ชายหนุ่มกับไม้ขีดไฟ (X'Mas Project)
X’mas Fiction—ชายหนุ่มกับไม้ขีดไฟ

แสงไฟจากถนนและร้านค้าคืนนี้ดูสว่างไสวกว่าปกติ แสงสีสดใสของมันตัดกับท้องฟ้าขมุกขมัวของฤดูหนาว เสียงเพลงประจำเทศกาลดังแว่วเป็นระยะตลอดแนวทางเดินนั้นฟังดูคึกคัก มองไปเบื้องบน หิมะสีขาวค่อยๆ ปลิวลงมาทับถมกันจนเป็นกองสูง แต่ไม่มีใครสนใจเกล็ดวาววามที่โปรยปรายนั้น ทุกคนต่างเร่งรีบกลับบ้านเพื่อเฉลิมกับครอบครัวหรือคนรัก

ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ ร่างขะมุกขะมอมร่างหนึ่งเดินลากขาเร็วๆ ปะปนไปตามถนน ก่อนที่จะรีบผลุบหายเข้าไปในซอกมืดมุมตึก ร่างค่อนข้างเล็กมองระแวดระไว เมื่อเห็นว่ามุมอับนั้นไม่มีคนซ้ำยังเป็นซอยตัน มีเพียงกองลังไม้ระเกะระกะ ผู้มาเยือนก็ทรุดนั่งลงกับพื้น ใช้เงามืดของลังไม้บังร่างของตนไว้

มือเรียวดึงฮู้ดเสื้อคลุมมอซอนั้นออก เผยให้เห็นใบหน้าขาวที่บัดนี้ค่อนข้างซีด เส้นผมสีบลอนด์ทองสะดุดตาตัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ เขาใช้อีกมือฉีกขากางเกงข้างหนึ่งซึ่งมีรอยไหม้อยู่แล้วให้ขาดออก บริเวณต้นขามีบาดแผลที่เหมือนกับถูกของมีคมบาดเป็นทางยาว

“อูย” เดรโก มัลฟอยอุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นปากแผลกว้าง...คาถาเสียดแทงเรอะ...ดันมาบาดเจ็บตอนนี้..แถมยังต้องหนีไอ้พวกนั้นอีก...

ใบหน้าขาวกัดริมฝีปากเพื่อข่มความเจ็บปวดพลางใช้มือฉีกชายเสื้อคลุมมากดห้ามเลือด จะติดต่อกับศูนย์ยังไงดีวะเนี่ย....เราออกมานอกเส้นทางเสียด้วย...เขาคิด..เทศกาลคนก็เยอะ รบกวนสัญญาณติดต่อชิบ...

เสียงฝีเท้าย่ำเร็วๆ ดังมาจากด้านนอก ร่างบางรีบเขยิบตัวหลบมุมมากขึ้น...เวร...อย่าให้เป็นพวกมันนะ...

เขานิ่งฟังจนเสียงนั้นเงียบไปจึงค่อยผ่อนลมหายใจเบา ไปแล้ว...คราวนี้คงหลบพ้นเสียที...


งานดักจับพวกผิดกฎหมายของกระทรวงเวทมนต์ไม่เคยมีวันหยุด แม้ว่าจะเป็นวันคริสต์มาสแบบนี้ก็เถอะ พอรู้ว่าพวกพ่อค้าของผิดกฎหมายจากสเปนจะแอบขนของมาพร้อมกับเรือของพวกมักเกิ้ล หัวหน้าฝ่ายปราบปรามจอมเฮี๊ยบก็สั่งระดมพลทันที เดรโกต้องละมือจากต้นคริสต์มาสที่กำลังตกแต่งมาที่ศูนย์ พร้อมกับรับเสื้อผ้ามอซอนี่มาใส่ ทำหน้าที่เดิมที่ทำแทบทุกครั้งของการดักจับ....แฝงตัวคอยสังเกตการณ์และส่งข่าว

บ้าชะมัด...มือปราบหนุ่มคิด ละมือจากการห้ามเลือดที่ดูเหมือนจะหยุดแล้ว...ไอ้พวกเจ้าหน้าที่คนอื่น พอเห็นว่าเขาตัวเล็กไปนิดก็โยนหน้าที่นี้มาให้ ทั้งที่เดรโกก็มีฝีมือพอๆ กับพวกมันนั่นแหละ บางทีอาจจะมากกว่าบางคนด้วยซ้ำ แต่มักจะถูกกันออกจากการตะลุมบอนทุกที

แต่ครั้งนี้....ดันมีเด็กมักเกิ้ลหลงเข้ามาในลานที่พวกพ่อมดต่างชาตินั่นกำลังขนของ รู้กันอยู่ว่าไอ้พวกพ่อค้าตลาดมืดน่ะไม่เคยปราณีใครหน้าไหนอยู่แล้ว พวกฝ่ายปราบปรามก็ยังมาไม่ถึง คนสังเกตการณ์อย่างเขาเลยต้องออกไปช่วย แล้วเป็นไงล่ะ พ่อมดคนเดียวกับไอ้พวกนั้นตั้งสิบ ทำได้อย่างมากแค่กันเด็กนั่นให้หนีไป แล้วตัวเองก็ต้องรีบเผ่นแทบไม่ทัน

“โดนหัวหน้าฆ่าทิ้งแน่” ชายหนุ่มร่างเล็กพึมพำพร้อมกับถดขาเข้ามา พยายามกอดอกเพื่อกันลมหนาวที่พัดผ่านช่องแคบๆ ของลังเปล่า ไม้กายสิทธิ์ดันหล่นหายตอนที่หนีคนร้าย อากาศเย็นเฉียบ เสื้อคลุมนี่ก็บางแถมปุๆปะๆ กว่าจะติดต่อศูนย์ได้เขาคงแข็งตายพอดี....

ลองคุ้ยในกระเป๋าเสื้อคลุม เผื่อว่าจะมีอะไรพอช่วยได้

“เอ๊ะ” เดรโกอุทานเมื่อนิ้วกระทบกับของเล็กๆ ก้นกระเป๋า เขาหยิบมันขึ้นมาดู “โธ่เอ๊ย กลักไม้ขีดนี่เอง” เจ้าหน้าที่ฝ่ายอุปกรณ์คนไหนฟะ ใส่ไม้ขีดมาในกระเป๋าเสื้อคลุมของมือปราบ...ตัวอักษรเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่หน้ากล่อง ไอ้โลโกแบบนี้ หรือว่า...

ร้านเกมกลวิเศษวิสลีย์---ไม้ขีดไฟวิเศษ---เพียงท่านเอ่ยปาก ก็จะสมปรารถนา

กะแล้วว่าต้องเป็นของเล่นของไอ้แฝดติงต๊องนั่น เดรโกคิด เอาเหอะ มันอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้างละมั้ง เขาหยิบไม้ขีดก้านหนึ่งมาจุด “อุ่น” เขาลองกระซิบ

พรึ่บ!

เปลวไฟสีส้มสว่างวาบขึ้นพร้อมกับไออุ่นที่แล่นเข้ามาปะทะตัว อ๊ะ! ใช้ได้นี่นา ชายหนุ่มทิ้งก้านไม้ขีดลง มันยังคงติดไฟอยู่ไม่ไหม้ไปเหมือนก้านไม้ขีดธรรมดา

“นานๆจะมีของใช้ได้สักที ไว้จะละเว้นไม่เข้าไปตรวจของผิดกฎหมายให้สักเดือนแล้วกันนะ” ใบหน้าเรียวยิ้มพร้อมกับเอามืออังเปลวไฟนั้น จะอยู่ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้....

เขาค่อย ๆ เอนหลังพิงกำแพงแล้วหลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจเพื่อพักสักครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่คิดใคร่ครวญสถานการณ์

ติดต่อกับศูนย์ไม่ได้ ถ้าออกไปตอนนี้ก็ไม่ปลอดภัย เจ้าพวกนั้นอาจจะวนเวียนอยู่ สภาพแบบนี้หนีไม่ไหวแน่ๆ ...

...ทางศูนย์เองก็คงยุ่งเรื่องการจับกุม ไม่มีใครว่างมาตามหาเขาหรอก คืนนี้คงต้องหลบอยู่นี่ก่อน.....หลบอยู่ในซอกตึกมืดๆ...คืนคริสต์มาสนะเนี่ย!

แสงจากไม้ขีดไฟค่อยๆ หรี่ลง...อ้าว เฮ้ย มันอยู่ได้แค่นี้เองเรอะ เดรโกผวาลุกขึ้นมา “อย่าเพิ่งดับสิ มันหนาวนะเฟ้ย...” เขาพยายามสั่ง แต่เจ้าเปลวสีส้มนั่นไม่ฟังเสียง ก้านไม้ขีดไฟค่อยๆลุกไหม้จนหมดแล้วแสงก็หายวูบไป “ไม่ได้เรื่องเลยนี่หว่า”บ่นหงุดหงิดแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

จุดอีกก้านก็ได้วะ เขาคิดแล้วจุดไฟอุ่นนั้นขึ้นอีกครั้ง...ลองคำนวณจำนวนไม้ขีดในกล่องกับเวลาที่มันอยู่ได้ น่าจะพอจนถึงเช้า ปัญหาคือตอนนี้เขาเริ่มหิวแล้วน่ะสิ ดันรีบออกมาจากบ้านทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไร กะว่างานนี้คงจะไม่นานเหมือนงานที่ผ่านๆมา จะได้กลับไปกินอาหารเย็นวันคริสมาสต์ที่อุตส่าห์เตรียมไว้ด้วย

พูดถึงอาหารเย็น เสียดายชะมัด ยิ่งเสียดายยิ่งหิว

มองเปลวไฟสีส้มนั่นอีก...เพียงแค่เอ่ยปากคุณก็จะสมปรารถนา...

ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่นะ....เขาจุดไม้ขีดอีกก้านแล้วพึมพำเบาๆ “อาหาร”

คราวนี้ไม้ขีดลุกไหม้ทันทีก่อนจะกลายเป็นขนมปังก้อนเล็กๆ เดรโกหยิบมันขึ้นมา “ทำได้แค่นี้เอง?” เขาถอนใจเฮือก “เอาเหอะ ก็ยังดีฟะ” มือเรียวหยิบขนมปังก้อนนั้นเข้าปาก อร่อยพอใช้...แต่จะกินมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม้ขีดไม่พอทำความอุ่นจนถึงเช้า....

ระหว่างที่ค่อยๆ กิน ชายหนุ่มก็นั่งนึกอะไรเรื่อยไป...ตลกดี...วันคริสต์มาสดันต้องมานั่งจุดไม้ขีดอยู่ในซอกตึกแบบนี้ เหมือนนิทานมักเกิ้ลเรื่องเด็กหญิงกับไม้ขีดไฟที่เคยมีคนเล่าให้ฟังไม่มีผิด....เด็กหญิงยากจนต้องจุดไม้ขีดไฟกันความหนาวทีละก้าน พอไม้ขีดหมดความอุ่นก็หายวับ หิวก็จุดไม้ขีดเห็นภาพโต๊ะอาหาร แล้วก็เลือนหายไปอีก สุดท้ายเห็นภาพคุณยายที่ตายไปแล้วมาหา กลัวคุณยายจะหายไปก็เลยจุดไม้ขีดจนหมด เช้าวันต่อมาก็มีคนพบว่าหนาวตายอยู่ในซอกตึกนั่นเอง

“น่าสงสารนะ” เสียงคนที่เล่าให้เขาฟังจนจบแว่วมา

ใช่ น่าสงสาร...แต่สภาพเขาตอนนี้น่าสงสารกว่า...นอกจากต้องทนหนาวแล้วยังบาดเจ็บ แถมโดนตามล่าอีก...หวังว่าคงไม่ต้องหนาวตายเหมือนเด็กผู้หญิงในเรื่องหรอกนะ

“เฮ้อ.....” คิดแล้วก็ถอนใจเฮือก ป่านนี้จะมีใครรู้หรือยังว่าเขาไม่ได้ประจำอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ จะมีใครมาตามเขาหรือยังนะ หรือว่ามัวแต่ไล่จับคนร้ายกันหมด....

เสียงเพลงคริสต์มาสดังแว่วมาจากถนน.....ยิ่งทำให้ซอกตึกนี่วังเวงขึ้นไปอีก....

ไม้ขีดมอดอีกแล้ว เออ จุดใหม่อีกก้าน

เดรโกมองเปลวไฟสีส้มนั่นก่อนจะครุ่นคิด....ถ้าขอของกินได้ จะพาใครมาที่นี่ได้หรือเปล่า...ดูจากอานุภาพเมื่อกี้ ไม้ขีดก้านเดียวทำไม่ได้แหง....ถึงเชื่ออย่างนั้นก็อยากจะลองดู....

มือเรียวจุดไม้ขีดไฟแล้วพึมพำบางอย่างเบา ๆ เปลวสีส้มกลายเป็นควันเบาบาง ปรากฏรูปร่างสลัวๆ ท่ามกลางหมอกนั้น ร่างบางผุดลุกขึ้นนั่งคุกเข่าทันที “ทำได้จริงเหรอเนี่ย!” เขาอุทาน

แต่ไม้ขีดกลับลุกไหม้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเมื่อครู่ที่จุดให้ความอุ่น เงาเลือนลางนั้นหายวับไป “เดี๋ยว!!” เดรโกผวาวูบทำท่าจะคว้าแต่ก็ไม่ทัน เปลวไฟที่ดับวูบไปแล้ว เขารีบดึงไม้ขีดก้านใหม่ออกมาจุด “ทำได้ทีเถอะน่า”

คราวนี้เงานั้นเริ่มปรากฏชัดขึ้น เงาร่างสูงของใครบางคนที่คุ้นตา เดรโกยื่นมือเข้าไปหา....เกือบจะคว้าไว้ได้แล้ว แต่เปลวไฟก็หายวับไปอีก ร่างบางลนลานจุดไม้ขีดใหม่ “นายต้องเห็นสิว่าฉันอยู่ไหน!”

คราวนี้เขาใช้ไม้ขีดแทบจะหมดกล่อง จุดมันขึ้นเป็นเปลวไฟสีส้มสว่างไปทั่วบริเวณ รูปเงานั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นเป็นภาพชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่ ชายหนุ่มผู้มีผมสีดำยุ่งเหยิงอยู่เป็นนิจกับดวงตาสีเขียวที่มองดูเขาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้ม...รอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่าเปลวไฟไหนๆ

“แฮร์รี่!!!” เดรโกผุดลุกขึ้นแทบจะลืมความเจ็บปวดทั้งหมด เขาผวาเข้าไปหาร่างตรงหน้า แล้วร่างบางก็ถูกรวบเข้าไปในอ้อมกอด...

“นายจริงๆด้วย...”

ใบหน้านั้นยังคงยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแม้จะไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมา “มาช้าจริง เจ้าบ้า!” เดรโกพึมพำพร้อมกับซบหน้าลงกับอกของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเปลวไฟทำท่าจะมอดไปหมดอีกครั้ง ร่างสูงเริ่มเลือนลาง

“แฮร์รี่ นายอย่าไปนะ!!” เขาพยายามเรียกแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ร่างของแฮร์รี่ พอตเตอร์หายไปพร้อมกับเปลวไฟที่มอดลง เดรโกทรุดนั่งพร้อมกับหลับตาลงอย่างอ่อนล้า

แย่ชะมัด...ใช้ไม่ได้ผลจริงๆ ด้วย แถมยังใช้ไม้ขีดไปหมดอีก...ร่างบางกอดเข่า ซบหน้าลงกับแขน

“ไอ้บ้าแฮร์รี่! บอกว่าอย่าหายไปไงเล่า อยากให้ฉันหนาวตายที่นี่เหมือนยัยเด็กขายไม้ขีดไฟนั่นหรือไง....” เสียงพูดตัดพ้อนั้นเครือก่อนจะหยาดน้ำใสๆ จะเอ่อท้นดวงตาสีฟ้าไหลสู่แก้มเนียน ร่างสั่นสะท้านเพราะความหนาวและแรงสะอื้น....

แล้วก็รู้สึกว่ามีมืออุ่นๆ มาลูบเบาๆ ที่ศีรษะ เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

“ไหน ใครจะทิ้งให้นายหนาวตายได้ลงคอฮึ เดรโก”

ใบหน้านวลรีบเงยหน้าขึ้น นี่เป็นความฝันอีกเหรอ....

“แฮร์รี่?” ดวงตาสีฟ้าที่พร่าพรายหรี่ลงอย่างไม่แน่ใจ ภาพของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ก้มตัวลงมาหาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นนั้นไม่ใช่ภาพรางเลือนอีกต่อไป สัมผัสอ่อนโยนแตะที่ไหล่

“ก็ฉันน่ะสิ” เสียงพูดกลั้วหัวเราะก่อนที่ร่างสูงจะทรุดนั่งลงข้างๆ “ตามหานายเสียทั่วเลยรู้ไหม”

แฮร์รี่ลงมือตรวจบาดแผลที่ต้นขาของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง “หนักไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย” เขาพูดก่อนจะใช้คาถารักษาบาดแผลเบื้องต้นให้

เมื่อเสร็จเรียบร้อยใบหน้าของคนรักษาก็เงยขึ้นมองก่อนจะพูดหน้าขรึม

“เดรโก บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเสี่ยงอันตราย”

คนถูกดุทำหน้าบึ้งตอบบ้าง “ก็...พวกนายมาช้านี่ ฉันก็ต้องช่วยเด็กมักเกิ้ลนั่นก่อนสิ”

ใบหน้าดื้อดึงบอกชัดว่าไม่รู้สึกผิด ช่วยคนจนเจ็บตัวแล้วยังโดนดุ ใครจะไปยอม....

“จะไม่ให้ฉันทำอะไรเลยหรือไง ไอ้พวกที่กองยิ่งชอบล้อเรื่องที่นายโอ๋ฉันอยู่ด้วย”

แฮร์รี่ถอนใจ “เพราะอย่างนี้แหละ ฉันถึงไม่อยากให้นายทำงานฝ่ายปราบปรามอีก…อยู่บ้านเฉยๆ ดีกว่าตั้งเยอะ” เขาพูดเสียงจริงจัง แต่พอมองคนตัวเล็กทำหน้าตึงหันหลบไปอีกทางอย่างงอนๆ ก็อดยิ้มเอ็นดูออกมาจนได้

“ชอบทำให้ฉันใจหายใจคว่ำอยู่เรื่อย เจ้ามังกรน้อยจอมยุ่ง”

มือใหญ่เอื้อมไปดึงจมูกโด่งรั้นนั้นอย่างมันเขี้ยว

“โอ๊ย! อะไรเล่า” คนถูกแกล้งร้องออกมาก่อนที่จะโดนแขนยาวๆนั้นรวบเข้าไปกอด แฮร์รี่เกยคางกับศีรษะที่มีเส้นผมสีทองพลางกระซิบเสียงแผ่ว “รู้ไหมว่าฉันห่วงนายแทบตาย”

เดรโกซบกับอกกว้างอบอุ่น รับรู้ถึงความห่วงใยของอีกฝ่าย คราวนี้ไม่ใช่ภาพฝันอีกแล้ว... “อือ...ขอโทษนะ” บอกเสียงเบาแบบยอมรับผิดโดยดี

ได้ยินแล้วใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ้มให้ก่อนที่ร่างสูงจะช้อนคนตัวเล็กขึ้นอย่างง่ายดายราวกับร่างนั้นเบาหวิว “งั้นกลับบ้านกันเถอะ พวกคนร้ายโดนจับหมดแล้วล่ะ ฉันบอกหัวหน้าไว้แล้วว่าถ้าตามนายเจอก็จะพากลับบ้านเราเลย”

เดรโกใช้แขนเกาะบ่าข้างหนึ่งของคนอุ้มไว้ ใบหน้าสวยขมวดคิ้วสงสัย “ว่าแต่ นายหาฉันเจอได้ยังไงเนี่ย มันอยู่นอกระบบสัญญาณของศูนย์นี่นา”

ชายหนุ่มผมดำคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็...กล่องไม้ขีดในกระเป๋านายไง”

“กล่องของเล่นของเจ้าแฝดวีสลีย์?”

“นั่นน่ะมันติดเครื่องสงสัญญาณไว้ ฉันวานให้เฟร็ดกับจอร์จทำให้เองแหละ ไว้ตามหาเวลานายแอบหนีเที่ยว” ใบหน้ายามงุนงงน่ารักจนแฮร์รี่อดใจไม่ได้ต้องกดจมูกกับแก้มใสเนียนนั้นไปทีนึง

คนถูกฉวยโอกาสหน้าแดงเรื่อขึ้น “นี่! อะไรเล่า!” ใบหน้านวลพยายามทำท่าฉุนกลบเกลื่อน “นายแอบติดเครื่องติดตามฉันงั้นเหรอ หนอย” กำปั้นเล็กๆ ทุบบ่าคนอุ้ม

“น่าๆ สงบศึกก่อนนะ วันนี้วันคริสต์มาสนะ นายแต่งต้นคริสต์มาสค้างไว้ไม่ใช่เหรอ” แฮร์รี่รีบถามเอาใจ

“อือ แล้วอาหารเย็นล่ะ นายเตรียมเสร็จแล้วใช่ไหม ถ้าไม่เสร็จกลับไปรีบทำเลยนะ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” พูดแบบสั่งการเล็กๆ พร้อมกับเอามือแตะที่ท้องตัวเอง

ใบหน้าหล่อเหลาเลยพูดกลั้วหัวเราะ“เสร็จแล้วครับ นายท่าน งั้น...เราไปฉลองคริสต์มาสกันเถอะนะ”

แล้วร่างสูงก็อุ้มคนตัวเล็กออกไปจากตรอกนั้น ออกไปสู่ถนนที่คึกคักท่ามกลางเสียงเพลงคริสต์มาสลอยแว่วมาตามลมหนาว

“นี่...”

“อะไรอีกเล่า...”

“แล้วของขวัญวันคริสต์มาสของฉันล่ะ”

“ทวงเหรอ คนงก...ไม่มีให้หรอก...อยากทิ้งให้ฉันรอนาน”

“ไม่มีก็ได้...ขอเป็น....แทนละกัน”

“เจ้าบ้า…”

“หึหึ เวลานายเขินนี่น่ารักชะมัด...รีบกลับบ้านกันดีกว่า”

“ไม่รู้ไม่ชี้...ไม่ได้รับปากอะไรสักหน่อยนะ...”

แล้วทั้งสองมุ่งหน้ากลับไปยังห้องนั่งเล่นที่สว่างไสวและอบอุ่นของบ้านเลขที่ 12 ถนนกริมโมเพลซ


*****Merry X’Mas*****

****I wish you’re all with your love in the day of happiness****




Create Date : 24 มกราคม 2548
Last Update : 24 มกราคม 2548 10:41:51 น.
Counter : 983 Pageviews.

1 comments
  

มาเยี่ยมนะคะ






คลิกที่นี้เลยค่ะ



โดย: รักดี วันที่: 24 มกราคม 2548 เวลา:18:16:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]