ทริปวันที่ 4 เที่ยวชมซากุระที่สวนชินจุกุ และ กินราเมง อิชิรัน Japan
แผลนวันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวชมซากุระอีกที่ใกล้สถานีชินจุกุ มาทางทิศใต้ ชื่อว่า Shinjuku GYOEN national gardenสวนนี้เดินเล่นสบายเพราะเส้นทางเดินกว้างใหญ่แต่เสียค่าผ่านประตูด้วย คนละ 200 yenราคานี้ไม่เคยขึ้นเลยมานานกว่า 20 ปีที่รู้จักสวนนี้กดที่ตู้อัตโนมัติได้เลยค่ะ แต่ถ้าบางคนกดไม่เป็นก็ไปที่เคาน์เตอร์มีคนขายป้าซิ่งกดตู้ดีกว่าค่ะ มากัน 5 คนก็กดทีเดียวห้าใบได้เลยรับแผนที่่ของสวนนี้ค่ะ มีภาษาให้เลือก เราเลือกภาษาอังกฤษรับไว้แหละ จริงๆเดินเป็น แต่อยากมีเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะสวนนี้ไม่ได้มาตั้งนานแล้วไม่ค่อยได้มาที่นี่ เพราะว่าเที่ยวแล้ว ไม่ค่อยมีร้านอาหารแบบงานวัดให้กินเหมือนที่ สวนสาธารณะที่ Uenoแต่ถ้าใครอยากกินมีซุ้มอาหารแบบร้านตามรางรถไฟ มีอยู่ที่เดียว ต้องผ่านประตูเข้าไปก่อนค่ะมีร้านและมีตู้กดน้ำ ใครไม่ได้พกมาแวะซื้อกันก่อนได้สวนนี้นำอาหารเข้ามากินในสวนได้ แต่ห้ามนำแอลกอฮอล์เข้ามาจะเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เหมือนที่สวน Ueno เหมือนมีปาร์ตี้น้อยๆที่สวนชินจุกุเกียวเองการ์เด้นท์ มีต้นซากุระหลายพันธ์ให้ได้ชมต้นซากุระมีอายุยืนนานมาหลายปี บางต้นก็มีกิ่งก้านลากย้อยลงมาให้พาตัวเราเข้าไปใกล้ชิด ความใกล้ชิดได้ตรงนี้แหละ ที่อุเอะโนะมันไกลเกินเอื้อมแต่สวนนี้ ตรงไหนมีช่องว่างพวกคนจะเข้าคิว ถ่ายรูปกันแบบประนีประนอม อดทนกับการรอนิดนึง ไปเช้าๆแบบนี้คนคิวไม่เยอะค่ะเราเข้าไปถ่ายรูปแต่อย่าไปจับกิ่ง อย่าแตะดอกซากุระที่ติดกับกิ่งแค่เอาตัวเราเข้าไปช่องโหว่ตามกิ่งมีดอกซากุระ ก็พอค่ะปรกติที่ญี่ปุ่นถ้าสวนเข้าไม่ให้เข้าจะเขียนไว้ว่าห้ามเข้าเด็ดขาดและมีเส้นกั้นไม่ให้คนเข้าใกล้ชิด แต่ตรงโซนนี้ไม่มีบอกอะไร คนมีมารยาทก็เข้าคิวซากุระหลายพันธุ์ดูสวยงามตัดกับท้องฟ้าแถมยังมีดอกไม้ต้นเตี้ยๆอื่นๆให้ชมด้วยนะคะที่สวนแห่งนี้มาตรงโซนสวนสไตร์ญี่ปุ่นกันบ้างค่ะมาโซนนี้บริเวณกว้าง ถ่ายรูปได้สะดวก บรรยากาศและอากาศก็ดีมาเดินตรงสะพานข้ามบ้างค่ะนี่เรายังเดินไปไม่ครบทุกโซน ดูแต่ซากุระอย่างเดียวเลยดอกไม้อื่นก็มีให้ชมนะ แต่ไม่ไหวกันแล้ว เที่ยงกว่าแล้วค่ะหิวววววววววววววววววว............................เดินออกจากสวน แล้วไปสถานีชินจุกุเดิม ออกมาตรงร้านดองกี้ เข้าซอยนิดก็ถึงร้าน Ichiran ramenไปทำข้อสอบกันค่ะบล๊อคร้าน อิชิรัน ราเมง แบ่งแยกไปที่บล๊อคหลัก อาหารการกิน นะคะขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
วันที่ 3 เที่ยวเทศกาลซากุระที่ UENO ช๊อปปิ้ง Koshigaya-lake town ดินเนอร์ปิ้งย่าง
เที่ยววันที่ 3 วันนี้ออกจากบ้านช้าสายได้ค่ะ ทุกวันที่มาตื่นตั้งแต่ตีห้า ออกจากบ้านแดดและฟ้ายังมืดเพื่อนๆยังไม่รู้เลยว่ารอบๆบ้านเรามีอะไรตรงข้ามบ้านมีศาลเจ้างามๆอยู่ ชื่อ ศาลเจ้าคาวะกุจิเป็นศาลเจ้าประจำอำเภอของคาวะกุจิ จังหวัด ไซตะมะเดินอีก 10 นาที ถึงสถานีรถไฟ Kawaguchi วันนี้เราจะไปชมดอกซากุระ ที่ สวน Uenoใช้เวลาเดินทางจากบ้านไปอุเอะโนะ 20 นาทีถึงค่ะปล่อยให้เพื่อนๆเราสนุกกับการถ่ายรูป เราเห็นก็สบายอุรา ล่ะค่ะ========พาเพื่อนๆมาหาอาหารกลางวันกินที่ใกล้ศาลเจ้าสีทองค่ะ=======มาศาลเจ้าสีทองๆตรงนี้ทุกปี อยากได้เครื่องรางของขลังหรือ Omamoriเดินต่อไปที่เส้นทางเทศกาลซากุระอีกที่ มีอาหารเหมือนกันและอยู่ติดกับทะเลสาป มีเรือใช้กำลังเท้าถีบ เสียตังค์ทิวทัศน์ห่างออกไปเป็นยอดตึกเมืองโตเกียวมันเทศญี่ปุ่น ใหญ่ เขาทอดได้อร่อยมากเลยค่ะเพื่อนๆชอบ ลูกท้อเชื่อมน้ำตาลแช่แข็ง สตอเบอรี่ และ แอปเปิ้ลอิ่มแล้วค่ะ เดินให้ท้องย่อยซะหน่อย พร้อมกับชมทิวทัศน์ข้างทางบางช่วงก็มีเก้าอี้ไม้ยาวให้นั่งซักนิดค่ะ==============เดินเล่นต่อไปที่ตลาด Ameyoko ดูปลา ดูของสดๆดูเสื้อผ้าสปรอตต่างๆ แล้วข้ามฟากมาร้านซุปเปอร์มาเก็ตซื้อของกิน ของฝาก ประจำตรงนี้ แล้วนั่งรถไปช๊อปปิ้งต่อที่ห้างอิออน Koshigaya-laketownห้างนี้ใหญ่ขนาด 700,000 ตารางเมตร และมีสินค้า Outletเพื่อนช๊อปปิ้งจนเมื่อย ขอนั่งนวดแข้งขาสักหน่อยป้าซิ่งขออนุญาติไปซื้อผ้าตัดชุดหน่อยค่ะให้เพื่อนรอแป๊บน้ำโยเกิร์ตเย็นๆกลิ่นกุหลาบคราวนี้ป้าซิ่งพาเพื่อนมาตรงซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ยักษ์เพื่อนๆตาลุกวาว ซื้อของกลับไทยกันเพียบมันเป็นสินค้าและอาหารราคาไม่แพง และถ้าไปสนามบินนาริตะไม่มีจำหน่ายห้างฯนี้ป้าซิ่งเคยทำบล๊อคไปแล้วค่ะ ภาพเยอะเชียวพวกเรานั่งรถไฟกลับมาที่สถานีแถวบ้านที่ Kawaguchiดึกแล้วค่ะ หาอะไรกินกันเป็นมื้ออาหารเย็นค่ะมื้อนี้จัดหนักเป็น ยากินุคุ ปิ้งๆย่างๆกันค่ะเพื่อนบางคนก็ไม่กินเนื้อ เราก็จัดซีฟู๊ด และ ผัก ให้กินแล้วกันค่ะโปรดติดตามวันต่อไป นะคะ
วันที่ 2 ไปคาวะกุจิโกะ ( Kawaguchiko ) 3 Apr.2017 Japan
แผลนวันต่อจากวันแรก คือ ตื่นแต่ตีห้า อาบน้ำแล้วเตรียมออกเดินทางไป Kawaguchiko ขึ้นรถบัส ที่ Shinjukuเดินทางรอบ 07:15 am. ที่ได้จองไว้ทางเว๊ปล่วงหน้าเป็นเดือนค่ะขากลับเลือกรอบ 18:10 pm.ช่องเคาน์เตอร์โดยตรงของรถบัสไป Kawaguchiko ยังไม่เปิดทำการ สังเกตุที่ผ้าม่านม้วนยังปิดอยู่จากประสบการณ์ก็เคยมารอบนี้หรือเร็วกว่านี้ประจำเราไปเอาตั๋วตรงเคาน์เตอร์รถที่อยู่ติดกับเคาน์เตอร์บัสเราได้ค่ะได้รับตั๋วรถบัสกันทั้ง 5 ชุด ทั้งไปและกลับแล้วพวกเราก็ไปร้าน Family mart ที่อยู่ในชั้นขายตั๋วนี่แหละไปซื้อหาอะไรกินเป็นอาหารเช้า แล้วก็มีขนมบ้างยามต้องนั่งรถบัสไปคาวะกุจิโกะ เป็นระยะเวลาสองชั่วโมง ค่ะจะดื่มกาแฟ ทางร้านก็จะให้แก้วมา แล้วเอาแก้วไปกดน้ำกาแฟสดด้วยตัวเองได้เวลาขึ้นรถแล้ว มีป้ายบอกแบบนี้มาเลย เที่ยวรถต่อไปว่างเลยจนถึงเวลาบ่ายโมงโน้นเลยค่ะ ใครมาเห็นแบบนี้แบบไม่จองที่ต้องรีบไปขึ้นที่อื่นแล้วอย่างเช่นที่ ชิบูยะ ไปขึ้นที่ห้างฯ Mark Cityสาเหตุที่เราต้องมาชินจุกุทุกครั้ง เพราะบ้านอยู่ใกล้ชินจุกุมากกว่าได้เวลา 07:15 am.ประตูรถเปิดรอให้ขึ้นไปนั่งกันแล้วค่ะ เย้!ขนมที่ซื้อพกมาตะกี้ แน่นอนกินบนรถไม่หมดหรอกค่ะเราก็เผื่อไว้เป็นเสบียงตอนเดินเที่ยวที่ทะเลสาปคาวะกุจิโกะกินอะไรที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมต้องกินแต่ ยี่ห้อ Morinagaในมือคือ พุดดิ้ง ข้างล่างเป็นเจลลี่กาแฟกินเสร็จนอนดีกว่า มีคันโยก เอนตัว และ ปรับตรงได้ นอนล่ะค่ะ อีกสองชั่วโมงถึงสถานีป้าย Kawaguchikoพร้อมซื้อตั๋วขึ้นๆลงๆไปกับรถรีโทรบัส คนละ 1,300 yenมีเส้นทาง Red line กับ Green line เราเลือกนั่ง Red line ประจำวันนี้เช้าไม่ขึ้นเจดีย์แดงล่ะ เพราะท้องฟ้ามืดครึ้ม ขึ้นไปก็ไม่ได้สวยอะไรเอาเวลามาเดินเล่นนานๆหน่อยดีกว่า แล้วออนเซนแผลนท้ายจะได้ไม่เร่งรีบขึ้นรถบัสไปเที่ยวกันแล้วค่ะจุดแรกของเราก็ไปที่ทะเลสาป ที่วิวสวยคือหมายเลข 21สัญญลักษณ์ คือ หอนาฬิกาบลูเบอรี่ และมีลานต้นลาเวนเดอร์ลาเวนเดอร์ไปเมษายังไม่เบิกบานค่ะ ต้องหน้าร้อนเดือนกรกฏาคม ต้นจะเขียวและหอมป้าซิ่งให้เวลาเพื่อนดื่มด่ำกับบรรยากาศแถวนี้นานราวสองชั่วโมงมีถ่ายรูปเล่นกัน หาอะไรกินบ้าง ไอศครีมที่นี่ก็จะมี รสวานิลลา, บลูเบอรี่ และซื้อของที่ระลึก และ ของฝากไปซื้อโมจิซากุระ กลับไทยเป็นของฝากกันหาน้ำดื่มกันเป็น ชามะลิ และ ชากลิ่นลูกพีชขึ้นรถบัสต่อไปที่หมายเลข 11 Kachikachi-ropewayซื้อตั๋วเคเบิ้ลคาร์ ทั้งขาไปและกลับ คนละ 800 yenขึ้นกระเช้าไปดูวิวชั้นบนกันค่ะเที่ยวนี้นับว่าโชคดีเล็กๆค่ะ เพราะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิบ้างแต่ก็ยังไม่ใช่ว่าแจ่มแจ๋ว เพราะท้องฟ้าก็ครึ้มๆบางทีก็มีแดดอ่อนๆก่อนจะลากลับลงเคเบิ้ลคาร์ ตรงนี้มีหิมะที่ยังไม่ละลายมีเจ้า ทานุกิ ก้บ กระต่าย ในตำนานของนิทานญี่ปุ่น น่ารักเชียวค่ะเสร็จจากหมายเลข 11 เราไปหมายเลข 7 เป็นร้านดอกไม้แห้งหรือ Herb hallเป้าหมายมาร้านนี้ จะมากินไอศครีม Cremia ราคา 500 yenมาเที่ยวนี้มีเพิ่ม ถ้าต้องการโรยผงชาเขียว อีก 50 yen เป็น 550 yenหลังจากนั้นเราขึ้นรถบัสกลับไปที่สถานีเดิมคือ Kawaguchikoคราวนี้เป้าหมายต่อไปคือ การไปลงออนเซน ที่ Fujiyamaเราตัองนั่ง Blue line คิดค่าบริการผู้ใหญ่ คนละ 1,350 yenไปแต่ตัวได้เลยค่ะ ข้างในมีแชมพู ครีมนวด เจลอาบน้ำผ้าขนหนู เสร็จเรียบร้อยร้านอาหารของออนเซน อยู่ที่ชั้น 2 ได้แต่ถ่ายรูป เพราะอิ่มแล้วจากการเที่ยว Red lineร้านอาหารของเขาก็น่านั่ง ได้วิวบรรยากาศเห็นฟูจิด้วยค่ะบรรยากาศภายในออนเซนที่นี่ เขาสะอาดมีบ่อภายใน และ บ่อด้านนอก บ่อน้ำร้อน บ่อน้ำเย็น จากุชชี่ ห้องอบผิวเราเล่นๆไปราวสองชั่วโมง ก็แต่งตัวออกเตรียมนั่งรถบัสที่จะมารับคนกลับไปสถานีป้าย Kawaguchiko เช่นเดิมเราต้องเตรียมไว้ซักหนึ่งชั่วโมงแหละ กว่าจะถึงเวลารถไปชินจุกุรอบ 18:10หากถึงสถานีรถก่อนก็จะอุ่นใจแล้วมีเวลาเหลือก็มีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อและก็ร้านอาหารที่อยู่ติดกัน ความอยากนั่งเก้าอี้ กินอะไรนิดๆหน่อยๆก็ดีเหมือนกันกินเสร็จ ส่งโปสการ์ดกลับไปรษณีย์ไทย ติดแสตมป์ญี่ปุ่น 70 yenไปรอรับที่ไทยประมาณ 5-7 วัน ใช้ตั๋วเที่ยวขนาดโปสการ์ด 1,300 yen นั่นแหละที่อยู่เขียนภาษาไทยไปเลยก็ได้ค่ะ แต่เขียนชื่อประเทศเป็นภาษาอังกฤษว่า THAILAND รับรองว่าถึงบ้านที่เมืองไทยแน่นอนจากนั้นเราก็รอรถบัสมารับ แต่ไม่ตรงเวลาอ่ะ คนเที่ยวเยอะ การนั่งรถบัสหน้าเทศกาลก็เป็นซะอย่างนี้ไม่เหมือนรถไฟ เวลาจะตรงเป๊ะแต่ให้นั่งรถไฟมาคาวะกุจิโกะ มันแพง และ เสียเวลาเยอะ ไม่เอาล่ะอย่างไงก็เลือก รถบัส นอนสบายๆเลย ค่ะ จบไปอีกวัน ขอบคุณที่แวะอ่านกันนะคะ
ไปญี่ปุ่นช่วงซากุระโตเกียว 2-6 เมษายน 1017 วันแรก Japan
ไปญี่ปุ่นกันอีกแล้ว พกเพื่อนๆไปกัน 4 คนรวมป้าซิ่งเป็น 5 ชอบไปช่วงซากุระ สนุกดี คนเที่ยวเยอะไม่เหงาค่ะเครื่องบินออกตอนเที่ยงคืนกับอีก 30 นาทีของวันที่ 2 เมษายนแต่พวกเราต้องมาเช็คอินตั๋วเครื่องบินกันในวันที่ 1 เมษายนไปกับสายการบิน ANA ( All Nippon airways )นัดเจอะกันแถวประตู 4 เพราะมีที่นั่งรอ แต่เคาน์เตอร์เช็คอินอยู่ที่ Row L NH. 808 ผ่านกองตรวจคนเมืองมากันแล้ว ก็มาตรงเกษียรมหาสมุทรมีเวลาเหลือเฟือ ไปซบอกเล้าจน์คิงส์ เพาเวอร์ ดีกว่าได้เวลาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว ไปที่ประตู D2เขาประจำที่ ตามที่นั่งแล้วค่ะได้เวลาดื่มค่ะ กับสแน็ค ในถุง อาหารเช้าจะได้ตอนใกล้ๆหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เครื่องบินจะลงที่นาริตะตอนนี้ได้เครื่องดื่มไปก่อน เวลานี้ทุกคนเลือกดื่มเบียร์ประจำชาติญี่ปุ่นไปก่อนมี Asahi กับ Kiren ดื่มมากก็ต้องเช้าห้องน้ำกันล่ะห้องน้ำสายการบิน ANA มีแบบกดปุ่มชำระด้วย น้ำอุ่นดีจังเครื่องบินย่างเข้าเขตประเทศญี่ปุ่นแล้วเช้าๆก็ได้เวลากินอาหาร กันแล้วค่ะป้าซิ่งขาประจำ เลือกชุดข้าวต้มญี่ปุ่นเพราะมันหอม นุ่ม อร่อยที่สุดเร้ยยยยเพื่อนที่มาด้วย บางคนก็เลือกเอาเมนูอื่นเครื่องลงตอน 08:00 am.ยามเช้าของญี่ปุ่นอากาศเย็นพอสมควรในเดือนเมษาผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองกันทุกคน ตม.ไม่ถามอะไรเลยไปรับสัมภาระที่สายพานหมายเลข B3จากนั้นพวกเราก็นั่งรถไฟKeisei lines ราคาคนละ 1,030 yenเป้าหมายลงที่สถานี Nippori แล้วต่อไปลงที่สถานี Kawaguchi ( ไม่มี Ko ) คือบ้านของเราอยู่ที่นี่จากนั้นก็ไปเที่ยวตามแผลนค่ะ ตั้งใจกับวันอาทิตย์ เพื่อที่จะได้ซื้อสินค้ามือสองที่ Shinagawa inter City===========================เสร็จจากการซื้อสินค้ามือสอง ก็แค่เดินไปอีกฟากฝั่งเป็นโรงแรม Prince shinagawaคือ กินบุฟเฟ่ย์ปู นั่นเองค่ะ อย่างอื่นก็มีนะคะ ไม่ใช่มีแต่ปูทั้งอาหารยุโรป เนื้อย่าง, สปาเก็ตตี้ ,พิซซ่า ไข่, เฟรนด์ฟราย ,ขนมปังอาหารเกาหลี อาหารจีน และ อาหารญี่ปุ่น เค้ก ไอศครีม อาหารหวานประจำชาติญี่ปุ่น เป็นต้นทำบล๊อคบุฟเฟ่ย์ปูไปเยอะแล้ว ก็จะไม่ถ่ายรูปอาหารอื่นๆที่อยู่ในบริเวณแล้วค่ะจะพูดถึงอะไรที่ใหม่ๆ แก้วนี้น้ำโยเกิร์ต เย็นๆ อร่อย หาดื่มได้ที่เคาน์เตอร์โต๊ะกลางเครื่องดื่มพวกน้ำหวาน ชา กาแฟ มีอยู่ 2 โซน (เคยถ่ายไปแล้ว)คราวที่แล้วมีของหวานพิเศษที่มอบให้ทุกคนต่อ 1 ชิ้นเป็นเครปกลิ่นส้มเชฟออกมาทำให้สดๆใหม่ๆ ร้อนๆ เลยคราวนี้ เซฟ ทำเมนูของหวานให้ทุกคนต่อ 1 ชิ้น เป็น ช๊อคโกแล๊ตลาวาพนักงานจะมาบอกที่โต๊ะ ว่าเซฟจะแจกขนม ให้ไปต่อคิว ที่ลานเค้กเพิ่มกาแฟร้อนๆอีกแก้ว ก็ฟินน์เลยค่ะ-===========================กินเสร็จเดินกลับไปที่สถานี Shinagawaเพื่อนั่งรถไฟไปเที่ยวต่อที่วัด Asakusa มาถึงวัด อะสะคุสะ กันแล้วค่ะพอดีพวกเราเกิดปีมะโรงกัน ป้าซิ่งก็เลยให้ดูลวดลายแกะสลักมังกรไฟใต้โคมดูของที่ระลึกภายในบริเวณหน้าวัด ส่วนวัดวันนี้พวกเรามาเกือบห้าโมงเย็น วัดปิดทำการไปซะแล้วหกโมงเย็น มาอยู่ตรง โตเกียว สกายทรีมาตั้งแต่บนหอโตเกียวสกายทรียังไม่เปิดไฟพอพลบค่ำเริ่มเปืดไฟเปลี่ยนสีแล้วค่ะ====================แผลนต่อไปมื้อค่ำนี้ ไปช๊อปฯที่ย่าน Ikebukuroช๊อปฯแหลกที่ Matsumoto-Kiyoshinช๊อปฯเสร็จก็ไปกิน Okonomiyaki & Yakisoba ทำเองที่อยู่ชั้นล่างของห้างฯ Sunshine City( เคยทำบล๊อคนี้แล้วค่ะ อยู่ที่หน้าหลักของบล๊อค อาหารการกิน )กว่าจะกลับบ้านก็ราวๆสี่ทุ่มค่ะอาบน้ำ เข้านอนแล้วพบกันใหม่ในบล๊อคถัดไปนะคะ
ทะเลสาป ทิทิเซ่ ( Titisee lake ) Faeiburg ประเทศเยอรมันนี ( 19/Apr./2017)
ไปเที่ยวทะเลสาป ทิทิเซ่ กันค่ะ อยู่เมือง Faeiburgขับรถไปเอง แต่ถ้าใครอยากนั่งรถไฟมาลงที่ สถานี ทิทิเซ่แหล่งท่องเที่ยวนี้ อยู่ติดกับสถานีรถไฟเลยค่ะพอดีจอดรถเสร็จ แล้วเห็นสถานีรถไฟ เลยได้ถ่ายรูปมาให้ดูใกล้สถานีรถไฟ ก็มีโรงแรม และ ในสถานที่ท่องเที่ยวก็มีโรงแรมสถานที่ท่องเที่ยว แน่นอนต้องมีร้านขายของที่ระลึกของที่ระลึกก็จะแพงพอๆกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไปแต่ที่นี่ร้านเสื้อผ้าถูกมากเลยค่ะ ลดแหลกเสื้อกันหนาวน่าซื้อมากๆ ราคาถูกกว่าที่อื่นๆสัญญลักษณ์การแต่งกายของผู้หญิงถ้าหมวกที่มีลูกกลมอยู่บนหมวก ก็มาจาก ทิทิเซ่แก้วเบียร์บริเวณทางเดินกว้างขวาง เดินสบายๆเลยค่ะภาพนี้เราก็ผ่านเข้ามาที่ร้านขายอาหาร จำพวกแฮม, ไส้กรอก , ไวน์ , สแนป และอาหารที่ซื้อแบบด่วนๆของประดับบ้าน ลักษณะเหมือนเขียง แต่มีตัวพิมพ์เขียนไว้ก็ไม่เหมาะกับที่จะนำมาทำหั่นผักและเนื้อต่างๆนะคะ เดี๋ยวตัวพิมพ์ติดอาหาร เอามาติดฝาผนังบ้านตกแต่งบ้านจะดีกว่าค่ะมาตรงโซนนี้เป็นด้านทะเลสาป ก็จะมีบริการเรือพายหรือจะนั่งเรือใหญ่เป็นหมู่คณะก็มี นั่งไปและกลับ 25 นาที" Titisee - Rundfahrt "=====================มีลำธารเดินมาท้ายๆของสถานที่นี้ ก็จะมีร้านอาหาร อยู่หลายร้านค่ะต้นๆทางส่วนใหญ่ ที่เราเดินผ่านมา จะเป็นอาหารจานด่วนเดินมาตรงบ้านเดี่ยวหลังนี้ มีจั่วหอนาฬิกา ผนังจะเป็นรูปวาดน่ารักเชียวส่วนนาฬิกาเดินตามลานไปเรื่อยๆ เป็นจุดที่นิยมชอบถ่ายรูปหลังจากเดินเล่นได้ซักพัก ก็ได้เวลากินอาหารมื้อเที่ยงเราเลือกร้านชื่อว่า Café & Brauhaus Zur Muhle อาหารอร่อยดีค่ะอยู่ติดกับร้านเครื่องประดับ Swarovskiโปรดติดตามร้านอาหารนี้ได้ในบล๊อค อาหารการกิน นะคะ