Chapter 3
แสงแดดสาดเข้ามาทางกระจกหน้าต่างตลอดช่วงบ่าย ทำให้ระเบียงทางเดินชั้นล่างด้านทิศตะวันตกค่อนข้างร้อนจนคนส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะเดินผ่าน ขอบระเบียงหินที่สูงขึ้นมาเล็กน้อยถูกแสงอยู่เป็นประจำจนกลายเป็นสีซีด ด้านนอก เมื่อมองออกไปจะบริเวณลานที่ใช้สำหรับพักผ่อน มีโต๊ะหินสำหรับนั่งเล่นใต้ซุ้มต้นไม้ขนาดใหญ่

หลังช่วงสงครามกับฝ่ายมืด สถานที่สำคัญๆ หลายแห่งของโลกเวทมนต์ถูกทำลาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนึ่งในสถานที่เหล่านั้นต้องมีปราสาทฮอร์กวอร์ตรวมอยู่ด้วย ตัวปราสาทในวันนี้จึงทั้งเหมือนและแตกต่างจากภาพโรงเรียนเวทมนต์ศาสตร์ในอดีต บางส่วนถูกซ่อมแซมและสร้างขึ้นใหม่ แต่ก็มีบางห้องเหมือนกันที่ยังรักษาสภาพเดิมไว้ได้ ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อหลายสิบปีก่อนสักนิด


เสียงฝีเท้าสองคู่กระทบกับพื้นหินเพียงเบาๆ เท่านั้น แต่เมื่อไม่มีเสียงอื่นเข้ามาแทรก จึงกลายเป็นว่ามันเป็นเสียงเดียวที่ดังก้องไปตลอดทั้งทางเดินยาวเหยียด

"ถ้าเป็นห้องของฟิลช์ ก็ต้องไปทางนี้แหละค่ะ"

เด็กสาวผมบลอนด์หยักศกกล่าวกับคนที่เดินตามมาด้วยสีหน้ากังวลใจ "ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรถึงถูกเรียกไปแบบนี้ ฟิลช์ยิ่งไม่ค่อยชอบพวกคุณพอตเตอร์อยู่ด้วย"

"คงไม่มีอะไรหรอก" เสียงใสเย็นตอบกลับอย่างไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจนัก

กิตติศัพท์ของพวกสองแฝดน่ะเล่าลือกันไปทั้งครอบครัวตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ร่างสูงโปร่งก้าวไปเดินข้างๆ คนนำ พลางรั้งต้นแขนเล็กไว้ เมื่อเห็นว่าอลิเซียทำท่าจะเดินชนข้าวของที่วางทิ้งเรี่ยราดอยู่บนพื้นหิน

"อ๊ะ ขอบคุณค่ะ" ฝ่ายนั้นตอบพร้อมกับสีชมพูแล่นขึ้นมาที่แก้มโดยไม่รู้ตัว แต่คนที่ประคองอยู่ก็ยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยไว้ ขาเรียวทำท่าจะก้าวผ่านไป ถ้าดวงตาสีฮาร์เซลไม่เหลือบไปเห็นของที่ว่าเสียก่อน

"เดี๋ยว อลิเซีย อย่าเพิ่งไป"

เด็กสาวผมสีบลอนด์อมแดงดึงอีกคนให้หยุดตาม ก่อนจะทรุดตัวลงหยิบขึ้นมาดูชิ้นหนึ่ง

"รู้แล้วล่ะ ว่าพวกนั้นทำอะไร ถึงถูกเรียกไป"

..........................................................................


เสียงคุยเฮฮาที่ดังลั่นออกมาจากห้องพักของภารโรงเก่าแก่ประจำโรงเรียนฮอร์กวอร์ต ถูกใช้แทนป้ายบอกทางได้เป็นอย่างดี แถมด้วยเสียงหัวเราะที่รอดออกนอกประตูมาเป็นระยะๆ ให้รู้ว่า การถูกเรียกมาลงโทษแทนที่จะได้ไปนั่งคุยตามที่นัดไว้ไม่ได้ทำให้กลุ่มจอมหาเรื่องนี่สลดเลยซักนิด

เฟลย์ก้าวตรงไปทางต้นเสียง มือเรียวขาวดันประตูไม้เก่าเข้าไปโดยไม่รอขออนุญาต

...และภาพที่เห็นก็เป็นอย่างที่คาดไว้

บนโต๊ะทำงานที่ค่อนข้างรกของฟิลช์ แทนที่จะมีเจ้าตัวนั่งประจำที่พร้อมกับพูดเยาะเย้ยเด็กอย่างที่ควรจะเป็น กลับมีร่างผอมสูงของเมธิสนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้พาดขาขึ้นมาบนโต๊ะด้วยท่าทางแสนสบาย ในมือถือใบโฆษณาที่ตัดจากหนังสือพิมพ์มาอ่านไปหัวเราะไป ขณะที่บนโต๊ะถูกจับจองด้วยคู่หูตัวแสบ เด็กสาวผมสีเพลิงนั่งขัดสมาธิจดอะไรใส่กระดาษยิกๆ

"เฮ้ ดีล ชั้นบนสุดไม่มี ขอชั้นต่อไป ส่งมาทางนี้หน่อย" เมธิสร้องสั่ง โยนใบโฆษณาที่ดูเสร็จแล้วลงกับพื้น

"ไม่ต้องมาสั่งได้มะ ทำไมพวกนายไม่ทำเองบ้างวะ"

เด็กหนุ่มผมดำที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้องข้างชั้นเก็บของเหล็ก 4 ชั้นหันกลับมาบ่น มือยังไม่ละจากกิ๊บติดผมอันเล็กๆ ที่เจ้าตัวกำลังใช้งัดแงะรูกุญแจอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจเต็มที่

นาย่าเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาจากหน้ากระดาษตรงหน้า

"ก็มีแต่นายที่รับวิชาตีนแมวมักเกิ้ลมาจากพวกพ่อเรานี่หว่า เพราะงั้นนายก็ต้องเป็นคนทำไง๊"

เด็กหนุ่มผมดำฟังแล้วก็ทำปากจิ๊กจั๊กขัดใจ พอจะหันกลับไปสนใจงานของตัวบ้าง สายตาก็เหลือบเห็นคนที่เดินเข้ามาในห้องเสียก่อน "อ้าว?"

"ทำอะไรกันน่ะ?"

เฟลย์ถามพลางก้าวนำอลิเซียเข้าไป ใบหน้าเรียวขมวดคิ้วอย่างสงสัย ...ภารโรงแก่ที่ยืนทำหน้าดุอยู่ตรงมุมห้องโถงในพิธีคัดสรรเมื่อวาน น่าจะไม่มีแก่ใจมาสั่งให้ใครช่วยจัดเอกสารในห้องหรอกมั้ง

"พี่" / "เฟลย์"

เสียงแรกทำให้อดีตประธานนักเรียนโบบาตงเพิ่งจะสังเกตว่า นอกจากสามตัวก่อเรื่องที่ถูกฟิลช์หมายหัวแล้ว ไม่ห่างออกไปนัก ยังมีญาติสนิทผมสีเพลิงสวมแว่นกับน้องชายของเธอรวมอยู่ด้วย กำลังช่วยกันนั่งดูเอกสารปึกใหญ่บนพื้นอย่างขะมักเขม้น

"มาพอดีเลยเฟลย์ ช่วยหาของหน่อยสิ" นาย่าโบกกระดาษในมือไปมา กวักเรียกญาติสนิท "อ๋อ..เธอ...อลิเซียใช่ป่ะ? มาช่วยด้วยก็ได้นะ" ประโยคหลังบอกเพื่อนร่วมบ้านที่เดินตามญาติของตัวเองมาด้วย

"หาอะไรกันอยู่เหรอคะ?" คนถูกเรียกถามแบบงงๆ แต่ก็ดูกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือ

"ใบทัณฑ์บน" เฮอร์มีสชิงตอบเสียเอง เด็กหนุ่มขยับแว่นตาก่อนจะแยกกระดาษเหลืองกรอบไว้เป็นกองๆ ชี้ให้เฟนริสเอากลับขึ้นไปเก็บบนชั้นตามเดิม เมื่อไม่เจอเอกสารที่ต้องการ "ฟิลช์ขู่ว่ากลุ่มเราทำผิดกฎโรงเรียนเกิน 20 ครั้งตั้งแต่เทอมที่แล้ว จะหาเรื่องไปฟ้องมักกอนนากัล"

"หลังเลิกเรียนเมธิสกับนาย่าเอาของจากที่ร้านไปวางขายตรงทางเดินน่ะฮะ"

น้องชายของผู้มาใหม่เล่าบ้าง "ฟิลช์อุ้มมิสซิสนอริสผ่านมาพอดี เลย...โดนเรียกมาที่นี่" เสียงใสตะกุกตะกักเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคงไม่ค่อยเต็มใจมาเท่าไหร่ เพียงแต่ขัดเสียงส่วนมากไม่ได้ "แต่ยังไม่ทันได้ลงโทษอะไร บังเอิญพีฟส์แกล้งเอาหนูของเด็กปี1ฮัฟเฟิลพัฟไปซ่อนในห้องน้ำหญิง ฟิลช์ต้องออกไปจัดการทางโน้นก่อน ดีลเลยบอกให้มาค้นใบทัณฑ์บนคัดออกไปบ้างน่ะฮะ"

"โธ่เว้ย กะแค่ซื้อขายกันตรงระเบียงทางเดินแค่เนี้ย ทางตรงนั้นช่วงบ่ายก็ไม่ค่อยมีคนผ่านอยู่แล้ว จะขอใช้หน่อยก็ไม่ได้" เด็กสาวผมแดงบ่นพลางเปลี่ยนไปรื้อลิ้นชักโต๊ะแทน "แถมยังยึดไม้กายสิทธิ์เราไปอีก ฮึ่ย ถ้าได้คืนมาเมื่อไหร่นะ ฉันจะเสกเจ้าสควิปแก่นั่นให้กลายเป็นจิ้กจกไปซะเลย"

ดวงตาสีฮาร์เซลมองกวาดไปรอบๆ ห้องของภารโรงประจำโรงเรียน ก่อนจะถอนหายใจ...แค่เห็นห้องนี้ ฟิลช์ก็คงหน้าซีดเป็นจิ้งจกไปเองแล้วล่ะมั้ง

พื้นสีกระดำกระด่างตั้งแต่หน้าประตูมา ยังคงเป็นพื้นสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบแบบปกติ แต่ถ้ามองลึกเข้าไป ทางมุมซ้ายมือที่เป็นชั้นเอกสาร ก็เต็มไปด้วยกองกระดาษ --ถ้าเจ้าของมาเห็นก็คงไม่ชอบใจแน่

ถึงอย่างนั้น นั่นก็ยังนับว่าพอดูได้มากกว่า มุมห้องทางด้านขวาที่จัดไว้สำหรับโต๊ะทำงาน โต๊ะตัวใหญ่ถูกจัดเข้ามุมเรียบร้อย แต่เก้าอี้นั่งด้านตรงข้ามโต๊ะ กลับไปอยู่คนละทิศละทาง ข้าวของที่คงเคยอยู่ด้านบน เอียงกะเท่เร่แทบจะหล่นลงจากขอบโต๊ะ เพราะร่างผอมบางที่ขึ้นไปเบียดกินเนื้อที่ เอกสารหลายแผ่นถูกโยนสุมไว้ข้างโต๊ะด้านซ้ายราวกับกองขยะ

"อ๊ะ" เสียงเฮอร์มีสอุทานเบาๆ ก่อนจะก้มลงเพ่งอ่านกระดาษปึกใหญ่ในมือด้วยท่าทีสนใจ แต่เสียงใสของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน

"เจอแล้ว!"

เฟนริสร้องบอก มือเรียวเล็กส่งเอกสาร 3-4 ใบให้กับร่างสูงของเพื่อนร่วมบ้าน "นี่ใช่มั้ยฮะ ผมเห็นอยู่ในชั้นนี้เต็มไปหมด เอาออกมาซัก 3-4 ใบพอมั้ยฮะ ดีล?"

"ดีมาก เฟนริส แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ" ดีลรับกระดาษมาจากมือเล็ก ก่อนจะหยิบกล่องสีเหลี่ยมขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม

แชะ

ไฟสีเหลืองทองลุกวาบชั่วขณะ ก่อนจะลามเลียแผ่นกระดาษบางๆทั้งสี่ เพียงไม่กี่วินาที เอกสารยืนยันความผิดของเมื่อเทอมก่อนก็กลายเป็นเศษขี้เถ้าให้มือเรียวยาว ปล่อยปลิวออกไป

"นั่นเป็นของของมักเกิ้ลเหรอฮะ"

"อืม ไฟแช็กน่ะ สะดวกดีไม่ต้องใช้คาถา" ดีลแกล้งขยี้เส้นผมนิ่มนั้นเบาๆ

"ไว้ฉันจะให้ลองเล่นทีหลังนะ ตอนนี้เรารีบออกไปก่อนฟิลช์จะกลับมาดีกว่า เฮ่ย พวกนายก็เก็บของกันได้แล้ว" ท้ายประโยคหันไปบอกพรรคพวกที่เหลือ เมธีสกับนาย่าทำท่าจะลุกจากโต๊ะกวาดข้าวของและสินค้าเก็บเข้าถึงใบใหญ่เหมือนตอนขามา

"เฮอร์มิส ไปเหอะ"

นาย่าร้องบอกญาติอีกคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนพื้น แต่ฝ่ายนั้นโบกมือปฏิเสธทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบางอย่าง มือเรียวกุมคางตัวเองอยู่ในท่าครุ่นคิด พอเห็นท่าทางแบบนั้นเข้า เสนาธิการของกลุ่มก็ชักสนใจขึ้นมาบ้าง

"มีอะไรน่าสนใจหรือไง เฮอร์มิส?" ดีลเดินไปเท้าแขนกับไหล่ของเพื่อน ชะโงกหน้าไปดูเอกสารนั้นบ้าง

คนถูกถามพยักหน้า "อืม...เจอของเก่าที่น่าสนใจเลยล่ะ" ใบหน้าตกกระเงยขึ้นมองญาติและเพื่อนทั้งกลุ่ม "พวกนายรู้จัก ‘ห้องแห่งความลับ’ ไหม?"

ทุกคนเงียบกันไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะส่ายหน้า "ห้องอะไร? เอามาจากหนังมักเกิ้ลของเจ้าดีลรึไง เฮอร์มีส?" สองแฝดแกล้งแซวแล้วหันไปยัดข้าวของเก็บเข้าที่ต่อ

"ไม่ใช่นะ มันอยู่ในฮอกวอร์ตต่างหากเล่า" ลูกชายของอดีตนักเรียนดีเด่นเถียง

"นายรู้จักไหม ดีล? เรื่องแปลกๆ แบบนี้อาแฮร์รี่น่าจะเคยเล่าให้ฟังบ้างสิ"

เด็กหนุ่มผมดำเกาแก้มตัวเองเบาๆ "อืม...ก็คงเคยมั้ง แต่จำไม่ได้แล้ว"

สมัยเด็กๆ ป๊ะป๋าเคยพยายามจะเล่าเรื่อง ‘การผจญภัย’ ของตัวเองให้เขาฟังเป็นนิทานก่อนนอนอยู่บ้าง แต่เดรเข้ามาได้ยินเสียก่อน ฝ่ายนั้นรีบห้ามเสียจริงๆ จังๆ (ดีลเดาว่า สงสัยเดรจะกลัวมีเรื่องตัวเองหลุดมาให้เขาแซวอีกละมั้ง) สุดท้ายป๊ะป๋าก็เลยตัดใจ หันมาหยิบพวกนิทานมักเกิ้ลมากล่อมเขาแทน

"ห้องแห่งความลับมันมีจริงด้วยเหรอคะ?"

คำถามอย่างประหลาดใจนั้นทำให้ทุกคนในห้องหันไปมองต้นเสียง เด็กสาวผมบลอนด์ผู้มาใหม่ชะงักนิดหนึ่ง

"เธอรู้จักด้วยเหรอ อลิเซีย?" เฟลย์เอ่ยถามเพื่อนร่วมชั้นของตนขึ้นมา

ใบหน้าเล็กพยักหงึก "อืม..ก็พอได้ยินมาบ้างค่ะ พอดีฉันชอบพวกตำนานเก่าๆ น่ะ" คนพูดยิ้มเขินๆ แต่พอมีเสียงเชียร์จากสองแฝดให้เล่าต่อ ฝ่ายนั้นจึงทบทวนความทรงจำ

"เล่ากันว่า ห้องแห่งความลับเป็นห้องที่ที่ซัลลาซาร์ สลิธิรินสร้างไว้ก่อนออกจากฮอร์กวอร์ต ข้างในมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ คนที่จะหาทางเข้าไปได้ มีแค่ทายาทของสลิธิรินเท่านั้น ตามประวัติศาสตร์ฮอกวอร์ต ห้องแห่งความลับเคยถูกเปิดสองครั้ง ครั้งแรกมีเด็กผู้หญิงตายไปคนนึงด้วย"

คนเล่าทำท่าหวาดๆ "ครั้งที่สองเมื่อไม่กี่สิบปีนี้เอง เหมือนจะมีเรื่องวุ่นวายมาก แต่ตอนนั้นเป็นช่วงก่อนสงครามใหญ่ ก็เลยไม่ค่อยมีใครบันทึกเอาไว้น่ะค่ะ"

คนฟังต่างก็พยักหน้ารับรู้ "อ้อ เรื่องเก่าสมัยพวกพ่อยังเรียนอยู่สินะ" เมธิสว่าแล้วก็หันกลับไปเก็บของอีกรอบ

"โอ๊ย ป่านนี้คงไม่มีอะไรเหลือแล้วมั้ง" นาย่าเสริม "ถ้ามีก็คงถกฝังกลบไปตั้งแต่ตอนซ่อมปราสาทแล้วล่ะ ดูสิ ขนาดห้องฟิลต์ยังสร้างใหม่เลยนิ่ พวกพ่อเราบอกว่า ของเล่นสนุกๆ ที่ถูกยึดไว้สมัยนั้นหายเกลี้ยง"

"อืม...มันก็ไม่แน่นะ..." ดีลยังคงติดใจอยู่เล็กน้อย แต่แล้วก็ตัดใจเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของคนที่ยืนอยู่หน้าประตู "เอาไว้วันหลังจะถามป๊ะป๋าให้ละกัน เฮอร์มิส ไปเหอะ ไอ้เศษกระดาษพวกนั้น ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ"

ร่างสูงดันชั้นหนึ่งของลิ้นชักเหล็กกลับเข้าที่ ก่อนจะสำรวจร่องรอยงัดแงะ ให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นแน่ๆจนพอใจ ก็หันกลับมาเร่งต่อ "ไปเร็ว เมธิส นาย่า เดี๋ยวนายสองคนต้องไปขโมยไม้กายสิทธิ์คืน...."

เสียงแปลกๆดังขึ้นจากอีกด้านของประตูทำให้ทุกคนชะงักคำพูดและการเคลื่อนไหวทั้งหมดทันที! ดวงตาทุกคู่จ้องมาทางฝ่ายวางแผนประจำแก๊งทันที

แกรก


"เสียงอะไร?" เฮอร์มีสกระซิบถามเบาๆ แต่ดีลทำสัญญาณบอกให้เงียบไว้

ร่างสูงก้าวยาวๆ ตรงไปทางประตูไม้ที่ตอนนี้ไม่มีเสียงอะไรออกมาอีก มือเรียวยาวข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม ขณะที่อีกข้างหนึ่งก็ค่อยๆ ดันประตูเปิดออกช้าๆ

พื้นที่ตรงประตูทางเข้าว่างเปล่า ทำให้ดวงตาสีฟ้าซีดฉายแววไม่แน่ใจขึ้นมา แต่พอเลื่อนสายตาไปยังทางเดินห่างออกไปเล็กน้อย ก็สะดุดกับเงาร่างสูงใหญ่กำลังเดินจากไปช้าๆ พอเห็นชัดว่าเจ้าของแผ่นหลังกว้างในชุดสีดำสนิทนั่นเป็นใคร ดีลไม่รีรอที่จะเอ่ยถาม

"เฮ้ นายมาทำอะไรแถวนี้น่ะ"

อีกฝ่ายชะงัก หันกลับมาตามเสียงเรียกช้าๆ ใบหน้าที่ประดับด้วยเส้นผมสีดำตัดสั้นนั้นนิ่งสนิทนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พอๆ กับดวงตาเรียวยาวสีเทาที่สบตากับคนถามแบบไม่แยแส ริมฝีปากบางเฉียบเป็นเส้นตรงไม่ได้เอ่ยตอบใดๆ ทั้งสิ้น แล้วร่างสูงก็หันเดินจากไปทิ้งไว้เพียงความเงียบที่น่าอึดอัดลอยเคว้งอยู่ตามทางเดิน

"เฮ้อ...เป็นแบบนี้ประจำเลยแฮะ" ลูกชายของอดีตฮีโร่บ้านกริฟฟินดอร์ยักไหล่อย่างเซ็งๆ

"รู้จักหรือ?"

เจ้าของเสียงใสเย็นที่มายืนข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยถาม ดวงตาสีฮาร์เซลมองเด็กหนุ่มผมดำสั้นที่ดูแว่บเดียวก็รู้ว่าเป็นนักเรียนบ้านสลิธิรินนั้นไป ก่อนจะเหลือบมองน้องชายตนเองที่ยืนจับมือพี่สาวแน่น

เฟนริสแอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย มองตามเป้าสายตานั้นไปด้วยสายตาหวาดๆ

"เขาอยู่หอเดียวกับพวกเราฮะ...เอ่อ..." ริมฝีปากสีเรื่อทำท่าจะบอกอะไรมากกว่านั้น แต่ครู่เดียว เหมือนความไม่แน่ใจที่ผ่านเข้ามาในดวงตากลมโตคู่นั้น จะทำให้เจ้าตัวนิ่งเงียบไปแทน

"หมอนั่นก็เป็นแบบนี้แหละ เฟนริส อย่าคิดมาเลยน่า"

เสียงปลอบราวกับเรื่องไม่สำคัญนั้นทำให้อีกคนที่ฟังอยู่หันไปมองคนพูดทันควัน "ใคร?" เฟลย์หันมาถามเพื่อนน้องชาย เมื่อเห็นว่าอีกคนก็มองอาการของร่างบางออก

แววตาคาดคั้นเล็กน้อยในดวงตาสีฮาร์เซลทำให้คนถูกมองแอบดีใจนิดๆ ไม่ได้ โอ๊ะโอ๋...ท่าทางจะเป็นคนติดน้องแฮะ ดีลเก็บข้อมูลเป็นประโยชน์นี้ไว้ในสมองก่อนจะเอ่ยตอบออกไปอย่างไม่กังวลอะไรนัก

"เดเมียน เลสแตรงค์ ปี 4 บ้านสลิธิริน รูมเมทของฉันกับเฟนริสไงล่ะ"

..........................................
TBC~

Please Wait For the next Chapter

30 May 2006




TALK


แหงวๆ ตอน 3 มาต่อเร็วเพราะว่าเป็นตอนที่ตัดออกมาจากตอนที่ 2 จ้า (เผลอขี้โม้เยอะอีกแล้ว) แต่ตอนนี้หน้าคงเว้นยาวหน่อยน้อ...(เดธไลน์ต้นฉบับเดือนหน้ามาแล้ว งือ)

ได้ฤกษ์ออกชื่อพ่อหนุ่มนัยตาสีควันบุหรี่ที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจในตอน 1 ไปแล้วเน้อ เหอๆ คนนี้ก็คงจะมีบทบาทต่อไปไม่มากก็น้อย (ว่าแต่เมื่อไหร่จะได้เปิดปากพูดเสียที)

จำนวนคนอ่านลดลงจนน่าใจหาย (^_^!) สว่างเกินไปสินะ เฮ้อ ก็ได้แต่นั่งทำใจ พยายามเตือนตัวเองว่า

"แต่งเพราะใจรัก แต่งเพราะใจรัก อย่าคิดมาก"

ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามด้วยนะค๊า วันอังคารที่ 30 พ.ค. เจอกันจ้า



Create Date : 23 พฤษภาคม 2549
Last Update : 23 พฤษภาคม 2549 12:59:18 น.
Counter : 380 Pageviews.

3 comments
  
เหอๆ ฟิคสว่าง แต่ยังไงก็ชอบอ่ะ อยากอ่านคู่ขิงเฟนริสจัง ^^ รีบๆมาอัพนะคะ
โดย: nagisa IP: 58.8.36.227 วันที่: 26 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:56:10 น.
  
เปิดเทอมแล้วอ่ะค่ะ เลยไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพิ่งได้เล่นวันนี้ เนื้อเรื่องน่าตื่นเต้นดีค่า ถึงสว่างก็ชอบ ปรับสายตาแล้วเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ หุหุ สู้ๆนะคะ^^
โดย: Amethyst IP: 124.120.107.76 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:06:39 น.
  
30 พค.แล้วนะ ทำไมยังไม่อัพอ่า --^ -- อยากอ่าน
โดย: nagisa IP: 58.8.36.102 วันที่: 31 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:21:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]