Volume 2 part 5
Part 5

ไม่มีอะไรซักหน่อย!

เป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว ไม่เห็นเกี่ยวกับเรา!

ผมเดินเร็วๆไปตามระเบียง ไม่ใส่ใจสายตาหลายคู่สองข้างทางที่มองมาแบบประหลาดใจ

...หมอนั่นกับโช แชง...

ไม่เอา! บอกให้เลิกคิดไง!

เมื่อถึงเรือนเพาะชำผมก็รีบวางหนังสือลงบนโต๊ะ ขยับกระถางต้นอเคเชียออกมาจากมุมห้อง แล้วนั่งลงให้อาหารมันช้าๆ อย่างระมัดระวัง...

ภาพเมื่อครู่ยังติดตาอยู่ หมอนั่นเวลาคุยกับคนรักดูอบอุ่นเป็นสุภาพบุรุษขึ้นมาเชียวนะ ต่างจากเวลาที่แกล้งผมอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ก็นั่นแหละ...

โอ๊ย! ไม่คิดแล้ว! ผมสะบัดศีรษะไล่เจ้าภาพกวนใจนั่นออก พอตเตอร์จะไปสวีทหวานแหววกับใครมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมนี่นา

พอๆ กลับมาสนใจกับงานตรงหน้าดีกว่า

ต้นไม้แกร็นดูดีขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่ผมเพียรพยายามให้อาหารมันทุกเช้า-เย็น แต่จะให้แข็งแรงเหมือนเดิมคงอีกนาน ผมต้องใช้เวลาอีกส่วนหนึ่งหลังจากเวลาเรียนเข้าห้องสมุดไปค้นหาวิธีช่วยเหลือมัน แต่ก็ยังไม่เจอตำราที่อธิบายวิธีปลูกต้นอเคเชียแบบละเอียดๆ เสียที บอกแล้วว่ามันเป็นต้นไม้ที่เหมือนต้นไม้ในนิทานปรัมปรา แม้แต่ในโลกเวทมนต์ก็เถอะ

………………………………………………………………………………

“มิสเตอร์มัลฟอย”

เสียงเรียกชื่อดึงผมขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนาที่กำลังค้นคว้าอย่างตั้งใจ มาดามพินซ์ยืนอยู่หน้ากองหนังสือตั้งสูงของผมพร้อมกับรอยยิ้ม

“ครับ?” ผมตอบรับเสียงเบาด้วยความเคยชิน ถึงห้องสมุดเวลาค่ำแบบนี้มักจะไม่ค่อยมีคนก็เถอะ

อาจารย์บรรณารักษ์ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ หน้าปกเก่าคร่ำของมันบอกอายุที่ไม่น้อยเลย “หนังสือเรื่องพันธ์พืชโบราณที่เธอหาอยู่จ้ะ”

ผมรับมันมาด้วยสีหน้างุนงงปนดีใจ “ขอบคุณครับ ผมนึกว่ามันจะหายไปแล้วเสียอีก ลองค้นตั้งหลายครั้งก็ไม่เจอ” หนังสือเล่มนี้แหละที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีรายละเอียดที่ผมต้องการ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ กำลังจะตัดใจอยู่แล้ว

“ไม่หายหรอกจ้ะ พอดีว่ามีคนมายืมไปน่ะ ครูเองก็ลืม ตอนนั้นกำลังยุ่งๆพอดี” มาดามพินซ์บอกก่อนจะเตือน “จะยืมไปอ่านที่หอก็ได้นะจ๊ะ นี่ก็ค่ำแล้ว เดี๋ยวห้องสมุดก็จะปิดแล้วล่ะ”

“ครับ” ผมยิ้มแล้วขยับเก็บข้าวของบนโต๊ะ เพิ่งสังเกตว่าตนเองเป็นคนสุดท้ายที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ “ขอบคุณมากนะครับ”

ผมเดินออกมาจากห้องสมุดพลางมองออกไปนอกระเบียงด้านนอกซึ่งหิมะเริ่มโปรยปราย กำลังคิดว่าจะแวะไปให้อาหารต้นอเคเชียอีกที ก็ยังไม่ถึงเวลาปิดหอนี่นะ ยังไงก็ไม่ต้องคอยกลัวว่าจะมีคนมาคอยตามคอยยุ่งเหมือนเมื่อหลายวันก่อน ผมกัดริมฝีปากเล็กน้อย ทำไมถึงชอบเผลอคิดถึงหมอนั่นอยู่เรื่อย

มัวแต่คิดเพลิน หนังสือเล่มหนาที่เพิ่งยืมมาเลยทำท่าจะหลุดมือ ผมรีบคว้ามันไว้ ในใจอดสงสัยไม่ได้ ใครนะที่ยืมหนังสือเล่มนี้ก่อนหน้าผม จะว่าไปไม่น่าจะมีใครสนใจเรื่องพันธ์พืชโบราณขนาดยืมหนังสือไปตั้งอาทิตย์ คิดแล้วก็เลยเปิดดูรายชื่อผู้ยืมที่เขียนไว้ที่หน้าปกด้านใน

ซ. สเนป – โห หนังสือตั้งแต่สมัยศาสตราจารย์สเนปยังเรียนอยู่เลยเหรอเนี่ย ผมคิดพลางไล่สายตาลงมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่คนที่ยืมหนังสือเล่มนี้จะเรียนจบกันไปนานแล้วทั้งนั้น ดูจากวันเดือนปีที่ยืมน่ะนะ

ร. ลูปิน

ค. วอร์ชิงตัน

บ.สตาร์

ฟ. เวฟฟอร์ด

จนมาถึงชื่อสุดท้าย

ฮ.พอตเตอร์

พอตเตอร์? ผมจ้องดูลายเซ็นใหม่อีกครั้ง นึกว่าตัวเองคงตาฝาดไป แต่ชื่อที่ปรากฏก็ยังเป็นชื่อของเจ้าตัวกวนของโรงเรียนอยู่ดี พอตเตอร์ยืมหนังสือเล่มนี้ไปทำไม? ผมขมวดคิ้วนึกสงสัยขึ้นมาก่อนจะรีบปัดความสงสัยทิ้งไป

เชอะ ไม่เห็นอยากจะรู้เลย


ผมเดินไปใกล้จะถึงเรือนเพาะชำ นึกประหลาดใจที่ถนนซึ่งควรจะมีหิมะทับถมกลับมีรอยเท้าคนเดินตรงไปยังทิศทางเดียวกัน มีใครออกมาแถวๆ เรือนเพาะชำตอนค่ำแบบนี้ด้วยเหรอ? อาจจะเป็นศาสตราจารย์สเปราซ์หรือเกรนเจอร์ละมั้ง (เพราะนอกจากผมก็มีอีกแค่สองคนที่มีกุญแจเรือนเพาะชำนี่นา)

ผมนิ่วหน้า วันนี้อาจจะไม่ได้ให้อาหารต้นไม้ แค่แวะไปดูก็แล้วกัน ถ้าเจออาจารย์หรือเกรนเจอร์ก็แค่บอกว่ามาเก็บผลการวิจัยประจำวันก็สิ้นเรื่อง

ประตูปิดเรือนเพาะชำล็อคไว้ ผมไขกุญแจเปิดแล้วเดินเข้าไปภายใน ไม่มีใครอยู่เลย อาจจะกลับไปแล้วก็ได้ ผมเดินไปถึงพื้นที่ของตัวเอง พอบอกรหัสแล้วก้าวเข้าไปภายใน ผมก็ต้องเบิกตากว้าง “เฮ้ย!”

ต้นอเคเชียหายไป!

บนโต๊ะที่ควรจะเป็นที่วางกระถางของมันว่างเปล่า ผมรีบเดินเข้าตรวจดูอย่างลนลาน หรือมันจะร่วงตกลงไปข้างล่าง ไม่นะ! ใต้โต๊ะก็ไม่มี มันหายไปได้ยังไง!

ผมตรวจดูแทบจะทุกซอกทุกมุมของพื้นที่ทดลอง แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เศษดินสักก้อน เป็นไปไม่ได้น่า!

หรือจะมีใครเข้ามา? ผมรีบหันไปกลับไปตรวจที่ประตูเวทย์อีกครั้ง ที่ริมขอบสีเขียวใสของมันมีรอยขาดที่ถูกเย็บไว้ด้วยเวทมนต์ ราวกับใครเอากรรไกรหรือของคมมีมาตัดแล้วเชื่อมต่อกลับไปใหม่อย่างแนบเนียน ถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็น

ต้องมีคนสักคนเข้ามาในนี้แน่ๆ ! ผมกัดริมฝีปาก ใครกันที่มาขโมยต้นไม้ของผม แล้วเจ้าหัวขโมยนั่นจะเอาต้นไม้แกร็นๆ ไปทำอะไรกันล่ะ? หรือว่า...จะเป็น...

คำตอบข้อสงสัยของผมลอยลงมาพร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่ถูกเสกให้ลอยอยู่เหนือประตู

อยากได้ต้นไม้ของนายคืน มาที่ลานใกล้ต้นวิโลว์จอมหวดสิ

ฮ.พ.

ผมกัดฟันแน่น กำกระดาษในมือแน่นจนมันแทบจะฉีกเป็นชิ้นๆ ชักจะมากไปแล้ว...มากเกินไปแล้วนะ!

………………………………………………………………………………


ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางสู่ลานต้นวิลโลว์จอมหวด หิมะเริ่มตกหนักขึ้นทำให้อากาศที่หนาวอยู่แล้วยิ่งเย็นลงอีก แต่ผมไม่สนใจ ความร้อนใจบวกกับความโกรธเคืองมันอัดแน่นจนทำให้ต้องหอบหายใจหนักด้วยซ้ำ

พอตเตอร์! ไอ้บ้านั่นจะหาเรื่องผมไปถึงไหน!

ผมเดินมาถึงเนินเล็กๆ ใกล้ลานต้นวิลโลว์จอมหวดแล้วก็หยุดกึก ภายนอกตอนนี้มืดสนิทแล้ว แต่ว่าแสงจากดวงจันทร์ข้างแรมค่อนข้างสว่างตาส่องให้เห็นเงาของร่างสูงที่กำลังนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่ริมเนินนั่น

“พอตเตอร์!” ผมเรียก พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นด้วยความโกรธ

ตัวกวนประจำโรงเรียนหันมาตามเสียง “เดรโก มาแล้วเหรอ?” สีหน้ายิ้มระรื่นที่กล่าวทักทำให้ผมแทบจะกัดฟันกรอด “นายเอาต้นไม้ฉันไปไว้ที่ไ..”

ยังไม่ทันพูดจบ พอตเตอร์ก็ลุกขึ้นรีบก้าวเข้ามาหาแล้วรวบผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอด! “นึกว่านายจะไม่มาซะแล้ว”

“แก!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจจากการจู่โจมที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะพยายามดิ้นสุดแรงปากก็ตะโกนลั่น “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! นายจะเล่นบ้าอะไรของนายอีก!”

วงแขนของคนตรงหน้ายังคงรัดแน่นโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของผมแม้แต่น้อย “โอ๊ย~ ไม่ได้คุยกับนายตั้งหลายวัน คิดถึงที่สุดเลย”

“ปล่อยนะ!” ผมตะโกนเสียงกร้าวพร้อมกับดิ้น “เอาต้นไม้ฉันคืนมา แล้วก็เลิกวุ่นวายกับฉันเสียทีได้มั้ย” ผมกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาอีกแล้ว “ไปอยู่กับแฟนนายโน่นไป!”

ประโยคสุดท้ายหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ทำให้พอตเตอร์งุนงงจนคลายอ้อมแขนได้ “แฟน? แฟนที่ไหนกัน?”
ผมถือโอกาสนั้นผละหนี ไม่ตอบคำถามของเจ้าตัวกวน “เอาต้นไม้ฉันคืนมา พอตเตอร์!” ผมกระชากเสียงแต่หมอนั่นยังคงทำท่าไม่รู้สึกรู้สาอยู่ดี พอตเตอร์คว้าข้อมือผมไว้แล้วบอกยิ้มๆ

“โอเค คืนให้แน่ แต่รอแป๊บนึงนะ”

ไม่ทันที่ผมจะคัดค้านก็ถูกร่างสูงของคนตรงหน้าดึงให้ก้าวไปยังริมเนินตรงที่เขาเพิ่งผละมา

“พอตเตอร์ นายจะพาฉันไปไหน บอกว่าให้คืนต้นไม้ของฉันมาไ...”

เสียงผมขาดหายเมื่อผมเห็นว่าอะไรอยู่บนพื้นดินตรงที่พอตเตอร์นั่งอยู่เมื่อครู่...

ต้นไม้แคระของผมถูกย้ายจากกระถางมาลงดิน ใบเล็กบอบบางของมันรับน้ำหนักของหิมะที่ตกลงมาจนกลายเป็นสีขาว ลำต้นสีน้ำตาลมีน้ำแข็งเกาะพราวทำท่าเหมือนจะแข็งตายไปแล้ว!

“พอตเตอร์! นายทำอะไรของนายเนี่ยห๊า!” ผมรีบถลาไปดูต้นไม้ แต่ถูกมือของอีกฝ่ายยึดไว้เสียก่อน “ปล่อยนะ!” ผมพยายามกระชากแขนออกแต่กลับถูกคนที่แรงมากกว่าดึงให้ยืนห่างออกมาอีกนิด

“ใจเย็นๆน่า” พอตเตอร์พูดเสียงนุ่มเหมือนกำลังปลอบเด็ก “ครั้งสุดท้าย เดี๋ยวคงใช้ได้แล้วล่ะ” เขาเดินกลับไปที่ต้นไม้ ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาแล้วว่าคาถาเบาๆ

แสงจากมือทั้งสองข้างถ่ายลงสู่ต้นไม้ต้นเล็ก แล้วก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนสว่างจ้า

อยู่ๆ เจ้าต้นไม้ต้นเล็กที่เหมือนจะกรอบแข็งไปแล้วก็กลับชุ่มชื้นขึ้น ลำต้นบอบบางสีน้ำตาลค่อยๆ ขยายใหญ่ กิ่งก้านผุดจากตาไม้เล็กๆ ยืดออก

พรึ่บ!

ฉับพลันต้นไม้เล็ก ๆ นั่นกลายเป็นต้นไม้ใหญ่สูงลิ่ว ลำต้นใหญ่ขนาดเกินสองคนโอบ แผ่กิ่งก้านสาขาจนเป็นร่มเงากว้าง ใบรูปแฉกต้องแสงจันทร์และหิมะรอบด้านราวกับจะเรืองแสงได้

ผมตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนไม่มีแรงจนต้องลงไปนั่งแปะลงบนพื้นหิมะนุ่ม

“นี่มัน....” เสียงถามเบาแทบจะเป็นกระซิบ

“ของขวัญแทนการขอโทษของฉันไง!” พอตเตอร์โผล่หน้ามาจากลำต้นของต้นไม้ที่ขวางเขาไว้ “ถูกใจไหมเดรโก” รอยยิ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าชื้นเหงื่อของเขา

“แต่ว่า...ทำไม...” ผมได้แต่งุนงง ก็ผมเลี้ยงมันมาตั้งหลายปี มันยังเป็นต้นไม้แคระ แต่พอตเตอร์แค่ถ่ายพลังให้มันแค่ไม่กี่วินาที

เอ๋ ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเหรอ?

มัวแต่คิด ไม่ทันรู้สึกตัวว่าเจ้าคนที่ยืนห่างออกไปเข้ามาทรุดนั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ จนเมื่อศีรษะที่มีผมยุ่งเหยิงนั่นเอนมาอิงไหล่นั่นแหละผมถึงรู้สึกตัว “เฮ้! นาย!”

“แฮะ แฮะ โทษทีนะ... มัน...ยืนไม่ไหวจริงๆน่ะ” พอตเตอร์บอกเสียงสั่นๆ หมอนี่หอบอยู่นี่นา แถมตัวยังเย็นเฉียบเลยด้วย

“พอตเตอร์ นี่นายอยู่นี่นานแค่ไหนแล้วเนี่ย!” ผมพูด รีบกวาดตามองร่างสูงข้างๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ใบหน้าที่อิงอยู่กับไหล่ผมยิ้มเพลียๆ

“ไม่รู้สิ...จำไม่ได้...ตั้งแต่บ่ายมั้ง...”

“นายจะบ้าเหรอ! อากาศแบบนี้เนี่ยนะ”

ผมหันขวับไปมองเขาชัดๆ พร้อมกับอุทาน ทำให้ศีรษะของคนที่นั่งพิงอยู่เซฟุบลงมาบนตักผมแทนแบบหมดเรี่ยวหมดแรง “ก็...ถ้าไม่ทำแบบนี้...ต้นไม้ของนายก็ไม่ยอมโตน่ะสิ”

“หา?ทำไม?” ผมมัวแต่ซักจนไม่ทันได้สนใจว่าตอนนี้เจ้าตัวกวนขยับตัวให้นอนหนุนตักผมได้ถนัดขึ้น

“ก็ตำราพืชโบราณ...อ้อ เล่มนั้นแหละ” พอตเตอร์ชี้มือไปที่หนังสือที่ผมยืมมาจากห้องสมุดและตอนนี้วางอยู่ข้างตัว “มันบอกว่า อเคเชียจะเติบโตได้ดีในที่ที่อากาศโปร่ง” หลังจากเอนลงไปนอน ร่างสูงบนตักผมเลยเริ่มอธิบายคล่องขึ้น

“แล้วถ้าจะให้มันโตเร็วๆ ก็ต้องเลี้ยงด้วยพลังเวทมนต์ในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดด้วย ฉันก็เลยย้ายมันลงดินแล้วค่อยๆ ถ่ายพลังให้ใหม่ไง”

ผมได้แต่นิ่งฟัง จริงเหรอ? งั้นที่ผ่านมา ที่ผมปลูกเจ้าต้นไม้นี่ไม่โตสักทีก็เพราะผมเลี้ยงมันในที่อับ ความพยายามที่จะประคบประหงมกลับยิ่งหยุดยั้งการเจริญเติบโตของมัน

“หนังสือเล่มนี้เก่าแต่เจ๋งดีแฮะ นอกจากอธิบายลักษณะต้นไม้โบราณแล้วยังมีวิธีการปลูกต้นอีก เสียแต่หายากชะมัด ฉันเกือบจะเข้าไปหาในส่วนหนังสือต้องห้ามอยู่แล้วเชียว ดีนะที่ไปถามโชก่อน”

“โช? โช แชงน่ะเหรอ” ผมถาม ภาพที่คนตรงหน้าคุยสนิทสนมกับหญิงสาวรุ่นพี่ยังติดตาอยู่ อีกฝ่ายหยักหน้า

“อือ โชแนะนำหนังสือเล่มนี้ แถมบอกชั้นที่วางให้เสร็จสรรพเลย ฉันกะจะไปเลี้ยงขอบคุณเสียหน่อย แต่ขี้เกียจให้แฟนเขาเข้าใจผิดอ่ะ”

“แฟน?”

“ก็เซเดอริก ดิกอรี่ ซีกเกอร์บ้านฮัฟเฟิลพัพเมื่อปีก่อนไง” พอตเตอร์อธิบาย ร่างสูงพลิกนอนตะแคงหันมามองหน้าผมซึ่งตอนนี้คงดูเหวอน่าดู

“โช แชง ไม่ใช่...แฟนนาย...หรอกเหรอ”

“โอ๊ย” คนฟังรีบโบกไม้โบกมือไปมา “ฉันเลิกกับเขาไปตั้งนานแล้ว อืม...จะว่าไปก็ตั้งแต่ตอนที่เริ่มถูกใจนา..”

“อะไรนะ!” ผมถามเสียงดัง รู้สึกว่าประโยคเมื่อกี้มันแหม่งๆ

“เปล่าๆ” พอตเตอร์รีบปฏิเสธ แล้วอยู่ดีๆ หมอนั่นก็ยิ้ม “ว่าแต่...นายจะยกโทษให้ฉันรึยัง”

คำพูดนุ่มๆ กับประกายตาแปลกๆ นั่นเรียกให้ผมรู้สึกตัว เฮ้ ผมนั่งให้หมอนี่นอนหนุนตักมาตั้งนานทำไมเนี่ย แถม..เจ้าตัวกวนยังเอื้อมมือมาลูบแก้มผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้!

“จะนอนไปถึงเมื่อไหร่หา!” ผมรีบผลักศีรษะยุ่งๆนั่นให้ตกลงไปแล้วลุกขึ้นยืน พอตเตอร์ลุกตามพร้อมกับลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ “อูย ถึงหิมะจะหนาแต่มันก็เจ็บนะ เดรโก...”

ผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย หมอนี่อุตส่าห์มานั่งตากลมตากหิมะอยู่ที่นี่ตั้งหลายชั่วโมง “เอ่อ...ขอ...”

“อะไรนะ?” ร่างสูงตรงหน้าผมชะงักนิดนึงก่อนจะเลิกคิ้ว

“ขอโทษ แล้วก็...” ผมพูด ประโยคต่อมาทำให้รู้สึกขัดเขินจนต้องก้มหน้าหลบลูกกะตาสีเขียวๆ ที่กำลังงุนงงนั่น “แล้วก็...ขอบใจ...นะ..”

ใบหน้าคล้ำแดดของอีกฝ่ายยิ้มกว้างขึ้นมาทันที “ไม่เป็นไร สบายมาก” ไม่พูดเปล่า แขนยาวๆ นั่นเอื้อมมาดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด แถมยังก้มหน้าลงมาหาอีก

“เฮ้!” ผมประท้วงเสียงลั่น ใช้มือดันคางของอีกฝ่ายไว้ “พอเลย! ฉันยกโทษให้นายแค่เรื่องต้นไม้ แต่เรื่องอื่นไม่เกี่ยว”

“อะไรกัน...เรื่องอื่นน่ะเรื่องไหน?” พอตเตอร์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพูดเสียงรัวเร็ว “เรื่องที่ฉันเข้าไปในห้องทดลองนาย หรือว่าเรื่องที่ฉันแอบเข้าไปในหอนอนสลิธิรินตอนนายไม่อยู่ หรือว่าเรื่อง...”

“พอแล้วๆ “ ผมรีบตัดบท ดูท่าหมอนี่จะเตรียมตัวมาอธิบายเต็มที่ แต่ผมขี้เกียจรื้อฟื้นเรื่องพวกนั้นนี่นา (ใครจะไปบอกว่าผมโกรธเรื่องที่เขาบอกว่า อยู่กับผมแล้วหายเบื่อ เรื่องอะไรจะพูด เชอะ!)

“งั้น...”ร่างสูงที่กอดผมอยู่ทำท่าจะก้มลงมาอีก ผมรีบเบรกเสียงเขียว

“ถ้านายทำอย่างวันนั้นอีก ฉันโกรธนายแน่ พอตเตอร์!”

พอเจอประโยคนี้เข้า เจ้าตัวกวนก็หยุดกึก

“ก็ได้ๆ”

ร่างสูงผละห่างจากผมนิดๆ อย่างยอมแพ้โดยดี ท่าทางหูตูบหางตกแบบนั้นให้ผมต้องกลั้นยิ้ม หมอนี่ทำหน้าแบบนี้ก็เป็นด้วยแฮะ

เงียบอยู่อึดใจ พอตเตอร์ก็ทำจมูกฟุดฟิด รีบหันหน้าไปอีกด้าน

“ฮัดเช่ย!”

เสียงนั่นดังลั่นจนแม้แต่กิ่งต้นอเคเชียที่อยู่ใกล้ๆ ยังสั่นเลยละ คนจามเองยังดูงงๆ เลยว่าทำไมตัวเองถึงจามเสียงดังขนาดนั้นได้ คราวนี้ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“อุ๊บ!...ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ..”

“ไม่ขำเลยนะ เดรโก...” พอตเตอร์ทำเสียงอุบอิบพลางสูดจมูก “ท่าจะเป็นหวัดแหงเลย” พูดเสียงเดือดร้อน ท่าทางต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ เอามือถูปลายจมูกตัวเองไปมาอีกต่างหาก คราวนี้บ่นยืดยาวเลย

“เฮ้อ ทำดีไม่ได้อะไรตอบแทน เศร้าจังๆ จะมีใครเห็นความดีของเราบ้างมั้ยเนี่ย คนแถวนี้เค้าใจร้าย.. ”

หนอย เรื่องอะไรมาว่าผมใจร้าย.... ผมขมวดคิ้วนิดๆ แต่อีกฝ่ายคงจะไม่ทันสังเกต ก็เห็นยังร่ายต่อปาวๆ พูดกับลมกับแล้งต่อหยั่งกับว่ายืนอยู่คนเดียวงั้นแหละ

“ดูซิ ทนลำบากใช้รอนไปคุ้ยห้องสมุดให้ก็แล้ว ไปแอบดูเลคเชอร์วิชาพฤกษศาสตร์ของแกรนเจอร์จนโดนสวดยับก็ แล้ว ใช้ของเล่นของเฟร็ดกับจอร์ชเปิดประตูเรือนเพาะชำ แถมยังต้องแบล็คเมล์พีฟส์บังคับให้มันดูต้นทางให้อีก เฮ้อ~ ลำบากจริง จริ๊ง”

ดูว่าเข้า แต่ละอย่างเนี่ยลำบาก...ลำบากคนอื่นทั้งนั้นเลยนะ ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ จะว่าไปที่เป็นหวัดนี่ก็เพราะมัวแต่มานั่งตากลมตากหิมะถ่ายพลังให้ต้นไม้ของผมนี่นะ มันก็น่าจะให้รางวัลอยู่หรอก ถ้าจะไม่ทวงกันยิกๆ แบบนี้เนี่ย

“ทำยังไงถึงจะเห็นใจกันบ้างน้อ...สงสัยต้องขอพรกับต้นอเคเชียแล้วมั้ง คนแถวนี้เค้าถึงจะยอมเห็นใจ เอ... หรือว่าเราจ..”

เสียงบ่นงึมงำหายวับเมื่อผมยืดตัวขึ้นแตะริมฝีปากกับปากของเจ้าคนช่างทวงอยู่อึดใจ แล้วถอยห่างออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

เฮอะ แค่นี้สมใจรึยัง เป็นไงล่ะ บ่นดีนัก ดูหน้าสิเหวอไปเลย โอ๊ย อยากเอากล้องมาถ่ายไว้จริงๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตัวกวนแห่งฮอกวอร์ตอ้าปากค้าง

“เลิกบ่นได้แล้วนะ” ผมพูด ชักรู้สึกร้อนแถวๆ แก้มแล้วด้วย เลยรีบก้มลงเก็บหนังสือเดินออกเสียอย่างนั้น หลายอึดใจกว่าจะได้ยินเสียงวิ่งตามหลัง พอหันกลับไปก็ร่างสูงที่ตอนนี้หายอึ้งแล้ววิ่งเข้ามาหา “เดร...เดรโก”

“อะไรอีกล่ะ” ผมขมวดคิ้วรีบหันหน้าหนี คนยิ่งไม่อยากให้เห็นหน้าตอนนี้อยู่ แต่เจ้าคนที่ตามมากลับรีบหมุนตัวมาหา ฉีกยิ้มกว้างเชียว

“อีกทีได้มั้ย เมื่อกี้มันไม่ทันตั้งตัวอ่ะ”

ดูๆ มีการมาขออีกนะ เรื่องอะไร ผมส่ายหน้า “เสียใจ ฉันจะกลับหอแล้ว” อากาศตอนนี้มันหนาวจะตาย ใครจะไปอยากอยู่ข้างนอกนานๆ ล่ะ

“น่า เดรโก คราวนี้จะตั้งใจอย่างดีเลยเอ้า”

“ไม่มีทาง” ผมแกล้งทำหน้าบึ้งเดินหนี เจ้านั่นก็ยังตามมาพัวพันอยู่นั่น แสงจันทร์ตอนนี้ส่องให้เงาของเราสองคนที่สะท้อนบนพื้นหิมะ

“น่านะ น๊า~”

“อย่ามาเซ้าซี้น่า”

“งั้นไว้คราวหน้าละกัน”

“คราวหน้าอะไรของนาย ไม่เอาหรอก”

“โธ่.....”

ที่จริงคราวหน้า ก็(///) ไว้คิดดูอีกทีละกัน แต่เรื่องอะไรจะบอกเจ้าตัวกวนนี่ล่ะ!....


Volume 2 : END

Please wait for Volume 3 (soon)




Create Date : 18 เมษายน 2548
Last Update : 18 เมษายน 2548 17:20:31 น.
Counter : 824 Pageviews.

3 comments
  
น่ารักดี หนูเดรยอมให้อภัยแล้วลุ้นแทบตายหล่ะ รีบๆมาต่อน่ะ จะรอจ้า
โดย: nana IP: 202.57.183.27 วันที่: 2 พฤษภาคม 2548 เวลา:20:49:35 น.
  
แฮรรี่ภาคนี้เจ้าเล่ห์จังเลยอ่ะ เดรกก้อน่ารักมากค่ะ
โดย: QQQ IP: 210.203.186.24 วันที่: 24 มิถุนายน 2548 เวลา:2:24:14 น.
  
Volume 3......ขณะนี้เวลา 6.22 น.
วันศุกร์ ที่ 23 มีนาคม 2550

แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...อยากอ่านต่อมากมายเลยคะ
โดย: yuo IP: 124.157.144.237 วันที่: 23 มีนาคม 2550 เวลา:6:20:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]