ก็จะไป มัลดีฟ Centara Ras Fushi กับเขาบ้าง ง่ะ!!! สาธารณรัฐมัลดีฟ Maldives( 22-26 Jan.2018)
มัลดีฟส์ (อังกฤษ: Maldives; มัลดีฟส์: ދިވެހިރާއްޖެ) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (อังกฤษ: Republic of Maldives; มัลดีฟส์: ހިވެދި ގުޖޭއްރާ ޔާއްރިހޫމްޖު) เป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา(((( ลอกวิกีพิเดีย มาล้วนๆเลยค่ะ )))))ขอบคุณเครดิตจากเว๊ป Wikimediaมาเที่ยวมัลดีฟ เป็นครั้งแรก เป็นประเทศที่ใฝ่ฝันอยากจะมาแต่ไม่ได้พกสามีมา ป้าซิ่งมากับเพื่อนที่มีความอยากมาเหมือนกันอยากถ่ายรูปเยอะๆเพราะ มาเที่ยวมัลดีฟ ไม่รู้จะไปไหนรอบๆมีแต่ทะเล และ รีสอร์ท มันก็ต้องมีการถ่ายรูปเยอะๆใช่ไหมคะป้าซิ่งมากับสามี นี่ลืมไปได้เลยเรื่องการถ่ายรูป เพราะสามีไม่มีเวลามานั่งถ่ายรูปเรื่องมากแบบนี้ เขาไม่ชอบอ่ะเลยต้องหาเพื่อนที่ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน ไปด้วยกันดีกว่าเราซื้อตั๋วเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชียมากันเองไปกลับประมาณ 9,000 บาท บินตรง 4 ชั่วโมงส่วนเวลาท้องถิ่นที่มัลดีฟ จะช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงเราซื้อตั๋วเครื่องบิน และ ที่พักต่างหากเลือกพักที่ Centara Ras Fushi แบบพักห้องรีสอร์ทส่วนตัวกลางทะเล ( ตามฝัน )พักอยู่ 3 วัน 2 คืน ราคา 1,180 USDมาถึงก็มีการจ่ายเพิ่มอีกนะ เขาคิดรวมสองคนจ่ายเพิ่มอีก 600 USDก็จ่ายแพงกว่ามาแบบแพ็คเก็จ นิดหน่อย ที่จองเองไม่ซื้อแพ็คเก็จก็เพราะ หลังจากพักที่รีสอร์ทกลางทะเลเสร็จเราก็มีแผลนเข้าพักชมวิถีชีวิตประชาชนคนมัลดีฟ อยากรู้อยากเห็นบ้านเมืองเขาแหละ อีก 2 คืนบ้านเขาไม่มีแอลกอฮอล์ มีแต่สูบบุหรี่ สูบมะระกู่ หรือ Shishaถ้านักท่องเที่ยวอยากแอลกอฮอล์ก็จะมีขายตามโรงแรมที่พัก เท่านั้นทำบล็อคนี้ เพื่อแบบว่า เรามาพักที่ Centara Ras Fushi มันมีอะไรให้ทำบ้าง บรรยากาศเป็นไงบ้าง นะคะเดินไปเช็คอินหรือไปรายงานตัว กันที่ฟร้อนซ์กระเป๋าทิ้งไว้ที่ท่าเรือ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเดี๋ยวกระเป๋ามันก็จะไปอยู่ในห้องพักเราในตอนจบ ไม่ต้องห่วงค่ะวิวท่าเรือที่เราเพิ่งขึ้นมาตะกี้นี้ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบาร์มันจะมีเรือใต้น้ำลำส้มที่เห็นตามรูปอยู่ตรงหน้าเราเรือใต้น้ำ ถ้าสนใจลงมีเวลาให้ลงไปดูปลาใต้น้ำได้นะแต่ก็เสียตังค์ค่ะ หรือ หากแพ็คเก็จเขามี ค่าใช้จ่ายมันก็รวมหมดรายงานตัวเช็คอินเสร็จ เขามีรถกอล์ฟมารับไปอีกทีเพราะต้องขับพาเราไปลงที่กระท่อมกลางทะเลเปิดประตูเข้าไปก็เจอะเตียง เจอะเก้าอี้นั่งเล่นมีระเบียงเปิดออกไปก็มีเตียงทะเลอยู่ข้างนอกมีบันไดลงสู่ทะเลไว้ว่ายน้ำเล่น ไม่ต้องกลัวอันตรายเพราะในห้องมีเสื้อชูชีพให้สวมใส่ก่อนลง ข้างล่างน้ำลึกเหมือนกันค่ะแต่น้ำใสเป็นกระจกเลย เห็นมันตื้นๆแต่ไม่ใช่ ลงไปแล้วมันลึกนะคะมีปลาต่างๆ นานาพันธ์ ว่ายมา มีปลากระเบน ปลาหมึกนานาพันธ์ปลาเข็มทะเล ลูกปลาฉลาม ก็มีนะ ดูเพลินง่ะมาถึงวันแรก ก็ตกบ่าย แล้วค่ะ ก็ต้องได้แค่ลงเล่นน้ำบ้างเดินเล่นให้ทั่วเกาะรอบที่พัก ว่ามันมีอะไรให้เราทำบ้างมีร้านอาหาร ห้องอาหารเช้า ฟิตเนส กิจกรรมที่อยากทำมีอะไรให้บ้างแล้วก็เตรียมจองกิจกรรมนั้นๆ เราซื้อห้องพักเอง ก็ต้องดิ้นรนหากิจกรรมค่ะร้านขายของที่ระลึก มีอะไรให้เราช๊อปฯบ้าง ก็เดินเข้าไปเซอร์เวย์ก่อนเพราะอยู่ 3 วัน ไม่ต้องรีบ ไปคิดทบทวนให้ดีก่อน จะซื้ออะไร พอดีเราต้องไปอยู่เมืองหลวง มาเล่ย์ ( Male') อีกก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึก อีกเช่นกันค่ะส่วนขากลับที่สนามบินมาเล่ย์ชั้นขาออก มีขายอีกเพียบ นะคะบอกล่วงหน้าเลย ว่าไม่ต้องซื้อก็ได้นะ ที่สนามบินมันก็มีของแพง พอกันแหละรอบๆที่พัก ก็มีเพื่อนห้องข้างเคียงอีก แต่ก็อยู่ห่างๆตัวใคร ตัวมัน ค่ะบรรยากาศภายในห้อง ก็เหมือนกับห้องพักทั่วๆไปในเมืองไทยเรานะคะเตียงนอนโซนนั่งเล่นภายในห้อง และโต๊ะทำงานหรือโต๊ะไว้กินอาหารภายในห้องตรงนี้ก็จะมีมินิบาร์ ชา กาแฟ หม้อต้มน้ำเดือด มีฟรีน้ำ 2 ขวดแบบหนักๆ ที่อยู่บนตู้ อะไรที่จ่ายตังค์อยู่ในมินิบาร์ค่ะ นอกนั้นฟรีตามบริการโซนภายในห้องน้ำ ก็จะมีตู้เสื้อผ้า และ อ่างล้างหน้าร่ม เสื้อกันฝน เสื้อชูชีพ ตู้เชิฟ ไม้แขวนเสื้อ โต๊ะรีดผ้าอุปกรณ์การอาบน้ำ มีพร้อมตรงโถส้วมไม่มีประตู นะคะ ตรงห้องอาบน้ำก็เป็นกระจกใสส่วนถุงทรายสองถุงนี้ แขวนอยู่ใกล้ประตูถ้าต้องการให้พนักงานมาทำความสะอาด เป็นถุงสีเขียว รูปดวงตาถ้าไม่ต้องการคนรบกวน เป็นรูป Z zzzz เป็นถุงสีแดงก็ให้เอาถุงไปแขวนไว้หน้าประตู ค่ะ พนักงานจะเข้าใจใกล้ที่พักมีปลาต่างๆนานา มีลูกฉลามด้วยแต่ไม่ทำอะไรคน เพราะมันตัวเล็ก ค่อนข้างกลัวคนอยู่เห็นคนเดินก็ตกใจว่ายหนี หายไปอย่างรวดเร็วมากๆมาถึงก็อยากลงเล่นน้ำ เปลี่ยนชุดว่ายน้ำ ถ่ายรูปกันดีกว่าไปแอบส่อง ร้านขายของที่ระลึกกันบ้างค่ะร้านก็อยู่ใกล้กับที่เราเข้ามาเช็คอินตอนแรกเลยค่ะผ้าบาติค แบบโสร่ง เป็นผ้าทั้งผืนเอามาจัดใส่กับตัวเรา จะออกไอเดียแบบไหนได้ตามใจค่ะเสื้อผ้าสำเร็จรูป เสื้อยืด เสื้อผ้าฝ้าย ชุดว่ายน้ำชา ที่อยู่ในแพ็คเก็จจิ้งรูปแบบ หนังสือ สวยดีค่ะ เหมาะกับเป็นของฝาก ของขวัญป้าซิ่งก็ซื้อไปเหมือนกัน พอไปสนามบิน ก็มีขายนะคะฟิตเนส เป็นห้องเล็กๆไม่ใหญ่ไรมากวิ่งลู่ ก็ดูวิวทะเลไป เพลินๆเดินออกไปก็เป็นจุดนอนตากแดด มีเก้าอี้ทะเลให้นอนไม่ใกล้ ไม่ไกล ที่ท่าเรือ ก็จะมีกิจกรรมให้ซื้อเราก็รีบจองๆ เพื่อวันพรุ่งนี้ กิจกรรมก็มีให้เลือกในแต่ละวันก็ไม่เหมือนกันพอดีป้าซิ่งมาวันจันทร์ กิจกรรมวันจันทร์เราก็ชอบนะ แต่อดได้วันอังคาร นั่งเรือไปดำน้ำ ดูฉลาม แต่ต้องเอาไว้ ไม่งั้น ไม่มีอะไรทำ จ่ายไปคนละ 80 USDลงทะเบียนไว้ วันรุ่งขึ้นก็ออกทะเลไปดูฉลามมาดูตรงนี้เป็นโซนอาหารตอนเช้า ที่เราต้องมาทุกเช้าP.S.ไว้จะทำบล๊อคอาหารของที่พักแห่งนี้ แยกไปอีกบล๊อคนะคะตอนซักห้าโมงเย็น ออกไปเล่นน้ำอีกด้านที่มีหาดทราย ดีกว่าค่ะ ใกล้ร้านอาหาร สวนบัวใกล้ๆพระอาทิตย์จะตกดิน ต้องมานั่งที่บาร์นี้ค่ะเป็นจุดไฮไลท์ของที่พักเซ็นทารา ราส ฟูชิมีที่นั่งเป็นตาข่าย ยื่นออกมาให้หวาดเสียวเล่นๆใครกล้าก็ลงไปนอนเล่น นั่งเล่นได้วันถัดไป ก็มาเล่นน้ำ ดำน้ำเล่น เดินไปแค่เข่า ก็สามารถเห็นปลาเป็นฝูงได้เลยค่ะไม่ลืมเอากล้องถ่ายใต้น้ำไปถ่ายเล่นด้วย น้ำใสมากๆชุดกางเกงขายาว ใส่มาตอนกินอาหารเช้าเพราะหาดทรายอยู่ไม่ไกลจากที่กินอาหารเช้ามาก แต่ไกลจากที่พักฉะนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา ใส่ชุดว่ายน้ำ มาลงเล่นน้ำเลยแล้วกันป้าซิ่งเลยใส่กางเกงขายาวมาทานอาหารพอถึงหาดทรายก็ถอดออก ลงเล่นน้ำได้เลยเดินมาตรงที่มีบ้านพักติดชายหาด แต่ไม่อยู่กลางทะเลที่พักราคาถูกหน่อย จะมีบริการให้ยืมอุปกรณ์พวกเรือคายัควินด์เชิฟ และ ม้ายูนิคอร์นดำน้ำดูปลา แค่เข่าเองนะเนี่ยอาหารมื้อเย็น เรามากินที่ร้าน สวนบัววันรุ่งขึ้นออกไปทะเล ดูฉลาม รอบบ่ายๆอุปกรณ์มีพร้อมบนเรือดำน้ำที่มัลดีฟ ดำน้ำแบบน้ำตื้น นะคะเห็นปลาว่ายในน้ำเป็นฝูงๆนับหมื่นๆตัวเลยแล้วมันว่ายสวนทางกันเป็นพันธุ์ของเขา ลัลล้ามาเป็นพาเหรดเลยเป็นภาพที่ประทับใจมากๆภาพในวงกลมสีแดง คือ ปลาฉลามเด็กๆค่ะ ไม่น่ากลัวเลยตอนเช็คเอ๊าท์ ได้ใส่ชุดกันฝน เพราะฝนตก นั่งเรือกลับไปฝั่งเมืองหลวงมาเล่ย์ ใช้เวลา 25 นาทีไว้พาชมเมืองหลวงมาเล่ย์ ของสาธารณรัฐมัลดีฟในบล๊อคถัดไปนะคะ
My Vimarn ที่พัก มาย วิมาน หัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันท์ 26-29 ธันวาคม 2017
ไปเที่ยวหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันท์ พักที่ มายวิมาน ( My vimarn ) 26-29 ธันวาคม 2017 4 วัน 3 คืนมาดูบรรยากาศของที่พักกันค่ะที่พักอยู่ทางไปเขาตะเกียบถ้าใครเคยเห็นที่พัก Let's Seaที่พักมายวิมาน จะอยู่ติดกับที่พัก Let's Seaมีรถซัตเติ้ลบัสเล็กๆไว้บริการเคาน์เตอร์เช็คอิน ห้องรับรองด้านข้างที่ติดกันกับเคาน์เตอร์เช็คอินจองที่พักที่ห้อง 204 ห้องพักอยู่หัวมุมชั้น 2 มีระเบียงนั่งเล่น มองเห็นทะเลจากที่นอนหน้าห้องเรา มีสระว่ายน้ำภายในที่ร่มและติดกับห้องอเนกประสงค์บรรยากาศ โดยรวมด้านนอกของห้องพักทั้งหมดดูแล้วจะมี 3 ชั้น ตรงชั้น 2 หรือตรงชั้นเราจะมีสระว่ายน้ำและจะมีห้องที่สามารถออกมาจากห้องและลงเล่นน้ำได้เลยค่ะนอกจากสระว่ายน้ำในร่ม ก็จะมีสระว่ายน้ำที่อยู่ริมทะเลอีก นะคะบรรยากาศภายในห้องพักมีมินิบาร์ และ อุปกรณ์ ที่จำเป็นต้องใช้มีผลไม้ให้เสิร์ฟแค่วันที่เข้าเช็คอินเท่านั้นโต๊ะทำงาน น่าจะมีกระจกหน่อยนะเนี่ยไว้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้รวบยอดไปได้เลยจะแต่งหน้า หวีผมทีต้องเดิน ไปส่องกระจกในห้องน้ำภายในตู้เสื้อผ้าภายในห้องน้ำของใช้ในห้องน้ำโดยทั่วไปออกมาที่ชั้นล่าง มุ่งสู่หน้าทะเลกันค่ะด้านขวามือ เป็นห้องคาเฟ่ ขายกาแฟและเค้ก ส่วนด้านซ้ายมือ เป็นห้องอาหารเช้าของที่พักมายวิมานอาหารอร่อยและสะอาด ค่ะ เค้กอร่อยดี โดยเฉพาะ เค้กมะพร้าวอ่อนส่วนกาแฟนั้น สั่งได้อีกต่างหาก ถ้าชอบดื่ม เช่น เอสเปรสโซ่, คาปูชิโน่ หรือ ลาเต้ที่โต๊ะบุฟเฟ่ย์ของห้องอาหารมีชาดำร้อนๆจากกา อยู่แล้วชั้นบนของห้องอาหารและคาเฟ่ เป็นดาดฟ้า สามารถขึ้นไปเดินเล่นได้ค่ะ มีบันไดด้านข้างขึ้นไปที่พักอยู่ใกล้ตลาดจั๊กจั่นหรือCicada market และ ตลาดมะขาม หรือ Tamarind marketซึ่งสามารถเดินออกจากที่พักไปเดินเล่นได้ แค่ประมาณ 7-10 นาทีค่ะตลาดทั้งสองอยู่ติดกัน เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์
JAPAN เที่ยวเมืองเอโดะน้อย ( Co-EDO ) ที่ คาวะโกเอะ ( Kawagoe) 18 Dec.2017
เมื่อกลางๆเดือนธันวาคม ปี 2017 ไปเที่ยวเมือง Kawagoe ( คาวะโกเอะ)เมืองนี้ได้ฉายาว่า เอโดะน้อย หรือเรียกว่า โค เอโดะ ( Co-EDO )เมืองอยู่จังหวัด ไซตะมะ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวเท่าไหร่นะคะแค่นั่งรถไฟสาย Saikyo line หรือ รถไฟสีเขียวแก่ มาแค่ชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะส่วนป้าซิ่ง บ้านอยู่ไม่ไกล มาขึ้นที่ Akabane เดินมารางที่ 8ก็นั่งไปถึงจุดสิ้นสุดที่สถานี Kawagoe จาก อะคาบาเนะ (Akabane ) นั่งมาสิ้นสุดที่ Kawagoe ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ค่ะต่อจากนั้นเราเดินมาทางฝั่งซ้ายมือ เป็นท่าจอดรถบัสและแท๊กซี่เป้าหมายป้าซิ่งนั่งรถบัสนะคะ จะนั่งไปเที่ยวเมืองโบราณด้วยบัตร One day pass Co-EDO เป็นรถบัสขึ้นๆลงๆกี่สถานีก็ได้ในราคา 500 yenมาขึ้นรถบัสที่ฟุตบาธเบอร์ 2 ถ้ามายืนที่ฟุตบาธ มองกลับไปที่สถานีรถไฟก็จะเห็นร้านสตาร์บัครถมีสองแบบ แบบสมัยโบราณ กับ ทันสมัยจับจ่ายซื้อบัตร One day pass ราคา 500 yen บนรถกันได้เลยค่ะแผนที่ก็หยิบกันแถวๆนั้นแหละค่ะ หาดูรอบข้างบนรถก็จะมีจอมอนิเตอร์ ให้สังเกตุว่าถึงหมายเลขไหน คือ ป้ายอะไรมีราคาอยู่ด้วยไม่ต้องสนใจนะคะ เพราะเรามี one day pass แล้วที่เห็นมีราคาสำหรับคนเนื้อที่ย่านนั้น มีบ้านแถวนั้นรถบัสที่ป้าซิ่งนั่ง จะใช้สัญญลักษณ์ตัวอักษร E ตามด้วยหมายเลขสมมตินั่งมาถึงที่ E4 คือวัด Kita-in Temple )ก่อนลงจากรถ เราก็ต้องโชว์บัตรรถบัสที่เราซื้อมาทุกครั้งที่ลงและพอลงป้ายรถบัสนี้ ขากลับก็มาขึ้นรถบัสที่จุดเดิมนะคะก่อนที่จะไปเที่ยว แว๊ปดูตารางเวลารถบัสที่จะมาเที่ยวต่อไปสักหน่อยค่ะเพื่อคุณสามารถคำนวณการเที่ยวตามสถานที่ แล้วกลับมาทันรอบรถโดยที่ไม่ต้องมายืนคอยนาน กะคร่าวๆชั่วโมงหนึ่งมีมารับประมาณ 2-3 เที่ยวค่ะร้านขายของที่ระลึกบริเวณวัดส่วนด้านหลังวัดคิตะอิน ก็จะเป็นสวนธรรมชาติเข้าไปจุดธูป เดินเล่นดูรอบๆ ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็กลับมาป้ายรถบัสฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านกาแฟ ไม่สนใจ ก็นั่งรถบัส ไปป้ายหน้ากันต่อค่ะบ้านเมืองเงียบสงบ รถไม่พลุกพล่านจากแผนที่ของเมืองด้านบนสุด ก็จะเป็นศาลเจ้า คาวะโกเอะ ฮิคาวะ ( Kawagoe Hikawa Shrine )บริเวณศาลเจ้าร่มรื่น ไม่กว้างใหญ่อะไรมาก เที่ยวชมไม่เกินครึ่งชั่วโมงล่ะกันค่ะป้าซิ่งมาคนเดียว ก็ขอเซลฟี่ หน่อยค่ะตรงนี้เป็นใบเซียมซีปลาแดง กับ ปลาสีชมพู ต้องใช้เบ็ดเกี่ยวด้วยค่ะ มีราคาซื้ออยู่ที่ป้ายอ่านแล้วไม่ดีก็ผูกติดไว้ที่ศาลเจ้าเครื่องรางของญี่ปุ่นก็มีนะคะมาวันนี้ พอดีมีพิธีมงคลแต่งงานในศาลเจ้าถ่ายรูปกับสาววัยรุ่นญี่ปุ่น แต่งชุดกิโมโนในยุคเอโดะตรงป้ายรถบัสขอน้องๆถ่ายรูปด้วย นางก็จะยินดีมีสีหน้าสดชื่นแล้วนางก็อยากให้เราถ่ายรูปให้เธอทั้งสองคนด้วยค่ะแลกเปลี่ยนกัน มีแต่ได้กับได้ นะคะรถมาแล้ว ขอไปต่อที่จุดไฮไลท์ของเมืองโบราณ( Old town )เลยค่ะ( Kura no Machi)จุดที่มีสัญญลักษณ์หอระฆังโบราณ( Time Bell Tower )เดินทางมาตั้งแต่ 9 โมงเช้า เที่ยวลัดเลาะมาเรื่อยๆก็มาถึงตรงหอระฆังพอดีตอนเที่ยงกว่า ขอกินข้าวย่านนี้เลยล่ะกัน ของกินเยอะ ทั้งคาวและหวานป้าซิ่งว่า ย่านนี้ของหวานมีเยอะมากๆค่ะแต่ขอเข้าร้านอาหารใกล้ท้องถนนหน่อยค่ะกินอาหารเซ็ทค่ะ ราคาไม่แพงมาก ได้ครบรสหมดเลยสั่งตามเมนูเลยค่ะ ขอเมนูราเมงชาเขียว อะไรๆก็ชาเขียวหมดค่ะทั้งราเมง ทั้งเครื่องดื่มก็ชาเขียว และ ขนมหวานโมจิช่วงที่กินก็เห็นส้มยูทสุค่ะ มันโคตรใหญ่มากค่ะปรกติเห็นแค่เท่าลูกส้มเขียวหวานส้มยูทสุ ช่วงฤดูหนาว คนญี่ปุ่นเขาจะนำส้มนี้ใส่ในอ่างอาบน้ำที่บ้านโดยกรีดส้มที่ผิว เพื่อให้กลิ่นมันกระจายในน้ำ มีคุณประโยชน์แก้หวัด ดีหนักแล ค่ะทนไม่ไหว ขออนุญาติเจ้าของร้านถ่ายรูปหน่อย นะคะโอเครนะคะ เจ้าของร้านถ่ายให้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะเช็คบิล ออกนอกร้าน ก็เดินมาฝั่งตรงข้ามค่ะเป็นซอย มีร้านเช่าชุดกิโมโนในยุคเอโดะภาพต่อไปนี้ ไม่มีคำบรรยายค่ะมองเห็นก็รู้แล้วว่า เป็นภาพบรรยากาศท้องถนนในย่านนี้ค่ะ=====ขอกินดังโงะหรือแป้งโมจิกลมๆร้านนี้แป๊บค่ะ ร้านอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถบัส E 14อร่อยมาก แป้งนิ่ม เนื้อในมีมันเทศเหลืองญี่ปุ่นกวน อร่อยเวอร์เดินจากป้ายรถบัสที่เราลง E 14 มาซัก 4-5 นาทีเท่านั้นก็จะมีหมู่บ้านลูกกวาด คือ ย่านหมู่บ้านตำบลนี้ ขายกันแต่ของหวานหรือ E 15 Kashiya Yokocho ( Penny candy lane )เข้ามาในหมู่บ้านนี้ของกินเพียบค่ะร้านเขาขายมันเทศญี่ปุ่นเป็นแท่งๆขนาดเท่าเฟรนด์ฟายด์ไม่ได้ซื้อกินอ่ะ โมจิยังจุกท้องน้อยอยู่เลยมาย่านนี้ต้องซื้อขนมปังสดใหม่ทำเองที่ร้าน กลับบ้านค่ะอดใจไม่ไหว นั่งกินข้างร้านเลยก็ได้ นะคะชื่อร้าน RAKU RAKUภายในร้านจะแคบหน่อย ลูกค้าเข้าร้านกัน 5 คนได้ความรู้สึกอัดแน่นแต่ขนมปังในตู้ หน้าตาน่ากินจริงๆค่ะทั้งหมดนี้ซื้อกลับบ้านอันนี้กินที่ร้านเป็นสลัดซีฟู๊ดเดี๋ยวนี้ที่ญี่ปุ่น เริ่มให้พนักงานคิดตังค์เป็นตัวเงินเสร็จ แต่ไม่รับเงินจะให้ลูกค้า นำเงินใส่ตู้คิดเงินเองแล้ว นะคะนั่งกินข้างร้านเขาเสร็จ ก็เดินต่อกลับไปที่เดิมขวดเบียร์ที่ Kawagoe หรือ Co-EDOเดินมาตรงหอระฆังโบราณ จะมีร้านขายมันเทศญี่ปุ่นทอด เส้นโตๆพร้อมมีให้เลือกน้ำซอสจิ้ม ป้าซิ่งเลือกบัตเตอร์ซอสผลสรุปการให้คะแนนกับมันเทศทอดมีซอสนี้ จะบ้าไปแล้วค่ะ ไม่เห็นอร่อยเลย มุงเข้าคิวซื้อกันทำไม!!กล้วยฉาบ มันฉาบ บ้านเมืองไทยเรา อร่อยกว่าเยอะ นะคะป๊าดดดโธ่!!! ป้าซิ่งก็ซื้อกินเพื่อให้รู้จริงๆก็เท่านั้นค่ะ อิๆจากนั้นก็ขึ้นรถบัสกลับไปที่สถานีคาวะโกเอะขอบคุณสำหรับภาพที่ได้ถ่ายรูปคู่กับรถโบราณโดยน้องผู้หญิงคนไทยที่ได้เจอะและคุยกันกับญาติอีก 2 คนถ่ายให้ป้าซิ่งที่มาคนเดียวด้วยนะคะ
JAPAN ไปดูไฟปีใหม่ที่ Shinjuku & Roppongi hills. (17:Dec.2017)
มาเที่ยวเดือนธันวาคม ที่โตเกียว รอบนี้มาเที่ยวคนเดียวก็เหงาๆ แต่ก็สะดวก เดินมันส์ๆอยู่คนเดียวคืนนี้หนาวเย็นแค่ 4 องศา เองค่ะมาเที่ยวดูไฟที่สถานีรถไฟ Shinjuku อยู่ด้านตึก NewOmanเดินไปเดี๋ยวก็เห็นเองค่ะ เขามีการโฆษณาว่ามีไฟให้ดูสวยๆมีไฟสีฟ้า กับ สีแดงออกสีม่วงๆถ่ายรูปกับเจ้าเพนเกวิน สัญญลักษณ์ Suica มุมนี้สวยสุดขอให้คนญี่ปุ่น ที่ยืนๆอยู่แถวนั้น ถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ ได้มา 2 รูปอันนี้เซลฟี่เอาเองค่ะ เพราะมาเดินดูไฟคนเดียวขอให้คนญี่ปุ่นอีกคนถ่ายให้หน่อยค่ะ ได้มาอีกสองรูป อิๆ พอล่ะ ขี้เกียจเดิน เพราะเส้นทางไฟรอบๆสถานีรถไฟยาวถ้าดูชั้นบนดาดฟ้าแล้วมองลงมา ต้องสวยน่าดูชมค่ะป้าซิ่งจะไปดูไฟต่อที่ Roppongi hills. นั่งรถที่สถานีชินจุกุ โดยสายรถไฟ Yamanote line ไปลงที่สถานี Ebisuแล้วเดินเข้าห้างฯของสถานีทะลุลงบันไดเลื่อนเพื่อต่อสายใต้ดิน นั่งต่อไปอีก 4 ป้าย ลงที่สถานี Roppongiแล้วเดินไปตามลูกศร ที่เขียนว่า Roppongi hills.ตอนเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน ก็ต้องผ่านร้านพวกนี้ทั้งหมดก่อนที่จะไปถึงตึก Roppongi hills. นะคะผ่านพลาซ่า และ ใกล้กันมีร้านอาหารเยอรมัน FRANZISKANERภายในก็มีแอร์อุ่น ด้านนอกก็ผสมทั้งหนาวและอุ่น เพราะมีถังลมอุ่นเดินมาอีกหน่อยตามลูกศรชี้ทะแยงให้ขึ้นบันไดเลื่อนเด๊วก็เจอะ Roppongi hills.เจอะเลยต้นคริสต์มาส หลอดไฟ LED.สถาปัตยกรรม คุณแม่แมงมุมอุ้มไข่ ยังอยู่ตลอดกาลค่ะเซลฟี่ให้ตัวเองก่อนหนึ่งรูป ก่อนที่จะให้สาวญี่ปุ่นถ่ายให้อีก 2 รูปใส่แอ๊ป B612 ขอมีหิมะตกนิดนึงค่ะเดินไปใกล้กันอีกหน่อย มี Christmas market ด้วยค่ะตามสไตร์ยุโรปเลยนะคะ เพราะป้าซิ่งเคยไปเยอรมันหน้าตาตลาดคริสต์มาสต้องเป็นแบบนี้คือบนซุ้มร้านค้า จะมีการตกแต่ง มีซานต้าและกวางหรือลูกกลมๆต้นไม้ หิมะ ตุ๊กตาหิมะ น่ารักดีค่ะสำคัญมีไฟฟ้าประดับ เพื่อความสวยงามมีโต๊ะยืนตามสไตร์คนเยอรมันด้วย ซื้ออาหารจานด่วน แล้วก็มายืนกิน มีทั้งเบียร์เยอรมัน และ ญี่ปุ่นกล้องจากมือถือ แบตเตอรี่หมดเสียแล้ว มีโซนที่ยืนสะพานเชื่อมตึกและคร่อมถนนมองลงมาที่ถนนมีไฟเป็นทิวแถวสีแดงแบบอบอุ่น สวยมากค่ะคนยืนถ่ายรูปกันเต็มเลย เสียดายจังที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆได้ชมกันป้าซิ่งก็ได้แต่ยืนดูเก็บภาพไว้ในสมองไปเพลินๆอิ่มตา แล้วก็กลับบ้านดีกว่าขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาบล๊อคป้าซิ่งนะคะปีใหม่ 2018/2561 ขอให้มีความสุขทุกคนค่ะ
ต้องจองห้องพักที่ โรงแรม คอนราด ถนน วิทยุ เพื่องานเทศกาลเบียร์ "OKTOBERfest 2017" 10 Nov.2017
ครอบครัวเราพอรู้ว่าได้ตั๋วเข้างานOKTOBERFEST 6 เดือนล่วงหน้าปีนี้2017 งานจัดวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2017 งานจัดขึ้นที่ โรงแรม คอนราด ถนน วิทยุ กรุงเทพฯ ตั๋วราคาใบละ 1,500 บาท พออีกซักเดือนก่อนวันงาน พ่อบ้านเลยต้องจองห้องพักที่โรงแรมคอนราดไว้เพื่อหลังจากงานเลิก หากมึนหรือเมา จะได้ไม่ต้องขับรถกลับบ้าน พักอยู่ในโรงแรมนี้สักคืนดีกว่าเช็คอินเข้าโรงแรมกันดีกว่าเฉยๆมาก ไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ที่ต้องมาพักในกรุงเทพฯ ชอบค้างต่างจังหวัดมากกว่ามันคิดถึงบ้านมาก นี่ต้องขนเสื้อผ้า รองเท้า ฯ เพื่อเข้างานบรรยากาศภายในห้องพักค่ะ---ของใช้ในห้องน้ำ ก็เหลือใช้เลยค่ะ ที่นอนสะอาด นุ่มสบายวิวเบื้องหน้าตรงหน้าต่างก็วิวเมือง ส่วนเบื้องล่างก็สนามเทนนิส กับ สระว่ายน้ำของโรงแรมมินิบาร์ชอบเครื่องทำกาแฟแบบง่ายๆไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามีแอปเปิ้ล อยู่ในห้องพักสองลูก เสื้อผ้าที่นำเข้างานก็เป็นแบบพื้นเมืองของเยอรมันตั๋วหนึ่งใบ ก็จะได้แก้วเบียร์เป็นที่ระลึกหนึ่งใบบรรยากาศในงาน ก็มีคนที่รู้จักกันเฉพาะกลุ่ม ป้าซิ่งก็จะมีแต่เพื่อนรุ่นน้องทั้งนั้น แต่ก็เป็นแม่ๆของลูกกันหมดแล้วค่ะคณะสาวๆของเราก็ถ่ายรูปร่วมกับท่านฑูตประเทศเยอรมันค่ะH.E. Mr. Rolf Schulzeสิ้นสุดรวบยอดกับงานเลี้ยงประจำชาตินิดหน่อยค่ะปีหน้าเจอะกันใหม่ นะคะ