Group Blog
 
All blogs
 

signifies nothing else

sometimes it is much
easier to start over again
than to try to modify
what exists.
::
::
page 92, simplicity by edward de bond


อย่างย่นย่อทั้งรูปและเรื่อง
ว่างานยุ่งมากมายหลายแสน

แต่ก็ยังพยายามให้ตัวเองได้ตื่นมา
ใช้เวลาชั่วหนึ่งเสี้ยวชั่วโมง
จิบกาแฟและอ่านหนังสือสักเล่ม
สักหน้า สักแก้ว ลำพัง

คืนวันอังคารสังหาร
เลิกงานดึกมาก
ขณะที่เช้าวันพุธก็มีงานรอคิวล้นก่อนเที่ยง

หลังจากส่งมอบงานในมือเรียบร้อย
ก็ตรงไปประชุมที่ rosemead
ขับรถไป 22 ไมล์
เลือกไปเส้นทาง local แทนฟรีเวย์ช่วงเที่ยง
ไปถึงก็พอดีบ่าย 1.45

คุยงานกันตรงนั้นจบไปหนึ่งชุด
ก็โทรคุยกับคุณหมอที่ไปอยู่บรูไนในช่วงนี้
พอสรุปทุกอย่างได้ก็เดินดูแปลนที่วาง
แล้วจากนั้นก็นั่งคุยเรื่อยเปื่อย
แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในเนื้องาน

แอบเห็นมะเฟืองส่งข้อความถึง
อ่านแล้วก็ อืมมม รอก่อนนะเพื่อน
เดี๋ยวขาขับรถกลับค่อยโทรหา

จากการคุยครั้งนี้พบว่า
ชีวิตฉันโชคดีอยู่อย่าง
คือไม่ต้องซื้อครีมบำรุงผิวใด ๆ
เพราะได้มาฟรีจากบรรดาชุดทดลองขนาดจริง
เนื่องจากบังเอิญว่า
คุณหมอในแผนกผิวหนังคือ 1 ใน top 10 ของ us
เลยได้สินค้าจากบริษัทพวกนี้มาใช้เพียบ

บางยี่ห้อได้มารายเดือน
ชนิดต้องขนไปบริจาคเพราะช่วยกันใช้ไม่ทัน 

ล่าสุดฉันเพิ่งรู้ว่า
nano mask ที่ออกมาใหม่
เขาขายกันแผ่นละ 50 เหรียญแน่ะ
แต่ฉันได้มาลังนึงฟรี ๆ 
แล้วแบ่งกับคนในแผนก แบบใช้กันสุรุ่ยสุร่ายมาก

พออ่านงานวิจัยเข้าเท่านั้นแหละ
แทบจะอยากกลับไปคุ้ยถังขยะย้อนหลังสัก 2-3 เดือน
ด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง

แล้ววันนี้ก็ได้มาอีก 1 ลัง 100 แผ่น
ตอนโทรคุยกะมะเฟืองเลยบอกนางว่า
จะแบ่งให้นาง 10 แผ่น เท่ากับที่แบ่งให้ทีมงาน

ส่วนชุดครีมบำรุงผิวหน้าที่ได้มา 2 ชุด 9 ชิ้น
ยกให้มะเฟือง 6 ชิ้นเลยนะ
เหลือ 2 ไว้ใช้เอง
และอีก 1 เด็กฝึกงานขอลองใช้
ที่ก็บอกมะเฟืองว่า ทำไมมันถึงช่างแพงได้อย่างนี้
ขวดละตั้ง 120-170 เหรียญแน่ะ
บ้าหรือเปล่า

เพื่อนในทีมบางคนได้แต่สายตาละห้อย
เพราะมีอาการผิวแพ้ง่าย
บางคนคุณหมอก็สั่งห้ามไม่ให้ใช้
เพราะพอใช้แล้วแพ้ทุกสรรพอย่าง
เดือดร้อนต้องรักษากันนาน
บางคนก็ใช้ยารักษาอย่างอื่นอยู่
เลยอด

มีฉันแหละที่ทดลองได้หมด
ไม่เคยแพ้กะใครเขา
เหมือนศรีทนได้เลยเชียว

พอจะลุกกลับออกจาก rosemead
หมอจอห์นก็เดินมาบอกว่า
อ๊ะ ไอมี day cream กับ night cream ให้ยูเอาไปใช้
หมอให้มา 2 ขวด + 1 กันแดดแบบใหม่
เลย อืมมม ขอบคุณค่ะหมอ

เหตุที่ได้ใช้บ่อย ๆ เพราะบรรดาหมอ ๆ รู้ว่า
ฉันใช้จริง
และทำการบ้านส่ง feed back ให้บริษัทเหล่านั้น
แบบคุณหมอได้หน้าได้ตาเสมอนั่นล่ะ
.
.

พอขากลับก็เลยโทรหามะเฟือง
ถามเรื่องที่เพื่อนส่งข้อความมาก่อน
แล้วก็แสดงความคิดเห็น

บอกว่า
นายบีอานันท์คนนี้ ฉันก็ไม่ถูกชะตา
ดังนั้น เพื่อนอย่าไปสนใจเลย

จากนั้นเลยเปลี่ยนเรื่องคุย 3 อย่าง

วิธีใช้ mask ที่ถูกแบบ
ที่โดนมะเฟืองงอนซะเละ
นางบอก แกต้องเพิ่มมาให้ชั้นใช้ทดแทน
ฉันก็ อืมมม เดี๋ยวเอาให้ทดลองใช้ใหม่

ส่วนชุดบำรุงผิว
บอกนางว่า ที่ชั้นให้แกไปน่ะ
ต้องใช้ให้หมดนะเฟร้ย
หมอบอกว่า
มันดีมาก และ มันแพงมาก
ถือเป็นของรับขวัญที่โดนนายบีอานันท์กวนทรีนละกัน

วางสายจากมะเฟืองหลังฟังนางบ่น
เรื่องเน็ทดาวน์
ว่านางเลยดู ywcfts ตอนที่ 18 ไม่ได้
บอกนางว่า
ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะดูเผื่อ ยังไงโทมินจุนซีก็แฟนชั้นอะ

ยิ่งตอนนี้นะเพื่อน
น้องนางเอกสุดฟินเลยอะ
มีท่า ET ด้วยนะเพื่อน
อย่าลืมเบิ่งตาชม

จริง ๆ นางคงลืมว่า
ดูจากมือถือแบบใช้ 3G ไปพลาง ๆ ก่อนได้
แต่เพราะนางคงคิดว่าต้องจอใหญ่จะได้เต็มตา

แต่ฉันว่าบางครั้งน่ะ
ดูไปก่อนเหอะ อย่าเรื่องมากเลย
เพราะไม่มีทางซะหรอกที่เราจะดูกันเพียงคลิปละ 1 รอบน่ะ
จริงมะเพื่อน
.
.

แต่พอถึงบ้าน
ฉันก็ไม่ได้ดูโทมินจุนซีสักตอนเหมือนกัน
หลับเพราะง่วงมากไปซะก่อนน่ะสิ

.
.
.

แต่พอตี 2 ของเช้าวันพฤหัสก็ดันตื่น
แล้วเลยเปิดคอมฯ นั่งทำงานได้ 75 นาที
ก็ต้องหัวซุนกลับไปซุกหมอนหลับต่อ

ตื่นมาอีกทีก็สายแล้ว
เลยรีบอาบน้ำแต่งตัวมานั่งทำงานจนเที่ยง ๆ
เพิ่งว่างลงไปซื้อสลัดจากชั้นใต้ดินมาแกล้มกาแฟ

แล้วก็ทำงานต่อมาจนถึงตอนนี้
ขอแว่บพักสมองมาบันทึกก่อนลืมเสียก่อนสักรอบเนอะ

แล้วจะค่อยหาเวลาอู้งานมาเขียนถึงวันใหม่

วันศุกร์ที่หวังให้สุขอีกทีละกัน




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2557 9:22:24 น.
Counter : 624 Pageviews.  

there must be sunlight also

ใช่...นี่คงเป็นอีกวิธีของการเยียวยาหัวใจที่ฉันหลงลืมไป

บางครั้งหลายสิ่งเล็ก ๆ บนโลกใบนี้
ก็เป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับหัวใจซึ่งกำลังอ่อนล้า
...และต้องการกำลังใจ
::
::
หน้า 44-45



ชอบหนังสือเล่มนี้มากจนเกือบแต่ละหน้า
ถูกขีดเส้นใต้เพราะติดใจในคำ
ชนิดลายพร้อยไปทั่วทั้งเล่มแล้ว

เช้านี้ เลยตื่นมาหยิบ "มุมละไม" หย่อนลงกระเป๋า
เตรียมไว้อ่านตรงหน้าแก้วกาแฟละมุน

เมื่อคืนหลับได้ดี
และคงเพลียก็เลยหลับยาวยืด
ตื่นมาพอดีเกือบจะสาย
แต่ก็ยังลืมตาทันก่อนเสียงเรียกเข้าจะดังขึ้น

งัวเงียบอกแม่ว่า
งานยุ่งน่ะแม่
ชีวิตช่วงนี้ไม่มีอะไรกลุ้มหรอก
นอกจากงาน
งาน งาน งาน
แบบงานซึมเข้าสายเลือดแล้ว

และเลยทำให้แม่ไม่เชื่อเรื่องที่บอกเสมอว่า
ถึงงานเยอะแต่ยังได้นอนพักครบชั่วโมงนะ
ดังนั้นจึงต้องนำเสนอหลักฐาน
ดังภาพเบื้องล่างนี่เองค่ะคุณนาย




แม่คงเห็นนะว่าหนูหลับยาว
และยังหลับลึกอีกด้วยแน่ะ
เห็นไหม เห็นมั้ยจ๊ะแม่
ที่สำคัญ
ยังคงรักษาตำแหน่งของการนอนหลับได้เร็ว
แบบหัวถึงหมอนนอน "พุทโธ" ไม่ทันหมดนิ้วมือนับ
ก็ผล็อยหลับได้ใน 11 นาทีเสมอ

.
.

วันนี้
ตื่นเช้ามาแล้วก็วิ่งจู๊ดลงมาล้างแก้วกาแฟก่อน
เหตุเพราะเมื่อคืนน่าจะง่วงมากกว่าจะเดินเข้าไปดูในครัว

ล้างแก้วกาแฟแล้วก็จัดการหุงข้าว
จากนั้นก็รีบเสียบปลั๊กต้มกาแฟแล้วก็จัดการตัวเอง
อาบน้ำ แต่งตัว กินกาแฟ กินข้าวเช้า
แล้วตรงดิ่งไปสตาร์ทรถไว้ก่อน
ด้วยเหตุว่าวันนี้เป็นอีกวันอังคารสังหาร
และวีคนี้ ยังมีงานล็อตใหม่เข้ามาด้วย
แถมงานประจำสัปดาห์ก็ยังเข้าแถวรอซะ
ยังกะอยู่ในตลาดสามชุก
.
..

ขับรถออกจากบ้านเช้านี้
พบว่าอากาศหนาวยะเยือก
เพราะหมอกลงจัดนี่เอง




ระหว่างนั่งทำงาน
เจอเรื่องแปล๊บ ๆ ในใจ 2-3 เรื่อง
เรื่องแรกคือ
เบื่อหน่ายคนที่บอกอะไรไปมากกว่า 3 หน
แล้วยังไม่จำ
ยังคงทำดังเดิม ประหนึ่งว่าตูจะทำแบบนี้
จะทำไมเหรอ

นั่นคือ พี่สาวที่โทรมา
ตอนเที่ยงออกมาทานข้าวกันนะ
วันเกิดพี่
ฉันก็ อืมมมม พี่ทราบใช่มั้ยคะว่าวันนี้วันอังคาร
พี่ก็ อืมมม ลืมไป หนูต้องเร่งงาน
แต่หนูออกมาชั่วโมงเดียวเองนะ

พี่คะ ขับรถไปก็ครึ่งชั่วโมง
ไปถึงแล้วกลับอีกครึ่งชั่วโมงเหรอคะ
ไม่มีทางจะชั่วโมงเดียวได้หรอกค่ะ
เอาไว้ว่าง ๆ ค่อยเจอกันนะคะ

แล้ววางสายพร้อมแอบถอนหายใจ

เมื่อวันจันทร์ก็ทีนึงแล้ว
เพื่อนฝูงในกลุ่มพี่สาวคนนี้นี่ล่ะ
โทรมาบอกให้ไปปาร์ตี้

โห พี่ ไว้หนูเป็น GM แบบพี่ก่อนสิคะ หนูจะไป

พวกผู้ใหญ่นี่เป็นอะไรหนอ
คิดว่าชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่ง่ายหรือไง



เรื่องที่ 2 คือ
เบื่อคนที่นัดแล้ว และโทรมาเปลี่ยนแปลง
วินาทีสุดท้าย

นั่นคือฉันรับนัดคุยงานที่จะเข้ามาในมือ
เป็นนัดที่ย้ำกันไว้มา 10 ชาติแล้วและนัดอย่างนี้มาตลอด
อย่างวันนี้นัดบ่าย 2 เป็นมั่นเหมาะ
เพราะวันพฤหัส หมอที่นัดกันโทรมาคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้ว
ด้วยตัวของหมอเองเลยว่า
วีคหน้าอย่าลืมนัดนะ ตอนบ่าย 2
ฉันก็ อืมมม ไม่ลืม

แต่พอถึงวันนัด
ตอน 11.35 ก็มีโทรศัพท์เข้ามา

"โทรจากแผนก.... นะคะ"
ค่ะ เรามีนัดกันบ่าย 2

"เอ่อ ไม่ทราบว่า คุณจะเข้ามาประชุมเที่ยงตรง"
คุณโทรมา 11.35 เพื่อเลื่อนนัดเป็น 12.00 เนี่ยนะ

"เอ่อ คือ คุณหมออีกฝ่ายจะเข้าประชุมด้วยค่ะ"
ไปไม่ทันหรอกค่ะ และไม่สะดวกด้วยค่ะ

"งั้นเลื่อนไปพรุ่งนี้ 10 โมงเช้าได้มั้ยคะ"
ไม่ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันมีอีกนัด

"เอ่อ งั้นบ่าย 2 ตามเดิมก็ได้ค่ะ"
......................

อีบ้าาาาาาาาาาาาา
แล้วจะโทรมาทำฟอสซิลอัลไล

.
.



บ่าย 2 ตรงเป๊ะ ฉันไปถึงห้องประชุม

"เอ่อ รอสักครู่นะคะ คุณมาเร็วไป 5 นาที"
ทราบค่ะ

"พอดีคุณหมองานยุ่งช่วงเที่ยง"
เหรอคะ แล้วทำไมก่อนเที่ยงถึงโทรไปเลื่อนนัดชั้นล่ะคะ

"เอ่อ พอดี ... เอ่อ"
........................

และแล้ววิญญาณนางมารร้ายก็เข้าสิงฉัน

ถ้าทำงานมา 4-5 ปีแล้วยังไม่เป็นมืออาชีพ
อย่างที่ทำในวันนี้
ลาออกไปหางานอื่นดีมั้ยคะ

คำตอบสุดท้าย
นางหน้าเสีย

หมอเดินออกมาทักทาย และเข้าห้องประชุม

ผ่านพ้นไป 25 นาที
ทุกประเด็นในเรื่องที่ต้องมาประชุม
เคลียร์กระจ่างใสปิ๊ง ๆ

จบเรื่องงาน ฉันนั่งเงียบ ๆ อย่างเหนื่อยใจ

จู่ ๆ หมอก็บอกว่า
ว่าง ๆ หลังจากวันที่ 14 เมษายน
ที่ส่งโปรเจคครบหมดแล้ว
ช่วยมาอบรม front office นี้ให้หน่อยสิ

ฉันคงจะเหลือบสายตามองหมอ
แบบส่อแววพิรุธแหง ๆ
หมอเลยบอก
"รับปากละกัน ถ้าไม่งั้นจะออกคำสั่งให้มาสอน"

ฉันบอกว่า
บางเรื่องมันก็สอนยากนะ
โดยเฉพาะ "ความรับผิดชอบ" ในหน้าที่
แบบที่ออกมาจากความรักในงานน่ะ
ให้มาสอนแม่นาง 3-4 คนข้างหน้า
ฉันว่า
ไล่ออกแล้วประกาศรับใหม่
จะง่ายกว่า

หมอว่า
ยูนี่ "โหด" สมคำร่ำลือ
ฉันตอบแค่ว่า
ถ้าคนไม่มีใจรักในงาน สอนมากยังไงก็ทำได้แค่นั้นล่ะ
ยิ่งงานที่ต้องการความแม่นยำ
กับต้องทำตาม "คิว" ไลน์งานแบบพลาดไม่ได้
มันก็ยิ่งยากนะที่จะสอนคนที่สักแต่ทำงานไปวัน ๆ
โดยไม่เคยยอมใช้หัวคิดบ้าง

หากสุดท้าย คำสั่งคือ
ไม่รู้ละ เดือนพฤษภาคม จะขอตัวมาแผนกนี้

ฉันมองหน้าหมอเอ็ดเวิร์ด
แล้วยิ้ม ๆ ที่รู้ว่าโคตรฝืนเลย

.
.

แอบคิดถึงมะเฟือง
สงสัยว่าจะได้บินไปหัดทอผ้าที่แม่แจ่มกับเพื่อน
เร็วขึ้นแล้วล่ะมั้ง

เบื่อจริง ๆ

ยิ่งเมื่อคิดว่าเหลือสััญญางานอีกตั้ง 2 ปีกว่าแน่ะ
ฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจะอาเจียนให้ได้

เคยบ่นเรื่องนี้กับมะเฟืองหลายครั้ง
แต่นั่นแหละ เพราะเราคิดว่างานมันท้าทาย
เราจึงตั้งใจทำให้ได้
แล้วมันก็เลยกลายเป็นนิสัยของเรา 2 คน
ที่ทำอะไรแล้วต้องดีที่สุด
แต่เป็นการทำดีที่สุดอย่างชิล ๆ ที่สุดด้วยเช่นกัน

และไอ้อาการชิล ๆ ของเราที่เหมือนกันนั่นล่ะมั้ง
ที่แม้เราจะทำงานคนละแบบ และคนละแห่ง
แต่มันก็ทำให้เหมือนทุกคนจะเห็นว่า
งานเราง่าย ๆ แน่เลย มันจึงปิดงานแต่ละชิ้นได้สบาย ๆ

.
.


ฉันถึงไม่แปลกใจเลย
ที่เมื่อมะเฟืองตัดสินใจยื่นใบลาออก
แล้วทุกคนถึงได้พบว่า
มันต้องใช้เจ้าหน้าที่ถึง 4 คนเชียวนะ
ในการเข้ามารับงานที่มะเฟืองทำมาหลายปี
คนเดียว

มะเฟืองว่างานฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ
งานที่เกี่ยวเนื่องกับ "เส้นตาย" ทุกวีค
งานที่โคตรจะอาศัยความละเอียดอย่างยิ่งยวด

งานที่เยอะมหาศาล
และไม่เคยรู้จบ
เพราะโลกมันหมุนอยู่ทุกวินาที
เพราะเทคโนโลยีมันเกิดใหม่ทุกวัน

.
..

...

บ่นมากแล้วหันใจกลับไปสู้งานดีกว่า
ไม่งั้นคืนนี้มีหวังได้เกิดการสังหารหมู่แน่ ๆ
ถ้างานไม่เสร็จตามกำหนด




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2557 5:55:14 น.
Counter : 740 Pageviews.  

a 100 flowers & not pick one

จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึ้งขึ้นมึงกู
คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ

::
::
สุภาษิตสอนหญิง, สุนทรภู่



เข้านอนเที่ยงคืน ตื่นตี 3 นั่งทำงาน
หัวซุนกลับไปนอนตอนตี 5 แล้ว 6 โมงครึ่งเช้า
ก็จำต้องลุกขึ้น

วันนี้วันอาทิตย์มีหน้าที่ที่เลี่ยงไม่ได้
แม้จะไม่ได้อยากออกไป
แต่เมื่อมันคือความรับผิดชอบ
ก็นั่นล่ะ

ระหว่างทางขับรถไป
ถนนตรงลิ่วออกฟรีเวย์ปิดเพื่อทำผิวถนนใหม่
รถเลยออกันรอเลี้ยวซ้าย
และได้เจอหลายคนที่ขับรถอย่างเห็นแก่ตัว
แบบตัดขวับแซงเข้ามา
ยูเทิร์นตรงหน้าบ้าง
งงไปหมด

ช่วง 2-3 วันนี้ เจอคนขับรถแย่ ๆ แทบทุกวัน
ร้ายสุดคือรถบรรทุกขนาดกลาง
เบี่ยงเลนแล่นสวนมาในเลนฉัน
กระชั้นชิดจนงงและต้องบีบแตรใส่
สติพี่สติ

วันนี้ไม่มีอะไรมากกว่านั่งทำงานหน้าจอ
เร่งงานพิเศษก่อน
แล้วค่ำนี้ต้องไปตรงสาขา north louise
เพื่อคุยงานที่มีปัญหาอยู่ต่อให้จบเรื่อง
จริง ๆ ยังไม่อยากคุยถึงปัญหานี้
เพราะยังคิดหาวิธีแก้ปัญหาไม่ออก
รู้เลยว่าถึงต้องไปนั่งประชุมกัน
จะอย่างไรก็จบลงแค่ประโยคเดิม

"เราต้องหาข้อสรุปให้ได้"

อืมมมม ปวดหัววุ๊ย

..

เพิ่งสังเกตว่า
หนังสือวันนี้เข้ากับอารมณ์สายวันนี้เลย

"ไม่เข้าใจ"

ขอยืนยันว่าเราเป็นคนที่มีความอดทนสูง
แต่ในบางเรื่องที่มันได้อดทนมาจนถึงที่สุด
คือจะเป็นความอดทนสูงอย่างไรมันก็ต้องมีสิ้นสุด
พอถึงวันที่สิ้นสุดปุ๊บ จบแล้วจบเลยนะ

::


จริง ๆ ก็ไม่เข้าใจจริง ๆ นั่นล่ะ

โอยยยยยยยย มึน




 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2557 9:35:48 น.
Counter : 763 Pageviews.  

fragrance & radiance over me

ไม่มีใครไม่เคยทำผิด
เราเองก็ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่ถูกต้อง
พอเติบโตขึ้น ถึงมาคิดได้
และเสียใจว่าไม่ควรทำเช่นนั้น
มาคิดได้ในที่สุดว่า ความสุขแท้จริงในชีวิต
คือการอยู่บนโลกนี้อย่างภูมิใจ
ว่าเรา 'ดี' ไม่ใช่เรา"เก่ง"




ตั้งใจใหม่อีกแล้วว่าก่อนนอนทุกคืน
จะบันทึกแต่ละวันที่ผ่าน
เพราะเหมือนว่าเดี๋ยวนี้จะนึกไม่ค่อยออกแล้วว่า

ได้ทำอะไรมาบ้าง

วันก่อนเก่าก็ลืมไปเนอะ
มาเริ่มต้นวันนี้ละกัน

หลังจากเข้านอนได้ครบ 8 ชั่วโมงกว่าก็ตื่น
จัดการตัวเองเรียบร้อยก็ต้มกาแฟ
และระหว่างรอก็นั่งอ่านหนังสือขำขันยุค IT

วันก่อนครับ

เลยอารมณ์รื่นมากกับการหยิบแก้วลิงมาเริ่มวัน

พอ 9 โมงที่มะเฟืองไปใส่บาตรที่ไทยแลนด์พลาซ่า
นางก็ส่งข้อความมาว่า
ซื้อปลาสลิดกับน้ำพริกตาแดงมานะ
เพื่อนหุงข้าวด้วยนะ

เลยตอบไปว่า งั้นซื้อมา 2 แพ็คนะ
ปลาสลิดแพ็คละ 2 ตัว 6 เหรียญ = 12 เหรียญ
แล้วก็สั่งซื้อแกงเทโพ ต้มข่าไก่ แพนงหมู ต้มแซ่บ
อีก 4 อย่าง
เค้าขายเป็นอาหารใส่บาตร ที่ละ 4 เหรียญ
ราคาเท่ากับวัดไทยในปริมาณและรสชาติที่โอเคเลย
ถือว่าราคาถูกมากที่สุดในแอลเอแล้วมั้ง

พอมะเฟืองมาถึงบ้านก็เลยกินข้าวเช้ากัน
แล้วก็ออกไปเมืองแขก

ระหว่างทาง
มะเฟืองบ่นเรื่องรถที่เช่ามาใช้
ว่าขนาดรถป๋ามากเลย

ลืมบอกว่า มะเฟืองเจออุบัติเหตุ total lost
เหตุเกิดตรงสี่แยกใกล้บ้านนาง
ซึ่งปกติคือ 2
ways stop sign นั่นล่ะ
แต่คาดว่านางเบลอ ๆ คิดว่าเป็น stop sign ทั้ง 4 แยก
นางเลยพุ่งรถออกไปถูกชนเข้ากลางรถเลย
air bag ออกมา ฝากระโปรงเปิดด้านหน้ายับเยิน
เพราะชนกับรถ suv คันบักเอ้ง

หลังจากนางโทรหาประกันชั้น 1 ที่นางจ่ายเดือนละ 120 เหรียญ
บ่ายนั้นนางก็ได้รถเช่ามาขับ
และเมื่อบริษัทประกันจ่ายค่ารถนางเองให้มา 9,000 เหรียญ
นางก็จะคืนรถเช่าที่ประกันเช่าให้วันนี้
เพื่อไปเช่ารถอีกคันเล็ก ๆ ขับในช่วงที่ยังอยู่แอลเอ
เพราะพอกลับเมืองไทยเดือนพฤษภาคม
นางจะได้คืนรถ

ฉันก็ว่า
ดีที่นางโดนอุบัติเหตุนะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องรอขายรถ
นางเลย เออ ใช่
เพราะตอนแรก แปลนกันว่านางจะเอารถมาจอดบ้านฉัน
แต่เกิดเหตุนี้ขึ้นก็ไม่เป็นไร

นี่เป็นรถคันที่ 2 ของนางแล้วที่ total lost


พอขับรถไปถึงเมืองแขก
คือช่วงถนน
pioneerในเมือง artesia
ฉันก็บอกว่าไปซื้อกาแฟลีกันก่อนนะเพื่อน
เลยแวะเข้าพลาซ่าจีน
เจอขบวนเชิดสิงโตด้วย

มะเฟืองบอก สาวมือกลองสวยดีนะ สายเดี่ยวซะด้วย
ฉันละขำนาง
เห็นผู้หญิงสวย ๆ เป็นไม่ได้
ความที่เป็นวันเสาร์ และคนจีนมาย่านนี่กันเยอะ
เนื่องจากมีตลาด ranch 99
ฉันเลยปล่อยมะเฟืองลงไปซื้อกาแฟคนเดียว

ตอนแรกคิดว่าจะขับวนลานจอดรถแล้วค่อยมารับนาง
ปรากฏว่า
มีคนเดินมาชี้ให้ว่าเขากำลังจะออกนะ ขับตามมาจอดสิ
ฉันไม่อยากให้เขาเก้อ ก็เลยขับตามไปช้าๆ
ระหว่างเปิดไฟรอจอด
มีรถชายจีนมาเบียดจะจ่อคิวแบบกะพุ่งตรง
ประมาณทำเป็นไม่เห็นฉันที่จอดรถรออยู่
ฉันก็มอง ๆ กะว่าจะให้ี่จอดแหละ
แต่พอเห็นทำสีหน้าเมิน ๆ ก็เลย... ที่ว่าจะยกที่จอดให้
ฉันเลยเบี่ยงเข้าไปขวางไว้

คราวนี้มันมองหน้าฉันได้แฮะ
แบบ... ฉันก็มองกลับแหละ ไม่กลัวหรอก
มารยาทน่ะพี่มีไหม
มันก็มองหน้าแบบจิ๊จ๊ะ
ฉันก็ส่ายหัวให้เลย

มันเลยขับเลยไป

ฮ่วย

ทำให้ต้องเดินลงไปซะอีกแน่ะ

พอเดินไปในร้านกาแฟลี มะเฟืองยังนั่งรอคิวที่ 34
ฉันเลยซื้อขนมจิ๋วมานั่งกิน 1 โหล
(แค่ 12 คำเท่านั้นแหละ)


ร้านกาแฟลีน่ะ น่ารักมากเลย
ช่วงเกิดสึนามิที่ประเทศไทยปีนั้น
เจ้าของร้านโทรไปสถานกงสุลใหญ่แล้วบอกว่า
จะยกยอดขายวันอาทิตย์นั้นจากการขายทุกสาขา
ขายได้ทั้งหมดเท่าไหร่ จะไม่หักทุนหรืออะไรเลย
ขอบริจาคให้สึนามิทั้งหมด
นับแต่นั้นความที่รักกาแฟลีมากอยู่แล้ว
ฉันยิ่งรักเพิ่มหลายสิบเท่าขึ้นเลย

ซื้อกาแฟเสร็จ ฉันก็บอกมะเฟืองว่า
ย่านเมืองแขกมันก็เริ่มจากนี้แหละ
แต่ฉันชอบอยู่ร้านเดียวแหละ ร้านใหญ่สุดแล้ว
ชื่อร้าน sona อยู่บนถนน pioneer ตัดกับถนน 183
เลยวนเข้าไปจอดหน้าร้าน


ระหว่างเดินไป ฉันคุยเรื่องพ่อไก่แจ้
บอกหลุยส์น่ารักดีนะ
มีดีเจต้นหอมด้วย
มะเฟืองชอบดีเจต้นหอม
แต่ตอนนางถาม นางถามถึงดีเจผักชี

เลยได้ฮาเลย


เดินเข้าไปในร้านที่เจ้าของร้านจำฉันได้
ลองเสื้อแขก กางเกงแขก
ตอนแรกฉันว่าจะไม่ซื้อหรอก
เพราะตั้งใจว่าปีนี้จะไม่ซื้อเสื้อผ้าแล้ว
จะใช้วิธี mix and match ของเก่าเอาละกัน
แต่ไป ๆ มา ๆ ฉันก็ซื้อจนได้
เพราะมะเฟืองบอก
แกต้องซื้อจะได้ไปแต่งมุมไบกันในทริปนิวยอร์คไง
ฉันเลยอ๊ะ ซื้อก็ซื้อ
ได้เสื้อแขกแบบยาว 4 ตัว กางเกงแขก 1 ตัว
ราคารวมภาษี 218 เหรียญ
(คนขายลดให้ 50 เหรียญแล้วนะนั่น)
ส่วนของมะเฟือง
มีกางเกง 3 เสื้อแขก 4 รองเท้าแขก 1
ค่าความงามแบบแขก ๆ ของนางมะเฟืองคือ 327 เหรียญ
(ฉันต่อให้ปัดเศษเป็น 300 ถ้วนก่อนแล้วคิดภาษี)
เดินหิ้วถุงสีแดงเข้ากับรองเท้าแดงมะเฟือง
พร้อมบ่นอุบกันเอง
ทำไมเราไม่ต่อเลยว่ะ

และได้คำตอบเองว่า
ก็เราต่อไม่เป็น
ฮา

ออกจากย่านเมืองแขก ผ่านอีกหลายร้าน
แต่ฉันบอกมะเฟือง ไม่แวะแล้วนะ พอแล้ว
แล้วก็พานางไปร้านซีฟู้ด สั่งข้าวผัดปูกับต้มข่าทะเล
ที่ก็ยังเหลือกลับบ้านอีกกล่องใหญ่


ต้มข่าทะเลถ่ายรูปไม่ทัน 555+ นึกได้หม้อไฟก็เละแล้ว

เจ้าของร้านคิดราคาแบบเหมือนให้กินเปล่า
คือ 22 เหรียญ
ฉันบอกมะเฟืองว่าฉันจ่ายเองนะ
เพราะนางเลี้ยงกาแฟลีแล้วไง
แล้วเลยวางไว้ทั้งหมด 45 เหรียญ
ค่าอาหาร 22 ที่เหลือทิป
เหตุเพราะมาเพื่อรับเสื้อยืดที่พี่เค้าสั่งให้นั่นล่ะ

เป็นเสื้อร้านแต่ว่าสีน้ำเงินเข้ม
สีโปรดของฉัน
ถ้าไม่ติดว่า
พี่เค้าย้ำว่า สั่งเสื้อให้แบบสีที่เธอชอบเลยนะ
ฉันเป็นไม่ยอมไปเอาแน่นอน
น้ำใจแบบรู้จริงขนาดนี้ก็สมควรจะต้องตอบแทนกันล่ะเนอะ


ในร้านนี้ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วย 1 คน
นั่งคุยกันเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าแล้วก็เลยขอถ่ายรูป
ว่าจะซื้อมาให้พ่อใช้นะเนี่ย
พ่อจะได้เลิกบุหรี่ซะที


ข้างขวา คือยาหอมเป็นเม็ด ๆ น่าสนใจมาก
และเพิ่งรู้ว่าเค้าขายกันแพงอะ
ไม่น่าเชื่อเลย

ออกจากร้านซีฟู้ดก็ตรงกลับบ้าน
ระหว่างอยู่บนทางด่วนฟรีเวย์ 2 north ถามมะเฟืองว่า
จะดูหนังวันนี้เลยหรือเปล่า


เพราะเมื่อวานนี้ เรื่อง winter’s tale เข้าพอดีเลยนะ
นางเปิดดูเวลาฉายแล้วว่า
เออ ดู ๆ เพราะรอบต่อไปคือ 5pm
และฉันยังมีคูปองหนังที่ซื้อจากหน่วยงานของซิตี้เหลืออีก
กับดูเวลาตอนนั้นคือ 4.26 ก็ทันพอดีเลย

แต่พอเลี้ยวเข้าโรงหนัง
เฮ้ยยยย ทำไมลานจอดรถเยอะเลย
คนหน้าโรงหนังก็เยอะ
นึกได้ว่านี่คือช่วง long weekend นี่หว่า
เพราะวันจันทร์คือ president’s day คนเลยออกจับจ่าย
ขับวนรถ 1 รอบและบอกแก่กัน

ไว้ดูวีคหน้าเหอะเพื่อน คนเยอะอะไม่ใช่แนว


เลยกลับบ้านนั่งเม้าท์กันดีกว่า
ระหว่างนั้น
บอกมะเฟืองให้ช่วยแปะแผ่นกอเอี๊ยะที่ไหล่ให้ด้วย
เราเคยมีตลกฮาไม่ค่อยออก
เกี่ยวกับสาวโสดอย่างเราที่ต้องแปะกอเอี๊ยะเอง
ว่ามันช่างรันทดเนอะ

ตอนนั่งกินชาในครัว มะเฟืองก็ถาม
ทำไมแกต้องมีหม้อหุงข้าวจิ๋ว 2 ใบว่ะเพื่อน
ทำไมไม่มีแค่ใบเดียว
ตอบเพื่อน
เรื่องมันยาว แกแน่ใจนะว่าแกจะฟัง

นางว่านางฟัง
ฉันเลยเหวอ แต่เออเล่าก็เล่า

.... บลา บลา บลา บลา ....


จบแล้วก็ลุกเดินออกไปส่งนางที่รถคันป๋าของนาง
เออ รถฝรั่งนี่คันใหญ่ยักษ์จริง ๆ ด้วย
ยืน ๆ ดูรถแล้วก็เลยสั่งกับข้าววันเสาร์หน้า
555+

มะเฟืองกลับไปแล้วฉันก็นึกว่าจะว่างซะหน่อย
ที่ไหนได้
เจออีเมล์งานด่วนฉุกเฉินฝุด ๆ วิ่งเข้าชนโครม
เลยเฮ้อ เออ ไม่เป็นไร ทำงานก่อนก็ได้

ส่งข้อความบอกมะเฟืองว่า
เพื่อนนั่งดู full house เวอร์ชั่นไมค์-ออมเผื่อไปก่อนนะ
แต่ไม่ต้องส่งข้อความมาสปอยล์นะเฟร้ย

นางก็ขำกลิ้งสะใจแบบสมน้ำหน้าฉันไปตามปกติ

แล้วนางก็บอก
เออ เพื่อน วันพุธจะลาหยุดงานนะ
เพื่อนช่วยขับรถพาเราไปปล่อยปลาหน่อยดิ
ฉันก็ อ้าว เหรอ เออได้
555+ นางทำตามที่ท่านอินทร์สั่งจริงจริ๊ง
จะว่าไป ช่วง 1-2 ปีหลัง
มะเฟืองทำบุญมากกว่าฉันซะอีก
ถึงว่านางบอก
อุบัติเหตุน่ะมันไม่ร้ายแรง
เพราะนางทำบุญเยอะเลยช่วยไว้แน่ ๆ เลย
ฉันก็ เอ้อ เอ่อ อืมม มั้งตามนางไป

แล้วเลยบอกทางไปร้านขายปลาทอง
ราคา 4 ตัว 1 เหรียญให้นางไปซื้อเช้าวันพุธ
บอกว่า
เป็นร้านคนไทยนะ อยู่แถว santa monica ใกล้บ้านนางพอดี
แล้วก็ย้ำถามว่า ให้พาไปช่วงบ่ายใช่ปะ
ไม่ใช่อะไร
ฉันจะได้ลางานตามได้ถูกเวลา

สรุปว่าหลังจากวีคหน้า
ฉันจะเจอมะเฟืองถึง 3 วันเกือบติด ๆ กันเชียว

โอ้แม่เจ้า
เจอวันเสาร์ ดูหนัง
เจอวันอาทิตย์ รวมกลุ่ม 4 สาวไปเลี้ยงนาง
แล้วเจอวันพุธ พานางไปปล่อยปลาที่วัดป่า
แล้วยังต้องรอพานางไปเลี้ยงกับเพื่อนอีกกลุ่ม
ตอนแรกก็บอกนาง
ทำไมชั้นต้องเจอแกบ่อยนัก
พอคิดว่า เออ อีกหน่อยนางก็ไม่อยู่แล้ว
เลยเอาไงเอากัน

เพื่อนอยากไปไหน เพื่อนบอกมาละกัน ไปได้จะพาไป

นี่ขนาดนางยังไม่กลับเมืองไทย
แผนเจอกันที่เมืองไทยก็ยังยาวเหยียดแล้ว
เลย เอ๊ะ แล้วจะเหมือนจากกันตรงไหนเนี่ย

(จริงปะเพื่อน)

โอ๊ยยยยยยยยยยยย เจ็บไหล่อะ

กอเอี๊ยะไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเล้ยยยยย
ขอ-บอก




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2557 14:02:11 น.
Counter : 784 Pageviews.  

'behave' very well

เนื้อคู่ คือบุคคลสองคนที่เคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติก่อน
สายสัมพันธ์เก่า ๆ จะเป็นชนวนทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคย
สนิทสนมและผูกพันกันอย่างรวดเร็ว
...ราวกับปาฏิหาริย์

แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
และปาฏิหาริย์ที่ว่า..ก็ลอยหายไปได้ในทุกเวลา

-- แปลงควาำมจากรอยจำในซีรีย์เกาหลี 2 เรื่องผสมกัน 


เมื่อ 7 วันก่อน
เป็นเช้าที่หยิบหนังสือเพราะปกเตะสายตา
หยิบมาถึงก็เจอเล่มนี้เลย
พลิกดูแล้วนึกไม่ออกว่าซื้อมาจากไหน
หรือว่าใครให้มา

คาดว่าน่าจะเป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ ให้มา
เพราะตรงหน้า 3 ไม่ได้เขียนโน้ตไว้ดังเคย

ปกติ หนังสือทุกเล่มจะเขียนว่า
ซื้อเมื่อไหร่ ร้านไหน และทำไมถึงซื้อ

แต่เล่มนี้ไม่มีเขียนอะไรเลย
ออกแนวมั่นใจว่าน่าจะเป็นหนังสือที่ระลึกจริง ๆ
เหมือนว่าตอนไปบรรยายที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
แล้วถูกดึงต่อไปบรรยายให้ มศว. ประสานมิตร
ฟังหรือเปล่า

จำไม่ได้
แต่หนนั้นแหละ

น่าเสียดายที่ไม่ได้เปิดอ่านแต่ต้น
ทิ้งขว้างมาตั้ง 2-3 ปี
เลยไม่รู้ว่าเนื้อหาข้างในคือ

เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิทเซอร์แลนด์
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
และ
โคลงพิธีถือน้ำแลคเชนทรัศวสนาน
โคลงพระราชพิธีแห่โสกันต์
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5

 ที่กรมศิลปากรจัดพิมพ์
เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี 2553

เรียกว่าใกล้เกลือกินด่างอยู่ตั้งนาน




หายจากหน้าบันทึกไปร่วมอาทิตย์
ไม่ได้ไปไหน
นอกจาก 3 สาเหตุ

คือ
เป็นหวัด และ งานเร่งมาก

กับสุดท้ายคือปวดไหล่
จนนึกอยากไปหาหมอฝังเข็มเลยเชียว
แต่ที่สุดก็ปิดท้ายได้แค่ยาแก้ปวด
อย่างแรงกับ 2 ตัวยาเดิม

น้องชายที่เป็นหมอยาบอกว่า
เจ๊ติดยาแก้ปวดตัวนี้แล้วล่ะ
ปวดอะไรนิดหน่อยก็ต้องใช้ยานี้
เพราะเจ๊ติดความไม่ปวดหลังจากปวด
และเจ๊ติดเพราะว่า
ได้ยาตัวนี้มาง่ายทั้งที่จริงมันไม่ได้ง่ายเลย

อืมมมม น้องพูดไป เจ๊ก็ อืมมมม
ฟังนะไม่ใช่ไม่ฟัง
แต่ก็ขอหน่อยเหอะ
ยาอื่นกินไปก็ไม่หายนี่นา 

อย่างน้อย ยาแรง ๆ ก็เป็นยาดี ๆ ของชีวิตน่า





จำไม่ได้แล้วว่า
นอกจากงาน ได้ทำอะไรไปบ้าง
นอกเหนือจากลากสังขารไป
กวนข้าวยาคู

ฮ้าาาาาาาาาาาาาา นึกออกแล้ว
ว่าทำไมถึงปวดไหล่ 2 ข้าง
ไปกวนข้าวยาคูมานี่เอง
ไม้พายที่ใช้กวนข้าวนั้นน่ะมันไม้พายยักษ์
และการกวนข้าวเหนียว
มันแสนจะหนืดหนึบ
ถึงว่า
พระบอกว่าปีก่อน ขนาดผู้ชายมากวนข้าวยาคู
ยังถึงกับเรียกรถพยาบาลเพราะเป็นลม

โอเค จบ กระจ่าง
เฮ้อ หลงคิดไปว่า
นั่งทำงานนานไปหรือเปล่า
แถมยังพาลคิดว่าเพราะเปลี่ยนเก้าอี้ตัวใหม่แหง
รวมทั้งสงสัยไปซะได้ว่า
เพราะเอี้ยวตัวตอนสระผมรึเปล่าหนอ

โถ โถ โถ
จบข่าว

งั้นติดเรื่องข้าวยาคูของมอญไว้ก่อนนะ
จดไว้เตือนจำแค่ว่า
ข้อมูลในเน็ทไม่ตรงกับข้อมูลของคนแก่ชาวมอญ
ที่ยืนยันโดยพระชาวมอญจากพม่าเลยว่า

ข้าวยาคู ไม่ผสมนม
เป็นการกวนเพื่อใช้ตักบาตรวันมาฆบูชา

ข้าวมธุปายาส ผสมนม
เป็นการกวนเพื่อถวายพระวันวิสาขบูชา

จริง ๆ มีผู้ยุให้ทำสกู๊ปในกระทู้หลายห้องเลย
เพราะถ่ายรูปมาทุกขั้นตอน
และได้ข้อมูลจริงมาเพียบ

แต่นั่นแหละ
ขี้เกียจ
เอาไว้ว่างจัด ๆ ถ้าไม่ลืมก็จะทำ
เพราะหาข้อมูลเรื่องนี้ใน google ได้ยากมาก




ช่วงนี้ ได้อ่านหนังสือมากขึ้น
เพราะไม่ได้ใช้มือถือเลย
เล่นวิธีปิดเสียงเช้ายันค่ำ

ป้าจิ๋วโทรมาไม่ติดก็มีโวยนิดหน่อย
แต่ฉันออกแนวเบื่อข่าวสาร
ไม่อยากรับรู้ รับฟัง รับทราบ ก็ปิดเสียงซะ

ขนาดวันก่อน
เจอว่ามีคนโทรมา เบอร์แปลก ๆ ก็ไม่ได้รับ
พอฟังข้อความที่ฝากไว้ก็ อ้อ ... เลยโทรกลับ
เพราะเป็นเรื่องงานที่ฉันกำลังรีวิวอยู่
นึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร
โทรไปก็ข้อมูลเดิมแต่พูดไม่หยุด
ฉันก็ อืมมมม อืมมม อืมมมม อืมมม
และวางสาย

มารู้ทีหลังว่า อ้าว โดนเม้าท์ซะงั้นว่าหยิ่ง
อยากจะถามจัง
พี่เป็นเพื่อนหนูเหรอคะ
หนูถึงต้องคุยจ้อไม่หยุดน่ะ
เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย
แค่พี่ฝากโครงการการกุศลมาให้หนูช่วย
ทำไมต้องคุยด้วยละคะ

เซ็งคน!




เมื่อวาน ฉันเมายาแก้ปวด
เลยหลับสนิทตั้งแต่สาย ๆ
มะเฟืองส่งข้อความมาเลยไม่ได้เห็น

สืบเนื่องจากนางบอกว่า
ต้นเมษาไปนิวยอร์คกันนะ
ฉันก็ อืมมม ไปสิ แล้วจบ

เมื่อวานนางส่งข้อความมาว่า
จะจองตั๋วเครื่องบินนะ
คนละ 298 เหรียญ ใช้บัตรเพื่อนนะ
ฉันมาเห็นก็ค่ำ ๆ เลยตอบไป อืมมม เอาดิ

พอค่ำลง ฉันก็หลับตั้งแต่ 2 ทุ่ม
นอนกินบ้านกินเมืองมาก
ตื่นมาเจอข้อความมะเฟืองอีก
"เพื่อน ข้อข้อมูลบัตรหน่อยดิ ขี้เกียจค้นเมล์เก่า"
ฉันก็เปิดกระเป๋า ส่งเลขบัตรไปทางอีเมล์
ส่ง code 3-4 ตัวบนบัตรไปทาง sms

มะเฟืองตอบทันควัน
(คาดว่านางรออยู่)
นางว่า
ว๊าย ซื้อตั๋ววันนี้ มันขึ้นราคาเป็น 314 เหรียญแล้วอะ
ฉันก็ อืมมม ก็ซื้อไปเหอะ
นางก็ เค กลับมา
ฉันก็ เค กลับไป
นี่แหละคือการไปเที่ยวของเรา

จำได้ว่า ฉันบอกนางเพียงว่า
อย่าไปในช่วงวันที่ 10 - 21 เมษายนนะ
เพราะมีคิวผ่าตัด
นางก็รับทราบแบบไม่ต้องคุยอะไรกันมาก

แม้พรุ่งนี้วันเสาร์จะนัดเจอกัน
เพื่อไปเดินย่านอินเดีย
ด้วยเหตุว่ามะเฟืองอยากซื้อชุดแขกไปนุ่งร้องเพลงสวดมนต์
ก็มั่นใจว่า
พรุ่งนี้ บทสนทนาส่วนใหญ่
ต้องเป็นเรื่องของโทเมเนเจอร์

อะไรอะ ... คนเขียนบท
เขียนให้พระเอกจูบกับนางเอกได้ไง
ตั้ง 3 ครั้ง
รับไม่ได้ ทนไม่ได้ ดูไม่ได้
เสียใจมากรู้มั้ย

พรุ่งนี้มะเฟืองมันต้องเยาะเย้ย
ชิชิ ไหนว่าโทเมเนเจอร์อยู่ในโอวาทไง
ปล่อยให้นางเอกจูบเอ๊าจูบเอา
หมดเสน่ห์แล้วแกอะ

เชอะ เชอะ ชั้นยังมีคิมทันย่ะ

แต่ต้องยอมรับว่า
ซีนใน ep. 16 กับ 17 ทำให้ปวดใจรับวาเลนไทน์จริง ๆ

เ้ฮ้อออออออออออออออ



ป.ล. ถึงชีวิตจะมีอะไรสะกิดใจให้คิดได้ทุกวัน
หากก็ไม่ได้บันทึกอย่างหวังจะทำ
แต่ยังดีใจที่ขยันถ่ายภาพ @7.45 ทุกเช้านะจ๊ะ


coffee & book's now

พอให้ได้หยวน ๆ ได้ว่า
ก็ยังมี 'รอยจำ' ติดไปให้นึกออกในวันหน้าบ้างล่ะน่า




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2557 7:35:38 น.
Counter : 763 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

พุดดิ้งรสกาแฟ
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




สิ่งต่าง ๆ เคยสำคัญในช่วงเวลาหนึ่ง
อาจเป็นประโยชน์สำหรับใครบางคน
อาจไร้สาระสำหรับใครอีกบางคน


ถ้ามันไร้สาระ
โปรดทิ้งมันไปเฉย ๆ อย่างง่าย ๆ
หากมันมีประโยชน์ ฉันก็ดีใจ


..
..
..
Friends' blogs
[Add พุดดิ้งรสกาแฟ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.