All Blog
ตราบาปนักเลง / ผู้หญิงผมบลอนด์
 

ตราบาปนักเลง / ผู้หญิงผมบลอนด์

 

 

หล่อน...ทำให้เขาอยากกลับใจเป็นคนดี

 

แต่เส้นทางที่เลือกเดินนี้...ว่ากันว่า...ไม่มีสิทธิ์กลับตัว

 

  

 

 "ภูผา"  "เดชา"  "ชาคร" และ "วิศรุต" สี่ นักเลงหนุ่มเลือกเดินบนเส้นทางบาปมาช้านาน หากแล้ววันหนึ่งพวกเขาอยากจะกลับตัวกลับใจเพื่อคนรัก พวกเขาจหลุดออกจากขุมนรกได้หรือไม่? หรือต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนเส้นทางนักเลง กลายเป็นตราบาปที่ไม่มีวันลบเลือนตลอดกาล!

    เป็นนิยายที่สะท้อนการเลือกชีวิตโดยมีสี่หนุ่มนักเลงในยุคที่สมัยจังหวัดชลบุรีเลื่องชื่อลือชาถึงเรื่องกลิ่นคาวเลือดและควันปืน สะท้อนถึงความรักและความเสียสละระหว่างผองเพื่อน เจ้านายและคนรักรวมถึงการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างเจ้าพ่อ ทุกฉากเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าติดตาม ผู้อ่านที่ชื่นชอบนวนิยายสะท้อนการเลือกชีวิตไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้!

 

 

        ท่ามกลางนิยายรักที่ครอบครองพื้นที่ตลาดนิยายไทย การจะมีนักเขียนผู้หญิงสักคนเขียนนิยายแนวอันธพาลครองเมืองนับว่าเป็นเรื่องแปลกเอาการ แต่นั่นก็ทำให้เราสนใจได้ (เพราะเป็นคนนอกกระแสเหมือนกัน) โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่แค่ชื่อเรื่องและเรื่องย่อด้านหลังก็บอกแล้วว่านี่ไม่ใช่นิยายรักหวานซึ้งตรึงใจแน่นอน แต่มันต้องมีปืนผาหน้าไม้กันทั้งเรื่อง และก็เป็นดังนั้นจริงๆ

 

        ตราบาปนักเลง เล่าเรื่องราวสี่หนุ่มบริวารเจ้าพ่อแห่งเมืองชลบุรี ซึ่งก็เป็นอย่างที่เราเคยเห็นภาพตามหนังละครคือเป็นลิ่วล้อของเสี่ยใหญ่ (แต่ตามท้องเรื่องก็ไม่ใช่เจ้าพ่ออันดับหนึ่งของชลบุรี) แน่นอนว่าวิธีทำมาหากินของเจ้าพ่อนั้นนอกจากธุรกิจถูกกฎหมายแล้วก็ย่อมมีการเก็บค่าคุ้มครอง รีดนาทาเร้นต่างๆ นานา ซึ่งตอนแรกที่อ่านก็ อืม...เลวได้ใจเหมือนกันนะไอ้หนุ่มทั้งสี่เนี่ย

 

เรื่องโฟกัสที่ชายหนุ่มสี่คนที่เป็นเพื่อนรักและเป็นลิ่วล้อ เสี่ยเจ็ง คนดังแห่งเมืองชล บุคลิกหนุ่มๆ แต่ละคนก็แตกต่างกันไป ภูผา ดูจะเป็นพระเอกเพราะพื้นเพแล้วเขาเป็นเด็กดี แต่ว่าสูญเสียพ่อแม่ไปในวัยเด็กจึงไปอาศัยหลวงตาอยู่ที่วัด แต่พอพระท่านสิ้นก็หมดที่พึ่งจนเสี่ยเจ็งรับไปเป็นบริวาร เขาจึงทำงานให้นายด้วยสำนึกกตัญญู ส่วนตัวละครอื่นอย่าง  "เดชา"  "ชาคร" และ "วิศรุต" ก็มีทั้งสีเทาสีดำปะปนกันไป ทุกคนมีเหตุผลและที่มาในการก้าวสู่โลกอันธพาล

 

เนื่องจากเป็นเรื่องของโลกนักเลง ฉากล้มโต๊ะกันกลางตลาดจึงมีให้เห็นบ่อย (คล้ายหนังจีนที่โรงเตี๊ยมมักต้องวอดด้วยเหล่าจอมยุทธ์) มีนางเอกซึ่งเป็นเด็กสาวแสนดีโผล่เข้ามาทำให้หนุ่มๆ เริ่มหวั่นไหวว่าอยากออกจากโลกมืด แต่ในเมื่อการห้ำหั่นของบรรดาเจ้าพ่อไม่เคยหยุดนิ่ง วงการนี้เข้ามาแล้วมีทางออกเพียงสองทาง คือออกไปเข้าคุก หรือออกด้วยการจบชีวิตเท่านั้น จุดจบของตัวละครเรื่องนี้จึงเป็นอะไรที่เดาไม่ยาก

 

ตอนที่อ่านเล่มนี้นั้น อดไม่ได้จะนึกถึงสารคดีของ อรสม สุทธิสาคร นักเขียนแนวสารคดีที่เขียนตีแผ่ชีวิตคนในมุมมืดได้ถึงแก่นและมีชีวิตชีวา แต่เมื่อมองในฐานะนิยายก็จะพบว่าเรื่องราวอันธพาลในเล่มนี้ก็ไม่ได้นั่งเทียนเขียนลอยๆ แต่เชื่อได้ว่ามีตัวตนจริง และเรื่องราวว่าด้วยเจ้าพ่อภาคตะวันออกนั้นรู้ๆ กันอยู่ว่าคุกรุ่นด้วยดินปืนขนาดไหน อย่างน้อยตอนอ่านก็รู้ได้ว่าคนเขียนลงทุนลงใจกับเรื่องนี้มากพอดู บรรยากาศมันจึง “นักเลง” ใช้ได้

 

        จะมีติงก็นิดเดียว (นิดมาก) คือช่วงที่นักเลงครองเมืองนั้นที่เด่นชัดก็ดังที่คนเขียนบอกคือ 2500-2520 ซึ่งยุคนั้นเรามั่นใจว่ายังไม่มีธนบัตรใบละพันบาท แต่มีฉากหนึ่งที่ตัวละครหยิบเงินใบละพัน ซึ่งดูจะขัดกับบริบทเวลา

 

        เอาเป็นว่านี่เป็นนิยายที่ค่อนข้าง real ในหลายๆ แง่ และคนเขียนก็กล้าที่จะเขียนมันออกมาทั้งที่ดูแล้วน่าจะสวนกระแสตลาดอยู่มิใช่น้อย ซึ่งดูจากชื่อ สนพ แล้วก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะเจ้านี้ (ธราธร) เขาเน้นนิยายรัก แต่ด้วยความที่มีช่วงหนึ่ง สนพ นี้ผลิตนิยายออกมาในตลาดจำนวนมาก ทำให้นิยายบางเรื่องซึ่งอาจไม่เข้าทาง Mass market ได้มีโอกาสเป็นรูปเล่มบ้าง ดังเช่นเล่มนี้เป็นต้น แต่กระนั้นก็รู้ๆ กันอีกว่า สนพ นี้เคยเป็นกระทู้ฮอตมาแล้วเรื่องเกี่ยวกับค่าต้นฉบับ (และคนที่รู้จักกันก็บอกว่านักเขียนกลุ่มหนึ่งก็ยังคงไม่ได้ค่าต้นฉบับจาก สนพ แห่งนี้ ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า...สถานการณ์ของที่นี่จะเป็นยังไงต่อไป)




Create Date : 04 พฤษภาคม 2557
Last Update : 4 พฤษภาคม 2557 21:41:02 น.
Counter : 2470 Pageviews.

10 comment
สาปลังกา / ปองวุฒิ
 

สาปลังกา / ปองวุฒิ
ผู้ชายก็เขียนนิยายโรแมนติกได้นะเออ

เบื้องหลังอำนาจและความร่ำรวยของตระกูลเทพรัตน์ปรีชานนท์
ซ่อนเร้นปีศาจร้ายที่คอยสูบวิญญาณมนุษย์

หนึ่งในเหยื่อสังเวยนั้นคือน้องสาวของพันธิสา
เธอจำต้องสลัดคราบนักโบราณคดีสาวมาเป็นนักล่าปีศาจแทน แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เพราะปีศาจร้ายแฝงกายอยู่ในร่างใครสักคน

แม้ธีภพจะคอยห่วงใยและช่วยเหลือเธอ แต่เขาก็เป็นสมาชิกตระกูลปีศาจนี้
เธอจึงคอยระวังตัวทุกฝีก้าว จะเทใจรักยังต้องหวาดระแวง
ทั้งแผนการกำจัดปีศาจก็ยังไม่สำเร็จหรือจะปล่อยให้โชคชะตาพาไปแล้วแต่บุญกรรม

(หมายเหตุล่วงหน้า รีวิวครั้งนี้อาจมีการสปอยล์เนื้อหาบางส่วน หากอยากอ่านนิยายเรื่องนี้โดยไม่เสียอรรถรส กรุณาข้ามรีวิวนี้ไป)

หยิบเล่มนี้มาอ่านด้วยความสนใจในตัวพล้อตที่บ่งบอกว่าไม่ใช่นิยายรักโรแมนติกทั่วไปแต่มันมีภูติผีปีศาจมาเกี่ยวข้อง (ไปทางสยองขวัญนิดๆนะ) โดยส่วนตัวไม่เคยอ่านงานของนักเขียนท่านนี้มาก่อน แต่ก็นึกอยากลองเพราะดูลักษณะโทนเรื่องแล้วน่าจะใช้ได้

ในเรื่องการใช้ภาษาถือว่าเดินเรื่องกระชับน่าติดตาม เทคนิคการเล่าแพรวพราวใช้ได้ด้วยการเปิดเรื่องได้น่าสนใจ เพราะเป็นฉากการตายอย่างเป็นปริศนาของน้องสาวนางเอก นำมาสู่ฉากการพบกันครั้งแรกของคู่พระ-นางของเรื่อง คือ “พันธิสา” ผู้เป็นพี่สาวที่เข้ามาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเดียวกับที่น้องเธอเคยทำ ในวันแรกเธอก็ได้เจอะกับ “ธีภพ” บุตรชายท่านประธานแบบไม่คาดคิด และมีพ่อแง่แม่งอนกันตามประสา

จริงๆ แล้วนางเอกนั้นเรียนด้านโบราณคดี มายอมลงทุนปลอมประวัติเพื่อเข้าทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่ของตระกูลนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมืองไทยก็เพื่อสืบเงื่อนงำการตายของน้องโดยเฉพาะ (เก่งเหมือนกันนะจบโบราณคดีแต่ทำเนียนมาอยู่ในบริษัทเอกชนได้)

ความจริงลำดับการเล่าเรื่องของนิยายเรื่องนี้ถือว่าดี คือหลังเปิดเรื่อง ก็ค่อยเล่าย้อนอธิบายว่าทำไมพันธิสาถึงมาที่นี่ แล้วเรื่องก็ดำเนินไปโดยนางเอกเข้าไปใกล้ปริศนาของครอบครัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นพบว่าน้องสาวเธอไม่ใช่เหยื่อรายแรก แต่สาวๆ ในบริษัทนี้หายตัวลึกลับไปแล้วหลายราย บางครั้งตัวละครก็เจอเรื่องสยองหรือเงื่อนงำอันนำไปสู่การคลี่คลาย เรื่องดำเนินไปแบบวางพล้อตดี เข้มข้น กระชับ ไม่ยืดยาด

แต่อันนี้ความเห็นส่วนตัวขณะอ่าน เราคิดว่าการเล่น “จังหวะการคลายปม” ของเรื่องนี้น่าจะมีหนทางที่ทำให้น่าสนใจกว่านี้ ความจริงชื่อเรื่อง สาปลังกา ก็ทำให้เราสงสัยตั้งแต่หยิบอ่านว่าเกี่ยวอะไรกับลังกา? แต่ตัวเรื่องก็ไม่เอ่ยถึงจุดนี้เท่าไหร่ แล้วจู่ๆ พอถึงครึ่งเล่ม “ปม” ส่วนหนึ่งของเรื่องก็เฉลยว่าทำไมจึงชื่อเรื่องสาปลังกา เป็นการคลี่คลายแบบม้วนเดียวจบเลยว่าที่มาคืออะไร ว่าตระกูลพระเอกรวยมหาศาลก็เพราะปีศาจร้ายที่มาจากศรีลังกาที่ให้โชคลาภแต่ก็ต้องการสิ่งตอบแทนนั่นเอง ซึ่งตรงนี้เรามองว่าถ้ามีการ “หยอดปริศนา” เป็นระยะก่อนหน้านี้ และเก็บบรรยากาศเป็นปริศนาไว้อีกหน่อยก็อาจจะน่าสนใจกว่านี้ (แต่ถึงอย่างนั้นบรรยากาศของเรื่องก็คุมโทนได้ดีพอควร แม้ว่าจะรู้สึกว่ามันจะสามารถ “หลอน” ได้มากกว่านี้ แต่บรรยากาศมันออกแนวต่อสู้ปีศาจมากกว่าจะหลอน)

ปีศาจในเรื่องนี้....ระดับความน่ากลัวไม่ได้มากนักในสายตาเรา แค่ว่ามันดูดกินชีวิตมนุษย์เท่านั้น นอกนั้นสกิลอื่นๆ ก็เรียกว่ากลางๆ ของโอปปาติกะ ไม่ได้มีญาณทิพหรือจิตสัมผัสมากไปกว่าคนทั่วไป (นางเอกปลอมตัวเข้ามายังไม่รู้เลยว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร) และเพราะปีศาจเรื่องนี้อิมพอร์ตมาจากลังกา วิธีปราบก็ต้องนำเข้าพ่อหมอออริจินัลมาเป็นตัวช่วย โดยฝั่งนางเอกนั้นเป็นฝ่ายทุ่มทุนสร้างเพราะญาติผู้ใหญ่เธอก็เป็นพวกมีวิชาอาคม เรียกว่านางเอกมีกองหนุนครบมือ

การเล่าฉากบู๊ก็พอเห็นภาพดีแม้ว่าจะบรรยายติดกันเป็นพรืดไปหน่อย (ไอ้เราเป็นโรคชอบเสียงประกอบเลยอ่านแล้วแปลกนิดๆ กับฉากบู๊ที่บรรยายยาวๆ) แต่ก็อ่านสนุกดีกับการตามปราบปีศาจร้ายตนนี้ ฉากสยองๆ มีให้อ่านครบสูตร สลับกับฉากสวีทแบบพอเหมาะของพระเอก-นางเอก (โดยพระเอกของเรื่องก็คอยเฝ้าสงสัยเหมือนกันว่านางเอกเป็นใครกันแน่) จนเรื่องไปถึงตอนจบที่แน่นอนว่าปีศาจร้ายก็ต้องโดนปราบ

เป็นเรื่องที่องค์ประกอบตัวละครครบดี นางเอกเด่นกว่าเพราะเธอค่อนข้างเก่งกล้าสามารถ ส่วนฝั่งพระเอกนั้น...ความเห็นส่วนตัวคิดว่าเขาถูกบดบังด้วยตัวบทพอควร อาจเพราะพระเอกถูกจัดวางให้ไม่เกี่ยวข้องกับความเลวร้ายของตระกูล ทำให้เขาดูไม่ต้องเก็บงำอะไรเมื่อเทียบกับพี่ชายบุญธรรมของเขาที่ดูสุขุมและมีปริศนามากกว่า (เพราะพี่ชายบุญธรรมพระเอกรู้เห็นเรื่องเหล่านี้อย่างจำใจ แถมตอนท้ายยังยอมรับผิดแทนพ่อบุญธรรมอีก ชอบตัวละครนี้ตรงมีมิติดี) ถึงพระเอกจะเป็นคนรูปหล่อพ่อรวย แต่ก็มิใช่แนวแบดบอยเพราะบุคลิกของธีภพในเรื่องนั้นเป็นผู้ชายที่ดีที่เทคแคร์นางเอกดีมาก (ก็เค้าเริ่มรู้สึกดีกับนางเอกแล้วนี่) แต่กระนั้นช่วงท้ายมีนายตำรวจหนุ่มไฟแรงคนนึงโผล่มาสืบคดีอีก เราก็สนใจตัวละครนี้อีก (วอกแว่กจริงเรา) ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า...พระเอกมีบุคลิกไม่โดดเด่นนักและมีความสำคัญต่อเรื่องน้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับนางเอกแอนด์เดอะแกงค์ที่ต้องสู้รบตบมือกับปีศาจ แต่....เมื่อพิจารณาตามคุณสมบัติว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อ รวย แสนดี รักและแคร์นางเอก ก็ถือว่าเป็นพระเอกที่เหมาะควรแล้ว 

แต่โดยสรุปเรื่องนี้ก็ครบรสดี สำหรับเราแล้วก็เป็นนักเขียนชายที่เขียนนิยายรักได้ลงตัวดี เพราะเรื่องนี้พระเอก-นางเอก ก็เคมีเข้ากันและน่ารักกันดี




Create Date : 12 เมษายน 2557
Last Update : 12 เมษายน 2557 16:47:19 น.
Counter : 3230 Pageviews.

7 comment
สุดฟ้าเหนือกาล/ ไอศิยา
 

สุดฟ้าเหนือกาล/ ไอศิยา

 

 

(เลือกมาแบบ random แต่อ่านจบแล้วชอบล่ะ)

 

 

"ครานั้นเจ้าหลีกลี้หนีสัมผัสของเรา แต่ครานี้เจ้ากลับยอมให้เขาแตะต้อง" เทวบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ระลึกถึงเมื่อครั้งครองคู่กับนางอสุรีที่สร้างบาดแผลไว้แก่หัวใจเขา นางมิได้ทำให้เขาเจ็บเพียงฝ่ายเดียว นางเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เจ็บปวดจากการอยากเอาชนะ จากความดื้อรั้น และจากเส้นทางที่นางเลือกเอง! เขาเฝ้าติดตามค้นหานาง หลากภพ หลายชาติ เฝ้าขัดขวางความรักครั้งใหม่ของนาง ทุกภพ ทุกชาติ เพื่อให้นางซึ่งหลงติดอยู่กับอิสระได้รู้ซึ้งว่า เขาคือผู้ที่กุมหัวใจของนางไว้ ทั้งหมดของนางเป็นของเขา มิใช่ของผู้ใดก็ได้! และเวลานี้ นางกำลังจะมีรักใหม่อีกครั้ง เขาจึงต้องกลับมาเพื่อตอกย้ำให้นางรู้ว่า ยังมีใครอีกคหนึ่งต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความเห็นแก่ตัวของนางและเขาคนนี้ไม่มีวันยอมให้นางสมหวังในความรัก ทุกชาติภพ!

 

 

นิยายเล่มนี้เป็นของค่ายใหญ่ที่การันตีตัวพล้อตได้ว่าจะต้องแน่น เราเลือกเล่มนี้มาแม้ชื่อคนเขียนจะไม่คุ้นหู แต่ก็ดูคำโปรยและหน้าปกแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นแนวที่อ่านได้

 

 

เรื่องเปิดโดยฝั่งนางเอกคือ “ปิ่นมนัส” สาววัยทำงานที่กลับบ้านต่างจังหวัดหลังโดนลอยแพ การกลับไปพักที่บ้านครั้งนี้ทำให้เธอพบกับ “รุทธ รุทธิรวัฒน์” (ชื่อบอกความเป็นพระเอกมาก สั้นๆ ง่ายๆ แต่แอบอลังการ) ชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์แถวบ้านผู้ย้ายมาใหม่และดูลึกลับ และเป็นจุดเริ่มต้นการได้พบเรื่องราวแปลกๆ ทางโลกทิพย์ของเธอ

 

 

จากนั้นนิยายเรื่องนี้ก็เดินเรื่องสลับระหว่างการย้อนอดีตชาติ (ชาติที่เป็นต้นกำเนิดความขัดแย้งระหว่างพระเอก-นางเอก) กับปัจจุบันที่นางเอกเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่โก๊ะบ้างน่ารักบ้าง แต่จะเน้นปัจจุบันมากกว่า โดยหลังจากปิ่นมนัสได้พบกับพ่อหนุ่มรุทธแถวบ้าน ตจว แล้ว เธอก็ได้พบเขาอีกครั้งเมื่อเพื่อนหนุ่มอย่าง ธาวิต ชวนให้ไปทำงานกับบริษัทเขาที่กรุงเทพ และพบว่ารุทธเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ส่งตัวมาจากเมืองนอก

 

 

ธาวิตเป็นเพื่อนที่ชอบปิ่นมนัสมานานแล้ว ดังนั้นรุทธกับธาวิต จึงเป็นคู่แข่งหัวใจกันอย่างช่วยไม่ได้ เรื่องเดินไปโดยมีปมรองคือความขัดแย้งในบริษัท แต่ว่าความสนใจของคนอ่านอย่างเรานั้นมุ่งไปที่ปมอดีตที่ผูกให้พระเอกตามมาพบนางเอกและพยายามทำให้เธอยอมรับความรู้สึกเขาให้ได้

 

 

ปมหลักๆ คือความรู้สึกรักปนชังระหว่างพระเอก-นางเอกที่ผูกพันมาจากชาติที่พระเอกเป็นเทพ นางเอกเป็นเผ่าอสูร ที่แม้จะได้พบกันในชาตินี้ แต่ทุกฉากที่ทั้งสองได้พบกัน จะรู้สึกได้เลยว่าเหมือนรักกันนะ...แต่มีความไม่เข้าใจกัน คือพระเอกคอยห่วงคอยตามดูแลนางเอกแนวผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ แต่พอสบโอกาสก็จะหาเรื่องเหน็บนางเอกว่าเคยทำให้เขาเจ็บช้ำ แต่ถ้ามีใครมาเจ๊าะแจ๊ะนางเอกก็เข้าโหมดหึงโหด (แต่ไม่หื่นและไม่ทำอะไรรุนแรงจ้า) เรียกได้ว่าคาแรกเตอร์พระเอกไม่มีหลุดเลย นิ่งปนดุตั้งแต่ต้นเรื่องถึงปลายเรื่องยังไงอย่างนั้น เราจึงค่อนข้างชอบการคุมโทนเรื่องที่คนเขียนทำได้อยู่หมัดตั้งแต่ต้นจนจบ (ทำให้รู้สึกว่าพระเอกเรื่องนี้ซึนได้โล่)

 

 

เรื่องราวปมรองเกี่ยวกับความขัดแย้งในบริษัทจะเป็นยังไงไม่สปอยล์ละกัน เพียงแต่ว่าพออ่านถึงตอนท้ายที่เฉลยปมพระเอก-นางเอกที่ทำให้เคืองกันข้ามชาติเนี่ย มีความรู้สึกว่า...แค่เนี้ย...มันมาจากความไม่เข้าใจกันแค่นั้นหรือ แต่ผิดใจกันข้ามภพชาติเชียว  (สปอยล์นิดๆ คือนางเอกโดนบังคับแต่งงานกับพระเอกแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ แถมมีเรื่องผิดใจกันอีก พระเอกเลยไม่ยอมให้นางเอกได้ไปรักกับคนอื่น ต้องเป็นของเขาเท่านั้น โอ้....รักหนักแน่นจริงๆ จ้า) ซึ่งอ่านๆ ไปแล้วเราก็มองในแง่บวกนะว่าถ้าเป็นนางเอกแล้วมีใครสักคนรักขนาดตามก้นทุกชาติเนี่ย....ยอมๆ ไปเหอะ (ก็ท่าทางนางเอกก็รักพระเอกด้วยนา ไม่ใช่ไม่รักเลย แต่ชาติก่อนๆ เธอปากหนักไปหน่อยและเซี้ยวไปนิดแค่นั้นเอง)

 

 

ความจริงนิยายเล่มนี้ได้มาในราคาถูกแบบโปรโมชั่นของ สนพ (ปีนี้เน้นของถูกแฮะ) ตอนแรกไม่ได้คาดหวังมากและนามปากกาก็ไม่คุ้น แต่พออ่านจบนี่เลยทำให้ไปค้นเลยว่าคนเขียนเป็นใคร เพราะสำนวนสำเนียงการเขียนไม่ใช่มือใหม่ซิงๆ แน่ อีกทั้งข้อมูลด้านตำนานเทพ-อสูรก็ทำการบ้านมาอย่างดี แล้วก็ร้องฮ้าเมื่อรู้ว่าเป็นคนเดียวกับ ณัฐกฤตา-ฟองฟาง-ปภาดา-ไอศิยา เพราะที่เราเคยอ่านงานสมัยแจ่มใสของฟองฟางนั้นเราจะรู้สึกว่า...อืม...ก็พอไหวนะแม้จะเด็กๆ ไปสักหน่อย แต่พอมาเจองานของนักเขียนคนเดิมอีกครั้งในวัยที่ตัวนักเขียนน่าจะเติบโตแล้วเช่นกัน ก็เลยทำให้รู้ว่า..นักเขียนมีพัฒนาการที่น่าชื่นชม

 

 




Create Date : 07 เมษายน 2557
Last Update : 7 เมษายน 2557 19:59:39 น.
Counter : 2280 Pageviews.

13 comment
วนาร้อยใจ / รัณณา

วนาร้อยใจ / รัณณา

 


อ่านจบแล้ว....ไปเข้าป่ากันดีกว่า
 

 

เมื่อเขาได้พบกับเธอเป็นครั้งแรก ฝากฟ้า...ยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย น่ารักน่าเอ็นดู ‘จับใจ’
 
เมื่อเวลาผ่านไป เด็กหญิงเติบโตขึ้นเป็นสาวน้อย ดวงหน้าสดใสและรอยยิ้มกว้างทำให้เขา
‘ปักใจ’ แม้เห็นเพียงรูปถ่าย ไม่มีใครรู้ว่าเขาเก็บรักษารูปใบนั้นติดตัวไว้ตลอดมา
 
เมื่อวันเวียนผ่านจนได้พบเจอใกล้ชิดกันอีกครั้ง ฝากฟ้าเติบโตเป็นหญิงสาวสวยงามเพียบพร้อม เพียงพบก็ทำให้ความรู้สึกหวานล้ำ
‘ล้นใจ’ หากข้างกายเธอกลับมีชายหนุ่มคอยตามติดดุจเงา ทำให้เขาทั้งห่วงและหวง
 
เมื่อชะตาลิขิตให้ทั้งหมดต้องเดินทางเข้าสู่
‘ป่าหมอกดำ’ ป่าอาถรรพ์ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันถึงความน่าสะพรึงกลัว แทบไม่เคยมีใครย่างกรายผ่านเข้าไป อันตรายร้ายแรงเรียงรายเข้ามาให้ผจญ ไม่ว่ามนุษย์ สัตว์ และสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่คาดคิดว่าชีวิตนี้จะได้พบเจอ หากไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องคุ้มครอง ‘น้องน้อย’ ให้ปลอดภัย เพราะเธอคือ ‘สุดหัวใจ’

 

 

 

นี่ก็เป็นอีกเล่มที่ได้สมนาคุณมาจากตัวคนเขียนเอง ซึ่งปกติแล้วอย่างที่บอกว่าเราจะไม่รีวิวเล่มที่ได้มาฟรีเพราะเขาอุตส่าห์ให้มาด้วยความเอื้อเฟื้อยังจะไปคอมเมนต์อะไรอีก แต่ก็อีกรอบที่ได้รับไฟเขียวจากคนเขียนว่ายินดีอย่างยิ่งที่จะรับฟังคอมเมนต์จากคนอ่าน แถมยังย้ำเลยว่า “จัดหนักๆ มาเลยก็ได้ค่ะ” แหม...ไอ้เราก็ไม่ได้แรงอะไรขนาดนั้น แต่ในเมื่อคนเขียนขอมา...เราก็จะจัดในแบบของเราไป

 

เรื่องราวหลักๆ ก็เป็นรักหวานๆ ของหนุ่มป่าไม้กับสาวพฤกศาสตร์ (เข้ากั๊นเข้ากันเนอะ แนวต้นไม้เหมือนกัน) ที่เคยพบกันในวัยเด็กเพราะพ่อของพระเอกคือพี่สน (วณาสณฑ์) แต่งงานใหม่กับแม่ของนางเอก (น้องฝาก หรือฝากฟ้า) ทั้งคู่จึงมีสภาพคล้ายพี่น้องคนละพ่อคนละแม่กัน โดยพระเอกนั้นอายุมากกว่านางเอกเป็นรอบ ตอนเด็กทั้งสองก็ไม่ได้พบกันบ่อยนักเพราะพระเอกเป็นลูกผู้ชายที่จากบ้านที่เชียงใหม่ไปเรียนวนศาสตร์แบบไม่ง้อพ่อ ส่วนนางเอกก็ยังเด็กตอนได้เจอ “พี่ชาย” คนนี้ครั้งแรกที่บ้าน แต่ก็มีเรื่องราวให้พระเอกประทับใจ “น้องสาว” คนนี้แบบเก็บในอกตั้งแต่แรกเจอ (เลี้ยงต้อยกันมาเลยทีเดียว)

 

ความสัมพันธ์ทั้งสองเริ่นต้นอีกทีตอนพระเอกเป็นหัวหน้าป่าไม้ (อายุอานาม 36 ฮู้...ยังโสด) แล้วได้พบนางเอกซึ่งมากับทีมวิจัยพฤกษศาสตร์ (นางเอกจบรั้วสถาบันเดียวกับพระเอก แต่คนละคณะ) ด้วยความที่ห่างหน้ากันไปนานแถมต่างฝ่ายต่างเหมือนมีหนุ่มมีสาวมาวอแว ช่วงแรกทั้งคู่จึงยังไม่แน่ใจที่จะสานสัมพันธ์กันนัก แต่มีแววสปาร์คให้เห็นเป็นระยะ นอกจากนี้ก็มีคู่รองอีกคู่ช่วยสร้างสีสัน คือสาวทำงานป่าไม้ที่เป็นรุ่นน้องและลูกน้องฝั่งพระเอก ที่หลงป่าไปอีกทางกับคุณทหารรูปหล่อที่เสน่ห์แพรวพราว

 

แน่นอน นิยายว่าด้วยป่าเขา ก็ต้องเดินป่า มีอาถรรพ์ป่า และหลงป่าเพื่อสร้างบรรยากาศเป็นใจให้ตัวละครได้สานสัมพันธ์กัน (และคนเขียนก็สามารถใช้เหตุการณ์หลงป่าเป็นตัวทำคะแนนได้ดีทั้งสองคู่ จะน่ารักน่าลุ้นกันขนาดไหนลองอ่านกันเอง) แน่นอนว่าอาถรรพ์ป่าครั้งนี้ย่อมมีผีๆ สางๆ มาร่วมแจมด้วย แต่ก็ไม่ใช่ผีที่น่ากลัว...ออกจะเป็นผีที่น่าเห็นใจด้วยซ้ำ และผีก็มีบทบาทไม่มากเพราะโดนพระมาปราบเรียบร้อยตามสไตล์นิยายไทย

 

เนื่องจากพื้นฐานคนเขียนทำงานด้านป่าไม้ (เป็นลูกหม้อวนศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแถวบางเขน) เรื่องของบรรยากาศการเข้าป่า พืชพันธุ์ต่างๆ ในเรื่องย่อมมีความเป๊ะในตัว ไม่ได้ดูลอยๆ เหมือนนิยายเข้าป่าทั่วไป แต่ก็คนละแนวกับเพชรพระอุมาแน่นอนเพราะนี่เป็นนิยายแนวความรู้สึกดีฯ ของแจ่มใส ดังนั้นที่คนเขียนขอให้จัดหนักก็ลำบากใจอยู่เพราะเราไม่ถูกกับนิยายหวานเท่าไหร่ และเล่มนี้ก็หวานตามโทน สนพ แต่โดยรวมเราก็ชอบเล่มนี้เพราะดูคนเขียนเป็นตัวของตัวเองดี และเมื่อเทียบกับสองเล่มก่อนนี้ของคนเขียน....เราว่าเราชอบเล่มนี้สุดเพราะมันยังคงต้นฉบับแบบเดิมที่เราเคยอ่านครั้งแรกที่ผู้เขียนเอามาลงในอินเทอร์เนท (แม้จะรู้สึกว่าน่าจะมีการแก้ไขในหลายจุดก่อนรวมเล่ม)  

 

ถ้าจะให้ “จัดหนัก” ก็...ช่วงแรกที่อยากคอมเมนต์สักหน่อยเพราะเป็นความสับสนเราเวลาอ่านฉากที่ตัวละครมารวมกันเยอะๆ เพราะในเรื่องมันเป็นการเดินป่าของกลุ่มคนหลายคน ทำให้บทสนทนาบางช่วงถ้าไม่ระบุชื่อตัวละคร คนอ่านต้องตั้งสมาธิดีๆ ว่าบทสนทนานี้เป็นของใครกับใคร ส่วนการวางจังหวะเล่าเรื่อง...มีบางจุดที่เหมือนขาดห้วงหรือดูแปลกแปร่ง เช่นความสัมพันธ์ตัวร้าย (ทิวาและมธุริน) ที่เคยเป็นคู่ขากันมาก่อน มีการเอ่ยถึงช่วงแรกแบบแง้มๆ ในช่วงแรกแล้วเรื่องก็เดินไป (ในความคิดเรา เม้มไว้ก่อนแล้วค่อยเฉลยทีหลังก็ได้ เพราะน้ำหนักความสำคัญตัวละครร้ายพวกนี้เป็นตัวประกอบ)

 

กับที่คิดว่าน่าจะตื่นเต้นกว่านี้กับฉากที่เกิดเรื่องเร้นลับในป่า เช่นเวลามีการยิงปืน น่าจะใส่เอฟเฟ็คเสียงประเภท เปรี้ยง! ปร้าง! มันจะได้เห็นภาพชัด อันนี้เล่าเรื่อยๆ ว่าตัวละครชักปืนมายิงแล้วก็เล่าต่อในย่อหน้าเดียว (อันนี้รู้สึกขัดๆ เพราะอ่านเร็วๆ แล้วงงว่ายิงกันตอนไหน พอย้อนมาอ่าน อ้อ...เค้าบรรยายว่ายิงเฉยๆ) บทสนทนาในฉากหน้าสิ่วหน้าขวานก็เช่นกัน รู้สึกว่าประหยัดเครื่องหมาย ! ไปในบางจุด แล้วก็การบรรยายฉากตื่นเต้นก็มักจะเป็นย่อหน้ายาวๆ (คือในความรู้สึกเรา ตัดย่อหน้าแล้วบรรยายแบบกระชับๆ น่าจะดีกว่า อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะไม่ใช่บรรทัดฐาน)  

 

นอกเรื่อง...เรื่องนี้มีศัตรูหัวใจทั้งฝ่ายชายหญิง แต่ด้วยพล้อตดูจะใช้ตัวร้ายไม่ค่อยคุ้มเพราะพล้อตหลงป่าช่วยตัดตัวละครอื่นไปได้เยอะในช่วงกลางเล่ม ตัวร้ายเลยโผล่มาได้แค่ช่วงต้นกับปิดช่วงท้าย ทำให้พระ-นางเค้าได้งอนกันหน่อยๆ แต่สุดท้ายก็ลงเอยกันตามระเบียบโรงเรียนป่าไม้ แล้วก็(อันนี้ส่วนตัวและสปอยล์สุดๆ) ผีเรื่องนี้มาแบบเป็นตัวๆ กันเลยทีเดียว แต่ก็เป็นผีอาภัพไม่น่ากลัว ตัวประกอบที่เก่งสุดเราว่าเป็นพระธุดงค์ ไม่ต้องพกอาวุธอะไรเหมือนหนุ่มป่าไม้หรือทหารสักนิด ท่านมามือเปล่า...แต่จัดการผีได้หมด  

 

สรุปว่าเล่มนี้คนเขียนได้ใช้บรรยากาศป่าดงพงไพรที่เป็นของถนัดได้ดีค่ะ ใครชอบแนวพระเอกอายุมากกว่า อบอุ่น รักมั่นคง แมนๆ ดูแลคนรักอย่างทะนุถนอม น่าจะฟินกับเล่มนี้นะ เพราะพระเอกจะหวานมากๆ เวลาอยู่กับนางเอก ส่วนนางเอกก็เป็นสาวหวานเรียบร้อย (คือเราไม่ค่อยหยิบนิยายหวานๆ มาอ่านเท่าไหร่ ดังนั้นพอเจอโทนหวานเข้าไปปุ้บ...จะชะงักเล็กน้อย แต่ก็อ่านได้นะ)

 

 

ปล. อ่านจบแล้ว....อยากให้คนเขียนชวนไปเข้าป่าสักครั้ง....จะเป็นพระคุณ

 

ปล 2 ท่านใดช่วยแนะนำได้ไหมคะว่า bloggang เนี่ยเราสามารถ copy-paste ตัวอักษรจาก Word มาได้เลยมั้ย ก้อปมาทีไรมันกลายเป็นตัวอักษร Tomaha ที่เราไม่ชอบเท่าไหร่ทุกที...อยากได้ font อื่นบ้าง จัดรูปแบบยากด้วย ต้องแก้ตั้งหลายรอบกว่าจะลงตัว เหนื่อย...




Create Date : 11 มกราคม 2557
Last Update : 11 มกราคม 2557 19:58:09 น.
Counter : 1687 Pageviews.

13 comment
อาคม / ชลนิล
 

 

อาคม / ชลนิล

 

โอปป้าชลนิล comeback อย่างสมศักดิ์ศรี (รีวิวรับปี 2557)

 

 

เพราะกฎแห่งกรรมทำงานช้า เขาจึงต้องออกไล่ล่าด้วยตัวเอง

 

ผลชันสูตรศพมาเฟียรายใหญ่ที่ขัดแย้งกับลักษณะอาการก่อนตายอย่างน่าพิศวงดึงให้ เอื้อกานต์ คุณหมอสาวผู้มีสัมผัสพิเศษ และ ทีเกื้อนายตำรวจหนุ่ม น้องชายฝาแฝดก้าวเข้าสู่เส้นทางอันมืดดำอำมหิตของการแก้แค้นโดยไม่ทันตั้งตัว

คำสั่งลับจากสำนักงานตำรวจฯ ที่ตกมาถึงทำให้ทีเกื้อได้รู้ว่าการตายอย่างแปลกประหลาดนี้มิใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกหากก่อนหน้านี้ยังมีบุคคลสำคัญที่เกี่ยวพันกับพรรคแกนนำรัฐบาลอีกสามรายเสียชีวิตในลักษณะใกล้เคียงและในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันทีมสืบสวนพิเศษจึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแล ‘วีไอพี’ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและติดตามค้นหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายที่ดูคล้ายการฆาตกรรมต่อเนื่องนี้

สัมผัสพิเศษ รวมทั้งความช่วยเหลือจากพี่สาวฝาแฝด ทำให้ทีเกื้อมั่นใจว่า‘อาวุธ’ ที่คนร้ายใช้สังหารเหยื่อคือ ‘อาคม’ อันลึกล้ำและมีพลังแรงกล้าเหยื่อแต่ละรายจึงถูกปลิดชีวิตอย่างโหดเหี้ยมโดยไร้ร่องรอยหลักฐานใดๆที่จะสาวถึงตัวคนร้าย ทว่า...ต่อให้รู้ตัว รู้หน้าก็ใช่ว่าใครจะหาญกล้าต่อกรกับฆาตกรอาคมเช่นนี้ได้

เหนืออื่นใด ยิ่งสืบสาวลงลึกเขาก็ยิ่งพบว่ามือสังหารลึกลับวนเวียนใกล้ตัวเข้ามาทุกที นายตำรวจหนุ่มจะทำเช่นไรเมื่อเป้าหมายรายต่อไปคือคนสำคัญที่มีความหมายต่อหัวใจซึ่งเขาอาจยอมแลกได้ทั้งชีวิต!

 

หลังจากหายหน้าไปจากแวดวงหนังสือสักระยะ วันนี้คุณชลนิลก็มีผลงานใหม่แกะกล่องมาให้ยลกันเสียที อย่างแรกต้องบอกว่านี่ไม่เชิงเป็นรีวิวนิยายเพราะยึดหลักอารมณ์ความชอบส่วนตัวของตัวเองอยู่มาก อีกอย่างคือการหยิบเล่มนี้มาเอ่ยถึงค่อนข้างแหกกฎตัวเองเล็กน้อยเพราะเล่มนี้เป็นเล่มที่ได้มาด้วยน้ำใจของคนเขียนอย่างคุณพี่ชลนิล (ตีขลุมเรียกท่านพี่เรียบร้อย) ปกติแล้วนิยายที่ได้มาฟรีนั้นเราถือคติไม่รีวิวเพราะถือว่าเค้าให้ฟรีแล้วยังจะคอมเมนต์อีก แต่เล่มนี้ขอเขียนถึงสักหน่อยเพราะเป็นการกลับคืนสังเวียนหลังห่างหายไปหลายปีของคุณชลนิล และทางนักเขียนเองท่านก็เปิดไฟเขียวให้คอมเมนต์เต็มที่

 (แถมกดดันให้ “จัดหนัก” อีก เฮ้อ...กลุ้ม )

สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านงานของชลนิล ถ้าคุณต้องการนิยายที่ภาษาสวยพริ้งเพริ่ด เน้นรักหนักแน่นสะท้านทรวงระหว่างพระเอก-นางเอก กรุณาข้ามงานของชลนิลเพราะเขาเป็นนักเขียนชายที่ไม่ใช่แนวนั้น แต่ถ้าคุณต้องการนิยายสักเรื่องที่แหวกแนวจากท้องตลาด อ่านง่าย เข้าใจง่าย มีกลิ่นอายของเรื่องเหนือธรรมชาติ และแฝงแง่คิด (โดยเฉพาะทางธรรมะ) มีพระเอก-นางเอกให้ชื่นหัวใจนิดๆ นั่นล่ะขอให้หยิบของนักเขียนท่านนี้มาอ่าน  

 

จะเล่าแบบไม่สปอยล์ไงดี เป็นว่าตัวละครหลักคือ เอื้อกานต์-ทีเกื้อ เป็นแฝดชายหญิง เอื้อเป็นแพทย์หญิงจิตใจงาม เกื้อเป็นนายตำรวจหนุ่มไฟแรง ทั้งสองมีความพิเศษคือออกแนวมีโทรจิตหากันและมีพลังพิเศษเล็กๆ น้อยๆ เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อมีคดีนักการเมือง-มาเฟียดัง ตายทีละรายๆ ด้วยสภาพแปลกๆ คล้ายนี่เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่ปัญหาคือนี่เป็นการฆาตกรรมด้วย “อาคม” ซึ่งไม่อาจพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์  

 

คำโปรยบนปกที่ว่าด้วยกฎแห่งกรรมทำงานช้า...เลยจัดการมันเองเลย ทำให้นึกถึงการ์ตูน Death note อย่างช่วยไม่ได้ (ซึ่งคนเขียนก็บอกไว้เหมือนกันว่าใช่) เพราะคนที่ตายในเล่มนี้ล้วนเป็นผู้คนซึ่งมีเบื้องหลังสกปรกทั้งนั้น การเลือกอาชีพให้ตัวละครหลักเป็นตำรวจ และแพทย์ ยิ่งเอื้อต่อการเดินเรื่องแนวสืบสวน ปมต่างๆ มันน่าลุ้นตอนค่อยๆ สืบสาวเข้าใกล้คนร้ายนั่นล่ะ  

 

คนเขียนได้อธิบายว่าเขาได้วิเคราะห์แล้วว่าจุดแข็งของตัวเองคืออะไร นิยายเล่มนี้จึงเป็นการดึง “จุดขาย” ของตัวเองออกมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นตัวพล้อตที่ผสมความลึกลับ+ไสยศาสตร์อาคม+การสืบสวน+แง่มุมธรรมะ, การวางบุคลิกและความเป็นมาของตัวละครที่น่าสนใจ และการเฉือนคมของตัวเอกและฝ่ายคนร้ายระหว่างตามล่าหาความจริง โดยใช้การเดินเรื่องแบบกระชับฉับไว คนเขียนมักใช้การบรรยายง่ายๆ เช่นเปิดฉากด้วยการบอกสถานที่แบบสั้นๆ แล้วก็เริ่มฉากแบบไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง อ้อ สิ่งหนึ่งที่ทำให้อ่านลื่นไหลสำหรับเรานั่นคือตัวละครดูเป็นธรรมชาติ นิสัยไม่งี่เง่า (อันเป็นลักษณะของคุณชลนิล) แม้จะมีบางตัวที่ร้ายแบบงี่เง่า แต่ก็ไม่ใช่ตัวสำคัญ ตัวละครหลักเรื่องนี้มีวุฒิภาวะเต็มเปี่ยม

 

ตอนที่หยิบนิยายเล่มนี้มาอ่านนั้นมันจะรู้สึกอยากอ่านให้จบเพราะอยากเข้าใจไคลแม็กซ์ของเรื่องเร็วๆ โดยรวมแม้พล้อตหลักจะไม่ได้พลิกล็อคมากมาย แต่การเล่าเรื่องก็รู้จักใช้จังหวะปล่อยปมทีละเปลาะ (แม้จะเริ่มเดาได้แต่แรกว่าตัวละครต่างๆ เกี่ยวข้องกันอย่างไร) ซึ่งปมประมาณนี้เราว่าก็พอเหมาะแล้วเมื่อเทียบกับนิยายสืบสวนสมัยนี้ที่มักสร้างเรื่องให้พลิกแพลงเสียจนเว่อร์ ส่วนเล่มนี้นั้นสาเหตุที่ทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาคมก่อคดีขึ้นมาเป็นสิ่งที่พอคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่นักเขียนไม่เหมือนใครคือ “ทางออก” ของเรื่องที่มุ่งสู่การปล่อยวางทางธรรม  

 

อย่างที่บอกว่าคนเขียนดึงจุดแข็งแกร่งของ Brandชลนิล ของตัวเองมาใช้อย่างเต็มที่ ทำให้ตอนอ่านเล่มนี้...เรานึกถึงอีกเล่มที่เป็น bestseller ของนักเขียนคือ “เพลิงนาคา” ในทันที เนื่องจากมีองค์ประกอบหลายอย่างคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะตัวละครเอกเป็นพี่น้องชายหญิงที่ผูกพันแน่นแฟ้นกันดี, ถ่านไฟเก่าที่มีสิทธิ์คุโชน, โทนเรื่องว่าด้วยพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ แต่สุดท้ายแล้ว...ตัวละครจะเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง...นั่นคือทางสายธรรมะที่ชนะทุกอย่าง จึงรู้สึกได้ว่ามี “สูตรสำเร็จ” ของผู้เขียนหลายอย่างที่นำมา repackaging ในเล่มนี้  

 

คนเขียนได้บอกไว้แล้วว่าตัวเองไม่ถนัดแนวรัก และนิยายเล่มนี้ก็มีร่องรอยแนวรักสไตล์เดิมคือ ปมรักเก่าที่หวนคืนแบบสมหวัง (ในเพลิงนาคา ก็คือคู่รอยจันทร์กับพี่เธียร ส่วนเล่มนี้คือทีเกื้อกับหนูดี) และรักขมๆ จบลงแบบ bittersweet อย่างหมอเอื้อและพี่กลด (ในเพลิงนาคาคือริวกับน้ำฝนที่จากลาต่อกัน)  มาถึงตรงนี้เรานึกสรุปเอาเองในใจเลยว่าตัวละครหญิงในนิยายคุณชลนิลนั้นมีสองสไตล์ แบบแรกคือแกร่งไปเลยอย่างเอื้อกานต์หรือรอยจันทร์ แบบสองคือสาวหวานและราบเรียบไปเลยอย่างหนูดี และน้ำฝน  

 

โดยรวมคุณภาพนิยายเรื่องนี้ถือว่าคับแก้วและคงความเป็นตัวเองไว้อย่างชัดเจน ไม่แปลกใจที่Brand loyalty จะทำให้แฟนเก่าๆ ของชลนิลรีบไปจับจองจนนิยายเล่มนี้ขายดิบขายดีเมื่องานหนังสือที่ผ่านมา เราเองไม่ได้อ่านงานใหม่ๆ ของพี่ท่านมาสักพักก็ยังดีใจที่ได้เจองานกันอีก รู้สึกฟินน์...อย่างบอกไม่ถูก (ถ้าเป็นซีรีย์เกาหลี ก็ต้องบอกว่า...โอปป้าของเรา comeback ได้สมศักดิ์ศรีเอาการ fighting!)

 

 สุดท้ายก็นี้ขออภัยหากรีวิวครั้งนี้ไม่ได้ “จัดหนัก” เท่าที่ควรเพราะเท่าที่อ่านงานเขียนเล่มนี้ของคุณชลนิลก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจในระดับดี ส่วนอีกเล่มที่มีในครอบครองแต่ยังไม่ได้รีวิวอย่างเถ้าน้ำค้างนั้นดูเหมือนจะเรียบเอื่อยไปนิด แต่ทุกเล่มก็จะมีลายเซ็นในแบบคุณชลนิลอยู่ดี มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป

 

เอวังด้วยประการฉะนี้

 

 




Create Date : 08 มกราคม 2557
Last Update : 8 มกราคม 2557 18:54:19 น.
Counter : 1227 Pageviews.

12 comment
1  2  3  4  5  6  

ณ พิชา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



I think, therefore, I am