ก็เป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับหัวใจซึ่งกำลังอ่อนล้า
...และต้องการกำลังใจ ::
::
หน้า 44-45
ชอบหนังสือเล่มนี้มากจนเกือบแต่ละหน้า
ถูกขีดเส้นใต้เพราะติดใจในคำ
ชนิดลายพร้อยไปทั่วทั้งเล่มแล้ว
เช้านี้ เลยตื่นมาหยิบ "มุมละไม" หย่อนลงกระเป๋า
เตรียมไว้อ่านตรงหน้าแก้วกาแฟละมุน
เมื่อคืนหลับได้ดี
และคงเพลียก็เลยหลับยาวยืด
ตื่นมาพอดีเกือบจะสาย
แต่ก็ยังลืมตาทันก่อนเสียงเรียกเข้าจะดังขึ้น
งัวเงียบอกแม่ว่า
งานยุ่งน่ะแม่
ชีวิตช่วงนี้ไม่มีอะไรกลุ้มหรอก
นอกจากงาน
งาน งาน งาน
แบบงานซึมเข้าสายเลือดแล้ว
และเลยทำให้แม่ไม่เชื่อเรื่องที่บอกเสมอว่า
ถึงงานเยอะแต่ยังได้นอนพักครบชั่วโมงนะ
ดังนั้นจึงต้องนำเสนอหลักฐาน
ดังภาพเบื้องล่างนี่เองค่ะคุณนาย
แม่คงเห็นนะว่าหนูหลับยาว
และยังหลับลึกอีกด้วยแน่ะ
เห็นไหม เห็นมั้ยจ๊ะแม่
ที่สำคัญ
ยังคงรักษาตำแหน่งของการนอนหลับได้เร็ว
แบบหัวถึงหมอนนอน "พุทโธ" ไม่ทันหมดนิ้วมือนับ
ก็ผล็อยหลับได้ใน 11 นาทีเสมอ
.
.
วันนี้
ตื่นเช้ามาแล้วก็วิ่งจู๊ดลงมาล้างแก้วกาแฟก่อน
เหตุเพราะเมื่อคืนน่าจะง่วงมากกว่าจะเดินเข้าไปดูในครัว
ล้างแก้วกาแฟแล้วก็จัดการหุงข้าว
จากนั้นก็รีบเสียบปลั๊กต้มกาแฟแล้วก็จัดการตัวเอง
อาบน้ำ แต่งตัว กินกาแฟ กินข้าวเช้า
แล้วตรงดิ่งไปสตาร์ทรถไว้ก่อน
ด้วยเหตุว่าวันนี้เป็นอีกวันอังคารสังหาร
และวีคนี้ ยังมีงานล็อตใหม่เข้ามาด้วย
แถมงานประจำสัปดาห์ก็ยังเข้าแถวรอซะ
ยังกะอยู่ในตลาดสามชุก
.
..
ขับรถออกจากบ้านเช้านี้
พบว่าอากาศหนาวยะเยือก
เพราะหมอกลงจัดนี่เอง
ระหว่างนั่งทำงาน
เจอเรื่องแปล๊บ ๆ ในใจ 2-3 เรื่อง
เรื่องแรกคือ
เบื่อหน่ายคนที่บอกอะไรไปมากกว่า 3 หน
แล้วยังไม่จำ
ยังคงทำดังเดิม ประหนึ่งว่าตูจะทำแบบนี้
จะทำไมเหรอ
นั่นคือ พี่สาวที่โทรมา
ตอนเที่ยงออกมาทานข้าวกันนะ
วันเกิดพี่
ฉันก็ อืมมมม พี่ทราบใช่มั้ยคะว่าวันนี้วันอังคาร
พี่ก็ อืมมม ลืมไป หนูต้องเร่งงาน
แต่หนูออกมาชั่วโมงเดียวเองนะ
พี่คะ ขับรถไปก็ครึ่งชั่วโมง
ไปถึงแล้วกลับอีกครึ่งชั่วโมงเหรอคะ
ไม่มีทางจะชั่วโมงเดียวได้หรอกค่ะ
เอาไว้ว่าง ๆ ค่อยเจอกันนะคะ
แล้ววางสายพร้อมแอบถอนหายใจ
เมื่อวันจันทร์ก็ทีนึงแล้ว
เพื่อนฝูงในกลุ่มพี่สาวคนนี้นี่ล่ะ
โทรมาบอกให้ไปปาร์ตี้
โห พี่ ไว้หนูเป็น GM แบบพี่ก่อนสิคะ หนูจะไป
พวกผู้ใหญ่นี่เป็นอะไรหนอ
คิดว่าชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่ง่ายหรือไง
เรื่องที่ 2 คือ
เบื่อคนที่นัดแล้ว และโทรมาเปลี่ยนแปลง
วินาทีสุดท้าย
นั่นคือฉันรับนัดคุยงานที่จะเข้ามาในมือ
เป็นนัดที่ย้ำกันไว้มา 10 ชาติแล้วและนัดอย่างนี้มาตลอด
อย่างวันนี้นัดบ่าย 2 เป็นมั่นเหมาะ
เพราะวันพฤหัส หมอที่นัดกันโทรมาคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้ว
ด้วยตัวของหมอเองเลยว่า
วีคหน้าอย่าลืมนัดนะ ตอนบ่าย 2
ฉันก็ อืมมม ไม่ลืม
แต่พอถึงวันนัด
ตอน 11.35 ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
"โทรจากแผนก.... นะคะ"
ค่ะ เรามีนัดกันบ่าย 2
"เอ่อ ไม่ทราบว่า คุณจะเข้ามาประชุมเที่ยงตรง"
คุณโทรมา 11.35 เพื่อเลื่อนนัดเป็น 12.00 เนี่ยนะ
"เอ่อ คือ คุณหมออีกฝ่ายจะเข้าประชุมด้วยค่ะ"
ไปไม่ทันหรอกค่ะ และไม่สะดวกด้วยค่ะ
"งั้นเลื่อนไปพรุ่งนี้ 10 โมงเช้าได้มั้ยคะ"
ไม่ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันมีอีกนัด
"เอ่อ งั้นบ่าย 2 ตามเดิมก็ได้ค่ะ"
......................
อีบ้าาาาาาาาาาาาา
แล้วจะโทรมาทำฟอสซิลอัลไล
.
.
บ่าย 2 ตรงเป๊ะ ฉันไปถึงห้องประชุม
"เอ่อ รอสักครู่นะคะ คุณมาเร็วไป 5 นาที"
ทราบค่ะ
"พอดีคุณหมองานยุ่งช่วงเที่ยง"
เหรอคะ แล้วทำไมก่อนเที่ยงถึงโทรไปเลื่อนนัดชั้นล่ะคะ
"เอ่อ พอดี ... เอ่อ"
........................
และแล้ววิญญาณนางมารร้ายก็เข้าสิงฉัน
ถ้าทำงานมา 4-5 ปีแล้วยังไม่เป็นมืออาชีพ
อย่างที่ทำในวันนี้
ลาออกไปหางานอื่นดีมั้ยคะ
คำตอบสุดท้าย
นางหน้าเสีย
หมอเดินออกมาทักทาย และเข้าห้องประชุม
ผ่านพ้นไป 25 นาที
ทุกประเด็นในเรื่องที่ต้องมาประชุม
เคลียร์กระจ่างใสปิ๊ง ๆ
จบเรื่องงาน ฉันนั่งเงียบ ๆ อย่างเหนื่อยใจ
จู่ ๆ หมอก็บอกว่า
ว่าง ๆ หลังจากวันที่ 14 เมษายน
ที่ส่งโปรเจคครบหมดแล้ว
ช่วยมาอบรม front office นี้ให้หน่อยสิ
ฉันคงจะเหลือบสายตามองหมอ
แบบส่อแววพิรุธแหง ๆ
หมอเลยบอก
"รับปากละกัน ถ้าไม่งั้นจะออกคำสั่งให้มาสอน"
ฉันบอกว่า
บางเรื่องมันก็สอนยากนะ
โดยเฉพาะ "ความรับผิดชอบ" ในหน้าที่
แบบที่ออกมาจากความรักในงานน่ะ
ให้มาสอนแม่นาง 3-4 คนข้างหน้า
ฉันว่า
ไล่ออกแล้วประกาศรับใหม่
จะง่ายกว่า
หมอว่า
ยูนี่ "โหด" สมคำร่ำลือ
ฉันตอบแค่ว่า
ถ้าคนไม่มีใจรักในงาน สอนมากยังไงก็ทำได้แค่นั้นล่ะ
ยิ่งงานที่ต้องการความแม่นยำ
กับต้องทำตาม "คิว" ไลน์งานแบบพลาดไม่ได้
มันก็ยิ่งยากนะที่จะสอนคนที่สักแต่ทำงานไปวัน ๆ
โดยไม่เคยยอมใช้หัวคิดบ้าง
หากสุดท้าย คำสั่งคือ
ไม่รู้ละ เดือนพฤษภาคม จะขอตัวมาแผนกนี้
ฉันมองหน้าหมอเอ็ดเวิร์ด
แล้วยิ้ม ๆ ที่รู้ว่าโคตรฝืนเลย
.
.
แอบคิดถึงมะเฟือง
สงสัยว่าจะได้บินไปหัดทอผ้าที่แม่แจ่มกับเพื่อน
เร็วขึ้นแล้วล่ะมั้ง
เบื่อจริง ๆ
ยิ่งเมื่อคิดว่าเหลือสััญญางานอีกตั้ง 2 ปีกว่าแน่ะ
ฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนจะอาเจียนให้ได้
เคยบ่นเรื่องนี้กับมะเฟืองหลายครั้ง
แต่นั่นแหละ เพราะเราคิดว่างานมันท้าทาย
เราจึงตั้งใจทำให้ได้
แล้วมันก็เลยกลายเป็นนิสัยของเรา 2 คน
ที่ทำอะไรแล้วต้องดีที่สุด
แต่เป็นการทำดีที่สุดอย่างชิล ๆ ที่สุดด้วยเช่นกัน
และไอ้อาการชิล ๆ ของเราที่เหมือนกันนั่นล่ะมั้ง
ที่แม้เราจะทำงานคนละแบบ และคนละแห่ง
แต่มันก็ทำให้เหมือนทุกคนจะเห็นว่า
งานเราง่าย ๆ แน่เลย มันจึงปิดงานแต่ละชิ้นได้สบาย ๆ
.
.
ฉันถึงไม่แปลกใจเลย
ที่เมื่อมะเฟืองตัดสินใจยื่นใบลาออก
แล้วทุกคนถึงได้พบว่า
มันต้องใช้เจ้าหน้าที่ถึง 4 คนเชียวนะ
ในการเข้ามารับงานที่มะเฟืองทำมาหลายปี
คนเดียว
มะเฟืองว่างานฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ
งานที่เกี่ยวเนื่องกับ "เส้นตาย" ทุกวีค
งานที่โคตรจะอาศัยความละเอียดอย่างยิ่งยวด
งานที่เยอะมหาศาล
และไม่เคยรู้จบ
เพราะโลกมันหมุนอยู่ทุกวินาที
เพราะเทคโนโลยีมันเกิดใหม่ทุกวัน
.
..
...
บ่นมากแล้วหันใจกลับไปสู้งานดีกว่า
ไม่งั้นคืนนี้มีหวังได้เกิดการสังหารหมู่แน่ ๆ
ถ้างานไม่เสร็จตามกำหนด