Chapter 15
ตอนที่ 15

แฮร์รี่ไม่ละคลายมือของเขาที่ยังคงจับมือเย็นชืดของเดรโกไว้แน่นขณะที่ร่างบางนอนหายใจระรินอยู่บนเตียง ในอพาร์ตเมนท์ของซีเรียส ดวงตาของชายหนุ่มจ้องไปที่คนในชุดคลุมสีขาวอีกคนซึ่งเพิ่งเสร็จจากการตรวจร่างกายและเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยสีหน้าหนักใจไม่แพ้กัน

“เป็นไงบ้าง ทอม” ชายหนุ่มถาม

สามีของจินนี่ดันแว่นที่ตกลงมาเข้าที่ก่อนจะตอบเบา ๆ “อย่างที่สงสัยครับ คุณมัลฟอยติดเนคตาร์ แล้วก็อดยามานานมากแล้ว ตอนนี้กำลังเข้าขั้นอันตราย”

แฮร์รี่กุมขมับ ไม่ต้องให้ทอมบอกชายหนุ่มก็รู้ เขาเคยเห็นมากับตาแล้วว่าอาการอดเนคตาร์นั้นรุนแรงแค่ไหน คำพูดของโรนีย์ที่ยืนค้ำศพของพ่อมดที่ตายเพราะอยากยา ถ้าอดนาน ๆ แล้วเป็นสภาพนี้ต่อให้ สิบหลอดอาจจะช่วยไม่ได้

“บ้าเอ๊ย” ชายหนุ่มใช้กำปั้นทุบเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เขาเค้นเสียงถามแพทย์หนุ่มเบา ๆ “หมายความหมอนี่...จะตาย....ใช่มั้ย”

ทอมถอนหายใจเฮือก “ผมทำได้แค่ให้ยาระงับไว้เท่านั้นครับ อย่างน้อยเขาก็...จะไม่ทรมานมากนัก”

“ไม่มีทางแก้เลยงั้นเหรอ”

แฮร์รี่พูดเสียงระโหย เขาเงยหน้าขึ้นสบตาทอม มาโวโล่ด้วยสายตาเจ็บปวดจนทำให้อีกฝ่ายชะงัก ทอมทำท่าลำบากใจก่อนจะกระแอม

“ทางแก้....มันก็อาจจะมี....” เสียงพูดลังเล

ดวงตาของแฮร์รี่เบิกกว้างขึ้น “ทำยังไง ทอม คุณบอกมาเลย” เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายด้วยท่าทางร้อนใจ

“ใจเย็นครับ แฮร์รี่” ทอมรีบบอกให้อีกฝ่ายหยุดก่อนจะพูดต่อหน้าขรึม “จากตัวอย่างเนคตาร์ที่คุณให้ผมมา ผมลองคิดยาที่จะต้านฤทธิ์ของมัน” ดวงตาสีดำของอีกฝ่ายส่อแววกังวล

“ยานั่นจะสามารถทดแทนเนคตาร์ได้หากเกิดอาการอยากยา โดยที่จะกำจัดฤทธิ์ยาที่ตกค้างด้วย แต่...ตอนนี้มันยังไม่สมบูรณ์ ผมไม่แน่ใจที่จะให้คุณมัลฟอยใช้”

“ทำไม” แฮร์รี่ถาม

“เพราะตัวยาจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเนคตาร์ที่ตกค้างอยู่ภายใน แล้วจะส่งผลต่อร่างกายของผู้ที่รับยาครับ”

“ผลข้างเคียงงั้นเหรอ”

สามีของจินนี่พยักหน้า “มากทีเดียวครับ เขาจะทรมานมาก อาจจะถึงกับคลุ้มคลั่ง”

แฮร์รี่กัดริมฝีปาก เขารู้สึกถึงแรงบีบเบา ๆ ที่มือข้างที่กุมมือเดรโกไว้ หมอนี่เองก็พยายามจะมีชีวิตต่อไป “เราไม่มีทางเลือก...หรือเวลาอีกแล้ว...ให้ยานั้นกับเขาเถอะ”

ทอมมองดวงตาสีเขียวที่จ้องเขาราวกับจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ ก่อนจะพยักหน้า “โอเคครับ”


แพทย์หนุ่มจากกระทรวงเวทมนต์ดึงเข็มฉีดยาออกจากแขนบอบบางของเดรโก เขาเก็บเครื่องมือลงกล่องอีกครั้งก่อนจะหันมาบอกแฮร์รี่ “ยาจะออกฤทธิ์ในหนึ่งชั่วโมงนะครับ ผมคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว”

แฮร์รี่ยิ้มขรึมๆก่อนจะตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ “แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วล่ะทอม”

ทอมยิ้มก่อนจะตอบ “ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วว่าเพื่อนของจินนี่ก็เหมือนเพื่อนของผม” ชายหนุ่มหันไปทางร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียง “ก่อนจะถึงเวลาที่ยาออกฤทธิ์ คงต้องมัดเอาไว้ก่อนนะครับแฮร์รี่ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้เวลาที่ดิ้น คุณเองก็คงฉุดไว้ไม่อยู่”

“ขอบคุณ เดี๋ยวผมจะเฝ้าเขาไว้เอง”

สามีของจินนี่ยิ้มพลางพยักหน้า “ตอนนี้คงเหลือแต่กำลังใจของคนไข้แล้วล่ะครับ ผมว่าคุณคงช่วยเขาได้มากกว่าผมแน่”

แฮร์รี่สั่งให้ก๊อกโกไปส่งทอมที่บ้านทั้งที่อีกฝ่ายออกตัวว่าไม่จำเป็น แต่ชายหนุ่มไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตรวจสอบเนคตาร์อย่างทอมกลับไปคนเดียวโดยไม่มีคนคอยระวังหลังให้ ยิ่งเวลาที่ฝ่ายค้ายายังคงลอยนวลอยู่แบบนี้

“ส่งคุณมาโวโล่ให้ถึงบ้านแล้วอยู่ที่นั่นจนกว่าฉันจะเรียกให้กลับนะก็อกโก” แฮร์รี่สั่งเจ้าเอลฟ์ซึ่งพยักหน้าตอบรับโดยดี มันเข้าใจสถานการณ์ตั้งแต่ตอนที่เจ้านายอุ้มร่างอันอ่อนระโหยไร้สติของเดรโกเข้ามาในบ้านแล้ว

เมื่อทั้งสองออกไป ชายหนุ่มก็กลับเข้ามาในห้องนอน เขาลูบศีรษะที่มีผมสีทองยาวสยายอย่างอ่อนโยนพลางมองดูใบหน้าที่นอนหลับหายใจระรวยแผ่วนั้นแล้วก็ถอนใจเฮือก ลุกขึ้นไปที่ตู้เสื้อผ้า เลือกหยิบผ้าพันคอนุ่ม ๆ ออกมาแล้วมัดข้อมือทั้งสองของเดรโกไว้ด้วยกัน ร่างบางขยับตัวอย่างอึดอัด

“ขอโทษ ทนสักพักนะ” เขากระซิบบอกก่อนจะมัดข้อเท้าเล็ก ๆ นั้นด้วย

เสร็จแล้วชายหนุ่มก็ทรุดนั่งบนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียง เท้าศอกไว้กับเท้าแขน ประสานมือไว้และรอเวลา

....................................................................

แฮร์รี่สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงครวญครางดังแผ่วมา ความเหนื่อยอ่อนจากการวิ่งตามหาเดรโกทั้งวันทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยว่าวูบหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

“อึ่ก....อือ....ฮือ...” ร่างบางที่นอนอยู่ตรงหน้าเขาพลิกกลับไปกลับมา ยาต้านคงเริ่มออกฤทธิ์แล้ว แฮร์รี่แทบจะผวาไปที่เตียง เขาจับมือที่ถูกมัดเอาไว้ มือนั้นเปลี่ยนจากเย็นชืดเป็นร้อนระอุจนน่าตกใจ

“เดรโก นายไม่เป็นไรใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามละล่ำละลัก

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินคำถามของเขา ร่างบนเตียงเริ่มดิ้นมากขึ้น “ฮึ่ก.........” ข้อมือและข้อเท้าที่ถูกมัดไว้บิดไปมาราวกับพยายามจะหาทางดึงให้หลุด

“เดรโก”

ไม่ทันสิ้นเสียงของแฮร์รี่ ร่างไร้สติก็ร้องลั่น “อ๊า........... อ๊ากกกกกก” ร่างบางกระตุกราวกับเจ้าตัวกำลังจะชัก เดรโกผวาลุกขึ้นมาจากเตียง ดวงตาสีฟ้าเลือนลอยกลอกไปมา “อ๊ากกกกกก” เขาพยายามตะเกียดตะกายลงจากเตียง

“เดรโก หยุด” แฮร์รี่พยายามจับไว้ แต่เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายกลับมีมากจนเขาแทบจะดึงไว้ไม่อยู่ สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องกอดร่างบางไว้กับอกแล้วกดให้นอนลงบนเตียง “เดรโก หยุด อย่าไปไหน เดรโก” เขาแทบจะตะโกนแข่งกับเสียงโหยหวนของอีกฝ่าย

ราวกับว่าเสียงของแฮร์รี่จะดึงสติของอีกฝ่ายออกมาได้บ้าง ร่างที่ดิ้นอยู่คลายอาการสั่นเกร็งลงเล็กน้อย คำพูดที่ออกมากลายเป็นคำเพ้อราวกับเจ้าตัวกำลังฝันร้าย “พอตเตอร์ พอตเตอร์...”

“อะไร เดรโก” แฮร์รี่ถาม

น้ำเสียงต่อมาแค้นเคือง “พอตเตอร์ อย่าทำ...อะไรแม่ฉัน..เธอไม่รู้เรื่อง”

แฮร์รี่อดร่างบางไว้แน่นด้วยความรู้สึกผิด ตอนนั้นเขาทำให้หมอนี่กังวลมากขาดนี้เชียวหรือ “ขอโทษ เดรโก ฉันไม่น่าขู่นายเลย”

ร่างบางกระตุกอีกครั้ง “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก” เดรโกเริ่มดิ้นทั้งที่ยังคงตะโกนต่อ “แพนซี่หลบไป อย่า ไม่นะ.....”

เดรโกเพ้อราวกับว่าเขากำลังย้อนไปสู่ความทรงจำเก่า

“พวกแกออกไปให้หมด.....อย่าเข้ามา....อย่า

“พ่อครับ ผมขอโทษครับพ่อ” เสียงเดรโกกลายเป็นสะอื้น น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาที่ลอยคว้าง แฮร์รี่ยังคงกอดเขาไว้แน่น “เดรโก นายอย่าเป็นอะไรนะ” เสียงของชายหนุ่มเองก็เริ่มเครือ

“แฮร์รี่...ฮึ่ก...ฮึ่ก...แฮร์รี่…” เสียงสะอื้นนั้นเรียกหาเขา

“ฉันอยู่นี่แล้วเดรโก” ชายหนุ่มตอบ ซบหน้าลงกับเส้นผมสีทอง

เสียงของเดรโกเริ่มแผ่วลงแม้ว่าร่างเขายังคงสั่นสะท้าน “แฮร์รี่...ฮึ่ก..ขอโทษ…ฉันไม่ได้ ฮือ...ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนาย”

“ไม่เป็นไร เดรโก ไม่เป็นไร” แฮร์รี่พูดปลอบทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยิน

แล้วร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็เริ่มดิ้นอีกครั้ง “อ๊ากกกกกกกกกกกกก” เสียงโหยหวนกลับมาอีกพร้อมกับอาการสะบัดที่แรงขึ้น เป็นสัญญาณว่าสติหลุดลอยไปจากร่างของเดรโกโดยสมบูรณ์แล้ว เขาพยายามผลักแฮร์รี่ออกโดยไม่รู้ตัว ยังดีที่ข้อมือและข้อเท้าถูกมัดไว้แน่น “อั่ก อ๊ากกกกกกกกกกกกก”

“เดรโก อดทนหน่อย”

แฮร์รี่กระชับอ้อมแขนแน่น ร่างที่ดิ้นอยู่นั้นยิ่งสะบัดมากขึ้นเมื่อถูกจับไว้ เดรโกพยายามจะใช้มือและขาถีบผลักอีกฝ่ายออกอีก เมื่อไม่สามารถทำได้ร่างบางก็กัดกร้วมเข้าที่ไหล่ของคนตัวสูงกว่า

“โอ๊ย” แฮร์รี่อุทาน รู้สึกเจ็บแปลบจากคมเขี้ยวของอีกฝ่ายซึ่งกดเข้าไปในเนื้อ เขาพยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวดกอดอีกฝ่ายแน่นแล้วกระซิบบอกเบา ๆ ที่ข้างหูของร่างบางซึ่งยังคงกระตุกอยู่

“ไม่เป็นไร แค่นายอยู่กับฉัน แค่นั้นก็พอแล้วเดรโก”

………………………………………………………………

ทำไมตัวเบาจัง นี่เราตายแล้วเหรอ.....

ทำไมขยับตัวไม่ได้ล่ะ แสบตาด้วย....

แสง แสงอะไรน่ะ

เดรโก มัลฟอยค่อย ๆ เปิดเปลือกตาหนักอึ้ง สิ่งแรกที่มองเห็นก็คือใบหน้าเหนื่อยอ่อนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ซบอยู่กับศีรษะของเขา คิ้วของคนตรงหน้ายังคงขมวดมุ่นอย่างกังวลแม้ยามหลับ

“แฮร์รี่....” เดรโกเรียก เสียงเขาแผ่วจนเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ

ดวงตาสีเขียวเข้มจัดค่อย ๆ เปิดขึ้นตามเสียงเรียก ใบหน้านั้นดูสะลึมสะลือและยังงุนงง “เดรโก?”

“ก็ใช่น่ะสิเจ้าเซ่อ นายนึกว่าใครล่ะ” เสียงแหบที่หงุดหงิดนิด ๆ กับใบหน้าที่ยิ้มน้อย ๆ นั้นปลุกแฮร์รี่ให้ตาสว่างทันควัน

“เดรโก นายฟื้นแล้ว” ชายหนุ่มอุทานอย่างดีใจพร้อมกับกระชับร่างในอ้อมแขนเข้ามาแน่นขึ้น

“นายไม่เป็นไรแล้ว โล่งอกไปที”

“โอ๊ย แฮร์รี่ เจ้าบ้า ฉันเจ็บนะ” ร่างบางดิ้นพลางขยับข้อมือที่ยังถูกมัดไว้

แฮร์รี่จึงผละออกห่างเล็กน้อยก่อนจะพูดปนหัวเราะ “ขอโทษๆ เดี๋ยวฉันเอาออกให้” เขาว่าพลางแกะผ้าพันคอที่มัดข้อมือและข้อเท้าของอีกฝ่ายออก ทั้งสองยังคงนอนอยู่บนเตียง “อูย...” แฮร์รี่อุทานเบา ๆ เมื่อพลิกตัว

“นายเป็นอะไรน่ะ” เดรโกมองเห็นบ่าเสื้อเชิ้ตสีขาวของชายหนุ่มมีรอยเลือดซึมอยู่ “ฉัน....ทำ..เหรอ”

“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก” แฮร์รี่พูดเสียงอ่อน พยายามเบี่ยงตัวไม่ให้อีกฝ่ายเห็นบาดแผล

เดรโกไม่ฟังเสียง นิ้วเรียวดึงคอเสื้อของชายหนุ่มเปิดให้เห็นคมเขี้ยวกับรอยแผลที่ช้ำแดงจนน่ากลัว เขาแตะเบาๆที่แผลแล้วพูดเสียงแผ่ว

“ขอโทษ....”

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร” แฮร์รี่ดึงเอาร่างบางเข้ามา ใบหน้านวลซบอยู่กับแผ่นอกกว้าง แนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นช้า ๆ “นายหายดีแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ” เสียงพูดของชายหนุ่มฟังฮึมฮัมอยู่ข้างหู

“อือ” เดรโกไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าซีดของเขาเริ่มซับสีแดงจาง ๆ

แฮร์รี่ดึงร่างบางขึ้นมาจนใบหน้าของทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน “ทีนี้เล่าเรื่องเนคตาร์ให้ฉันฟังได้หรือยัง” เขาสบตากับดวงตาสีฟ้า

ใบหน้าเรียวพยักยอมจำนน “อือ” เขาครุ่นคิดก่อนจะเริ่ม

“นายรู้เรื่องคำสาปที่สาปฉันแล้วใช่ไหม มันส่งผลต่อพลังเวทมนต์ในตัว ตอนแรกมันก็แค่ลดลงไปครึ่งนึง แล้วทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้ แต่พอฉันอายุครบยี่สิบ คำสาปมันก็เริ่มส่งผลอีก”

เดรโกขยับตัวเล็กน้อย

“พลังเวทย์ของฉันลดลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายแม้แต่คาถาง่าย ๆ อย่างคาถายกของฉันก็ทำไม่ได้”

แฮร์รี่ฟังเงียบ ๆ เขาคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เดรโกแทบไม่ได้ใช้เวทมนต์เลยยกเว้นบางครั้งเท่านั้น

ร่างบางพูดต่อ “ตอนนั้นฉันกังวลมาก ลำพังตัวเองน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่พินซ์....ฉันจะปกป้องยัยเด็กนั่นได้ยังไงถ้าฉันไม่มีเวทมนต์” เขาถอนใจเบา ๆ แฮร์รี่จึงดึงร่างบางเข้ามาซบกับไหล่ข้างที่ไม่เจ็บแล้วลูบศีรษะนั้นเบา ๆ

เสียงเดรโกอู้อี้อยู่กับไหล่ “แล้ว ตอนนั้นฉันก็เจอกับเจ้าโรนีย์” ใบหน้าเรียวเงยขึ้นสบตาเขา ดวงตาสีฟ้าจริงจัง “มันเสนอเนคตาร์ให้ฉันลอง แล้ว..ยานั่นก็ใช้ได้ผลดี...พลังของฉันกลับมา เจ้าโรนีย์ให้ยาฉันตลอด มีข้อแม้แค่ว่า ฉันจะต้องไม่แสดงตัวว่าเป็นเดรโก มัลฟอย”

แฮร์รี่นึกถึงคำพูดของมอทโกเมอรี่ก่อนที่เขาจะออกจากโรงพยาบาล คำให้การของคนร้ายที่ว่ารูปพรรณสัณฐานของเดรโก มัลฟอยแตกต่างจากเดรโกตัวจริงที่อยู่กับเขาตอนนี้ คงมีคนแอบอ้างใช้ชื่อหมอนี่จริง ๆ

“แล้วทำไมนายถึงหยุดใช้ยาล่ะ รู้หรือเปล่าว่าถ้าอดยานายจะตายนะ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง

คนตัวเล็กในอ้อมแขนอุบอิบ“ก็เพราะนายนั่นแหละ”

“เอ๊ะ”

“ก็เพราะนายโผล่มาไง” ใบหน้าเรียวบึ้งนิด ๆ “ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับคู่แข่งอย่างนายโดยที่ต้องพึ่งยาเสพติด...มันทุเรศชะมัด” เสียงพูดสะบัด “แล้วฉันก็ค่อย ๆ หยุดใช้ด้วย ถึงได้ยังมีแรงพออยู่ได้ตั้งหลายวัน”

“แต่นายก็มาหมดแรงตอนยิงคาถาใส่โรนีย์เพื่อช่วยฉัน?” แฮร์รี่ถามยิ้มๆ

ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง “นายรู้ได้ยังไง”

“นี่แสดงว่านายกะทำให้ฉันเข้าใจผิดแล้วกลับอังกฤษทั้งแบบนั้นใช่ไหมเนี่ย ดีนะที่เจ้าหน้าที่กองปราบปรามที่อยู่เกิดเหตุวันนั้นบอกฉัน ไม่งั้น..” เขาใช้สองแขนรวบคนปากแข็งเข้ามาแนบอกอีกครั้ง “ฉันคงกลับอังกฤษทั้งที่อกหักแบบนั้นแน่ๆ”

ใบหน้าขาวนวลของอีกฝ่ายกลายเป็นสีชมพู เดรโกพูดเสียงสะบัด “พอแล้ว นายจะกอดฉันไปถึงเมื่อไหร่ฮ๊ะ” เขาดันตัวออกพลางใช้หมัดทุบเข้าที่ไหล่ของชายหนุ่ม

“โอ๊ย” แฮร์รี่อุทานหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

“อ๊ะ ฉันทุบโดนแผลนายเหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าเดือดร้อนพลางขยับเข้ามาใกล้ “ขอโทษ แฮร์รี่”

ไม่ทันตั้งตัว ร่างบางก็ถูกดึงเข้าไปชิดอีกครั้ง ริมฝีปากของแฮร์รี่แตะเข้าที่แก้มใสเร็วๆ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนหน้าเนียนที่อ้าปากค้าง “แฮร์รี่ นาย....” เดรโกกัดฟันกรอด “แกล้งเจ็บเหรอ เดี๋ยวเหอะ” คราวนี้กำปั้นเล็ก ๆ เลยทุบกระหน่ำไม่ยั้ง

“โอ๊ย เดรโก คราวนี้เจ็บจริงๆ แล้ว” คนฉวยโอกาสร้องห้าม “ทีนายยังหอมแก้มฉันเลย ตอนที่อยู่โรงพยาบาลน่ะ”

คนตัวเล็กลุกขึ้นจากเตียงหน้าง้ำ “รู้แม้กระทั่งเรื่องนี้เลยเหรอ....ตอนนั้นแกล้งหลับนี่หว่า”

“เปล่านะ ตอนนั้นฉันละลึมสะลือจะตาย” แฮร์รี่ซึ่งนอนอยู่ยิ้มเหยๆ

“ไม่ต้องมาพูดดี เจ้าบ้า” เสียงแว้ดดังมาก่อนที่เดรโกจะเดินตึงๆออกจากห้องไป”ฉันจะไปอาบน้ำ”

แฮร์รี่มองตามร่างบางที่เดินตึงๆออกจากห้องไป เขายิ้มพลางถอนใจอย่างโล่งอก

หมอนั่นกลับมาแล้วจริงๆ





Create Date : 04 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:41:01 น.
Counter : 822 Pageviews.

3 comment
Chapter 14
ตอนที่ 14

“เดี๋ยวก่อน”

เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปหาแจกันดอกไม้ชะงัก แฮร์รี่หันไปตามเสียงเรียก “เดี๋ยวก่อนครับคุณพอตเตอร์”ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าหน้าที่ของกระทรวงที่เป็นตัวแทนมาส่งเขานั่นเอง “มีอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม

เจ้าหน้าที่คนนั้นเดินไปที่เตียงพยาบาลแล้วดึงบางอย่างออกมา “คุณลืมของน่ะครับ พอดีผมเห็นมันติดอยู่ตรงซอกเตียง” คนพูดยิ้มพลางยื่นของนั้นมาให้เขา

แฮร์รี่รับผ้าพันคอสีดำสนิทนุ่มมือนั้นไว้ สัมผัสของมันให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่เขาไม่เคยมีผ้าพันคอ “ไม่ใช่ของผมหรอกครับ” แฮร์รี่ส่งมันกลับคืน อาจจะเป็นของของคนไข้คนก่อนหน้าเขาก็ได้

เจ้าหน้าที่กระทรวงรับมันมาถือไว้ “เอ งั้นคงเป็นของสาวน้อยคนที่มาเยี่ยมคุณคืนก่อน เออ ใช่เธอก็พันผ้าพันคอสีดำนี่นา อุ๊บ..” แล้วเขาก็ทำท่าตกใจราวกับว่าตัวเองหลุดปากเรื่องที่ไม่น่าพูดออกไป

“สาวน้อย สาวน้อยอะไรครับ” แฮร์รี่ชะงัก ตาเบิกกว้าง

“เอ่อ ว๊า ผมนึกว่าคุณรู้แล้วซะอีก ก็สาวน้อยคนที่มาของเยี่ยมคุณคืนที่คุณพักที่นี่คืนที่สองไงครับ”

คนพูดทำท่าอึกอัก “พอดีผมเป็นเวรยามเฝ้าหน้าห้องคืนนั้น เธอเข้ามาตอนดึกมากแล้ว แถมหน้าเศร้ามากด้วย ผมก็เลยยอมให้เธอเข้าไปดูอาการคุณแป๊บนึงน่ะ” เขาทำหน้าสำนึกที่ทำผิดกฎ

งั้น คืนนั้นก็ไม่ใช่ความฝัน เดรโก นายมาลาฉันจริง ๆ

“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว”

จินนี่แทรกขึ้นมาหน้าเครียด “แต่คุณต้องเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้แฮร์รี่นะคะ ทำไมปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้าไปหาเขาในห้องได้ล่ะ” เธอทำท่าเหมือนจะต่อว่าเจ้าหน้าที่คนนั้น “เกิดหมอนั่น..เอ้อ..เธอเป็นคนร้ายขึ้นมาจะว่ายังไง”

จินนี่พูดเสียงอ่อนลงเมื่อทอมแตะแขนเธอเบา ๆ เป็นการเตือน

เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบด้วยสีหน้างุนงง “เธอจะเป็นคนร้ายได้ยังไงล่ะครับ ก็เธอนั่นแหละช่วยคุณพอตเตอร์ไว้”

“เอ๊ะ”

เสียงอีกสามคนที่อยู่ในห้องร้องพร้อมกัน

“คุณหมายความว่ายังไง” แฮร์รี่แทบจะเข้ามาเขย่าตัวคนพูด

“โอ๊ย ใจเย็นครับ คุณพอตเตอร์” คนถูกเขย่าทำท่าห้าม

“ก็วันนั้นที่จับกุมพวกค้ายาน่ะ ผมลงพื้นที่ด้วย อยู่ไม่ไกลจากคุณเท่าไหร่ สาวน้อยคนนั้นวิ่งเข้ามาในที่เกิดเหตุใช่ไหมครับ คุณออกจากที่กำบังไปเรียกเธอ ข้างหลังคุณ มีคนร้ายอยู่อีกคนกำลังชี้ไม้กายสิทธ์มาที่คุณ หน้าผอม ๆ แห้ง ๆ พิกล จำได้ติดตาเลยล่ะครับ”

“โรนีย์....” แฮร์รี่พึมพำ

เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดต่อ “ตอนนั้นผมจะเข้าไปช่วยก็ไม่ทัน เด็กสาวคนนั้นก็คงมองเห็นเหมือนกัน เธอถึงได้เสกคาถาใส่เจ้านั่น พอดีมันหลบได้ กองไม้ก็เลยหล่นมาทับคุณ”

“ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วกว่านี้” ทอมถามคาดคั้นแทนแฮร์รี่ เพราะตอนนี้ชายหนุ่มดูจะตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปแล้ว

“เอ่อ ผมก็นึกว่าคุณพอตเตอร์จะคุยกับเธอแล้วนี่ครับ” เขายิ้มแหย ๆ

แฮร์รี่ยืนนิ่ง เดรโกไม่ได้ทำร้ายเรา เขาพยายามจะช่วยเราต่างหาก

เดรโก นายมาลาฉัน...ทำไม

ชายหนุ่มหันขวับไปทางน้องสาวของรอน

“จินนี่ ฉันไม่กลับอังกฤษแล้วนะ ฉันจะไปตามหาหมอนั่น”

เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ดวงตาสีเขียวที่เคยแห้งผากเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง

“ไปเลยแฮร์รี่ เดี๋ยวฉันบอกรอนเอง” จินนี่เร่งชายหนุ่มด้วยสีหน้าโล่งอกไม่แพ้กัน

แฮร์รี่ทำท่าจะวิ่งไปที่ประตู

“เดี๋ยวครับ เดี๋ยว นี่มันอะไรกันเนี่ย” เจ้าหน้าที่ผู้อมพะนำมาตั้งนานยังคงไม่รู้เรื่อง

“คุณชื่ออะไร” ชายหนุ่มถามเร็วๆ

“แอช...แอชเชอร์ครับ” อีกฝ่ายตอบงงๆ

แฮร์รี่กอดเจ้าหน้าที่แอชเช่อร์แน่นจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง “ขอบคุณมากแอชเชอร์ คุณช่วยชีวิตผมไว้เลยนะ”

ชายหนุ่มวิ่งออกมาจากห้องอย่างกะทันหัน แทบจะปะทะกับมอทโกเมอรี่ที่กำลังรีบเดินเข้ามา เช่นกัน

“โอ๊ะ แฮร์รี่ ผมนึกว่าคุณจะกลับไปแล้ว” ผู้เป็นหัวหน้าทำท่าตกใจนิดหน่อย

“หัวหน้าครับ คือ...”

“เดี๋ยว ๆ ฟังผมพูดก่อน” มอทโกเมอรี่ทำท่าห้าม

“ไอ้คนที่เราจับมามันยอมเปิดปากแล้วนะ หัวหน้าของแก็งค์ค้ายาคือ เดรโก มัลฟอยจริง ๆ แต่ว่ารูปพรรณสัณฐานที่มันบอกเราไม่เหมือนกับมัลฟอยที่คุณรายงานให้ผมทราบเลย น่าจะมีเงื่อนงำบางอย่าง...อาจจะมีคนสวมรอยเป็นหมอนั่น แต่ติดตรงที่ว่าทำไมเดรโก มัลฟอยของคุณเค้าถึงทำร้ายคุณเนี่ยแหละ” มอทโกเมอรี่ทำท่าครุ่นคิด

รอยยิ้มบนใบหน้าของแฮร์รี่ยิ่งมีกว้างขึ้น เท่านี้หมอนั่นก็พ้นจากข้อสงสัยทุกอย่างแล้ว

“เรื่องนั้นผมหาคำตอบได้แล้วล่ะครับ”เขาพูดเร็ว ๆ ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง โดยไม่รอคำทัดทานจากผู้เป็นหัวหน้า “เดี๋ยว แฮร์รี่ คุณจะไปไหน”

ตอนนี้ชายหนุ่มไม่สนใจอะไรนอกจากว่า เขาอยากเจอเดรโก อยากเจอหมอนั่นให้เร็วที่สุด

และเขาจะไม่ปล่อยให้คนคนนั้นจากไปอีกแล้ว

…………………………………………………………………………………..

แฮร์รี่วิ่งขึ้นบันไดเหล็กผุ ๆ บนตึกอพาร์ตเมนท์ของเดรโก มัลฟอยด้วยการก้าวกระโดดทีละสองขั้น เขามาถึงหน้าประตูด้วยอาการหอบฮั่ก ๆ แต่ด้วยความร้อนใจ ชายหนุ่มเคาะประตูระรัว “เดรโก นายอยู่ไหม นี่แฮร์รี่นะ”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากภายใน

ชายหนุ่มลองอีกครั้ง “พินซ์ ฉันเอง แฮร์รี่ เปิดประตูหน่อย” ยังไงเด็กหญิงก็ต้องอยู่เฝ้าบ้านอยู่แล้ว

ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ แฮร์รี่เริ่มหน้าเสีย เขาทุบประตูโครม ๆ อยู่นานแต่ก็ไร้ผล

หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มหวนคิดถึงสีหน้าซีดเซียวของเดรโก ทั้งวันที่เกิดเรื่องและคืนที่หมอนั่นมาลาเขา ยิ่งคิดยิ่งร้อนใจ “บ้าชะมัด เดรโก นายอยู่มั้ย”แฮร์รี่ใช้ร่างกระแทกประตูไม้เก่าๆนั้นจนมันเปิดออก

เขารีบก้าวเข้าไปในบ้าน ภายในนั้นเงียบเชียบและเรียบร้อยเช่นปกติ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ แต่ก็ไม่เห็นเงาของคนในบ้านทั้งสองคนเช่นกัน “เดรโก พินซ์ พวกนายไปอยู่ที่ไหนกัน....” เขาพยายามค้นหาแต่ก็ไร้ผล แฮร์รี่จึงวิ่งออกมาจากอพาตเมนท์นั้นแล้วไปตามที่ต่าง ๆ ที่คิดว่าทั้งสองน่าจะไป แต่ก็ไร้วี่แวว

“หายไปไหนนะ”

แฮร์รี่หยุดยืนกลางสวนสาธารณะพลางหอบ เขาพยายามคิดถึงสถานที่ที่น่าจะเป็นไปได้อีก ร้านของบ็อบกับร้านอาหารที่หมอนั่นทำงาน จากตรงนี้ไปไชน่าทาวน์ใกล้กว่า เขาคิดแล้วหมุนตัวกลับไปยังกุญแจนำทาง

แฮร์รี่มาถึงร้านหม้อใบใหญ่รั่วสาขานิวยอร์กในเวลาไม่นาน และเมื่อไปถึงหน้าร้าน เสียงร้องไห้ของเด็กหญิงก็ดังขึ้น “ไม่เอา ไม่อยู่นี่ ฮือ ฮือ”

“พินซ์” แฮร์รี่อุทาน เขาพรวดพราดเข้าไปในร้านและเห็นว่าบ็อบ โอนัลล์อุ้มพินซ์ซึ่งกำลังดิ้นพราด ๆ อยู่ในอ้อมแขน

“ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้” แฮร์รี่ตะโกน เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วชี้ไปที่บ็อบทันที

“เดี๋ยว เฮนรี่ ใจเย็น ๆ” บ็อบห้ามด้วยสีหน้าตกใจ

“แฮร์รี่” เสียงเด็กหญิงร้องเรียก “หนูไม่อยากอยู่ที่นี่ พาหนูไปหาเดรกที”

“ปล่อยเด็กนั่นบ็อบ” ชายหนุ่มพูดซ้ำเสียงเย็น “หรือจะให้ฉันเสกคาถาใส่นาย”

“ใจเย็ง ๆ ก่องคัก คุง” เสียงห้ามของลี บริกรในร้านดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามดึงแขนเขาไว้ “บ็อบไม่ได้ลักพาตัวคุงหนูคนนั้งมานาคัก”

“ใช่ค่ะ คุณ วางไม้กายสิทธิ์ลงก่อนเถอะ” แฮร์รี่เพิ่งสังเกตว่าในร้านยังมีหญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมในชุดผ้ากันเปื้อนยืนหน้าซีดอยู่อีกทางหนึ่ง “รับรองว่าเราไม่ได้ทำร้ายหนูพินซ์แน่”

บ็อบถือโอกาสนั้นวางหย่อนร่างของเด็กหญิงลงบนพื้น พินซ์วิ่งเข้ามาหาแฮร์รี่ทันที ชายหนุ่มกอดร่างเล็กจ้อยที่กำลังสั่นเทานั้นไว้แน่น “พินซ์ ไม่เป็นไรนะ เดรโกล่ะ”

บ็อบเดินเข้ามาแตะชายหนุ่มที่ไหล่ แล้วพูดต่อหน้าขรึม “เฮนรี่....หรือจะให้เรียกแฮร์รี่ดีล่ะ เราคงมีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ”

แฮร์รี่ซึ่งเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาไม่ได้ใช้คาถาเปลี่ยนสีผมและลบรอยแผลเป็นอย่างทุกครั้งที่มาร้านนี้พยักหน้าขรึม ๆ เช่นกัน
........................................................................................................................................................................

มือใหญ่ของบ็อบยื่นกระดาษยับ ๆ แผ่นหนึ่งให้เขา “เดรกเอานี่มาฝากให้ผมพร้อมกับแม่หนูนี่ พอดีผมกับภรรยาออกไปจ่ายตลาดน่ะ เหลือแต่เจ้าลี” เขาหันไปทางเด็กเสิร์ฟสายเลือดจีนที่กำลังพยายามช่วยภรรยาเจ้าของร้านปลอบหนูพินซ์อยู่

แฮร์รี่คลี่กระดาษแผ่นนั้นออกอ่าน มันเป็นจดหมายของเดรโก

ถึง บ็อบ
ฉันรู้ว่านายกับแมรี่อยากมีลูกมาตั้งนานแล้ว เด็กคนนี้เป็นเด็กที่ฉันเลี้ยงมา แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถดูแลเขาต่อไปได้ ฝากนายช่วยเลี้ยงดูเขาต่อไปทีนะ ยัยนี่อาจจะวุ่นวายแล้วก็ขี้แยไปหน่อย แต่ก็เป็นเด็กดี ขอโทษที่ฉันขอร้องกะทันหัน ฉันเชื่อว่านายคงเข้าใจ ขอบใจมาก
เดรก

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากกระดาษ “แล้วตอนนี้เดรกอยู่ไหนครับ” เขาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แฮร์รี่” บ็อบตอบ เขาขมวดคิ้ว “เขามาแล้วก็รีบออกไปเลย ผมสงสัยว่าเดรกอาจจะกำลังแย่ เพราะสภาพตอนที่พาหนูพินซ์มาฝากไว้ ตามที่เจ้าลีเล่าน่ะ ฟังดู…”

“หน้าตาเหมืองคงไม่สบาย” ลีเข้ามาเสริมแทรกขึ้นมา “หน้าซีกมั่กๆ แถมยังพูกไปหอบไปล่วย”

แฮร์รี่กัดริมฝีปาก ทุกอย่างที่ได้รับรู้มีแต่เพิ่มความรู้สึกห่วงหมอนั่น เดรโก นายเป็นอะไรกันแน่ เขาขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นยืน “ขอโทษด้วยนะครับบ็อบที่เมื่อกี้เข้าใจคุณผิด”

“ไม่เป็นไรแฮร์รี่, คุณคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ซีกเกอร์ของอังกฤษสินะ” บ็อบพูดยิ้มๆ

“ครับ” แฮร์รี่ตอบ “ขอโทษที่ปิดบัง”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่แม่หนูน้อยนั่นน่ะ....” เจ้าของร้านชี้ไปที่พินซ์ซึ่งเดินเข้ามาจับมือแฮร์รี่ไว้แน่น ดวงตาสีน้ำตาลเอ่อคลอราวกับกลัวว่าชายหนุ่มจะทิ้งเธอไปเหมือนผู้ปกครอง

แฮร์รี่ถอนใจ เอาไปด้วยคงไม่สะดวก “ผมฝากพินซ์ไว้ที่นี่สักพักได้ไหมครับ”

“ได้สิ ฉันกับแมรี่ชอบเด็กอยู่แล้ว” บ็อบพูดด้วยท่าทางยินดี

ชายหนุ่มย่อตัวนั่งตรงหน้าเด็กหญิง เขาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “พินซ์ ฉันจะไปตามหาเดรก หนูอยู่รอที่นี่นะ แล้วฉันกับเดรกจะมารับ” แฮร์รี่ลูบศีรษะเด็กน้อยแล้วเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้ม

“จริง ๆ นะ เดรกกับแฮร์รี่จะมารับหนูจริงๆนะ” พินซ์เริ่มร้องไห้อีกครั้ง

“จริง อย่าขี้แยสิ เดี๋ยวเดรกมาเห็นบ่นแย่เลยนา”

“อือ” เด็กหญิงใช้สองมือป้ายน้ำตาแล้วยิ้มทั้งที่ยังสูดจมูกไปด้วย “หนูจะรออยู่นี่”

“ฝากด้วยนะครับ บ็อบ” แฮร์รี่ยืดตัวขึ้น


เขาออกวิ่งไปยังอีกจุดหมายที่คิดว่าเดรโกน่าจะไป ร้านอาหารที่หมอนั่นทำงานอยู่ ชายหนุ่มไปถึงที่ร้านนั้นในช่วงเวลาบ่ายที่ร้านเพิ่งจะซาคนจากช่วงอาหารกลางวันพอดี คนครัวทั้งหลายต่างนั่งพักอยู่หลังร้าน บางคนก็เตรียมของสำหรับเปิดร้านรอบเย็นอีกครั้ง

แฮร์รี่เข้าไปหาหัวหน้าพ่อครัวซึ่งเขาเคยพบหลายครั้งเมื่อมาส่งเดรโก “หวัดดีครับ” ชายหนุ่มทัก

“อ้าว หวัดดีคุณ” หัวหน้าพ่อครัวร่างใหญ่ละมือจากการเลือกเนื้อสเต็กแล้วยิ้มให้เขา “ว่าไง มาส่งเดรกเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ” ชายหนุ่มพูดหน้าเฉย พยายามปิดเรื่องของเดรโกไว้ก่อน “ผมมาหาเขาน่ะครับ พอดีไปที่บ้านแล้วไม่เจอ”

“เดรกไม่ได้อยู่นี่หรอก” หัวหน้าพ่อครัวพูดพลางขมวดคิ้ว “หมอนั่นขาดงานหลายวันแล้วเหมือนกัน ผมยังกลัวว่าเขาจะไม่สบายมากเพราะหมอนั่นไม่เคยขาดงานโดยที่ไม่โทรมาบอกสักครั้ง”

“งั้นเหรอครับ” แฮร์รี่หน้าสลดลง ที่นี่ก็ไม่ใช่ นายอยู่ไหนกันนะ เดรโก

“ถ้าเจอเดรกแล้วฝากบอกเขาทีนะว่าให้กลับมาทำงานเร็วๆ” หัวหน้าพ่อครัวยิ้ม “หมอนั่นฝีมือดี แถมไม่เคยอู้ ดีกว่าไอ้พวกขี้เกียจนี่เยอะ” เขาพูดแล้วก็หันไปตะคอกบรรดาคนครัวที่ยังมัวเอ้อละเหยนั่งสูบบุหรี่อยู่หลังร้านให้กลับมาทำงานต่อ

แฮร์รี่ลาเขาแล้วเดินหน้าเครียดออกมา คราวนี้เขาจนปัญญาไม่รู้ว่าจะไปตามเดรโกที่ไหนแล้ว

ใช้กำลังของฝ่ายปราบปรามให้ช่วยตามหาดีไหมนะ แต่ถ้าแบบนั้นเดรโกอาจจะยิ่งหลบ เขาอยากเจอหมอนั่นเองมากกว่า อยากเจอมากที่สุด

ชายหนุ่มคิดพลางเดินพลางจนไม่ได้สังเกตว่าเขาหลุดเข้ามาในซอยตันที่ค่อนข้างเปลี่ยว

และด้านหลังของชายหนุ่ม มีคนกลุ่มหนึ่งก้าวตามเขามาติด ๆ แฮร์รี่ล้วงมือเข้าไปหยิบไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋ากางเกงเตรียมพร้อมไว้ก่อนจะหันกลับไป

ชายฉกรรจ์ประมาณ 5-6 คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นยังใส่เสื้อกางเกงสีขาวของคนครัว และด้านหน้าสุด เจ้าโทนี่คนครัวคนหนึ่งที่แฮร์รี่เคยมีเรื่องตอนที่มารับเดรโกยืนอยู่ ใบหน้าเสี้ยมนั้นจ้องเขาเขม็ง

แฮร์รี่ถอนใจ ไม่ใช่พวกแก็งค์ค้ายา งั้นไม้กายสิทธิ์ก็คงไม่จำเป็น เขาดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วถามเรียบ ๆ

“มีอะไรกับฉันรึเปล่า”

เจ้าโทนี่ก้าวออกมาจากกลุ่มเล็กน้อย “ก็ไม่มากหรอก แค่จะถามว่าแกทำอะไรเดรก”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่” แฮร์รี่เอามือล้วงกระเป๋ายิ้มกวนๆ บ้าง

“งั้นทำไมเขาไม่มาทำงาน” ใบหน้าเสี้ยมของโทนี่บิดเบี้ยว “ฉันเล็งเดรกไว้ตั้งนานแล้ว อยู่ดีๆ แกก็โผล่มาดึงเขาไป แถมทำให้เขาหายไปจากร้านอีก” ฟังจากเสียงพูดท่าทางเจ็บใจไม่น้อย

เดรโก นายจะรู้มั้ยเนี่ยว่านายมีเสน่ห์ขนาดนี้ แฮร์รี่คิดก่อนจะพูดตอบอย่างกวนประสาทไอ้หมอนั่นมากขึ้น

“เราแค่เข้าใจผิดกัน ฉันว่า....ที่เดรกไม่มาทำงานเพราะรำคาญไอ้พวกที่คอยมาเกาะแกะมากกว่า”

“หนอย แก..” โทนี่ตะคอกเพราะโดนจี้ใจดำ “เฮ้ย รุมมัน” เขาหันไปสั่งพรรคพวกที่ยืนรออยู่แล้ว กลุ่มชายร่างใหญ่เหล่านั้นพุ่งเข้าหาแฮร์รี่ซึ่งยังคงยืนยิ้มนิด ๆ

มีอะไรมาให้คลายเครียดสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

....................................................................

ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา ร่างของพวกหมาหมู่ก็ลงไปกองอยู่กับพื้น แฮร์รี่ลูบแผลที่โดนถากเป็นบางจุดด้วยท่าทางสบาย ๆ ถึงหมู่นี้จะไม่ค่อยได้ซ้อม แต่ฝีมือการต่อสู้มือเปล่าที่ได้จากโรงฝึกของเจ้าหน้าที่กระทรวงก็ยังใช้ได้ดีอยู่ เขาทำท่าจะเดินผ่านเจ้าพวกนั้นไปตามหาเดรโกต่อ แต่แล้วก็มีเสียงเรียกดังมาจากร่างที่นอนอยู่บนพื้น “เดี๋ยวก่อน”

เจ้าโทนี่ยังมีแรงพูดได้อีก “แก...แกไม่ได้ทำอะไรเดรกจริงๆเรอะ”

แฮร์รี่ขมวดคิ้ว “ขนาดตัวเขาฉันยังตามหาไม่เจอเลย จะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ”

“งั้นทำไมเดรกถึงหน้าเศร้าล่ะวะ” เสียงเจ้าโทนี่ถึงจะห้วนแต่ฟังดูก็รู้ว่าสงสารคนที่ถูกพูดถึงมากอยู่

แฮร์รี่ชะงัก “นายรู้ได้ยังไงว่าเดรกหน้าเศร้า” เขาทรุดตัวไปดึงร่างสะบักสะบอมนั้นขึ้นมา

“โอ๊ย เจ็บ” มันว่าก่อนจะพูด “ก็เพราะฉันเห็นน่ะสิ เดรกนั่งหน้าเหม่ออยู่คนเดียว” โทนี่ทำท่าเจ็บใจ “แต่พอฉันเข้าไปถามก็โดนหมอนั่นว้ากไล่ออกมา”

“นายเจอเขาที่ไหน” แฮร์รี่เขย่าร่างในมือ “ที่ไหน ตอบมาเร็ว”

“อ่อก...ที่...ที่ท่าเรือ...ใต้สะพาน....บรูคลิน” เจ้าโทนี่พูดออกมาตะกุกตะกัก

ชายหนุ่มทิ้งร่างของมันลงโครม “ขอบใจมาก โทนี่” แฮร์รี่พูดแล้วออกวิ่งไปโดยไม่สนใจเสียงตะโกนไล่หลัง

“แก ไอ้บ้า ปล่อยลงมาได้ไงวะ หนอย ถ้าแกทำให้เดรกเสียใจอีกฉันจะฆ่าแกทิ้ง....อูย...”


ใต้สะพานบรูคลิน ที่เกิดเหตุวันนั้น เดรโกอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ แฮร์รี่พยายามค้นหาตามโกดังต่าง ๆ แต่ก็ไม่พบ เขาวิ่งไปตามท่าเรือ พยายามถามจากคนแถวนั้นแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นคนลักษณะแบบเดรโกเลย ชายหนุ่มค้นหาจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มลับจากขอบฟ้า

เดรโก นายอยู่ไหน เขาวิ่งมาจนถึงโกดังสุดท้ายที่แทบไม่มีเรือสินค้าเข้ามาจอด ชายหนุ่มวิ่งเข้าไป แต่ภายในนั้นมีเพียงกองลังใส่ของวางระเกะระกะ

“เดรโก” เขาตะโกนเรียกเข้าไปในห้องอับทึบ “นายอยู่ในนี้รึเปล่า”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ แฮร์รี่ทำท่าจะหันหลังกลับไปค้นโกดังอื่นต่ออีกครั้ง แต่เขาก็ชะงักเมื่อมีเสียงกุกกักดังมาจากมุมห้องตรงที่ลังไม้บังอยู่พอดี แฮร์รี่วิ่งเข้าไปถึงตรงนั้นแล้วก็ชะงักกึก

ร่างที่นอนอยู่ตรงมุมห้องแทบไม่ต่างอะไรกับกองผ้าเก่า ๆ เส้นผมสีทองเรี่ยกระจายยุ่งเหยิง แขนขาสั่นสะท้านดูไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง

“เดรโก” แฮร์รี่รีบเข้าไปหาพลางทรุดลงดึงร่างบางขึ้นมา แสงสลัวจากภายนอกส่องให้เห็นใบหน้าซีดขาวปราศจากสีเลือด ริมฝีปากแห้งผากจนแตกเป็นสะเก็ดมีเลือดซึมออกมา ลมหายใจแผ่วเบาแทบสังเกตไม่เห็น

“เดรโก นายเป็นอะไร ” แฮร์รี่ถามร้อนรน ร่างในอ้อมแขนเขาเย็นเฉียบ

ดวงตาที่ปิดสนิทค่อย ๆ ลืมขึ้น เสียงพูดปนหอบ “แฮร์รี่? แฮร์รี่เหรอ” เขาถามด้วยใบหน้าเลื่อนลอย

“ใช่ เดรโก ฉันเอง”

มือสั่นระริกแตะที่ใบหน้าของเขาราวกับจะย้ำความมั่นใจ “แฮร์รี่จริงๆด้วย” ดวงตาสีฟ้าลอยคว้าง “แม้แต่ตอนจะตายฉันยังเห็นหน้านาย....” รอยยิ้มเหนื่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวซีด “ตลกชะ...มัด...เลย”

มือเรียวนั้นตกลงก่อนที่ดวงตาอ่อนล้าจะปิดสนิทอีกครั้ง

“เดรโก”

เสียงตะโกนของแฮร์รี่ดังก้องไปทั้งโกดังว่างนั้น



Create Date : 04 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:39:08 น.
Counter : 664 Pageviews.

2 comment
Chapter 13
ตอนที่ 13

ร่างของแฮร์รี่ พอตเตอร์ถูกวางลงบนเตียงเข็นก่อนที่บุรุษพยาบาลของโรงพยาบาลเซนต์อาเบลจะเลื่อนเตียงนั้นเข้าห้องฉุกเฉินอย่างรีบเร่ง สติลางเลือนของแฮร์รี่แว่วได้ยินเสียงแพทย์สั่งการ

“เช็คการเต้นของหัวใจซิ”

“ปกติครับ”

“แล้วอาการบาดเจ็บล่ะ”

“กระดูกซี่โครงสองซี่กับแขนขวาหักครับ แต่ซี่โครงไม่ทิ่มปอด”

“เห็นเจ้าหน้าที่กระทรวงบอกว่าโดนกองไม้ทับ บาดแผลภายนอกเป็นไง”

“นอกจากแผลที่ไหล่ที่โดนคาถาแล้วไม่มีแผลอื่นครับ”

“โอเค..งั้น...ให้น้ำยาหลับไหลกับเสกคาถาชา”

เสียงค่อย ๆ ขาดหายไปแค่นั้นเมื่อชายหนุ่มเข้าสู่นิทราอีกครั้ง


“แฮร์รี่ แฮร์รี่”

เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นในความมืดมิด แฮร์รี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แรกสุดเขาเห็นลำแสงบาง ๆ จากมุมหนึ่ง แสงนั้นค่อย ๆ จ้าขึ้นจนต้องกระพริบตา แสงแดด คงจะเป็นตอนกลางวันสินะ

ใบหน้าหนึ่งลอยอยู่เหนือเขา ใบหน้านั้นมองลงมาด้วยสายตากังวลพร้อมกับเรียกชื่อชายหนุ่ม

“แฮร์รี่ นายฟื้นแล้ว” เสียงห้าวดังขึ้น แฮร์รี่เห็นใบหน้านั้นชัดๆ ผมสีเพลิงกับใบหน้าตกกระ “รอน...” เขาเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว

“เฮ้ย นายฟื้นแล้วจริงๆ คุณมอทโกเมอรี่ครับ แฮร์รี่ฟื้นแล้ว” รอนหันไปเรียกชายอีกคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้อง แฮร์รี่พยายามดันตัวขึ้นแต่แล้วก็รู้สึกเจ็บไปทั้งร่าง

“โอ๊ย....” เขาอุทานเบา ๆ แล้วทรุดลงนอนตามเดิม

“ใจเย็น ๆแฮร์รี่ คุณยังลุกไม่ได้นะ” มอทโกเมอรี่เดินเข้ามาที่เตียงด้วยสีหน้าโล่งใจ “ซี่โครงหักยังต่อไม่สนิท ถึงจะใช้คาถาเชื่อมกระดูกก็เถอะ”

เพื่อนสนิทและหัวหน้างานของแฮร์รี่เลี่ยงออกมาเมื่อแพทย์และพยาบาลเดินเข้ามาตรวจอาการเขา

“คงต้องใช้ยาเชื่อมกระดูกอีกครั้งนะครับ” แพทย์บอกคนไข้และเจ้าของไข้ “คืนนี้คุณอาจจะทรมานนิดหน่อย”

“ครับ” แฮร์รี่พยักหน้า “ผมเคยดื่มน้ำยาสร้างกระดูกแล้วตอนสมัยเรียนปีสอง” เพราะเจ้าล็อคฮาร์ทนั่น “ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้”

เมื่อแพทย์และพยาบาลออกไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามหัวหน้า “การจับกุมเป็นอย่างไรบ้างครับ”

มอทโกเมอรี่ถอนหายใจ “โรนีย์หนีไปได้ พวกคนร้ายที่เหลือยอมสู้ตาย หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเอง แต่เราก็จับได้คนนึง ตอนนี้กำลังพยายามทำให้มันเปิดปากพูดอยู่”

“แล้ว....” แฮร์รี่หลุบตาลง “เดร..เอ่อ มัลฟอยล่ะครับ”

“พูดถึงไอ้เลวนั่นทำไม”

เสียงรอนแทรกมาหน้าบึ้ง “มันก็หนีหายเข้ากลีบเมฆไปน่ะสิ ”

ชายหนุ่มถอนหายใจหน้าซึม “งั้นเหรอ” ทำไมเขาถึงโล่งอกขึ้นมานิดๆนะ ทั้งโล่งอกแล้วก็เจ็บแปลบ เจ็บมากกว่าที่เจ็บเพราะบาดแผลตอนนี้เสียอีก

รอนโพล่งออกมาอย่างสุดแค้น “ให้ตายเหอะ แฮร์รี่ มันซัดนายจนเจ็บขนาดนี้ นายยังห่วงมันอีกเรอะ”

“ช่างเถอะรอน” แฮร์รี่หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

“ฉันจะพานายกลับอังกฤษทันทีที่นายหาย” รอนบอกแล้วหันไปทางมอทโกเมอรี่ “ทางนี้คงตามจับไอ้บ้านั่นเองได้โดยไม่ต้องอาศัยหมอนี่แล้วนะครับ หลักฐานครบขนาดนี้”

แฮร์รี่ได้ยินเสียงมอทโกเมอรี่บอกขรึม ๆ “เราออกหมายจับแล้วล่ะ คุณวิสลีย์ ผมว่าตอนนี้เราปล่อยให้แฮร์รี่พักผ่อนก่อนดีกว่า”

ชายหนุ่มผมแดงหันมามองเพื่อนสนิทอย่างเป็นห่วง “ผมก็ว่างั้นล่ะครับ”

“แฮร์รี่ ผมจัดเวรยามเฝ้าหน้าห้องคุณ ถ้ามีอะไรเรียกเขานะ” เสียงมอทโกเมอรี่บอกก่อนที่จะพารอนออกจากห้องพิเศษไป

............................................................................................................................................................

ตกค่ำแพทย์ก็นำยาเชื่อมกระดูกมาให้เขาดื่ม

“ปวดหน่อยนะครับ” หมอบอกด้วยสีหน้าสงสาร “กระดูกซี่โครงนี่รักษายาก ผมไม่อยากใช้คาถาเพราะมันใกล้หัวใจ”

“ไม่เป็นไรครับ” แฮรี่พยักหน้าหน้าขรึม เขารู้สึกว่าคงไม่มีอะไรเจ็บไปกว่าความรู้สึกที่มีเต็มหัวใจตอนนี้

ชายหนุ่มยกยาแสนขมนั้นดื่มรวดเดียวแล้วเอนตัวลงนอน

กลางดึกเขาก็ต้องสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด หมอพูดไม่ผิด ยานั่นทำให้ปวดร้าวไปทั้งตัวราวกับมีมือขนาดยักษ์มาบิดร่างจนเป็นเกลียว “อึ่ก....” แฮร์รี่บิดกายและรู้สึกว่าตัวของเขากระตุก ร่างกายเริ่มร้อนขึ้น เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าและชุ่มโชกไปทั้งตัว

“อือ....” เขาอุทานออกมาทั้งที่หลับตา

ชายหนุ่มพยายามกัดฟันข่มความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างกำแน่น เขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองกำลังเข้าสู่ฝันร้าย

และในฝันนั้น ใบหน้าเรียวกับผมสีทองก็ลอยมา

“แฮร์รี่” เสียงที่เรียกนั้นแผ่วเศร้า “แฮร์รี่”

เดรโก นี่ฉันฝันเห็นนายอีกแล้วเหรอ

ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองเขานั้นอ่อนล้าไม่แพ้กัน ใบหน้าขาวซีดกับริมฝีปากบางที่แห้งแตก “แฮร์รี่..ขอ..”

เดรโก นายว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน

มือเล็กสั่นน้อยๆ แตะใบหน้าของชายหนุ่มเบา ๆ แฮร์รี่รู้สึกเหมือนผ้านุ่ม ๆ ผืนหนึ่งซับเหงื่อให้เขา

เดรโก นายจริง ๆ รึเปล่า

แฮร์รี่พยายามอ้าปาก แต่เสียงเขากลับไม่ออกมาจากคอแม้แต่นิด

ใบหน้าเรียวนั้นก้มต่ำลงมา แตะริมฝีปากที่แก้มชายหนุ่มแผ่ว ๆ ก่อนจะกระซิบที่หู

“แฮร์รี่ ขอโทษ”

เสียงนั้นหวานเศร้าที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยิน ความเจ็บปวดค่อย ๆ หายไป กลายเป็นความง่วงงุนเข้ามาแทนที่

“ลาก่อน...”

เดรโก นายจะไปไหน อย่าไปนะ อย่าไป

แฮร์รี่พยายามดึงตัวเองออกมาจากวังวนของนิทราแต่ไม่สำเร็จ

อย่า...ไป...


เช้าวันต่อมา หมอเข้ามาตรวจอาการเขาอีกครั้ง พร้อมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงที่ตามเข้ามาเฝ้าดูด้วย

“กระดูกเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้วครับ” หมอบอกหลังจากที่ตรวจร่างกายชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว “พักอีกสักสองวัน มะรืนนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้”

“ขอบคุณครับหมอ” แฮร์รี่ตอบพร้อมกับฝืนยิ้ม

“เมื่อคืนคงจะหนักน่าดูนะ”หมอพูดพลางเก็บเครื่องมือ ก่อนออกไปก็หันมาทิ้งท้าย “คุณอดทนดีมากครับ ไม่เรียกหมอหรือพยาบาลเลย”

หลังจากที่หมอออกไปแล้ว แฮร์รี่เอ่ยปากถามเจ้าหน้าที่ที่นั่งเฝ้าห้องอยู่

“เมื่อคืน มีใครเข้ามาในห้องผมหรือเปล่า”

เจ้าหน้าที่คนนั้นงุนงง “เอ ไม่ทราบสิครับ ผมเพิ่งเปลี่ยนเวรกับเจ้าหน้าที่คนที่เฝ้าเมื่อคืน แต่ก็ไม่น่าจะมีนะครับ ไม่งั้นเขาน่าจะรายงานมาแล้ว” อีกฝ่ายพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “แถมหัวหน้ามอทโกเมอรี่ยังกำชับหนักแน่นให้คุ้มกันคุณให้ดีที่สุด คงไม่มีใครเข้ามาได้หรอกครับ หรือว่าคุณเห็นอะไรผิดปกติ”

งั้นเมื่อคืนคงจะเป็นความฝันจริง ๆ สินะ แฮร์รี่คิด

“ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”

....................................................................................................................................................................

“นายหายดีก็ดีแล้ว” รอนยิ้มหลังจากที่ฟังรายงานอาการเพื่อนสนิทจากหมอเรียบร้อย

“นอนพักก่อนแล้วกัน เรื่องเก็บข้าวของกลับอังกฤษเดี๋ยวฉันจะบอกให้ก๊อกโกจัดการให้”

ผู้เป็นเพื่อนวางกระเช้าผลไม้ช่อใหญ่ลงบนโต๊ะข้างเตียง “จินนี่กับทอมฝากมาเยี่ยมนายแน่ะ ทอมกำลังยุ่งกับตัวอย่างเนคตาร์ที่ได้มา ส่วนจินนี่ก็ไปตรวจครรภ์อีกแล้ว คงจะมาส่งนายมะรืนนี้ทีเดียวเลยนะ” รอนว่าพร้อมกับรื้อกระเช้า ดึงแอปเปิ้ลลูกใหญ่ออกมา “นายกินแอปเปิ้ลไหมแฮร์รี่ เดี๋ยวฉันปอกให้”

“อือ ก็ได้” เสียงของแฮร์รี่ยังคงไม่ยินดียินร้าย

“นายโชคดีนะเว้ย ท่านวิสลีย์อุตส่าห์ปอกแอปเปิ้ลให้กิน ปกติฉันจะรอเฮอร์ไมโอนี่ปอกให้เหมือนกัน”

รอนยังไม่ได้สังเกตท่าทางของแฮร์รี่ เขาเดินเข้าไปหยิบมีดในลิ้นชักตรงส่วนครัวเล็กๆ ในห้องคนไข้

“อือ” แฮร์รี่รับคำ สายตายังมองเหม่อไปนอกหน้าต่าง

“นายมองอะไรน่ะ” ร่างสูงของรอนเดินเข้ามาที่เตียง “ข้างนอกมีแต่เมฆเต็มฟ้า นิวยอร์กก็เงี้ย”

เขาทรุดนั่งแล้วยื่นจานแอปเปิ้ลให้แฮร์รี่ “เอ้า กินซะ เดี๋ยวมะรืนนี้เรากลับบ้านกัน เอ แต่อังกฤษก็มีฝนตกอยู่ดี หรือนายจะไปเที่ยวกับฉันกับเฮอร์ไมโอนี่ ไปสเปนกันไหม” เสียงกระตือรือร้น

“อย่าให้ฉันไปเป็นก้างตอนฮันนีมูนของพวกนายเลย”

แฮร์รี่บอกเสียงเอื่อยๆ แม้การแต่งงานของเพื่อนรักทั้งสองไม่ได้ทำให้เขาเจ็บแปลบดังก่อนแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์อยากจะไปเที่ยวไหน

รอนแปรเจตนาของเสียงเศร้าซึมของชายหนุ่มผิด ผู้เป็นเพื่อนเงยหน้าจากแอปเปิ้ลมายิ้มให้พร้อมกับขยี้ผมยุ่งเหยิงของเขาเบา ๆ

“อย่าคิดมาน่าไอ้หนู นายเป็นเพื่อนรักของฉันกับเฮอร์ไมโอนี่นะเว้ย ไปได้อยู่แล้ว ไม่แน่นา...” ผู้เป็นเพื่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ “นายอาจจะเจอสาวสเปนสุดเซ็กซี่ ผิวสีแทนผมสีดำ ดูดีกว่าผิวขาว ๆ ซีด ๆ ผมทองๆ ของสาวอังกฤษตั้งเยอะ”

ผิวขาว ผมสีทอง ดวงตาของแฮร์รี่สลดลงอีก

และคราวนี้รอนเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ทันที ดวงตาของผู้เป็นเพื่อนหรี่ลงอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าบอกนะว่านายยังคิดเรื่องไอ้มัลฟอยอยู่”

“รอน...” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว

“แฮร์รี่” รอนสบตาเขาอย่างเคร่งขรึม “นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าหมอนั่นเป็นหัวหน้าแก็งค์ค้ายาจริง ๆ เหลือแค่ทางกระทรวงที่นิวยอร์กจับมันมาให้พยานชี้ตัวก็จบ มัลฟอยได้เข้าไปอยู่ในแทนทารัสแน่”

“รอน ขอร้อง อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย” แฮร์รี่กัดริมฝีปาก

“ไม่ได้” เสียงของอีกฝ่ายเข้มขึ้น “นายต้องลืมหมอนั่นซะตั้งแต่ตอนนี้ เท่านี้นายยังเจ็บไม่พอหรือไง” เขามองร่างกายของชายหนุ่มบนเตียง มีผ้าพันที่ช่วงลำตัวและแขนขวา “กลับอังกฤษกันเถอะนะ แฮร์รี่” เสียงรอนอ่อนลง

“อือ” แฮร์รี่รับคำก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน “โอเค มะรืนนี้ฉันจะกลับอังกฤษ”

ใช่ อีกสองวัน เขาก็จะกลับอังกฤษ จบเรื่องวุ่นวายนี่เสียที

…………………………………………………………………………………

วันเดินทางกลับมาถึง ทางนิวยอร์กจัดเตรียมกุญแจนำทางมาให้ถึงห้องคนไข้ของแฮร์รี่เป็นกรณีพิเศษ มอทโกเมอรี่มาส่งไม่ได้เพราะตอนนี้เขากำลังวุ่นวายกับการพยายามสอบปากคำสมุนของแก็งค์ค้ายาที่จับกุมได้ มีเพียงเจ้าหน้าที่กระทรวงเป็นตัวแทนมาส่งเขา แต่จินนี่กับทอม มาโวโล่มาส่งแฮร์รี่พร้อมกับก็อกโก เจ้าเอลฟ์บ้านแบกกระเป๋าเดินทางมาให้เขาพร้อมกับร้องไห้กระอืด ๆ

“นายท่าน ฮึ่ก นายท่านจะไปจริงๆ หรือขอรับ ฮึ่ก ฮึ่ก”

ชายหนุ่มรับกระเป๋ามาแล้วบอกมันเสียงเบา “อือ ดูแลบ้านดีๆ นะก็อกโก”

“ขอรับ ฮึ่ก ฮึ่ก”

แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นมองสองสามีภรรยามาโวโล่ “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะ ทอม” เขาบอกฝ่ายชายพร้อมกับยื่นมือออกไป ทอมจับมือเขาเขย่าเบา ๆ “ไม่เป็นไรครับ”

จินนี่สวมกอดเขาหลวม ๆ “แฮร์รี่จ๊ะ ฉันเสียใจด้วยเรื่องมัลฟอย” หญิงสาวกระซิบบอก

“ไม่เป็นไร” แฮร์รี่คลายอ้อมกอด เขาฝืนยิ้มทั้งที่ดวงตาสีเขียวบอกความเศร้าแจ่มชัด

รอนเดินมาดึงกระเป๋าเสื้อผ้าไปจากมือชายหนุ่ม “ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ”

“พวกเราไปก่อนนะครับ ขอบคุณมาก” รอนบอกเจ้าที่กระทรวงซึ่งเป็นเวรเฝ้าแฮร์รี่วันสุดท้ายก่อนจะหันไปพูดกับน้องสาวและน้องเขย “เจอกันตอนงานแต่งงานฉันนะ จินนี่ ทอม”

ร่างสูงโย่งเดินไปยังแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะริมห้อง “นายจะไปก่อนไหม แฮร์รี่”

“ไม่ล่ะ นายไปก่อนดีกว่า”

“โอเค” รอนเดินเข้าไปแตะแจกันนั้นแล้วทั้งเขาและกระเป๋าเสื้อผ้าก็ถูกดูดวูบหายไป

แฮร์รี่มองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดครึ้มของนิวยอร์ก

ลาก่อน ฉันอาจจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว

ชายหนุ่มหันกลับแล้วเดินไปที่แจกัน

ลาก่อน...เดรโก



Create Date : 03 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:38:51 น.
Counter : 744 Pageviews.

3 comment
Chapter 12
ตอนที่ 12

“ฉันจะอยู่ข้างนายจนถึงที่สุด...”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ความรู้สึกผิดต่อหน้าที่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตลอดสัปดาห์ที่เหลือ ชายหนุ่มเลี่ยงที่จะพบหน้าเดรโก เขาไม่ไปบ้านของหมอนั่น ไม่แวะเยี่ยมพินซ์ ไม่แม้แต่เดินผ่านสวนสาธารณะที่ทั้งสองมาเจอกันบ่อย ๆ ชายหนุ่มใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการประชุมวางแผนงาน ซักซ้อมกับฝ่ายปราบปราม แล้วก็ศึกษาข้อมูลของเนคตาร์ให้มากที่สุด

ฝ่ายเดรโก มัลฟอยเองก็เงียบหายไป ดูเหมือนฝ่ายนั้นก็พยายามหลบหน้าชายหนุ่มเช่นกัน บางคราวที่แฮร์รี่แวะไปที่ร้านของบ็อบ โอนัลล์เพื่อสืบข่าวเพิ่มหรือนัดพบกับโรนีย์ ก็ไม่ปรากฎเงาของเดรโกที่นั่น บ็อบบอกว่าเขาไม่ได้เห็น
เดรกมาหลายวันแล้ว

“เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ.....” แฮร์รี่อดห่วงไม่ได้ เขาสลัดศีรษะพยายามไล่ความคิดออกไปจากหัว

“อย่าคิด....นายไม่สามารถช่วยอะไร....ทำได้มากที่สุดก็แค่พิสูจน์ว่าหมอนั่นไม่ได้ทำเท่านั้น แฮร์รี่” เขาบอกตัวเองแล้วก็เอนหลังลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ชายหนุ่มปิดตาลงแล้วพยายามหลับ

แต่แม้ยามนอน เขาก็ยังเห็นใบหน้าเรียวกับดวงตาสีฟ้าที่มีแววเศร้าลึก ๆ วนเวียนอยู่ในห้วงความฝันอยู่ดี

...................................................................................................................................................................

วันอาทิตย์ที่นัดหมายมาถึงพร้อมกับท้องฟ้ามืดครึ้มและเมฆดำก้อนใหญ่ลอยเอื่อยอยู่ตั้งแต่เช้า แฮร์รี่ลุกขึ้นจากเตียงแล้วมองดูมันด้วยสายตากังวล ลางไม่ดีเลย เขาคิด

ร่างเล็กผอมของเจ้าเอลฟ์บ้านกำลังยืนอยู่หน้าเตาทำอาหารเช้าให้เจ้านาย แฮร์รี่ซึ่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวไปกระทรวงเพื่อเช็ครายละเอียดครั้งสุดท้ายเดินเข้ามาทรุดนั่งที่โต๊ะ

“ก็อกโก วันนี้ฉันกลับดึกหรืออาจจะไม่กลับ...ไม่ต้องทำอาหารเย็นนะ” ชายหนุ่มบอกเรียบ ๆ พลางขยับเสื้อคลุมให้กระชับตัว

“ขอรับ” เจ้าเอฟล์เดินมาเสิร์ฟอาหารเช้าพร้อมกับรินกาแฟให้เขา “เอ่อ..นายท่านขอรับ”

“ว่าไง” เขาชะงักมือที่ยกกาแฟขึ้น

ก็อกโกมีสีหน้าลำบากใจ “เมื่อเช้าก็อกโกออกไปจ่ายตลาดแล้วเห็นนายผู้...เอ้อ...คุณเดรโกขอรับ”

แฮร์รี่ชะงักแต่พยายามทำหน้าเรียบ “เจอเขาที่ไหน” ชายหนุ่มจิบกาแฟรสขมจัด

“ที่สวนสาธารณะขอรับ แต่คุณเดรโกไม่เห็นก็อกโก...เธอรีบเดินไป...หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย” มันอึกอัก “เหมือนคนไม่สบายนะขอรับ นายท่านน่าจะไปเยี่ยม”

“อือ” ชายหนุ่มตัดบท เขาพยายามระงับความสงสัยและความห่วงใยให้หายไป ตอนนี้งานตรงหน้าสำคัญที่สุด “ไว้ฉันเสร็จงาน....” และถ้าหมอนั่นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ “ฉันจะไปหาเขาเอง”

ชายหนุ่มเดินทางไปกระทรวงทั้งที่สีหน้ายังคงหมวดมุ่น เขารายงานตัวและซักซ้อมความพร้อมครั้งสุดท้ายกับทีมจับกุมเสร็จแล้วก็เข้าไปพบมอทโกเมอรี่ในห้องทำงานของผู้เป็นหัวหน้า

แฮร์รี่เปิดประตูเข้าไปเห็นชายหนุ่มหน้าเด็กในชุดไปรเวทอีกสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว

“เข้ามาสิ แฮร์รี่” มอทโกเมอรี่ผายมือเชิญ เขาจึงเดินเข้ามาในห้องแล้วทรุดนั่งที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง

“คุณพอตเตอร์ ฝ่ายปราบปรามจากอังกฤษที่มาช่วยเรา” ผู้เป็นหัวหน้าแนะนำเขากับชายหนุ่มทั้งสอง เมื่อพวกเขาลุกขึ้นทำความเคารพ แฮร์รี่จึงรู้ว่าทั้งสองคงจะยศต่ำกว่า ยิ่งดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเพิ่งเข้าทำงานด้วยซ้ำ

“เจ้าหน้าที่มอทโควิทกับแลนเชอร์ คนที่จะไปเฝ้าเป้าหมายของเราวันนี้” มอทโกเมอรี่แนะนำแล้วมองเขาเป็นสัญญาณว่าเป้าหมายนั้นคือ เดรโก มัลฟอยอย่างที่แฮร์รี่ขอไว้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามอาวุโสส่วนใหญ่คงจะลงพื้นที่ดักจับวันนี้แน่

“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ฝากด้วยนะ” เขาหันไปบอกเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนซึ่งรับปากแข็งขัน

หลังจากนั้นมอทโกเมอรี่ก็พาเขาไปยังห้องอุปกรณ์เทคนิค ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่เป็นแบบที่ย่อเก็บได้อยู่แล้วดังนั้นจึงไม่มีปัญหาในการซ่อนและดึงมาใช้ยามฉุกเฉิน กระนั้นเขาก็ยังได้รับไม้กายสิทธิ์แบบธรรมดาอีกอันหนึ่ง

“เผื่อพวกมันเรียกเก็บไว้ คุณก็เอาอันนี้ให้ไป มันจะได้ไว้ใจ” ผู้เป็นหัวหน้าบอก

ต่อมาคืออุปกรณ์สื่อสารคล้ายกับลำโพงขนาดจิ๋ว ทำออกมาในรูปของต่างหูหนีบอันเล็ก ๆ

“ไม่มีเสียงหรอกครับ มันจะสื่อสารโดยใช้คลื่นโดยตรงกับพ่อมดคนที่ตั้งรหัสไว้ ผมเอาแบบมาจากวิทยุของพวกมักเกื้ลน่ะ” ช่างเทคนิคซึ่งดูเหมือนพวกนักวิทยาศาสตร์อธิบายให้เขาฟังคร่าว ๆ

“ติดไว้เหมือนต่างหูนั่นแหละ ถ้าคุณต้องการจะฟังก็ใช้คาถานี้นะครับ –โฮเครโอ--- แค่กระซิบเบา ๆ ก็พอ แล้วก็เลือกสายด้วยเลขรหัส สายของหัวหน้าจะเป็นสาย 1” “แล้วถ้าต้องการจะพูด, ในกรณีฉุกเฉินน่ะนะ ใช้ –เบรเคโอ—ตามด้วยรหัสสายเหมือนกัน”

แฮร์รี่ติดเครื่องมือสื่อสารนั้นเข้าที่หูแล้วสวมหมวกทับ เขาเดินออกมาจากห้องเทคนิคพร้อมกับเอ่ยถามมอทโกเมอรี่ “มีรหัสของเจ้าหน้าที่มอทโควิทกับแลนเชอร์ไหมครับ”

“มี คุณอยากจะได้เหรอ” ผู้เป็นหัวหน้าถาม สีหน้าไร้ความคลางแคลง

“ครับ” แฮร์รี่พูดตรง ๆ “ผมอยากเป็นคนแรกที่รู้ว่าหมอนั่นจะถูกจับหรือเปล่า”

“ได้ สองคนนั้นรหัส 41 กับ 57”

“ขอบคุณครับหัวหน้า”

…………………………………………………………………………………………

แฮร์รี่ไปถึงสะพานบรู๊คลินตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี มีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนถึงเวลานัด เขานิ่งคิดก่อนจะกระซิบเบา ๆ

“เบรเคโอ 41” เขาเรียกไปยังเจ้าหน้าที่มอทโควิท “ผมเอง” ชายหนุ่มพูดโดยไม่ออกชื่อตัวเพื่อความปลอดภัย แต่เชื่อว่าอีกฝั่งน่าจะจำเสียงเขาได้

“ครับผม” เสียงตอบกลับมา

“พบเป้าหมายหรือยัง” แฮร์รี่ถาม อยากจะเช็คความแน่ใจอีกครั้ง

“พบแล้วครับ” มอทโควิทตอบขึงขัง “เป้าหมายออกจากบ้านไปทำงานที่ร้านอาหารตามปกติครับ แคนเชอร์กับผมเฝ้าอยู่ที่ทางออกทั้งสองทาง ไม่มีทางหลุดออกไปได้แน่ครับ”

“ดีมาก ขอบคุณ” แฮร์รี่ตัดสายแล้วเปลี่ยนคลื่นสัญญาณใหม่ “โฮเครโอ 1 ” ชายหนุ่มเปิดสายฟังการควบคุมจากทีมกองปราบปรามที่ซุ่มอยู่อีกด้าน

“ยังไม่เห็นแพลอยมา” เสียงเจ้าหน้าที่ส่วนกลางบอกทุกฝ่าย แพเป็นรหัสของเรือที่ขนเนคตาร์ “แต่เห็นเซนทอร์มาแล้ว 4 ตัวที่ลาน 17”

“ยูนิคอร์น ออกวิ่งได้” เสียงต่อมาเป็นเสียงของมอทโกเมอรี่ และยูนิคอร์นคือตัวแฮร์รี่เองซึ่งเป็นตัวหลอก

“เบรเคโอ 1” ชายหนุ่มกระซิบเบา ๆ “ยูนิคอร์นกำลังวิ่งไป” เขาออกเดินไปยังจุดนัดหมายช้า ๆ

โรนีย์กับพรรคพวกร่างใหญ่อีกสามคนยืนรอเขาที่จุดนัดหมายบริเวณโกดังริมท่าเรือ “มาตรงเวลาดีนี่ เฮนรี่” เจ้าผอมทัก

แฮร์รี่ยิ้มนิด ๆ “เรือยังไม่มีอีกเหรอ”

“รอหน่อย เห็นนายบอกว่างวดนี้ของเยอะ ขนกันนาน” โรนีย์บอกพลางจุดบุหรี่สูบ “เอาไหม” มันยื่นซองมาให้เขา “บุหรี่มักเกิ้ล รสชาติไม่ได้เรื่อง แต่ก็พอแก้ขัด”

“ม่ายล่ะ” แฮร์รี่ส่ายหน้า “ฉันรอของเลยดีกว่า” เขาแกล้งทำเสียงกระตือรือร้น

พวกที่เหลืออยู่หัวเราะหึหึ โรนีย์เก็บบุหรี่เข้ากระเป๋าเสื้อคลุมก่อนจะเอ่ยเรียบ ๆ “งานนี้ท่าจะได้กำไรโขอยู่ พวกอดอยากมานานอย่างนายมีเยอะแยะ ต้องแย่งกันซื้อแน่ ๆ”

แฮร์รี่หัวเราะหึหึ เขาพยายามฆ่าเวลาด้วยการถามข้อมูลจากพวกมันเพิ่ม

“เจ้านายของพวกนายมากับเรือเที่ยวนี้หรือเปล่า”

พ่อค้ายาพ่นควันออกจากปาก “นายไม่ได้บอก บางทีก็มา บางทีก็ไม่มาแล้วแต่อารมณ์ท่าน ท่าทางจะสนใจเรื่องของนายฉันจริงนะ”

“ก็แค่...” ชายหนุ่มพยายามทำเสียงให้เหมือนปกติ “เขาเป็นคนอังกฤษใช่ไหม บางทีฉันอาจจะรู้จักเขาก็ได้...”

โรนีย์ดึงบุหรี่ที่คาบอยู่ลงทิ้งบนพื้นแล้วขยี้ด้วยปลายเท้า “นายก็คงรู้จักเขานั่นแหละ ทายาทของผู้เสพความตายอันดับหนึ่ง, เออ ฉันต้องขอเก็บไม้กายสิทธิ์นายนะ เป็นกฎความปลอดภัยของทางนั้น”

“ก็ได้” แฮร์รี่ยื่นไม้กายสิทธิ์สำรองที่มอทโกเมอรี่ให้มาออกไป

โรนีย์เก็บมันเข้ากระเป่าเสื้อคลุม “นายนี่ว่าง่ายดีนะ อ้อ เรือมาพอดี...”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง เรือลำหนึ่งก็แล่นเข้ามาเอื่อย ๆ ขนาดของมันไม่ใหญ่โตนัก ดูเหมือนเรือแบ่งขนส่งสินค้าจากเรือใหญ่เข้าท่าเรือเท่านั้น

“เล็กขนาดนี้ขนของพอเหรอ” แฮร์รี่ถาม

“อย่าดูถูกเรือพ่อมด” โรนีย์ว่าก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ฝั่งแล้วเสกคาถา “ลูมอส” พร้อมกับโบกไม้กายสิทธิ์เป็นสัญญาณ เรือลำนั้นจึงแล่นเร็วขึ้นแล้วเข้ามาจอดที่ท่าน้ำใต้สะพานอย่างเงียบเชียบ พ่อค้าตลาดมืดเดินนำพวกของมันกับ
แฮร์รี่ตรงไปที่เรือลำนั้น ชายหนุ่มรู้สึกผิดปกตินิดหน่อยที่ดูเหมือนพวกเจ้ายักษ์หน้าเหี้ยมนี้จะเดินเบียดล้อมให้เขาอยู่ตรงกลาง

ประตูเรือเปิดออกชายในชุดเสื้อคลุมพ่อมดสีดำ 4-5 คนก้าวออกมา พวกเขามีสีหน้านิ่งไร้สีเลือดและไม่แสดงอารมณ์ใดใด เมื่อทักทายกับโรนีย์ “ของมาถึงครบตามจำนวนที่สั่ง” คนหนึ่งบอกเสียงเย็น

“ขอตรวจของ” เจ้าแห้งตอบด้วยเสียงไม่สะทกสะท้าน

“ได้” คนเดิมที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าอนุญาต แต่สายตาเฉยเมยมองผ่าน ๆ แล้วชั่วแวบหนึ่งที่แฮร์รี่รู้สึกว่าสายตานั้นสะดุดที่เขาก่อนจะเลยไป

ขณะที่ฝ่ายขนส่งช่วยกันลำเลียงลังขนาดย่อมออกมาโดยใช้คาถายกของ โรนีย์ก็ก้าวเข้าไปยังลังใบหนึ่งที่พวกมันวางแยกต่างหากไว้ห่างออกมา “เฮนรี่ ของที่นายอยากดูอยู่นี่” มันเรียกเขาพลางเดินนำไป แฮร์รี่เดินตามพร้อมกับเจ้ายักษ์สมุนของมันตามเขามาติด ๆ

“เปิดดูสิ” เสียงโรนีย์บอก ลังใบนั้นอยู่ตรงหน้าแฮร์รี่ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปแต่แล้วเขาก็ชะงัก

รอยแผลเป็นบนหน้าผากที่แม้จะถูกคาถาปลอมตัวบังไว้ แต่มันก็ยังเจ็บแปลบ ชายหนุ่มหยิบไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าเสื้อเตรียมไว้ เขาเปิดกล่องออกและ...

“เปรี้ยง!!!” คาถาเสียดแทงเป็นลำพุ่งเข้าใส่ แต่เมื่อแฮร์รี่ระวังตัวอยู่แล้ว มันจึงเพียงเฉียดร่างเขาไปเส้นยาแดง ร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำแต่มองไม่เห็นหน้ากระโดดออกมาจากลังใหญ่

“อ๊ะ” เขาก้มตัวหลบลำแสงที่พุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ชายร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังโอบล้อมตัวเขาเข้ามา ซ้ำแฮร์รี่ยังเห็นว่าเจ้าพวกที่ขนของอยู่ก็กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มก้าวถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ “นี่มันอะไรกันโรนีย์” เขาตะโกน

“ก็กำจัดแกไงแฮร์รี่ พอตเตอร์” เสียงโรนีย์เปลี่ยนเป็นห้าวเหี้ยม เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วซัดคาถาใส่ชายหนุ่ม “สตูเปฟาย”

แฮร์รี่หมุนตัวหลบออกจากวง เขาศอกใส่เจ้าตัวยักษ์ที่ขวางทางก่อนจะเลี้ยวหลบไปหลังกองไม้ที่วางระเกะระกะอยู่ “เบรเคโอ 1” เขาเรียกเสียงระรัว “มันรู้ตัวแล้ว นี่เป็นหลุมพราง”

“หลบอยู่ก่อนแฮร์รี่ เรากำลังไปช่วย” เสียงมอทโกเมอรี่สั่งการฉับไวดังลั่นผ่านทางเครื่องติดต่อ

สายเกินไปที่จะหลบ ฝ่ายศัตรูคนหนึ่งเห็นเขาเข้าแล้ว แฮร์รี่ต้องกลิ้งไปบนพื้นหลบคาถาเสียดแทงอีกครั้งก่อนจะใช้ไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่อีกฝ่าย “สตูเปฟาย” เขาเสกคาถาพร้อมกับลุกขึ้นแล้ววิ่งรวดเร็วหลบไปอีกทาง ฝ่ายกองปราบปรามเริ่มตะลุมบอนกับกลุ่มคนร้าย

“บ้าชะมัด มันรู้ได้ยังไง” แฮร์รี่หอบหายใจพร้อมกับพิงลังไม้ที่วางเรียงเป็นกองสูง ใบหน้าเขาเริ่มเลอะไปด้วยเขม่าและรอยแผลจากการหลบหลีกคาถาของฝ่ายตรงข้าม สำแสงของคาถาจากไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองฝ่ายพาดไปทั่วบริเวณจนสว่างวูบ

“เบรเคโอ11 เบรเคโอ”

สัญญาณเรียกเขาดังขึ้น เสียงจากสายของแคนเซอร์ขาดเป็นห้วง ๆ “เป้าหมายรู้ตัวแล้วว่าเราตาม....เขาจัดการมอทโควิท....แล้วก็....หายไป” เสียงพูดขาดเพียงเท่านั้น
“ไอ้บ้าเอ๊ย” แฮร์รี่สบถออกมา ทั้งที่เขาพยายามจะปกป้องหมอนั่น

“อย่ามาที่นี่นะเดรโก ไม่ว่านายจะทำหรือไม่ก็อย่ามา”

ราวกับสวรรค์แกล้ง ยังไม่ทันจบคำขอ เขาก็เห็นร่างบางวิ่งผ่านไปไม่ไกลจุดที่เขายืนอยู่ ใบหน้าขาวนั้นซีดเผือด ผมสีทองหลุดลุ่ย “เดรโก” แฮร์รี่อุทาน เพราะจุดที่คนตัวเล็กกำลังตรงไปนั้นเป็นจุดที่กำลังเกิดการต่อสู้รุนแรงที่สุด

ชายหนุ่มตัดสินใจวิ่งออกจากที่กำบัง “เดรโก” เขาตะโกนเรียก “อย่าเข้าไป”

ร่างบางหยุดชะงักแล้วหันกลับมามอง ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง

“มานี่เร็ว” เขาทำท่าจะก้าวไปดึงตัวคนตัวเล็กเข้าหลบ แต่...

ไม้กายสิทธิ์ของเดรโกชี้ตรงมาที่เขา เจ้าตัวว่าคาถาพลางหอบ “อวาเคดาฟลา”

ลำแสงจากปลายไม้กายสิทธิ์พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่ม แต่แฮร์รี่กำลังตกตะลึงมองอย่างไม่คาดฝัน วินาทีก่อนที่ลำแสงสังหารจะเข้าถึงตัวเขา แขนเรียวก็ตกลงราวกับหมดแรง ลำแสงนั้นจึงปาดผ่านไหล่ขวาของชายหนุ่มไปปะทะกับลังไม้สูงเบื้องหลัง

“โอ๊ย” ชายหนุ่มทรุดลงทันที ลังหนักล้มครืนตามลงมาทับร่าง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือสายตาสีฟ้าที่เบิกโพลงพร้อมกับใบหน้าซีดเผือด

“เดร...โก” สำนึกสุดท้ายแฮร์รี่เรียกชื่อนั้น แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบ



Create Date : 03 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:36:07 น.
Counter : 750 Pageviews.

2 comment
Chapter 11
ตอนที่ 11

แฮร์รี่ พอตเตอร์เดินออกมาจากอุโมงค์ของแทนทารัสด้วยสีหน้าเผือดซีด มอทโกเมอรี่ที่เดินอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มเองก็นิ่งเงียบไปด้วย ประตูเหล็กบานใหญ่ปิดตามหลังพวกเขาโดยปราศเสียง

“หัวหน้าทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” มือปราบมารจากอังกฤษเอ่ยปากถามในที่สุด

“ผลยืนยันการพิสูจน์ลายมือโกเดนไฟน์เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี่เอง” ผู้บังคับบัญชาตอบ “ผมสะกิดใจเรื่องมัลฟอย ก็เลยขอให้ทางอังกฤษช่วยส่งคนไปค้นที่คฤหาสน์ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้”

แฮร์รี่กัดริมฝีปาก หลักฐานทุกอย่างกำลังมัดตัวหมอนั่น “แล้ว...เราจะทำยังไงกับเดร....เอ่อ...มัลฟอยครับ”

ใบหน้าที่มีเค้าของซีเรียส แบล็คมองดูชายหนุ่มอย่างเข้าใจความรู้สึกของเขาดี ดวงตาสีดำสนิทส่อแววสงสาร

“เราคงจะรอหลักฐานสุดท้ายตอนดักจับเนคตาร์ แค่มีลูกน้องสักคนที่ยอมชี้ตัวหมอนั่น เราก็คงเอาเขาขึ้นศาลกระทรวงเวทมนต์ได้”

มือทั้งสองของแฮร์รี่กำแน่น

“แต่ตอนนี้...” มอทโกเมอรี่ตบบ่าเขาเบา ๆ “เขายังเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ยังไงเราก็ต้องส่งคนไปคอยคุมตัวไว้...ผมว่าคุณน่าจะทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดนะแฮร์รี่”

ชายหนุ่มยังคงกัดริมฝีปาก เขานิ่งเงียบไปไม่พูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น


เมื่อเขากลับมาถึงบ้านของซีเรียสในตอนเย็น ก็อกโกก็ยื่นจดหมายจากเดรโกให้

โรนีย์มันมาฝากโน๊ตให้นายที่ร้านฉัน อยู่ในซองนี้แล้ว

เขาเปิดโน๊ตของโรนีย์ออกอ่านแล้วบอกเจ้าเอลฟ์บ้านสั้น “ก็อกโก ฉันจะออกไปข้างนอกนะ ไม่ต้องรอ”

แฮร์รี่ใช้คาถาเปลี่ยนสีผมให้กลายเป็นสีเพลิงและลบรอยแผลเป็นบนหน้าผาก เขาก้าวออกจากบ้านแล้วขึ้นรถไฟใต้ดินไปยังโลเวอร์อีสไซต์ ชายหนุ่มเดินผ่านถนนที่การจราจรจอแจในช่วงเย็น เขาเลี้ยวอ้อมตัวตึกซึ่งทอดยาวเข้าสู่ตรอกแคบ ๆ ตามแผนที่ในกระดาษที่โรนีย์เขียนให้ ประตูห้องเช่าเรียงรายอยู่ในตัวตึกสองข้างทางมีแสงไฟสลัว ๆ ลอดออกมา

ชายหนุ่มเดินมาถึงประตูไม้เก่าซึ่งซับน้ำฝนจนบวมและเปลือกนอกร่อนผุ เขาก้มลงมองเศษผ้าคลุมสีม่วงเข้มที่ผูกอยู่ที่ลูกบิดจึงเอื้อมมือไปเคาะเบา ๆ

ประตูเปิดออกเป็นช่องพอมองเห็นพร้อมกับหน้าผอมซีดของโรนีย์โผล่ออกมา เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็นแฮร์รี่ เจ้าพ่อค้าตลาดมืดก็พยักหน้าก่อนจะพูดเสียงแหบ ๆ “อีวาน นายมาช้า”

“พอดีมีธุระนิดหน่อย” แฮร์รี่ตอบเสียงขรึม “ของมารึยัง”

“ใจเย็น ๆ “ เสียงหัวเราะหึหึสลับกับเสียงเสียงพูด “อดอยากมานานสินะ นายน่ะ” ดวงตาซีดก้มมองพิจารณา

“แต่สภาพยังดีอยู่นี่ ไม่เหมือนพวกข้างใน” พอเขาพูดจบก็มีเสียงครวญครางลอดออกมาจากด้านในห้อง โรนีย์เบะปาก “จะลงแดงกันตายซะก่อนของมา...”

โรนีย์เปิดประตูให้ชายหนุ่มแทรกตัวเข้ามา แฮร์รี่ผงะกับกลิ่นอับและเหม็นเปรี้ยวร้ายกาจที่อบอวลอยู่ภายในห้อง เขาพยายามกลั้นหายใจและทำสีหน้าปกติราวกับคุ้นเคยกับกลิ่นแบบนี้ สภาพภายในห้องไม่ผิดกับรังหนู ไม่สิมันอาจจะร้ายกว่ารังหนูเสียอีกเพราะรังหนูคงไม่มีร่างซูบซีดราวกับศพนอนเรียงรายอยู่บนพื้น แต่ละคนสวมเสื้อคลุมขาด ๆ ที่พอจะเดาออกว่าเป็นเสื้อคลุมพ่อมด ส่วนใหญ่จะนอนเหม่อลอย แต่ก็มีบางคนที่เริ่มดิ้นกลับไปกลับมา เอามือกวาดไปตามตัวราวกับปวดไปทั้งร่าง โรนีย์เดินลากขาช้า ๆ ผ่านร่างเหล่านั้นอย่างไม่สนใจใยดี

แฮร์รี่ละสายตาจากภาพที่เห็นแล้วทรุดลงนั่งตรงข้ามกับพ่อค้าตลาดมืดที่โต๊ะมุมห้อง

“ฉันอยากสั่งของเพิ่ม” ชายหนุ่มพูด

ดวงตาของโรนีย์หรี่ลง “เพิ่ม?” เขาถามสั้น ๆ

“ใช่” แฮร์รี่ตอบ “ญาติของฉันที่แอตแลนตามีพรรคพวกอยู่นั่นเยอะ พวกมันขนเนคตาร์มาจากอังกฤษแต่เล่นกันเสียหมดแล้ว นายพอจะมีไหม” เขาเอาศอกเท้าโต๊ะด้วยท่าทางสบาย ๆ “เรายินดีจ่าย”

ร่างผอมรุงรังนิ่งไปอย่างครุ่นคิด “ฉันตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องถาม ‘นาย’เสียก่อน”

แฮร์รี่สะดุดทันทีที่ได้ยินคำเรียก “งั้นฉันก็อยากเจอเจ้านายของนายได้ไหม ฉันจะเจรจากับเขาเอง”

ใบหน้าน่าเกลียดส่งสายตาเยาะเย้ย “นายคิดว่านายเป็นใคร เจ้านายของฉันเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ท่านไม่ลงมาเจรจากับพ่อค้าคนกลางเองหรอก”

“งั้นขอให้ฉันพบเขาสักหน่อย” แฮร์รี่ต่อรอง “เราอาจจะต้องติดต่อธุรกิจกันอีก”

“ฉันต้องถามเขาก่อน” โรนีย์ตัดบท “วันอาทิตย์หน้าของมา นายไปรอรับที่ท่าเรือใต้สะพานบรูคลินต์ ถ้าเจ้านายฉันอารมณ์ดีท่านคงจะให้พบละมั้ง”

บทสนทนาหยุดชะงักเมื่อร่างที่นอนอยู่บนพื้นร่างหนึ่งเกิดกระตุกขึ้น “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก” ร่างนั้นแผดเสียงลั่นพลางดิ้นกระเสือกกระสนไปมา ตาเหลือกค้าง สองมือกอดไว้ที่หน้าอกเล็บจุกเข้าไปในเนื้อ “อ๊ากกกกกกก”

“ไอ้บ้าเอ๊ย” โรนีย์บ่นก่อนจะละจากแฮร์รี่เข้าไปดู “ถึงเวลาไวจริงนะเอ็ง”

เขาร้องบอกพวกที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น “เฮ้ย จับมันไว้ซิ”

แฮร์รี่เห็นพ่อค้ายาหยิบหลอดแก้วขึ้นมาจากกล่องบนชั้นสูง หลอดนั้นเหลือของเหลวภายในอยู่เพียงนิด เขาเสียบมันเข้ากับเข็มฉีดยาแล้วฉีดลงไปที่แขนของร่างที่กำลังกระตุก “เหลือแค่นี้จะพอหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ร่างนั้นค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เสียงงึมงำแผ่ว ๆ ลอดออกมาจากปาก “เดรโก.....เดร..โ.” เพียงแค่นั้นเสียงก็ขาดหายไป นัยน์ตาซีดเหลือกค้างเมื่อลมหายใจหมดจากร่าง

“ไปอีกคนแล้ว” โรนีย์ลุกขึ้นยืน “ไม่น่าฉีดให้มันเลย เสียของจริงๆ” เขาบ่นก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มที่นั่งนิ่งขึง “ดีนะที่พวกนายยังพอมีของเหลือ ถ้าอดนาน ๆ แล้วเป็นสภาพนี้ต่อให้ สิบหลอดอาจจะช่วยไม่ได้”

.........................................................................................................................................................................

วันต่อมาแฮร์รี่จึงเข้าประชุมเพื่อรายงานผลการสืบให้กระทรวงเวทมนต์ทราบอีกครั้ง

“เป็นอันว่าวันอาทิตย์นี้มันให้คุณไปรอที่ท่าเรือ” มอทโกเมอรี่สรุปหลังจากที่ฟังแฮร์รี่เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด

“ครับ” ชายหนุ่มตอบหน้าขรึม ภาพศพนั้นยังติดตา แต่ที่ย้ำอยู่ในใจมากกว่าคือคำพูดสุดท้ายของมัน คำเรียกชื่อเดรโก....

“โอเค” ผู้เป็นหัวหน้าปิดแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะ “ผมจะสั่งให้จัดเจ้าหน้าที่เราอารักขาคอยคุณอยู่ห่าง ๆ เพิ่มจากกลุ่มที่คอยดักจับ”

เมื่อการประชุมเสร็จสิ้น แฮร์รี่เข้าไปพบมอทโกเมอรี่ที่กำลังนั่งอ่านเอกสารการสอบสวนอยู่ในห้องทำงาน

“หัวหน้าครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปาก

“ว่าไงแฮร์รี่” เจ้าของห้องชี้มือไปที่เก้าอี้ให้เขาทรุดนั่งลง

“ผมขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษได้ไหมครับ ช่วยจัดเจ้าหน้าที่ให้สักสองคน”

“เอาไปทำอะไรล่ะ” ถามโดยไม่เงยหน้าจากแฟ้ม

ชายหนุ่มตอบสั้นๆ “คุมตัวเดรโก มัลฟอยครับ”

อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขาทันที คิ้วเลิกขึ้นอย่างฉงน แฮร์รี่จึงพูดต่อ

“ให้เจ้าหน้าจับตาดูเขาไว้ อย่าให้รู้ตัว กันไม่ให้เขาไปในบริเวณที่จะส่งของ ถ้าเขาทำท่าจะเข้าไปจะได้จับกุมตัวได้ทันที” ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มกลั้นใจพูดออกมา อย่างน้อย ฉันก็จะไม่ให้นายเป็นอันตราย

ดวงตาสีดำสนิทจ้องตอบ แววตาเข้าใจก่อนจะพยักหน้า “เอาตามนั้นก็แล้วได้ ผมจะจัดคนไว้ให้”

แฮร์รี่ยิ้มขรึม ๆ

“ขอบคุณครับ”

............................................................................................................................................................................

ก๊อก ก๊อก

เมื่อเดรโก มัลฟอยละจากสตูที่เคี่ยวอยู่บนเตาเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน เขาก็เห็นร่างสูงของแฮร์รี่ พอตเตอร์ยืนหน้าขรึมอยู่

“นึกว่าวันนี้จะไม่มาเสียอีก” ใบหน้าขาวนวลยิ้มนิด ๆ “พินซ์ถามหานายตั้งแต่เช้า” เขาว่าแล้วก็เปิดประตูกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในบ้าน

“วันนี้ไปทำงานมาเรอะ”เดรโกถามพลางปิดประตู แฮร์รี่จึงก้มลงสำรวจตัวเอง เขายังสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกับกางเกงสีดำผูกไทสีเข้มเพื่อให้เหมาะกับการเข้าประชุม “อือ” ชายหนุ่มรับเบา ๆ พยายามจะกะปมเนคไทแต่ไม่รู้ทำไมยิ่งแกะปมกลับยิ่งผูกแน่นเข้า

“ไม่ได้เรื่องเล๊ย” เดรโกมองอย่างรำคาญก่อนจะก้าวเข้ามาแกะเนคไทที่มัดคอเขาออกได้ง่าย ๆ
“เมื่อวานก็ทำงานล่ะสิ พินซ์บ่นแย่ที่นายไม่มา” คนตัวเล็กพูดโดยไม่สังเกตสีหน้าซึมของอีกฝ่าย เขาหันกลับไปทำอาหารต่อ “นายไปเล่นกับพินซ์สิ อยู่ที่ระเบียงแน่ะ วันนี้จะกินข้าวที่นี่รึเปล่า”

แฮร์รี่ทิ้งสายเนคไทลงบนโซฟา “อือ” เขาตอบรับเบา ๆ

“ท่าทางฉันต้องเก็บค่าอาหารนายเป็นรายเดือนซะแล้วมั้ง” เจ้าของบ้านพูดติดตลก มือขยับไปผูกสายผ้ากันเปื้อนที่เลื่อนหลวม “กินเยอะหยั่งกับโรงสีแล้วยังมากินบ่อยๆอีก”

ชายหนุ่มมองร่างบางที่ยืนหันหลังให้แล้วเอ่ยเรียกเบา ๆ “เดรโก...”

“ว่าไง” อีกฝ่ายยังคงสาละวนคนสตูในหม้อต่อโดยไม่หันกลับมา

“ฉันมีอะไรจะถาม” แฮร์รี่แว่วได้ยินคำสั่งของมอทโกเมอรี่ เฝ้าดูเขาไว้...แฮร์รี่

“ก็ถามมาสิ”

“หันมาทางนี้หน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้

“อะไรอีกเล่า” เสียงตอบกลับมาชักรำคาญ

“เดรโก”

คนตัวเล็กเอื้อมมือไปปิดเตาแล้วหันกลับมาสีหน้าหงุดหงิด “แฮร์รี่ ฉันกำลังทำอาหาร ถ้านายจะคุยก็รอตอนกินข้าวเสร็....”

เสียงบ่นขาดหายไปเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามารวบเขาไว้ในอ้อมกอด

“เฮ้ย แฮร์รี่ ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวเหอะ ” คนถูกกอดโวยวายดินขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงที่ยึดไว้แน่น

แฮร์รี่ซบหน้าลงกับบ่าของร่างบางอย่างอ่อนแรง ซ่อนสายตาเศร้าลึกไว้จากความสงสัย

“แฮร์รี่ นายเป็นอะไร” เดรโกหยุดดิ้น เสียงหงุดหงิดเมื่อครู่เบาลง

“เดรโก...” ชายหนุ่มเอ่ยปาก กระชับวงแขนแน่นขึ้น “นายรู้เรื่องเกี่ยวกับเนคตาร์รึเปล่า” ถามโดยไม่มองหน้า เขากำลังกลัว กลัวว่าจะเห็นแววตาที่ส่อพิรุจจากอีกฝ่าย

แม้กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าร่างบางในอ้อมกอดสะดุ้งนิดๆ “ไม่” คนถูกถามส่ายหน้า “ฉันจะรู้ได้ยังไง” เดรโกผละออกแต่ดวงตาสีฟ้ากลับหลบสายตาจากเขาลงมองพื้น

ชายหนุ่มถอนใจ หากคำตอบคือใช่ เขาจะสามารถป้องกันไม่ให้กระทรวงจับหมอนี่ไปได้งั้นเหรอ ปล่อยมันไปเถอะ อะไรจะเกิดขึ้นก็...ดวงตาสีเขียวของแฮร์รี่สลดลง

“ดี...กินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”

ระหว่างมื้ออาหารนั้นกลายเป็นเวลาที่น่าอึดอัด ทั้งแฮร์รี่และเดรโกกินอาหารกันเงียบ ๆ ต่างฝ่ายต่างมีสีหน้าครุ่นคิด มีเพียงพินซ์คนเดียวเท่านั้นที่ยังคุยสนุกสนานไปได้อย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ แฮร์รี่ถามทำลายความเงียบขึ้นมาในที่สุด

“เดรโก วันอาทิตย์นี้นายจะไปไหนรึเปล่า”

คนตัวเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหาร “เปล่านี่” เขาตอบดวงตาสีฟ้าส่อแววซื่อจนแฮร์รี่ดูไม่ออก “ทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไร” แฮร์รี่ก้มลงกินข้าวต่อ “ฉันแค่จะบอกว่าฉันมีธุระอาจจะไม่ได้มาที่บ้านนะวันนั้น”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้อย่างงง ๆ แล้วทั้งคู่ก็กินอาหารต่อไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดกันอีก

เมื่อกินเสร็จเดรโกขยับจะเก็บโต๊ะ

“เดี๋ยวฉันทำเอง” แฮร์รี่ก้าวเข้ามายึดจานชามตั้งสูงไปจากมือเรียว “นายทำกับข้าวแล้วนี่ ไปอยู่กับพินซ์เถอะ”

เขาพูดแล้วก็หันหลังหลบสายตากึ่งสงสัยกึ่งกังวลจากคนตัวเล็ก แต่เดรโกก็ไม่พูดอะไร เขาเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วเริ่มต้นสอนพินซ์ใช้คาถาแปลงกายง่าย ๆ เสกของให้เปลี่ยนรูป

เมื่อแฮร์รี่ล้างจานชามเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากครัว เขาก็เห็นทั้งครูและลูกศิษย์นอนซบเคียงกันอยู่บนโซฟา มีแจกันที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นก็อกน้ำไปแล้วครึ่งหนึ่ง (คือตัวยังเป็นแจกันแต่หูดันกลายเป็นก็อกน้ำไปแล้ว) วางอยู่บนพื้น ทำให้แฮร์รี่อดคิดถึงสมัยเรียนคาบวิชาแปลงกายของแมกกานากัล รอนก็มักจะเปลี่ยนของได้ครึ่งเดียวแบบนี้เหมือนกัน เขาจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้

เดรโกขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเด็กหญิงตัวจิ๋วพลิกมาทับแขน แฮร์รี่จึงค่อย ๆ อุ้มพินซ์ขึ้นแล้วพาไปนอนในห้อง เขากลับออกมาคิดจะปลุกเดรโก แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่หลับพริ้มอยู่ชายหนุ่มก็เปลี่ยนใจ ค่อย ๆ สอดแขนไปใต้ร่างบางแล้วอุ้มขึ้นมาเบา ๆ ระวังไม่ให้ตื่น

แฮร์รี่วางคนตัวเล็กในอ้อมแขนลงบนเตียงแล้วคลี่ผ้านวมหนานุ่มห่มให้ ชายหนุ่มทรุดนั่งลงตรงริมเตียงมองใบหน้าขาวนวลที่ยังคงมีรอยกังวลปรากฏอยู่แม้ยามหลับ เขาลูบผมสีทองนั้นเบา ๆ

“ฉันจะพยายาม...เดรโก” แฮร์รี่กระซิบ ก้มลงแตะริมฝีปากกับหน้าผากเนียนอย่างเศร้าสร้อย

“ฉันจะอยู่ข้างนายจนถึงที่สุด...”





Create Date : 03 มกราคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2548 17:30:47 น.
Counter : 701 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  5  

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]