Group Blog
 
All blogs
 

floral feels!








เมื่อวานวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม
เปลี่ยนเวลาเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง

ปรากฏว่า มีคนผิดเวลากันเยอะ
เริ่มจากนัดพี่ทิน่า 9 โมงเช้า
ไปถึงหน้าประตู ... อ้าว รั้วยังปิดเลยอะ

นั่งรอจน 9.11 ก็เลยโทรหา
พี่ทิน่ารับสาย "ค่ะน้อง"
"พี่คะ พี่อยู่ไหนคะ"
"อยู่บ้านค่ะ"
"เรานัดกัน 9 โมงเช้าใช่ป่ะคะ"
"ใช่ค่ะ"

"อืมมม ตอนนี้ 9.11 แล้วค่ะพี่"
"ไม่นะ 8 โมงเช้า เอ๊ะ อ้าว วันนี้เปลี่ยนเวลาใช่ป่ะ"

เอ่อ พี่คะ ได้ข่าวว่าเค้าปรับเวลากันตั้งแต่ตี 2 แล้วนะคะ
.
.


สรุป พี่ทิน่ามาถึงจุดนัดพบตอน 10 โมงเช้า

เฮ้ออออออ พี่ แล้วพี่จะบอกหนูทำไมคะว่า
"เจอกัน 9 โมงเช้านะคะ"

หนูก็รีบซะ กาฟงกาแฟไม่ได้ตกถึงท้องเลย!

.
.


ในช่วงแบบนี้
ที่ daylight saving time begins ทุกปี
มีคนหลงเวลาแบบนี้เสมอ

ข้อตั้งใจในปีต่อไปคือ

อย่านัดใครวันนี้อีก 


.
.

ระหว่างนั่งรอพี่ทีน่า เลยนั่งเปิดเมล์ขยะอ่านดู
ชอบเมล์นี้
สดใสมาก สวยมาก ชอบมาก
ถูกใจจริง ๆ



อ้าวววววววววววว ดอกไม้หยุดนิ่งซะงั้น
(จริง ๆ ดอกไม้จะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากซอง)




 

Create Date : 14 มีนาคม 2560    
Last Update : 14 มีนาคม 2560 2:00:45 น.
Counter : 964 Pageviews.  

an unexpected change in plans




เป็น 2 เดือนกว่า ๆ ที่มีแต่เรื่องไม่คาดคิด

แต่นั่นแหละ
จะไปคิดอะไรมาก
สามัญสำนึกมันสอนกันไม่ได้

...

แต่เดือนนี้ มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น
เพื่อนสนิทที่เรียนมัธยมมาด้วยกัน
ส่งไลน์ไอดีของเพื่อนเก่าคนหนึ่งคนนั้นมาให้

อึ้งไปเลย

เพราะนี่คือ "เพื่อนเก่า" ที่คิดถึงตลอดมา

...

พอทักไป เพื่อนก็ตอบกลับมา
น่ารักเชียว

และสัมผัสได้ถึงความจริงใจเช่นเดิม
เช่นนั้น

...

ถ้าว่างจะกลับไปรื้อเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่เขียนให้
คนนี้

เพื่อจะบอกว่า จำได้ไหม?

ส่วนเรา .. ไม่เคยลืมเลย

.
.

.
.





 

Create Date : 13 มีนาคม 2560    
Last Update : 13 มีนาคม 2560 15:35:03 น.
Counter : 725 Pageviews.  

once petal falls



คำว่า 'เพื่อน' นี่แปลกอยู่เหมือนกัน
มันเหมือนว่า เราแบ่งแยกเป็นช่อง ๆไว้สำหรับเพื่อนแต่ละคน
ถึงจะเป็นเพื่อนเหมือน ๆ กัน
แต่เพื่อนที่อยู่ช่องนี้ ทำนี่ได้
ส่วนเพื่อนที่อยู่อีกช่อง อย่าไปทำอย่างนั้นเชียว
เสียเพื่อนแน่ ๆ

เวลาคบเพื่อน ก็ต้องรู้ว่าเขาอยู่ในช่องไหนของความเป็นเพื่อนระหว่างกัน

:
วานิช จรุงกิจอนันต์


เมื่อหลายปีก่อน
ฉันกับเพื่อนอีก 3 คน มักหาเวลานัดเจอกัน
อย่างน้อยให้ได้เดือนละครั้ง

ต่อมา วิถีแห่ง line วิถีแห่งโซเชียลเริ่มเข้ามารุกราน
และที่สุดก็ยึดครองผองเพื่อนทั้งสาม

ด้วยพบว่า ทุกครั้งที่เจอกัน
เพื่อนจะต่างผลัดกันหยิบมือถือขึ้นมาดู

หลายครั้งเข้าที่พูดทีเล่นทีจริงก็แล้ว
อ้อมโลกมาเอ่ยเตือนก็แล้ว
รัวหมัดหนัก ๆ ตรงหน้าเรียงคนก็แล้ว

มันช่วยได้แป๊บเดียวแหละ

นั่นคือ ยอมวางมือถือบ้าง
แถมพูดให้ฉันรู้สึกแตกต่างชนิดว่า ฉันเป็นพวกนอกโลก

แต่ก็ไม่นาน ทุกอย่างก็เหมือนเดิม

.

.


หลัง ๆ เวลาเพื่อนเอ่ยนัดขึ้น
ฉันก็ใช้วิธีไม่รับนัด และไม่ส่งข้อความคุย
บอกเพียงว่าถ้ามีธุระก็โทรมานะ

อย่าฝากธุระไว้ใน line เพราะฉันจะอ่านเมื่อว่าง
และนั่นคือช่วงหลังมื้อค่ำโน่นเลย
แล้วไป ๆ มา ๆ ฉันก็เลิกอ่านเลิกคุยใน line

เพราะเรื่องที่คุย ก็แสนจะไร้สาระ
มีแต่ข้อความที่ส่งต่อ ๆ กันมา
หาความสดใหม่และจริงแท้ยากยิ่ง

...

แต่ฉันก็ยังคงคบเพื่อน
ยังคงรับโทรศัพท์ และคุยเฮฮาได้เมื่อว่าง
เพียงแค่ไม่ขับรถไปเจอเพื่อนแบบเดิม ๆ
ห่างไปจนประเพณีนี้จางหาย

หากก็ยังเจอเพื่อนคนนั้นคนนี้ตามธุระปะปังที่มีต่อกัน

และยังคงไปกินข้าว
ยังคงเอ่ยชวนเพื่อนเพื่อเลี้ยงวันเกิดให้เพื่อน
คิดว่าไปกัน 2 คน ก็คงจะได้คุยกันมากขึ้น

บางคนก็คุยกันจริง
ยอมเก็บมือถือ
บางคนก็ขอรับถ้ามีสายเข้า
แต่ไม่อ่าน ไม่เล่นเน็ตถ้านั่งกินข้าวด้วยกัน

จริงอยู่ เพื่อนยังเกรงใจฉัน

แต่ผ่านมาเรื่อย ๆ ก็วนลูปเดิม
ล่าสุดไม่ถึงกับหยิบมือถือมานั่งรูดปรู๊ดปร๊าดต่อหน้า
หากก็วางมือถือไว้ข้างจานอาหาร
ประหนึ่งมันเป็นอุปกรณ์ในการกิน

(เป็นมารยาทที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง)

แน่นอนว่า
นั่งเหลือบสายตามองจอมือถือทุกครั้งที่มี noti โผล่ขึ้นมา


ฉันนั่งนิ่ง ๆ กินอาหารไป
จนถึงของหวาน
เค้กชิ้นเล็ก ๆ หน้าตาสวยงาม
ไม่ว่าหรอกที่เพื่อนจะถ่ายรูป

ก็มันสวย

แต่พอถ่ายรูปแล้วก็ก้มหน้าก้มตาโพสต์เลยนั้น
ฉันว่ามันน่ารังเกียจอย่างที่สุด

อาหารมื้อนั้น 2 คน ฉันจ่ายไป 118 เหรียญ

คุ้มมากเมื่อมันเป็นทั้งการเลี้ยงวันเกิด
และเลยเลี้ยงลาเพื่อนไปด้วยเลย

...

เพราะตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา
เพื่อนฉันหมกมุ่นกับโซเชียลมากจริง ๆ

ทั้งเล่นเกมในวงสนทนา
ทั้งเล่นโซเชียลเวลารวมกลุ่มกัน


ขนาดวันนี้
ฉันขับรถไปส่งเพื่อนที่บ้าน 30 ไมล์ 
น่าจะเกือบ 50 กิโล
นั่งกันไปในรถ 2 คน
เพื่อนก็ยังก้มหน้าหมกมุ่นกับหน้าจอ

เรื่องที่เอามาคุยก็มาจากหน้าจอ
เพื่อนคนนั้นโพสต์อย่างนั้น เพื่อนคนนี้โพสต์อย่างนี้

เพื่อนจะสังเกตไหมหนอ
ว่าฉันเงียบ

และเงียบอย่างตัดสินใจได้แล้ว
เงียบจนส่งเพื่อนลงหน้าบ้าน

และเอ่ยลา

...


อยากบอกเพื่อนว่า
ถ้าเจอกันแล้วเป็นอย่างนี้
ไม่ต้องมาเจอกันหรอก

...

แต่ก็ไม่ได้บอก และไม่คิดจะบอกอีกต่อไปแล้ว

ทำได้ก็เพียง 'ลบเพื่อน' ออกจาก contact list

เท่านั้นเอง




 

Create Date : 04 มีนาคม 2560    
Last Update : 4 มีนาคม 2560 14:51:51 น.
Counter : 812 Pageviews.  

ได้โปรดอย่าหายไป




ที่เป็นอยู่ ยังไม่รู้และไม่เข้าใจ

ที่เป็นอยู่ ยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ต่อไป อย่างไร

ที่เป็นอยู่ คงไม่ดีกว่านี้และคงไม่เลวเท่าไหร่

ที่เป็นอยู่ จะไม่เดินก้าวล้ำ หรือทำให้มันช้ำไป




ฉันเดินทางตามกาลเวลาอย่างเชื่องช้า

แม้ว่านาฬิกาจะเดินหมุนเวียนไปมา

แสงบาง ๆ ที่ยังประคองให้เห็นปลายตา


ได้โปรดอย่าเคลื่อนไหว

ได้โปรดอย่าหนีไป

ไ ด้ โ ป ร ด อ ย่ า ห า ย ไ ป

โปรดจงทำเหมือนเธอไม่รู้อะไร

โปรดเถอะ ทำเหมือนฉันไม่มีอะไร


ฉันเดินทางตามกาลเวลาอย่างเชื่องช้า

แม้ว่านาฬิกาจะเดินหมุนเวียนไปมา

แสงบาง ๆ ที่ยังประคองให้เห็นปลายตา


ได้โปรดอย่าเคลื่อนไหว

ได้โปรดอย่าหนีไป

ได้โปรดอย่าหายไป

โปรดจงทำเหมือนเธอไม่รู้อะไร

โปรดเถอะ ทำเหมือนฉันไม่มีอะไร


ได้โปรดอย่าเคลื่อนไหว

ได้โปรดอย่าหนีไป ได้โปรดอย่าหายไป

โปรดจงทำเหมือนเธอไม่รู้อะไร

โปรดเถอะ ทำเหมือนฉันไม่คิดอะไร


....


วัน ๆ นึง ฉันทำอะไรไม่ได้มากหรอก
เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการคิดถึง

(ใครบางคนแหละ, ที่ได้กล่าวไว้)




 

Create Date : 03 มีนาคม 2560    
Last Update : 3 มีนาคม 2560 23:40:15 น.
Counter : 1478 Pageviews.  

letter travel through time!





ฝนตกหนัก ไม่มีอะไรทำ
หาหนังรักโรแมนติคของช่อง hallmark มาดู
เจอเรื่อง the love letter ที่ดูในทีวีมาแล้วรอบหนึ่ง เลยดูซ้ำ



พบว่า ยังฟินเฟ่อร์เช่นเดิม
เป็นเรื่องน่ารัก ๆ น้ำเน่า รวมพล็อตเยอะมาก ..

ทั้งทวิภพ จากกระจกเปลี่ยนเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ
แถมมีฉากสวนทางกันตรงบันไดด้วย
ทั้ง Il Mare ที่เขียนจดหมายถึงกันได้
ทั้งคู่กรรม ที่ไปบอกรักกันในสนามรบ
ทั้ง Somewhere in Time ที่คล้ายกันในเรื่องวิถีชีวิตนางเอก


คำเตือน spoil ตั้งแต่ต้นจนจบ


... 


เรื่องเริ่มต้นที่พระเอกซึ่งกำลังจะแต่งงาน
ไปเดินหาซื้อของเตรียมงานกับคู่หมั้น แล้วเจอโต๊ะเก่าตัวหนึ่ง
อายุ 100 กว่าปีแล้ว
พระเอกอยากได้ จนที่สุดก็ซื้อมาในราคา 800 เหรียญ
แพงมากกกกกกก

พอเอามาถึงบ้านจะซ่อม ก็พบช่องลับ

ในช่องลับนั้น พระเอกเจอจดหมาย 1 ปึก
พระเอกก็อ่าน
เป็นคล้าย ๆ จดหมายเชิงบันทึกที่นางเอกเขียน
จดหมายลงวันที่เมื่อ 100กว่าปีก่อน


แล้วพระเอกก็ตามไปจนเจอบ้านนางเอกที่ปัจจุบันก็เก่ามากแล้ว
พระเอกอยากจะไปสอบถามเรื่องนางเอก
ก็ไปเจอ "เหลน" ของนางเอกนี่แหละนอนป่วยอยู่
เหลนนางเอกก็แก่มากแล้วและเข้าใจผิดว่า
พระเอกเป็นคนของรัฐที่มาสั่งให้ย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา
ก็เลยไล่ตะเพิดพระเอก

แต่ก่อนจะไป พระเอกถามว่ารู้จักนางเอกมั้ย นางเอกแต่งงานรึเปล่า
เหลนนางเอกงงมากแต่เพราะป่วย เลยไม่ได้ตอบ
คือน่าจะหลับเพราะฤทธิ์ยาไปซะก่อน

ระหว่างที่คนใช้พาพระเอกเดินลงบันไดออกจากห้องนอนเดิมของนางเอก

พระเอกก็รู้สึกเหมือนเดินสวนกับผู้หญิงคนหนึ่ง
นางเอกก็รู้สึกเหมือนเดินสวนกับใครคนหนึ่ง

ไม่เห็นกัน ...แต่รู้สึก

เรื่องเจอจดหมายนี่ .. พระเอกเล่าให้แม่ฟังนะ
แม่พระเอกออกแนวฮิป ๆ ติสต์ ๆ หน่อย
วันหนึ่ง แม่ก็เอาหมึก กับแสตมป์โบราณ มาอวดพระเอก
ประมาณมายั่วเย้าว่า นางเอกคงจะเขียนด้วยหมึกประมาณในขวดนี้
ใช้ปากกาคอแร้งแบบด้ามนี้ แล้วก็นี่คือ แสตมป์ยุคนั้น ราคา 1 เซนต์เองนะ

แล้วแม่ก็แซวว่า ลองเขียนส่งไปแบบนี้ ... อาจจะไปถึงมือนางเอกก็ได้นะ

ออกแนวหยอกเย้าลูกชายสุดหล่อล้วน ๆ
พระเอกทำจริง ๆ ค่า

พระเอก ...เขียนจดหมายถึงนางเอก ติดแสตมป์
เอาไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์โบราณ
เป็นตู้ที่เค้าเก็บรักษาไว้ในไปรษณีย์ของเมืองนั้นจริงๆ

...

การติดต่อกันเริ่มต้นขึ้น

พระเอกส่งจดหมายผ่านตู้ไปรษณีย์ในเมือง

นางเอกตอบกลับมาผ่านช่องลับของโต๊ะเขียนหนังสือของตัวเอง

...

นางเอกเล่าทุกเรื่องให้พระเอกรับรู้ เรียกว่าพระเอกเป็นที่ปรึกษาก็ว่าได้
พระเอกเล่าเรื่องอนาคตให้นางเอกรู้ด้วย
พระเอกส่งรูปในอนาคตไปให้นางเอกดูด้วย
นั่นคือ .. รูปอาคารที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว (เหมือนเรื่อง Il Mare มาก ๆ)

และพระเอกขอรูปถ่ายนางเอก
นางเอกก็ถ่ายรูปส่งมาให้...

นางเอกหน้าตาน่ารักพระเอกหลงรักแล้วละ
และเหมือนนางเอกก็จะหลงรักพระเอก ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า

...

พระเอกรับรู้ว่านางเอกมีหนุ่มไฮโซมาติดพัน แต่นางเอกไม่ชอบ
(บ้านนางเอกมีฐานะมาก)
คือคนสองคนนี้คุยกันทุกเรื่องรวมถึงเรื่องที่นางเอกชอบเขียนบทกวี!

หนังโชว์ให้เห็นความผูกพันของคนสองคน ที่ถวิลหา
และต่างเฝ้ารอคอยข่าวสารจากกันและกัน

…

มาถึงช่วงพีค
นางเอกส่งบทกวีมาให้พระเอกอ่านถามว่าคิดยังไง
คือนางเอกท้ออยากจะเลิกเขียนแล้ว และอยากเห็นหน้าพระเอก!

พระเอกตามใจเลยค่ะ
จัดการถ่ายรูปตัวเอง แล้วส่งมาให้พร้อมกับคำขอที่ว่า..
ขอให้นางเอกเขียนบทกวีต่อไปอย่าหยุด
ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ก็ห้ามหยุดเขียน

แต่ไม่ได้ถามสิ่งที่พระเอกอยากรู้มาก คือ
อยากรู้ว่านางเอกจะแต่งงานกับไฮโซคนนั้นตามที่พ่อแม่บังคับหรือเปล่า


พระเอกส่งจดหมายฉบับนั้นให้นางเอกแล้วก็ไปแข่งปั่นจักรยาน

เกิดอุบัติเหตุสลบแน่นิ่งนาน


จดหมายฉบับที่พระเอกใส่รูปตัวเองมาให้นางเอก
ถูกสาวใช้ถือว่า แล้วมีเหตุให้ทำตกหล่นอยู่ตรงซอกโต๊ะ

นางเอกรอจดหมาย..จนต้องออกเดินทางไปหาหมอในเมืองใหญ่
...นางไม่ได้รับจดหมายฉบับนั้นก่อนเดินทาง!


ตอนไปหาหมอนางเอกเจอทหารคนหนึ่ง 
ต่างคนต่างถูกตาต้องใจกันอย่างประหลาด
ที่สุดก็รักกันตกลงเป็นแฟนกัน
โดยนางเอกยังคงเขียนเล่าทั้งหมด ให้พระเอกฟัง

(ส่งจดหมายไปที่บ้านให้น้องสาวนางเอกช่วยเอาไปหย่อนในช่องลับให้)

นางเอกรักษาอาการปวดหัวอยู่นาน
แล้วแฟนนางเอกก็ต้องไปรบที่Gettysburg
นางเอกก็เขียนมาเล่าให้พระเอกฟังตลอด แต่ไม่ได้รับคำตอบนะ
ก็เริ่มท้อ ไม่เขียนแล้ว

จนพระเอกฟื้นหายดี พระเอกกลับมาบ้าน
มาอ่านจดหมายหลายสิบฉบับที่นางเอกเขียนมา รวดเดียวจบ
จบแล้วพระเอกก็ไปเสิร์ชชื่อแฟนนางเอกที่เป็นทหาร!

(พระเอกเป็นนักออกแบบเกมคอมพิวเตอร์)

พระเอกพบว่า นายทหารชื่อนี้จะตายที่ Gettysburg ในวันที่ 3ก.ค. 1863
พระเอกรีบเขียนจดหมายไปบอกนางเอกว่า
ไปห้ามแฟน อย่าให้ไปรบที่ Gettysburg เด็ดขาด

แล้วพระเอกก็รีบเอาจดหมายจะไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์
พบว่าที่ทำการไปรษณีย์กำลังไฟไหม้
(แต่แน่นอนว่า พระเอกฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปหย่อนจดหมายได้)
เป็นเวลาเดียวกับที่นางเอกกลับจากส่งแฟนไปขึ้นรถไฟไปสนามรบ

และนางเอกเดินทางกลับมาถึงบ้าน
กำลังโดนพ่อบังคับให้ลงมาคุยกับไฮโซที่มาหาที่บ้าน
สาวใช้นางเอกเอาจดหมายที่บุรุษไปรษณีย์มาส่ง มายื่นให้นางเอกทันเวลา

นางเอกตามไป Gettysburg อย่างยากลำบาก
(เหมือนอังศุมาลินไปตามหาโกโบริเลย)


แน่นอนพระเอกเปลี่ยนอนาคตไม่ได้หรอก

แฟนนางเอกตายกลางสนามรบ
แต่นางเอกทันได้บอกรักให้แฟนได้ยิน!

นางเอกกลับมาบ้านเศร้ามาก เพราะไม่ได้รับจดหมายจากพระเอกอีกเลย
(ก็ตู้ไปรษณีย์ถูกเพลิงไหม้ไปแล้ว)
นางเอกคิดว่าพระเอกไม่รักษาสัญญา
(สัญญากันว่า จะเขียนถึงกันไปจนตายจาก)
แล้วแฟนทหารสุดหล่อยังมาตายจากอีก
หมดใจมาก

นางเอกคิดจะเผาบทกวีเป็นเล่มๆ ที่เขียนไว้ จะเผาบันทึกเรื่องราวต่างๆ

ขณะกำลังจะเผาสาวใช้วิ่งหน้าเริ่ดมาบอกว่า..
นี่ ๆ มีจดหมายตกอยู่ข้างซอกโต๊ะ


จดหมายพระเอกฉบับนั้น
ฉบับที่บอกว่าให้เขียนบทกวีต่อไป
พระเอก...จะรออ่านอยู่ในอนาคต!
แล้วนางเอกก็หยิบรูปถ่ายพระเอกในซอง ออกมาดู

นางเอกยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด

แฟนทหารของนางเอกหน้าเหมือนพระเอกในรูปเปี๊ยบ

.....

นางเอกไม่ได้เขียนจดหมายถึงพระเอกแล้ว นางไม่รู้ว่าไฟไหม้ช่องทางสื่อสาร
พระเอกก็ส่งจดหมายไปบอกนางเอกไม่ได้แล้วว่าทำไมไม่เขียนมาหา

แต่พระเอกก็ติดใจตลอดมาว่านางเอกแต่งงานกับไฮโซหรือเปล่า
และนางเอกทำอะไรเป็นยังไง...


คู่หมั้นพระเอกรู้เรื่องนี้ก็ถอนหมั้น ยกเลิกการแต่งงาน
(จริง ๆพระเอกเปลี่ยนไปเยอะด้วยแหละ)

สุดท้ายพระเอกกลับไปบ้านนางเอก 
แบบตั้งใจจะไปขอพบเหลนนางเอกอีกครั้ง เพื่อถามข่าวนางเอก
ไปถึงบ้าน พบว่าเหลนนางเอกตายแล้วยกบ้านให้สาวใช้ที่ช่วยดูแลมา
พระเอกขอขึ้นไปบนห้องนอนนางเอก

พระเอกเรียกหานางเอก
นางเอกในอดีตนั่งแปรงผมอยู่รู้สึกเหมือนพระเอกเรียก
ต่างได้สัมผัสกันแต่ไม่เห็นกัน (อีกครั้ง) แล้ว

สาวใช้ถือหีบใบหนึ่งมาเรียกพระเอก
พระเอกกับนางเอก(ในภวังค์) จากกัน..

สาวใช้บอกว่าเหลนนางเอกสงสัยว่าพระเอกรู้จักชื่อนางเอกได้ไง
เลยพอไปค้นของบนห้องหลังคา แล้วเจอหีบจดหมายนางเอก
กับสมุดหลายสิบเล่ม ก็เลยสั่งสาวใช้ให้เอาให้พระเอก

พระเอกเปิดดูจดหมายที่นักเรียนของนางเอก เขียนมาให้นางเอก
ก็เลยรู้ว่านางเอกไปเป็นครู และเป็นโสดตลอดชีวิต
(ไม่ได้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลไฮโซ)
พระเอกเห็นบทกวีที่นางเอกเขียนไว้มากมาย ก็รู้ว่านางเอกไม่หยุดเขียนจริงๆ

...

แล้วพระเอกก็เห็นปึกจดหมายที่พระเอกเขียนให้นางเอก
หยิบออกมาดู
ใบแรก เป็นรูปนางเอก... (พระเอกก็ยิ้ม)
ใบที่สองเป็นรูปพระเอกเอง ... (สาวใช้ที่ยืนข้าง ๆ อึ้งมาก ตกใจเลย)
ใบที่สาม เป็นรูปคู่ของนางเอกกับแฟนทหาร

พระเอกเลยได้รู้ว่า... แฟนนางเอกหน้าตาเหมือนตัวเองเป๊ะ!

ทุกอย่างจบ ...ลงตัว

ตัดไปฉากจบ
พระเอกไปเดินตามหาหลุมศพนางเอก
เจอป้ายหน้าหลุมศพจารึกว่า
ชาตะ 23 มีนาคม 1834 มรณะ 7 สิงหาคม 1901 รวมอายุ 67 ปี

ตอนนางเอกตายพระเอกยังไม่เกิดเลย
ที่บรรทัดล่างสุดของป้ายหลุมศพนางเอกเขียนว่า

“ฉันไม่เคยลืม..”

พระเอกยิ้ม ...


พระเอกเดินออกมามีหมาตัวใหญ่มากระโจนใส่
เจ้าของหมาเดินตามมา... ขอโทษพระเอก
เจ้าของหมาเงยหน้าขึ้นมา ...หน้าตาเหมือนนางเอกเป๊ะ

...

พระเอกเดินตามและแกล้งถาม “มีร้านกาแฟแถวนี้มั้ย”

นางเอกตอบ “มีสิเดี๋ยวจะพาไป”

.

จบด้วยฉากหน้าร้านหนังสือ

มีหนังสือบทกวีของนางเอกที่หน้าปกเป็นรูปนางเอก

และบรรทัดสุดท้ายเขียนชื่อพระเอกเป็นคนตรวจทาน

.

.



น้ำเน่ามาก แต่ช่างดีต่อใจมาก
นั่งดู นอนดู และหลับก็ยังคิดถึง 
ก็เลยต้องเขียนถึง

ดูจบ อยากเขียนบันทึกไปเรื่อย ๆ เช่นเดิม เช่นกัน
และอยากเขียนจดหมาย
555+
#ในเลขห้ามีความเอาจริงนะเออ 


เผื่อใครจะดูบ้าง คลิกที่นี่





 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2560 15:59:13 น.
Counter : 884 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

พุดดิ้งรสกาแฟ
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




สิ่งต่าง ๆ เคยสำคัญในช่วงเวลาหนึ่ง
อาจเป็นประโยชน์สำหรับใครบางคน
อาจไร้สาระสำหรับใครอีกบางคน


ถ้ามันไร้สาระ
โปรดทิ้งมันไปเฉย ๆ อย่างง่าย ๆ
หากมันมีประโยชน์ ฉันก็ดีใจ


..
..
..
Friends' blogs
[Add พุดดิ้งรสกาแฟ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.