noki_nok
Group Blog
 
All blogs
 

>>> กิน..รักษาโรคแบบง่าย‏

เรื่องนี้ได้มาจาก forward mail อีกเหมือนกันคะ

เอามาแบ่งปันต่อๆ





1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัว




2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว




3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด




4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็นประจำ สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี



5. โรคหอบหืด กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง




6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ( ปลาโอ ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง




7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป




8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี ( ไม้เมืองหนาว ) กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้




9. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้




10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้




11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี




12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย




13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง




14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี




15. มะเร็งปอด กินส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน




16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้




17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก




18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี " โมโรอันแซตเทอเรต "




19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี




20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2553    
Last Update : 4 มิถุนายน 2553 18:46:44 น.
Counter : 1774 Pageviews.  

>>> ปลาทู...มหัศจรรย์ประโยชน์‏

เรื่องนี้ได้มาจาก forward mail คะ

เห็นว่ามีประโยชน์ เลยเอามาแบ่งปัน



"ปลาทู"



ปลาทะเลที่ผู้คนคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ด้วยเป็นสัตว์ทะเลที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทกับสำรับกับข้าวคนไทยมานานเท่านาน

ปลาทูคลุกข้าว เคล้าน้ำปลา น้ำพริกปลาทูอันเลื่องชื่อ
ต้มยำปลาทู เมี่ยงปลาทู ปลาทูต้มกะทิ ฯลฯ
ล้วนแต่เป็นอาหารอร่อย ทรงคุณค่า เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยรุ่น วัยทำงาน และคนชรา




นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติอันเพียบพร้อมของปลาทูที่เปี่ยมไปด้วย
"วิตามินดี" ที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัสเข้าลำไส้
เพื่อนำไปสร้างเสริม และซ่อมแซมกระดูก และฟัน
ทั้งยังช่วยรักษาระบบประสาท และการทำงานของหัวใจให้อยู่ในสภาพที่ดีสม่ำเสมอ

และยังช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด
ช่วยควบคุมแคลเซียมไปยังส่วนต่างๆ อย่างเพียงพอ
ทั้งยังมีไอโอดีนส่วนประกอบสำคัญของฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุม
ให้ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติ

ปลาทูยังมีกรดอะมิโนโปรตีน ที่จำเป็นต่อร่างกายสูงกว่าปลาชนิดอื่น
โดยเฉพาะไลซีน ที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ
กระดูก เส้นเอ็น ข้อ และทรีโอนีน ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในวัยเด็ก

ที่สำคัญปลาเพื่อนรักตัวนี้ ยังมี "โอเมก้า3" ที่ทรงคุณค่ากับร่างกายมากมาย

ศ.น.พ. ปิติ พลังวชิรา ผอ.ศูนย์โรคผิวหนัง
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
(มศว.) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Antiaging Medicine กล่าวว่า
"โอเมก้า 3" เป็นกรดไขมันประเภทไม่อิ่มตัว

ซึ่งจากการวิจัย พบว่าการรับประทานอาหารที่มีไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย
ที่มีอยู่ในปลานั้น จะมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ สร้างสมดุล
ปรับระดับความข้นของเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ เป็นการช่วยลดอัตรา
การเกิดโรคหัวใจ และยังช่วยบำรุงตับอ่อนเลี่ยงความเสี่ยงที่จะ
ทำให้เกิดโรคเบาหวานได้

นอกจากนี้ มีการพบว่าการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3
ช่วยให้ระบบประสาท และสมองดีขึ้น ป้องกัน และแก้ไขโรคความจำเสื่อม
หรือโรคที่สมองไม่สั่งงาน ช่วยเสริมสภาวะจิตใจ
สุขภาพสายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค
และช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด

คุณสมบัติอันเต็มเปี่ยมนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะพบอยู่ใน
"น้ำมันปลา" หรือน้ำมันที่สกัดจากปลาที่อยู่ในเขตหนาว
แซลมอน ปลาแมคเคอเรล หรือปลาทะเลน้ำลึก
อย่าง ปลาโอ ปลาซาบะ ปลาทูน่า รวมไปถึง ปลากะพง
และ "ปลาทู" ยอดฮิตของเราด้วย



เนื้อปลาทู 100 กรัม จะมีสารโอเมก้า 3 อยู่ประมาณ
2-3 กรัม ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายที่ต้องการได้รับโอเมก้า 3
ประมาณวันละ 3 กรัมเท่านั้น

"ผู้ที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ควรจะหาอาหารที่ประกอบด้วยโอเมก้า 3
และหาน้ำมันปลารับประทานได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก
ซึ่งเป็นวัยแห่งการ เจริญเติบโต และที่สำคัญในวัยนี้ โอเมก้า 3
จะช่วยบำรุงสมอง จนถึงวัยสูงอายุที่ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพ
โอเมก้า 3 ก็ช่วยปรับสมดุล ให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้"
หากผู้ที่ต้องการจะเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงโดยอาศัยประโยชน์จาก
ปลาทะเลน้ำลึกแล้ว ปลาทูถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

นี่คือ มหัศจรรย์ปลาทู เพื่อนสนิทคนไทย !!


คอลัมน์ : วาไรตี้เฮลท์




 

Create Date : 04 มิถุนายน 2553    
Last Update : 4 มิถุนายน 2553 16:06:47 น.
Counter : 10055 Pageviews.  

ผงล้างเครื่องซักผ้า

เครื่องซักผ้าพอใช้ไปนานๆ จะเริ่มสกปรก Smiley   อย่างของนก


 เวลาซักก็จะมีเหมือนขี้ตะใคร่ติดเสื้อผ้าเต็มไปหมด เลยลองมาหลายวิธีแล้ว


ก็ยังไม่หาย  พอดีไปเจอ ผงล้างเครื่องซักผ้า ที่ร้าน DAISO เลยลองซื้อมาใช้ดู


ได้ผลแฮะ Smiley ไม่มีเคษผงติดเสื้อผ้าอีก


เคยซื้อแบบเป็นก้อนก็ไม่หาย แถมแพงกว่าด้วย ก้อนละ 79 บาท


แต่อันนี้กล่องละ 60 บาท มี 2 ซอง ถูกกว่าเยอะ 


ล้างครั้งนึงก็อยูได้เกือบเดือนนะ (ขอโทษด้วย พอดีไม่ได้นับ)


แต่รู้สึกได้ว่าซักได้นานมากกว่าจะเป็นอีก










เอามา 2 สีเลย อิ..อิ  Smiley










วิธีใช้งาน

1. เปิดน้ำให้เต็มถังซัก

2. เติมผงล้างเครื่องซักผ้า 1 ซองลงไปในเครื่องซักผ้า (ไม่ต้องใส่ผ้า)

3. เดินเครื่องตามปกติประมาณ 10 นาที

4. หลังจากนั้นปิดสวิตช์ แช่น้ำดังกล่าวทิ้งไว้ประมาณ 3 - 5 ชม. แล้วปล่อยน้ำทิ้ง (ถ้าต้องการให้สะอาดขึ้นให้แช่ 1 คืน)

5. ตั้งโปรแกรมซักผ้าตามปกติ




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 26 มิถุนายน 2553 14:02:04 น.
Counter : 16172 Pageviews.  

ระวัง..สารเคมีจากชั้นในสีดำ!!



จากการศึกษาของนิตยสาร Öko-Test ในประเทศเยอรมนีที่ทำการทดสอบชุดชั้นในสีดำ 25 ตัว พบสารก่อมะเร็ง เนื่องจากชุดชั้นในสีดำบางยี่ห้อมีสารเคมีสีดำในปริมาณสูง ซึ่งเป็นที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นตัวก่อมะเร็ง เพราะเมื่อผู้สวมใส่มีเหงื่อออกสารเคมีก็จะตกสีออกมา ทำให้ผิวหนังได้รับสารเคมีอันตราย และมันจะกระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้

นอกจากสารเคมีสีดำก็ยังพบสารอันตรายที่ชื่อว่า Diethyhexylpthalate (DEHP) ซึ่งเป็นตัวยึดทรงชุดชั้นใน สารตัวนี้ติดอันดับในรายการสารอันตรายที่ทางสหภาพยุโรประบุไว้ เพราะเป็นสารก่อมะเร็งและเป็นสารต้องห้ามสำหรับของเด็กเล่นและผลิตภัณฑ์ทารก

แต่สาวๆ ที่มีชุดชั้นในสีดำก็อย่าเพิ่งตกใจจนต้องโยนชุดชั้นในสีดำทิ้ง ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า หากซื้อชุดชั้นในสีดำมาก็จะต้องซักล้างให้สะอาดเกลี้ยงเกลาก่อนใส่ทุกครั้ง



ที่มาจาก Lisa




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2552    
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 11:37:22 น.
Counter : 623 Pageviews.  

วิธีลดคราบมันในน้ำซุป

เวลาต้มน้ำซุปแล้วมีคราบมันลอยหน้าเต็มไปหมดเนี่ย ดูไม่น่ากินเลยใช่มั๊ย วันนี้มีเคล็ดลับช่วยลดคราบมันในน้ำซุป น้ำแกงมาฝาก


เพียงแค่ใส่ผักกาดหอมลงไปในน้ำซุป หรือ น้ำแกง ประมาณ 1-2 ใบ




คราบมันพวกนี้จะลอยไปเกาะที่ผักกาดหอมจากนั้นตักเอาใบผักกาดหอมออก แค่นี้ น้ำซุปของเราก็จะใสไร้คราบมันโดยไม่ต้องมาคอยตักออกให้เสียเวลาแล้วล่ะค่ะ





 

Create Date : 09 มิถุนายน 2552    
Last Update : 9 มิถุนายน 2552 16:56:19 น.
Counter : 1000 Pageviews.  

1  2  

Picha_nok
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






Jeban.com // รวมเทคนิคการแต่งหน้าและกรุเครื่องสำอาง





สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

Friends' blogs
[Add Picha_nok's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.