ไปเที่ยว ไปกินกันนะคะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะชมค่ะ
 

ก็จะไป มัลดีฟ Centara Ras Fushi กับเขาบ้าง ง่ะ!!! สาธารณรัฐมัลดีฟ Maldives( 22-26 Jan.2018)

มัลดีฟส์ (อังกฤษ: Maldives; มัลดีฟส์: ދިވެހިރާއްޖެ)
หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์
(อังกฤษ: Republic of Maldives; มัลดีฟส์: ހިވެދި ގުޖޭއްރާ ޔާއްރިހޫމްޖު)
เป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการัง
จำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย
และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
ของประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา

(((( ลอกวิกีพิเดีย มาล้วนๆเลยค่ะ )))))
ขอบคุณเครดิตจากเว๊ป Wikimedia



มาเที่ยวมัลดีฟ เป็นครั้งแรก เป็นประเทศที่ใฝ่ฝันอยากจะมา
แต่ไม่ได้พกสามีมา ป้าซิ่งมากับเพื่อนที่มีความอยากมาเหมือนกัน
อยากถ่ายรูปเยอะๆเพราะ มาเที่ยวมัลดีฟ ไม่รู้จะไปไหน
รอบๆมีแต่ทะเล และ รีสอร์ท มันก็ต้องมีการถ่ายรูปเยอะๆใช่ไหมคะ
ป้าซิ่งมากับสามี นี่ลืมไปได้เลยเรื่องการถ่ายรูป
เพราะสามีไม่มีเวลามานั่งถ่ายรูปเรื่องมากแบบนี้ เขาไม่ชอบอ่ะ
เลยต้องหาเพื่อนที่ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน ไปด้วยกันดีกว่า

เราซื้อตั๋วเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชียมากันเอง
ไปกลับประมาณ 9,000 บาท บินตรง 4 ชั่วโมง
ส่วนเวลาท้องถิ่นที่มัลดีฟ จะช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง





เราซื้อตั๋วเครื่องบิน และ ที่พักต่างหาก
เลือกพักที่ Centara Ras Fushi
แบบพักห้องรีสอร์ทส่วนตัวกลางทะเล ( ตามฝัน )
พักอยู่ 3 วัน 2 คืน ราคา 1,180 USD
มาถึงก็มีการจ่ายเพิ่มอีกนะ เขาคิดรวมสองคนจ่ายเพิ่มอีก 600 USD
ก็จ่ายแพงกว่ามาแบบแพ็คเก็จ นิดหน่อย
ที่จองเองไม่ซื้อแพ็คเก็จก็เพราะ หลังจากพักที่รีสอร์ทกลางทะเลเสร็จ
เราก็มีแผลนเข้าพักชมวิถีชีวิตประชาชนคนมัลดีฟ
อยากรู้อยากเห็นบ้านเมืองเขาแหละ อีก 2 คืน
บ้านเขาไม่มีแอลกอฮอล์ มีแต่สูบบุหรี่ สูบมะระกู่ หรือ Shisha
ถ้านักท่องเที่ยวอยากแอลกอฮอล์ก็จะมีขายตามโรงแรมที่พัก เท่านั้น



ทำบล็อคนี้ เพื่อแบบว่า เรามาพักที่ Centara Ras Fushi
มันมีอะไรให้ทำบ้าง บรรยากาศเป็นไงบ้าง นะคะ







เดินไปเช็คอินหรือไปรายงานตัว กันที่ฟร้อนซ์
กระเป๋าทิ้งไว้ที่ท่าเรือ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงาน
เดี๋ยวกระเป๋ามันก็จะไปอยู่ในห้องพักเราในตอนจบ ไม่ต้องห่วงค่ะ













วิวท่าเรือที่เราเพิ่งขึ้นมาตะกี้นี้ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบาร์
มันจะมีเรือใต้น้ำลำส้มที่เห็นตามรูปอยู่ตรงหน้าเรา
เรือใต้น้ำ ถ้าสนใจลงมีเวลาให้ลงไปดูปลาใต้น้ำได้นะ
แต่ก็เสียตังค์ค่ะ หรือ หากแพ็คเก็จเขามี ค่าใช้จ่ายมันก็รวมหมด















รายงานตัวเช็คอินเสร็จ เขามีรถกอล์ฟมารับไปอีกที
เพราะต้องขับพาเราไปลงที่กระท่อมกลางทะเล











เปิดประตูเข้าไปก็เจอะเตียง เจอะเก้าอี้นั่งเล่น
มีระเบียงเปิดออกไปก็มีเตียงทะเลอยู่ข้างนอก
มีบันไดลงสู่ทะเลไว้ว่ายน้ำเล่น ไม่ต้องกลัวอันตราย
เพราะในห้องมีเสื้อชูชีพให้สวมใส่ก่อนลง ข้างล่างน้ำลึกเหมือนกันค่ะ
แต่น้ำใสเป็นกระจกเลย เห็นมันตื้นๆแต่ไม่ใช่ ลงไปแล้วมันลึกนะคะ
มีปลาต่างๆ นานาพันธ์ ว่ายมา มีปลากระเบน ปลาหมึกนานาพันธ์
ปลาเข็มทะเล ลูกปลาฉลาม ก็มีนะ ดูเพลินง่ะ












มาถึงวันแรก ก็ตกบ่าย แล้วค่ะ ก็ต้องได้แค่ลงเล่นน้ำบ้าง
เดินเล่นให้ทั่วเกาะรอบที่พัก ว่ามันมีอะไรให้เราทำบ้าง
มีร้านอาหาร ห้องอาหารเช้า ฟิตเนส กิจกรรมที่อยากทำมีอะไรให้บ้าง
แล้วก็เตรียมจองกิจกรรมนั้นๆ เราซื้อห้องพักเอง ก็ต้องดิ้นรนหากิจกรรมค่ะ
ร้านขายของที่ระลึก มีอะไรให้เราช๊อปฯบ้าง ก็เดินเข้าไปเซอร์เวย์ก่อน
เพราะอยู่ 3 วัน ไม่ต้องรีบ ไปคิดทบทวนให้ดีก่อน
จะซื้ออะไร พอดีเราต้องไปอยู่เมืองหลวง มาเล่ย์ ( Male') อีก
ก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก อีกเช่นกันค่ะ
ส่วนขากลับที่สนามบินมาเล่ย์ชั้นขาออก มีขายอีกเพียบ นะคะ
บอกล่วงหน้าเลย ว่าไม่ต้องซื้อก็ได้นะ ที่สนามบินมันก็มี
ของแพง พอกันแหละ

รอบๆที่พัก ก็มีเพื่อนห้องข้างเคียงอีก แต่ก็อยู่ห่างๆ
ตัวใคร ตัวมัน ค่ะ











บรรยากาศภายในห้อง ก็เหมือนกับห้องพักทั่วๆไปในเมืองไทยเรานะคะ

เตียงนอน



โซนนั่งเล่นภายในห้อง และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะไว้กินอาหารภายในห้อง



ตรงนี้ก็จะมีมินิบาร์ ชา กาแฟ หม้อต้มน้ำเดือด
มีฟรีน้ำ 2 ขวดแบบหนักๆ ที่อยู่บนตู้
อะไรที่จ่ายตังค์อยู่ในมินิบาร์ค่ะ
นอกนั้นฟรีตามบริการ





โซนภายในห้องน้ำ ก็จะมีตู้เสื้อผ้า และ อ่างล้างหน้า
ร่ม เสื้อกันฝน เสื้อชูชีพ ตู้เชิฟ ไม้แขวนเสื้อ โต๊ะรีดผ้า
อุปกรณ์การอาบน้ำ มีพร้อม
ตรงโถส้วมไม่มีประตู นะคะ ตรงห้องอาบน้ำก็เป็นกระจกใส







ส่วนถุงทรายสองถุงนี้ แขวนอยู่ใกล้ประตู
ถ้าต้องการให้พนักงานมาทำความสะอาด เป็นถุงสีเขียว รูปดวงตา
ถ้าไม่ต้องการคนรบกวน เป็นรูป Z zzzz เป็นถุงสีแดง
ก็ให้เอาถุงไปแขวนไว้หน้าประตู ค่ะ พนักงานจะเข้าใจ





ใกล้ที่พักมีปลาต่างๆนานา มีลูกฉลามด้วย
แต่ไม่ทำอะไรคน เพราะมันตัวเล็ก ค่อนข้างกลัวคนอยู่
เห็นคนเดินก็ตกใจว่ายหนี หายไปอย่างรวดเร็วมากๆ





มาถึงก็อยากลงเล่นน้ำ เปลี่ยนชุดว่ายน้ำ
ถ่ายรูปกันดีกว่า











ไปแอบส่อง ร้านขายของที่ระลึกกันบ้างค่ะ
ร้านก็อยู่ใกล้กับที่เราเข้ามาเช็คอินตอนแรกเลยค่ะ









ผ้าบาติค แบบโสร่ง เป็นผ้าทั้งผืน
เอามาจัดใส่กับตัวเรา จะออกไอเดียแบบไหนได้ตามใจค่ะ





เสื้อผ้าสำเร็จรูป เสื้อยืด เสื้อผ้าฝ้าย ชุดว่ายน้ำ









ชา ที่อยู่ในแพ็คเก็จจิ้งรูปแบบ หนังสือ
สวยดีค่ะ เหมาะกับเป็นของฝาก ของขวัญ
ป้าซิ่งก็ซื้อไปเหมือนกัน พอไปสนามบิน ก็มีขายนะคะ









ฟิตเนส เป็นห้องเล็กๆไม่ใหญ่ไรมาก
วิ่งลู่ ก็ดูวิวทะเลไป เพลินๆ
เดินออกไปก็เป็นจุดนอนตากแดด มีเก้าอี้ทะเลให้นอน





ไม่ใกล้ ไม่ไกล ที่ท่าเรือ ก็จะมีกิจกรรมให้ซื้อ
เราก็รีบจองๆ เพื่อวันพรุ่งนี้ กิจกรรมก็มีให้เลือกในแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน
พอดีป้าซิ่งมาวันจันทร์ กิจกรรมวันจันทร์เราก็ชอบนะ แต่อด
ได้วันอังคาร นั่งเรือไปดำน้ำ ดูฉลาม
แต่ต้องเอาไว้ ไม่งั้น ไม่มีอะไรทำ จ่ายไปคนละ 80 USD












ลงทะเบียนไว้ วันรุ่งขึ้นก็ออกทะเลไปดูฉลาม



มาดูตรงนี้เป็นโซนอาหารตอนเช้า ที่เราต้องมาทุกเช้า
P.S.ไว้จะทำบล๊อคอาหารของที่พักแห่งนี้ แยกไปอีกบล๊อคนะคะ









ตอนซักห้าโมงเย็น ออกไปเล่นน้ำอีกด้าน
ที่มีหาดทราย ดีกว่าค่ะ ใกล้ร้านอาหาร สวนบัว









ใกล้ๆพระอาทิตย์จะตกดิน ต้องมานั่งที่บาร์นี้ค่ะ
เป็นจุดไฮไลท์ของที่พักเซ็นทารา ราส ฟูชิ
มีที่นั่งเป็นตาข่าย ยื่นออกมาให้หวาดเสียวเล่นๆ
ใครกล้าก็ลงไปนอนเล่น นั่งเล่นได้





























วันถัดไป ก็มาเล่นน้ำ ดำน้ำเล่น
เดินไปแค่เข่า ก็สามารถเห็นปลาเป็นฝูงได้เลยค่ะ
ไม่ลืมเอากล้องถ่ายใต้น้ำไปถ่ายเล่นด้วย น้ำใสมากๆ



ชุดกางเกงขายาว ใส่มาตอนกินอาหารเช้า
เพราะหาดทรายอยู่ไม่ไกลจากที่กินอาหารเช้ามาก แต่ไกลจากที่พัก
ฉะนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา ใส่ชุดว่ายน้ำ มาลงเล่นน้ำเลยแล้วกัน
ป้าซิ่งเลยใส่กางเกงขายาวมาทานอาหาร
พอถึงหาดทรายก็ถอดออก ลงเล่นน้ำได้เลย

















เดินมาตรงที่มีบ้านพักติดชายหาด แต่ไม่อยู่กลางทะเล
ที่พักราคาถูกหน่อย จะมีบริการให้ยืมอุปกรณ์พวกเรือคายัค
วินด์เชิฟ และ ม้ายูนิคอร์น
















ดำน้ำดูปลา แค่เข่าเองนะเนี่ย












อาหารมื้อเย็น เรามากินที่ร้าน สวนบัว















วันรุ่งขึ้นออกไปทะเล ดูฉลาม รอบบ่ายๆ
อุปกรณ์มีพร้อมบนเรือ












ดำน้ำที่มัลดีฟ ดำน้ำแบบน้ำตื้น นะคะ
เห็นปลาว่ายในน้ำเป็นฝูงๆนับหมื่นๆตัวเลย
แล้วมันว่ายสวนทางกันเป็นพันธุ์ของเขา ลัลล้ามาเป็นพาเหรดเลย
เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ











ภาพในวงกลมสีแดง คือ ปลาฉลามเด็กๆค่ะ ไม่น่ากลัวเลย










ตอนเช็คเอ๊าท์ ได้ใส่ชุดกันฝน เพราะฝนตก









นั่งเรือกลับไปฝั่งเมืองหลวงมาเล่ย์ ใช้เวลา 25 นาที
ไว้พาชมเมืองหลวงมาเล่ย์ ของสาธารณรัฐมัลดีฟในบล๊อคถัดไปนะคะ




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2561    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2561 6:19:02 น.
Counter : 1929 Pageviews.  

My Vimarn ที่พัก มาย วิมาน หัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันท์ 26-29 ธันวาคม 2017

ไปเที่ยวหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันท์
พักที่ มายวิมาน ( My vimarn )
26-29 ธันวาคม 2017 4 วัน 3 คืน
มาดูบรรยากาศของที่พักกันค่ะ

ที่พักอยู่ทางไปเขาตะเกียบ
ถ้าใครเคยเห็นที่พัก Let's Sea
ที่พักมายวิมาน จะอยู่ติดกับที่พัก Let's Sea





มีรถซัตเติ้ลบัสเล็กๆไว้บริการ



เคาน์เตอร์เช็คอิน









ห้องรับรองด้านข้างที่ติดกันกับเคาน์เตอร์เช็คอิน





จองที่พักที่ห้อง 204 ห้องพักอยู่หัวมุมชั้น 2
มีระเบียงนั่งเล่น มองเห็นทะเลจากที่นอน






หน้าห้องเรา มีสระว่ายน้ำภายในที่ร่ม
และติดกับห้องอเนกประสงค์





บรรยากาศ โดยรวมด้านนอกของห้องพักทั้งหมด
ดูแล้วจะมี 3 ชั้น ตรงชั้น 2 หรือตรงชั้นเราจะมีสระว่ายน้ำ
และจะมีห้องที่สามารถออกมาจากห้องและลงเล่นน้ำได้เลยค่ะ
นอกจากสระว่ายน้ำในร่ม ก็จะมีสระว่ายน้ำที่อยู่ริมทะเลอีก นะคะ











บรรยากาศภายในห้องพัก









มีมินิบาร์ และ อุปกรณ์ ที่จำเป็นต้องใช้





มีผลไม้ให้เสิร์ฟแค่วันที่เข้าเช็คอินเท่านั้น



โต๊ะทำงาน น่าจะมีกระจกหน่อยนะเนี่ย
ไว้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้รวบยอดไปได้เลย
จะแต่งหน้า หวีผมทีต้องเดิน ไปส่องกระจกในห้องน้ำ



ภายในตู้เสื้อผ้า



ภายในห้องน้ำ







ของใช้ในห้องน้ำโดยทั่วไป




ออกมาที่ชั้นล่าง มุ่งสู่หน้าทะเลกันค่ะ

















ด้านขวามือ เป็นห้องคาเฟ่ ขายกาแฟและเค้ก









ส่วนด้านซ้ายมือ เป็นห้องอาหารเช้าของที่พักมายวิมาน
อาหารอร่อยและสะอาด ค่ะ เค้กอร่อยดี โดยเฉพาะ เค้กมะพร้าวอ่อน
ส่วนกาแฟนั้น สั่งได้อีกต่างหาก ถ้าชอบดื่ม เช่น เอสเปรสโซ่, คาปูชิโน่ หรือ ลาเต้
ที่โต๊ะบุฟเฟ่ย์ของห้องอาหารมีชาดำร้อนๆจากกา อยู่แล้ว







ชั้นบนของห้องอาหารและคาเฟ่ เป็นดาดฟ้า
สามารถขึ้นไปเดินเล่นได้ค่ะ มีบันไดด้านข้างขึ้นไป







ที่พักอยู่ใกล้ตลาดจั๊กจั่นหรือCicada market
และ ตลาดมะขาม หรือ Tamarind market
ซึ่งสามารถเดินออกจากที่พักไปเดินเล่นได้ แค่ประมาณ 7-10 นาทีค่ะ
ตลาดทั้งสองอยู่ติดกัน เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์








 

Create Date : 13 มกราคม 2561    
Last Update : 13 มกราคม 2561 15:20:09 น.
Counter : 12280 Pageviews.  

JAPAN เที่ยวเมืองเอโดะน้อย ( Co-EDO ) ที่ คาวะโกเอะ ( Kawagoe) 18 Dec.2017

เมื่อกลางๆเดือนธันวาคม ปี 2017 ไปเที่ยวเมือง Kawagoe ( คาวะโกเอะ)
เมืองนี้ได้ฉายาว่า เอโดะน้อย หรือเรียกว่า โค เอโดะ ( Co-EDO )



เมืองอยู่จังหวัด ไซตะมะ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวเท่าไหร่นะคะ
แค่นั่งรถไฟสาย Saikyo line หรือ รถไฟสีเขียวแก่ มาแค่ชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ
ส่วนป้าซิ่ง บ้านอยู่ไม่ไกล มาขึ้นที่ Akabane เดินมารางที่ 8
ก็นั่งไปถึงจุดสิ้นสุดที่สถานี Kawagoe






จาก อะคาบาเนะ (Akabane ) นั่งมาสิ้นสุดที่ Kawagoe
ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ค่ะ




ต่อจากนั้นเราเดินมาทางฝั่งซ้ายมือ เป็นท่าจอดรถบัสและแท๊กซี่
เป้าหมายป้าซิ่งนั่งรถบัสนะคะ จะนั่งไปเที่ยวเมืองโบราณ
ด้วยบัตร One day pass Co-EDO เป็นรถบัสขึ้นๆลงๆ
กี่สถานีก็ได้ในราคา 500 yen









มาขึ้นรถบัสที่ฟุตบาธเบอร์ 2 ถ้ามายืนที่ฟุตบาธ มองกลับไปที่สถานีรถไฟ
ก็จะเห็นร้านสตาร์บัค



รถมีสองแบบ แบบสมัยโบราณ กับ ทันสมัย





จับจ่ายซื้อบัตร One day pass ราคา 500 yen บนรถกันได้เลยค่ะ




แผนที่ก็หยิบกันแถวๆนั้นแหละค่ะ หาดูรอบข้าง











บนรถก็จะมีจอมอนิเตอร์ ให้สังเกตุว่าถึงหมายเลขไหน คือ ป้ายอะไร
มีราคาอยู่ด้วยไม่ต้องสนใจนะคะ เพราะเรามี one day pass แล้ว
ที่เห็นมีราคาสำหรับคนเนื้อที่ย่านนั้น มีบ้านแถวนั้น



รถบัสที่ป้าซิ่งนั่ง จะใช้สัญญลักษณ์ตัวอักษร E ตามด้วยหมายเลข
สมมตินั่งมาถึงที่ E4 คือวัด Kita-in Temple )



ก่อนลงจากรถ เราก็ต้องโชว์บัตรรถบัสที่เราซื้อมาทุกครั้งที่ลง
และพอลงป้ายรถบัสนี้ ขากลับก็มาขึ้นรถบัสที่จุดเดิมนะคะ
ก่อนที่จะไปเที่ยว แว๊ปดูตารางเวลารถบัสที่จะมาเที่ยวต่อไปสักหน่อยค่ะ
เพื่อคุณสามารถคำนวณการเที่ยวตามสถานที่ แล้วกลับมาทันรอบรถ
โดยที่ไม่ต้องมายืนคอยนาน กะคร่าวๆชั่วโมงหนึ่งมีมารับประมาณ 2-3 เที่ยวค่ะ





















ร้านขายของที่ระลึกบริเวณวัด



ส่วนด้านหลังวัดคิตะอิน ก็จะเป็นสวนธรรมชาติ















เข้าไปจุดธูป เดินเล่นดูรอบๆ ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็กลับมาป้ายรถบัส
ฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านกาแฟ ไม่สนใจ ก็นั่งรถบัส ไปป้ายหน้ากันต่อค่ะ





บ้านเมืองเงียบสงบ รถไม่พลุกพล่าน





จากแผนที่ของเมืองด้านบนสุด ก็จะเป็น
ศาลเจ้า คาวะโกเอะ ฮิคาวะ ( Kawagoe Hikawa Shrine )







บริเวณศาลเจ้าร่มรื่น ไม่กว้างใหญ่อะไรมาก เที่ยวชมไม่เกินครึ่งชั่วโมงล่ะกันค่ะ













ป้าซิ่งมาคนเดียว ก็ขอเซลฟี่ หน่อยค่ะ







ตรงนี้เป็นใบเซียมซีปลาแดง กับ ปลาสีชมพู
ต้องใช้เบ็ดเกี่ยวด้วยค่ะ มีราคาซื้ออยู่ที่ป้าย





อ่านแล้วไม่ดีก็ผูกติดไว้ที่ศาลเจ้า



เครื่องรางของญี่ปุ่นก็มีนะคะ



มาวันนี้ พอดีมีพิธีมงคลแต่งงานในศาลเจ้า







ถ่ายรูปกับสาววัยรุ่นญี่ปุ่น แต่งชุดกิโมโนในยุคเอโดะ
ตรงป้ายรถบัส



ขอน้องๆถ่ายรูปด้วย นางก็จะยินดีมีสีหน้าสดชื่น
แล้วนางก็อยากให้เราถ่ายรูปให้เธอทั้งสองคนด้วยค่ะ
แลกเปลี่ยนกัน มีแต่ได้กับได้ นะคะ













รถมาแล้ว ขอไปต่อที่จุดไฮไลท์ของเมืองโบราณ( Old town )เลยค่ะ( Kura no Machi)
จุดที่มีสัญญลักษณ์หอระฆังโบราณ( Time Bell Tower )










เดินทางมาตั้งแต่ 9 โมงเช้า เที่ยวลัดเลาะมาเรื่อยๆ
ก็มาถึงตรงหอระฆังพอดีตอนเที่ยงกว่า
ขอกินข้าวย่านนี้เลยล่ะกัน
ของกินเยอะ ทั้งคาวและหวาน
ป้าซิ่งว่า ย่านนี้ของหวานมีเยอะมากๆค่ะ



แต่ขอเข้าร้านอาหารใกล้ท้องถนนหน่อยค่ะ
กินอาหารเซ็ทค่ะ ราคาไม่แพงมาก ได้ครบรสหมดเลย







สั่งตามเมนูเลยค่ะ ขอเมนูราเมงชาเขียว อะไรๆก็ชาเขียวหมดค่ะ
ทั้งราเมง ทั้งเครื่องดื่มก็ชาเขียว และ ขนมหวานโมจิ







ช่วงที่กินก็เห็นส้มยูทสุค่ะ มันโคตรใหญ่มากค่ะ
ปรกติเห็นแค่เท่าลูกส้มเขียวหวาน
ส้มยูทสุ ช่วงฤดูหนาว คนญี่ปุ่นเขาจะนำส้มนี้ใส่ในอ่างอาบน้ำที่บ้าน
โดยกรีดส้มที่ผิว เพื่อให้กลิ่นมันกระจายในน้ำ
มีคุณประโยชน์แก้หวัด ดีหนักแล ค่ะ

ทนไม่ไหว ขออนุญาติเจ้าของร้านถ่ายรูปหน่อย นะคะ
โอเครนะคะ เจ้าของร้านถ่ายให้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ




เช็คบิล ออกนอกร้าน ก็เดินมาฝั่งตรงข้ามค่ะ
เป็นซอย มีร้านเช่าชุดกิโมโนในยุคเอโดะ







ภาพต่อไปนี้ ไม่มีคำบรรยายค่ะ
มองเห็นก็รู้แล้วว่า เป็นภาพบรรยากาศท้องถนนในย่านนี้ค่ะ








=====






















ขอกินดังโงะหรือแป้งโมจิกลมๆร้านนี้แป๊บค่ะ ร้านอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถบัส E 14
อร่อยมาก แป้งนิ่ม เนื้อในมีมันเทศเหลืองญี่ปุ่นกวน อร่อยเวอร์









เดินจากป้ายรถบัสที่เราลง E 14 มาซัก 4-5 นาทีเท่านั้น
ก็จะมีหมู่บ้านลูกกวาด คือ ย่านหมู่บ้านตำบลนี้ ขายกันแต่ของหวาน
หรือ E 15 Kashiya Yokocho ( Penny candy lane )





เข้ามาในหมู่บ้านนี้ของกินเพียบค่ะ
ร้านเขาขายมันเทศญี่ปุ่นเป็นแท่งๆขนาดเท่าเฟรนด์ฟายด์
ไม่ได้ซื้อกินอ่ะ โมจิยังจุกท้องน้อยอยู่เลย












มาย่านนี้ต้องซื้อขนมปังสดใหม่ทำเองที่ร้าน กลับบ้านค่ะ
อดใจไม่ไหว นั่งกินข้างร้านเลยก็ได้ นะคะ
ชื่อร้าน RAKU RAKU









ภายในร้านจะแคบหน่อย ลูกค้าเข้าร้านกัน 5 คนได้ความรู้สึกอัดแน่น
แต่ขนมปังในตู้ หน้าตาน่ากินจริงๆค่ะ









ทั้งหมดนี้ซื้อกลับบ้าน



อันนี้กินที่ร้านเป็นสลัดซีฟู๊ด



เดี๋ยวนี้ที่ญี่ปุ่น เริ่มให้พนักงานคิดตังค์เป็นตัวเงินเสร็จ แต่ไม่รับเงิน
จะให้ลูกค้า นำเงินใส่ตู้คิดเงินเองแล้ว นะคะ



นั่งกินข้างร้านเขาเสร็จ ก็เดินต่อกลับไปที่เดิม







ขวดเบียร์ที่ Kawagoe หรือ Co-EDO






เดินมาตรงหอระฆังโบราณ จะมีร้านขายมันเทศญี่ปุ่นทอด เส้นโตๆ
พร้อมมีให้เลือกน้ำซอสจิ้ม ป้าซิ่งเลือกบัตเตอร์ซอส











ผลสรุปการให้คะแนนกับมันเทศทอดมีซอสนี้
จะบ้าไปแล้วค่ะ ไม่เห็นอร่อยเลย มุงเข้าคิวซื้อกันทำไม!!
กล้วยฉาบ มันฉาบ บ้านเมืองไทยเรา อร่อยกว่าเยอะ นะคะ
ป๊าดดดโธ่!!! ป้าซิ่งก็ซื้อกินเพื่อให้รู้จริงๆก็เท่านั้นค่ะ อิๆ

จากนั้นก็ขึ้นรถบัสกลับไปที่สถานีคาวะโกเอะ





ขอบคุณสำหรับภาพที่ได้ถ่ายรูปคู่กับรถโบราณ
โดยน้องผู้หญิงคนไทยที่ได้เจอะและคุยกันกับญาติอีก 2 คน
ถ่ายให้ป้าซิ่งที่มาคนเดียวด้วยนะคะ




 

Create Date : 04 มกราคม 2561    
Last Update : 4 มกราคม 2561 16:39:58 น.
Counter : 1418 Pageviews.  

JAPAN ไปดูไฟปีใหม่ที่ Shinjuku & Roppongi hills. (17:Dec.2017)

มาเที่ยวเดือนธันวาคม ที่โตเกียว รอบนี้มาเที่ยวคนเดียว
ก็เหงาๆ แต่ก็สะดวก เดินมันส์ๆอยู่คนเดียว
คืนนี้หนาวเย็นแค่ 4 องศา เองค่ะ
มาเที่ยวดูไฟที่สถานีรถไฟ Shinjuku อยู่ด้านตึก NewOman





เดินไปเดี๋ยวก็เห็นเองค่ะ เขามีการโฆษณาว่ามีไฟให้ดูสวยๆ
มีไฟสีฟ้า กับ สีแดงออกสีม่วงๆ





ถ่ายรูปกับเจ้าเพนเกวิน สัญญลักษณ์ Suica
มุมนี้สวยสุด





ขอให้คนญี่ปุ่น ที่ยืนๆอยู่แถวนั้น ถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ ได้มา 2 รูป

อันนี้เซลฟี่เอาเองค่ะ เพราะมาเดินดูไฟคนเดียว








ขอให้คนญี่ปุ่นอีกคนถ่ายให้หน่อยค่ะ
ได้มาอีกสองรูป อิๆ





พอล่ะ ขี้เกียจเดิน เพราะเส้นทางไฟรอบๆสถานีรถไฟยาว
ถ้าดูชั้นบนดาดฟ้าแล้วมองลงมา ต้องสวยน่าดูชมค่ะ



ป้าซิ่งจะไปดูไฟต่อที่ Roppongi hills.
นั่งรถที่สถานีชินจุกุ โดยสายรถไฟ Yamanote line ไปลงที่สถานี Ebisu
แล้วเดินเข้าห้างฯของสถานีทะลุลงบันไดเลื่อน
เพื่อต่อสายใต้ดิน นั่งต่อไปอีก 4 ป้าย ลงที่สถานี Roppongi
แล้วเดินไปตามลูกศร ที่เขียนว่า Roppongi hills.





ตอนเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน ก็ต้องผ่านร้านพวกนี้ทั้งหมด
ก่อนที่จะไปถึงตึก Roppongi hills. นะคะ



ผ่านพลาซ่า และ ใกล้กันมีร้านอาหารเยอรมัน FRANZISKANER
ภายในก็มีแอร์อุ่น ด้านนอกก็ผสมทั้งหนาวและอุ่น เพราะมีถังลมอุ่น







เดินมาอีกหน่อยตามลูกศรชี้ทะแยงให้ขึ้นบันไดเลื่อน
เด๊วก็เจอะ Roppongi hills.



เจอะเลยต้นคริสต์มาส หลอดไฟ LED.





สถาปัตยกรรม คุณแม่แมงมุมอุ้มไข่ ยังอยู่ตลอดกาลค่ะ





เซลฟี่ให้ตัวเองก่อนหนึ่งรูป ก่อนที่จะให้สาวญี่ปุ่นถ่ายให้อีก 2 รูป
ใส่แอ๊ป B612 ขอมีหิมะตกนิดนึงค่ะ





เดินไปใกล้กันอีกหน่อย มี Christmas market ด้วยค่ะ
ตามสไตร์ยุโรปเลยนะคะ เพราะป้าซิ่งเคยไปเยอรมัน
หน้าตาตลาดคริสต์มาสต้องเป็นแบบนี้คือ
บนซุ้มร้านค้า จะมีการตกแต่ง มีซานต้าและกวาง
หรือลูกกลมๆต้นไม้ หิมะ ตุ๊กตาหิมะ น่ารักดีค่ะ
สำคัญมีไฟฟ้าประดับ เพื่อความสวยงาม









มีโต๊ะยืนตามสไตร์คนเยอรมันด้วย ซื้ออาหารจานด่วน
แล้วก็มายืนกิน มีทั้งเบียร์เยอรมัน และ ญี่ปุ่น

กล้องจากมือถือ แบตเตอรี่หมดเสียแล้ว
มีโซนที่ยืนสะพานเชื่อมตึกและคร่อมถนนมองลงมาที่ถนน
มีไฟเป็นทิวแถวสีแดงแบบอบอุ่น สวยมากค่ะ
คนยืนถ่ายรูปกันเต็มเลย เสียดายจังที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆได้ชมกัน
ป้าซิ่งก็ได้แต่ยืนดูเก็บภาพไว้ในสมองไปเพลินๆ
อิ่มตา แล้วก็กลับบ้านดีกว่า

ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาบล๊อคป้าซิ่งนะคะ
ปีใหม่ 2018/2561 ขอให้มีความสุขทุกคนค่ะ




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2560    
Last Update : 21 ธันวาคม 2560 14:54:17 น.
Counter : 1479 Pageviews.  

ต้องจองห้องพักที่ โรงแรม คอนราด ถนน วิทยุ เพื่องานเทศกาลเบียร์ "OKTOBERfest 2017" 10 Nov.2017

ครอบครัวเราพอรู้ว่าได้ตั๋วเข้างานOKTOBERFEST 6 เดือนล่วงหน้า
ปีนี้2017 งานจัดวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2017
งานจัดขึ้นที่ โรงแรม คอนราด ถนน วิทยุ กรุงเทพฯ
ตั๋วราคาใบละ 1,500 บาท



พออีกซักเดือนก่อนวันงาน
พ่อบ้านเลยต้องจองห้องพักที่โรงแรมคอนราดไว้
เพื่อหลังจากงานเลิก หากมึนหรือเมา จะได้ไม่ต้องขับรถกลับบ้าน
พักอยู่ในโรงแรมนี้สักคืนดีกว่า

เช็คอินเข้าโรงแรมกันดีกว่า







เฉยๆมาก ไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่
ที่ต้องมาพักในกรุงเทพฯ ชอบค้างต่างจังหวัดมากกว่า
มันคิดถึงบ้านมาก นี่ต้องขนเสื้อผ้า รองเท้า ฯ เพื่อเข้างาน








บรรยากาศภายในห้องพักค่ะ









---








ของใช้ในห้องน้ำ ก็เหลือใช้เลยค่ะ





ที่นอนสะอาด นุ่มสบาย







วิวเบื้องหน้าตรงหน้าต่างก็วิวเมือง
ส่วนเบื้องล่างก็สนามเทนนิส กับ สระว่ายน้ำของโรงแรม



มินิบาร์







ชอบเครื่องทำกาแฟแบบง่ายๆไม่ต้องใช้ไฟฟ้า



มีแอปเปิ้ล อยู่ในห้องพักสองลูก



เสื้อผ้าที่นำเข้างานก็เป็นแบบพื้นเมืองของเยอรมัน







ตั๋วหนึ่งใบ ก็จะได้แก้วเบียร์เป็นที่ระลึกหนึ่งใบ











บรรยากาศในงาน ก็มีคนที่รู้จักกันเฉพาะกลุ่ม
ป้าซิ่งก็จะมีแต่เพื่อนรุ่นน้องทั้งนั้น
แต่ก็เป็นแม่ๆของลูกกันหมดแล้วค่ะ







คณะสาวๆของเราก็ถ่ายรูปร่วมกับท่านฑูตประเทศเยอรมันค่ะ
H.E. Mr. Rolf Schulze



สิ้นสุดรวบยอดกับงานเลี้ยงประจำชาตินิดหน่อยค่ะ
ปีหน้าเจอะกันใหม่ นะคะ





 

Create Date : 09 ธันวาคม 2560    
Last Update : 9 ธันวาคม 2560 12:35:09 น.
Counter : 1872 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  
 
 

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




........หลังไมค์ถึงป้าซิ่งค่ะ.........
[Add ป้าซิ่ง Naomichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com