในปราสาท ซึ่งเค้าไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ การเข้าชมภายในปราสาท เค้าจะให้เข้าชมเป็นรอบๆ ตามเวลาที่เราซื้อบัตรเข้าชม ซึ่งเราจะต้องรักษาเวลาให้ดี เผื่อเวลาในการเดินทางขึ้นมา จากจุดที่เราซื้อตั๋ว  และเผื่อเวลาถ่ายรูปที่สะพานด้วย เพราะถ้าผ่านรอบของเราไปแล้ว ก็จะ่หมดสิทธิื์์ฺเข้าชมค่ะ ต้องซื้อตั๋วใหม่เลย

แถมภาพปราสาทในฤดูกาลต่างๆ จากโปสการ์ดในร้านขายของที่ระลึก แต่มุมภาพในโปสการ์ดสวยกว่า มุมที่ถ่ายภาพจากบนสะพานเน๊อะ.. คงจะต้องปีนเขาขึ้นไปถ่ายอีกด้านนึง ถึงจะได้ภาพมุมนี้

วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนค่ะ 27-28 องศา เด็ก ๆ ก็เลยเพลียกันง่าย ช่วงบ่ายเราก็เลยพาเด็ก ๆ กลับเข้าที่พัก มาอาบน้ำอาบท่า และงีบกันก่อนที่โรงแรม ได้หลับสักตื่น ก็สดชื่นขึ้นค่ะ พอแดดอ่อนลงนิดนึง ก็พากันออกไปใหม่  

เราขับรถมาเที่ยวในเมือง Fussen ซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายของเส้นทางสายโรแมนติก Fussen อยู่ห่างจาก Schwangau ประมาณ 3-4 กม. สามารถถึบจักรยานมาได้เช่นกัน หรือจะเดินมาก็ยังไหวค่ะ  เมืองนี้ก็เป็นเมืองที่น่ารักอีกเมืองหนึ่งค่ะ 

 

 

 

*************

(ติดตามวันต่อไปได้ใน Part#3 ค่ะ)




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2555    
Last Update : 11 สิงหาคม 2555 4:54:59 น.
Counter : 1600 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

Natteke
Location :
Thailand- Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





This blog is created by love :-)




Friends' blogs
[Add Natteke's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.