::: ยิ้มก่อนอ่าน ตาหวานก่อนเปิด :::
Group Blog
 
All blogs
 
ღ ღ......ส่งข่าว & เรื่องเล่าสามเรื่อง- 'สามแพร่ง'..... ღ ღ

:
:
มาส่งข่าวค่ะ...

ด้วยว่าเพลานี้ดึกแล้ว ต้องขออภัยและมาแจ้งว่าผู้เขียนจะขอจัดเวลาโพสต์นิยายใหม่เป็นทุกวันอังคารค่ะ




อันเนื่องมาจากรัฐบาลประกาศให้วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว แฮ่...เพิ่งนึกได้ว่า วันนี้เราควรทำตัวกันให้ว่างเพื่อครอบคัวจริง ๆ เจ้าค่ะ


อีกประการก็คือ เน็ตที่ใช้อยู่ที่บ้านช้ามั่ก ๆ ค่ะ ถ้ามาโพสต์ตอนนี้ ซึ่งผู้เขียนจะโพสต์ลงในบล็อกไปพร้อม ๆ กับในถนนนักเขียน ...โดยเฉลี่ยก็จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ!!!! และเนื่องจากวันนี้มาล่า ถ้าเริ่มสตาร์ทตอน 4 ทุ่ม คาดว่าจะเสร็จเอาตอนประมาณตี 2 ซึ่ง(อีกครั้ง)ว่าก็เคยทำค่ะ แต่เหนื่อยมั่ก อีกทั้งทำให้หงุดหงิดใจ & กายเป็นที่สุด

ขอเล่าเล่น ๆ ว่าที่บ้านจขบ.สมัคร Max Net ของ TOT ที่เชียงใหม่นี่ละค่ะ ทว่าเนื่องจากบ้านนั้นอยู่นอกตัวเมือง สัญญาณจึงมาไม่ครบถ้วน โปรโมชั่นที่ใช้อยู่คือ 1กิ๊ก แต่สัญญาณมาแค่ประมาณ 2-300 เท่านั้น!!! เคยลองซื้อชั่วโมงมาใช้ แต่ก็แพงเกินเหตุ ใช้แป๊บ ๆ ก็หมดเวลาเสียแล้ว ไม่คุ้มเลยค่ะ

เอาเป็นว่าทุกวันอังคาร (ซึ่งจะปลอดจากภารกิจ) จะไปใช้บริการ wireless ในร้านกาแฟที่เล็งเอาไว้แล้ว 2 แห่ง เจ้าของก็ใจดี และถ้าแบ็ตฯหมด ก็คาดว่าสามารถให้เสียบปลั๊กใช้ได้ อย่านั่งแล้วสั่งแต่น้ำเปล่าเป็นพอ อุอุ น่าจะใช้เวลาโพสต์ไม่นาน และไม่หงุดหงิดปวดใจ ยังไงก็ขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงให้ทราบตามนี้นะคะ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก เราค่อยมาว่ากันอีกทีนะคะ


มีเรื่องมาเล่าต่อค่ะ คราวนี้ไม่เกี่ยวกับนงเน็ตแต่ประการใด...

**เรื่องแรก**

วันก่อนเปิดบันทึกเล่มเก่าเมื่อปีก่อนดู บังเอิญเจอเรื่อง ๆ นึงที่เขียนเอาไว้

๓๑ สค. ๕๐

เมื่อกี้รื้อลิ้นชักหนังสือเก่า ๆ ของลูก กะจะหาการ์ตูนเรื่อง มาเรีย คลิงวัลล์ มาอ่าน พอดีเจอเรื่องของเจ้าหญิงไดอาน่า เลยหยิบออกมาอ่านด้วย วันนี้ครบรอบการจากไป 10 ปีของเจ้าหญิงพอดี เหมือนมีอะไรมาบังเอิญ

เลยถือโอกาส เอาหนังสือเก่า ๆ ขาด ๆ มาซ่อมด้วย เพราะว่าเป็นหนังสืออย่างดี เก็บไว้ถึงรุ่นลูกของลูกก็ยังใช้ได้

ทำให้คิดได้อีกอย่างหนึ่งว่า มันมีของบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน รอให้เรามาจัดการซ่อมแซม

บางทีงานในบ้านก็มีเยอะแยะ...ถ้ามีเวลาว่าง เราจะลองหันมาใส่ใจสิ่งใกล้ ๆ ตัว จัดบ้าน ซ่อมแซม บำรุง รื้อเอาผ้าม่านที่แขวนไว้ร้อยวันพันปีไปซักบ้าง

...ซ่อมหนังสือเก่า ๆ มันก็ทำให้เรามีช่วงเวลาเงียบ ๆ อยู่กับตัวเอง ทำสิ่งละเอียดอ่อนพวกนี้ที่มักจะมองข้าม มันก็ทำให้เกิดความสงบในใจได้เหมือนกัน

เมื่อคืนกลับมาบ้าน เห็นอึหมากองโต 3 กอง จะเป็นลม พอดีขังหมาไว้ตรงบันไดทางขึ้นบ้าน แล้วออกไปแต่เช้า ไม่ได้เข้าบ้านเลย มีความรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยสบาย วันไหนอุตส่าห์กินข้าวนอกบ้าน กลับเข้าบ้านไว ๆ จะได้อาบน้ำพักผ่อนเร็ว ๆ ...แต่มันก็ต้องมีอะไรสักอย่างให้ต้องไม่ได้นั่งพักผ่อนสบาย ๆ กับเขาบ้างละน่า!

โมโห...เลี้ยงหมาแล้วเป็นภาระชมัด

คิดแล้วก็บ่น ๆ พูด ๆ

"...ไม่เคยมีวันไหนที่หม่าม้ากลับมาแล้วจะได้นั่งสบาย ๆ เลย มันต้องมีอะไรสักอย่างให้ทำอยู่เรื่อย ไม่อะไรก็อะไรสักอย่าง..."

เก็บอึหมา...เหม็น...กองใหญ่มั่ก ๆ ขอบอก เรี่ยราดเต็มไปหมดทั้งบันได เก็บเสร็จ หน้ามืด ปวดเมื่อยไปหมด รีบอาบน้ำ ซักทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเรามันคุณนายสะอาดเสียด้วย ลูกชายคนเล็กได้ยินแม่บ่นหยั่งงั้นก็พูดขึ้นมาบ้างว่า

"หม่าม้าอ่ะ สบายจะตาย ...โรงเรียนก็ไม่ต้องไป ...อยากกินของอร่อย ๆ ก็ได้กิน มีตังค์ใช้ มีจตุคามรามเทพ มีทองอยู่ในตู้...." (จุ๊ ๆ..อันหลังไปบอกเค้าทามมาย )
\/
\/
\/
โหย...ฟังแล้วอึ้งเลย!

ตลกก็ตลก

ลูกเราเพิ่งอยู่อนุบาลสามนะ แบบว่าเห็นเราไม่ทำงาน (ความจริงคือทำงานที่บ้าน) แต่มีตังค์ใช้ แต่มันต้องไปโรงเรียน เหนื่อยก็เหนื่อย เห็นเรามีจตุคามฯอีก กะลังฮิต (ปีนั้น) ใคร ๆ ก็อยากได้ ทำเราอึ้งน่ะ ลูกพูดออกมาได้ไง!!

(ปล.ส่วนจตุคามฯนั้น--ขอออกตัวหน่อยเหอะว่าดิฉันมิได้เห่อเหิมหรือตามกระเเสอะไรกับเขาหรอกค่ะ พอดีคุณแม่เพื่อนลูกเขามีน้ำใจอยากมอบให้จริง ๆ เรารึก็ปฏิเสธไม่ลงรับไว้ด้วยไมตรีจิต ..เดี๋ยวจะหาว่าเราเล่นของ...เปล่าเล่นนา!!!)




***เรื่องที่สอง***

วันก่อนโทรไปคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันดี เราคุยกันได้ทุกเรื่อง และมักจะปรับทุกข์ รวมถึงเล่าความฝันที่เราต่างก็มีอยู่ในใจเหมือน ๆ กัน

น่าแปลก...ที่เราสนิทกันขนาดนี้ แต่ก็นาน ๆ เจอกันที ปีละสักหนสองหนเองกระมัง อาจจะเพราะเราอยู่ไกลกัน และต่างคนต่างก็มีภาระ เรานับว่าเธอเป็นพี่สาวของเราคนนึง พี่สาวเราใช้ชีวิตสองประเทศ แต่เธอก็ฝันว่าอยากจะมีบ้านและที่ดินของตัวเองที่เชียงใหม่สักวันหนึ่ง ทำเป็นรีสอร์ตสปาเล็ก ๆ แล้วก็ปลูกสมุนไพรอยู่ในอาณาจักรของตัวเองไปเงียบ ๆ

ทว่า พี่สาวเรามักจะบ่นว่าเหนื่อย อายุก็มากขึ้นทุกวัน ๆ เธอไม่สบายบ่อย ๆ ค่ะ มีโรคประจำตัวอยู่ด้วย พอปีนี้ ข้าวยากหมากแพง น้ำมันก็ขึ้นราคา จะขยับทำอะไรแต่ละทีตัวเลขก็พุ่งปรี๊ดตาม พี่สาวเราก็บอกว่าตอนนี้ชีวิตเธอลดความต้องการของตัวเองลง...แค่ว่าให้มีชีวิตอยู่แต่ละวันมีความสุข แล้วก็ไม่ป่วยไข้...ก็พอ!!


ฟังแล้วก็ทำให้คลิ๊กในสัจธรรมได้อย่างรวดเร็ว!

...โลกทุกวันนี้ มันทั้งหล่อหลอมและทั้งผลักดันให้คนเรามีความคิดเป็นปัจเจกมากขึ้นทุกที...มีความฝัน ความหวัง และความต้องการ ที่ล้วนแล้วแต่เพื่อตัวเองมากที่สุด ทว่าเมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่ง ถ้าเกิดมันเหนื่อยนัก หรือรู้สึกว่าความฝันมันชักจะใหญ่โตจนกดดันตัวเรามากจนเกินไป เราก็ควรจะถอยออกมา...แล้วก็..จะว่าปล่อยวางเลย ก็คงไม่ได้ในเมื่อชีวิตในทางโลก ๆ ของเรายังต้องกินต้องใช้ต้องดำเนินกันต่อไป...

เอาเป็นว่า...ขอแค่ว่าให้เราเลือกเดินสายกลาง แบบพอเหมาะพอดีกับตัวเราเท่านั้น ไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป

ครั้งนึงมีคนปุจฉาถามหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุว่า

"คนเราทำงานก็มีความหวัง พอไม่ได้ดังหวังก็เป็นทุกข์!"

หลวงพ่อตอบว่า "คนโง่ ทำงานแล้วเป็นทุกข์ คนฉลาด ทำแล้วไม่ทุกข์ ทำงานเพื่องาน ไม่ได้หวังสิ่งใด"

คลิ๊กกันมั้ยคะ




***เรื่องที่สาม***

นำมาจากข้อเขียน 'คำวิจารณ์ คือ หินลับมีด' ของท่าน ว.วชิรเมธี จาก 'เนชั่น สุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 พฤษภาคม 2551'

ท่านว.วชิรเมธี เขียนเกี่ยวกับชีวิตช่วงแรกของท่านพุทธทาส เมื่อเริ่มบุกเบิกสวนโมกข์ฯ รวมถึงต่อมาเมื่อท่านพุทธทาสเริ่มออกหนังสือเผยแพร่พุทธศาสนาในแบบของท่าน ท่านถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วงรุนแรงมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นพระบ้าบ้าง เป็นคอมมิวนิสต์เพราะไม่สอนธรรมะตามแนวจารีตที่สืบกันมาแต่โบราณ ฯลฯ

"คืนวันผ่านไป คนที่เคยเล่นงานท่านพุทธทาสด้วยข้อกล่าวหาต่าง ๆ ล้วนแก่เฒ่า ล้มหายตายจากไปตามวันเวลา และในสังคมไทยแทบไม่มีใครรู้จักชื่อ หรือนามสกุลของคนที่เคยเล่นงานท่านพุทธทาสเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำ ตรงกันข้าม ท่านพุทธทาสภิกขุ พระหนุ่มที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง กลับยิ่งแวววาวพราวพรายขึ้นทุกที ยิ่งเมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว แต่กลับดูเหมือนว่าชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านกลับยิ่งเจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม

เป็นความเจิดจรัสกระทั่งในเวทีโลกยกให้ท่านเป็น 'บุคคลสำคัญของโลก' ซึ่งในเมืองไทย มีใครไม่กี่คนที่ขึ้นสู่ฐานะอันสูงเช่นนี้

คำวิจารณ์นั้น สำหรับตัวผู้วิจารณ์มีผลต่อชีวิตของเขาน้อยมาก แต่สำหรับผู้ถูกวิจารณ์แล้ว นับว่ามีความสำคัญยิ่ง

ประการแรก มันสะท้อนว่า งานของท่านมีลักษณะพิเศษในแง่ใดแง่หนึ่งอย่างแน่นอน และดังนั้น มันจึงมีความน่าสนใจพอจะถูกวิจารณ์

ประการที่สอง มันคือการชี้ขุมทรัพย์ที่วิเศษยิ่ง คนที่จะวิจารณ์นั้น ตามปกติต้องคิดแล้วคิดอีกเพื่อหามุมมาติ มาเล่นงาน การที่เขาเฝ้าให้ความสนใจใครคนหนึ่ง แล้วพยายามชี้ช่องทางว่าเราผิดพลาดตรงไหน อ่อนตรงไหน น่าเป็นห่วงตรงไหน นี่คือ กระจกวิเศษสำหรับผู้ถูกวิจารณ์โดยแท้

ประการที่สาม หากผู้ถูกวิจารณ์ยินดีรับฟังคำวิจารณ์อย่างมีสติ นี่คือโอกาสในการพัฒนาตนเองครั้งสำคัญ

ประการที่สี่ เมื่อผ่านคำวิจารณ์ไปได้ ก็เหมือนมีดที่ถูกลับด้วยหินหยาบ ๆ จนคมกริบ พร้อมแล้วสำหรับการทำหน้าที่ของมีดอย่างมีประสิทธิภาพ

คำวิจารณ์จึงนับว่ามีคุณ

สุดท้ายแล้ว คนที่วิจารณ์ (ไม่ว่าจะเกิดจากพื้นฐานของหลักวิชาการหรือไม่ก็ตาม) คนอื่น จะถูกกลืนหายไปในกระแสธารของกาลเวลา แต่คนที่ถูกวิจารณ์ หากเขาเป็นคนดีจริง จะยิ่งโดดเด่นเป็นสง่า และมีคุณค่าอยู่หนือกาลเวลาตราบนานเท่านาน...

............."



ปล. ยังไงวันนี้ก็เอาเรื่องสั้นมาฝากแทนก่อนเรื่องนึงค่ะ 'ดอกไม้และก้อนอิฐจากโลกไซเบอร์' คลิ๊กไปที่หน้าเรื่องสั้นได้เลยคร่าาา

ขอบคุณหินลับมีดทุกก้อนที่ช่วยลับคมให้ผู้เขียน..ทุกเสียง ทุกบททุกตอน และทุก ๆ ความปรารถนาดีค่ะ





Create Date : 25 พฤษภาคม 2551
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 0:21:30 น. 3 comments
Counter : 377 Pageviews.

 
หวัดดีค่ะ คุณนาท
แดงส่งหลังไมค์หาคุณไม่ได้ค่ะ
แดงจะบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ แดงเข้าใจ
(ว่าแล้วจะแอบไปรออ่าน lisa นะคะ)



โดย: คุณนายเหรียญบาท วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:30:37 น.  

 
มาแอ่ว...แหมแหล่ววววว.....

จะเลิกเขียนบล็อกทำไมคะพี่...? ก็หนุกดีนี่นา...
หรือติดปัญหาเรื่องเน็ตห่วย...

บ้านที่กำลังจะเริ่มทำเหรอคะ แบบยังไม่สำเร็จดีเลยค่ะ
ให้น้องแอ๊ด(NEC) ออกแบบให้น่ะค่ะ
และอาจพึ่งพาพี่จิวนี่แหละมาสร้างให้
เรื่องหลังคาก็...แก้ด้วยการใช้แผ่นกันร้อน และยกระดับ
ช่องกลางให้สูงขึ้น เปิดให้โปร่ง ๆ คาดว่าคงช่วยได้
สงสัยต้องลงต้นไม้เยอะ ๆ ให้เป็นป่าซะเลยน่ะค่ะ
น่าจะช่วยได้อีก...(หวังว่าอะนะ)
เพราะเคยไปลองนอนเล่นนั่งเล่นยามบ่าย ๆ ตอนเดือนเมษา ก็ใช้ได้เลยค่ะ เตาอบดี ๆ นี่เอง...


ไว้ถ้าเริ่มเข้ารูปเข้ารอยเมื่อไหร่ จะบอกนะคะ
จะเชิญมาเป็นคอมเม้นเตเตอร์หน่อย...คิคิ

สรุปง่าย ๆ ว่าเหนื่อยค่ะ เหนื่อย...ใจ

พี่ชอบสี่เต่าทองเหรอ
ดู Across The Universe หรือยังคะ
มีฉากร้องเพลงบนตึกแบบที่พี่เล่าด้วยล่ะ
อ้อ...เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง
แถมพอดีตึกในเรื่องก็เป็นตึกชื่อผลไม้สีแดงเหมือนกันซะด้วย...
ว่าจะทำรีวิวเรื่องนี้ลงบล็อกก็ยังเรียบเรียงไม่เสร็จเลย...ขี้เกียจค่า..

ไปงานศิษย์เก่าเหรอ ..




ไม่ชอบวงเหล้าของชาวศิลป์อ่ะ คาดว่าจะไม่ไปโผล่แถวนั้นนะคะ คนเมาเยอะแยะ เลอะเทอะ น่าเบื่อ...มาก ๆ








โดย: a_Qi วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:16:43:16 น.  

 
อุ๊บส์ ...ลืมบอกบางเรื่อง

บ้านที่ทำกะว่าจะอยู่กะป่าป๊าและหม่าม๊าค่ะ หมาน้อยสักสองตัวและคุณคนนั้นที่อยากอยู่ด้วยจน64อีกคนน่ะค่ะ...


แล้วจะโทรหานะคะ...เมื่อไหร่เมื่อนั้นแหละค่ะ..
(พอดีไม่ถูกโรคกะการคุยโทรศัพท์)

ปล.พี่ขยันทำงานดีนะคะ...โพสต์นิยายต่อเนื่องดีจัง


โดย: a_Qi วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:16:57:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ส้มเจื๊อง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




All you need is Love.
Made in Chiangmai.
หลังไมค์ถึงนาทวริน

Johaan Pachelbel cAnoN iN D
สกาววินฯ...ปกแรก Limited Edition
...พิมพ์นาม(สกุล)ปากกาผิดนิดนึง
You aRe whAt you rEad.
ออกจากขวดโหล
เรื่องที่สอง ใช้นามปากกา ‘นาทวริน’ ค่ะ
สำนักพิมพ์เพื่อนดี
งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27)
การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์
******
ที่มาของข้อความ:เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา
Friends' blogs
[Add ส้มเจื๊อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.