Group Blog |
Chapter 7 "เธอ / คุณ มาทำอะไรที่นี่?" สองเสียงถามขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัด ทำเอาต่างฝ่ายต่างได้แต่นิ่งอึ้งกันไปครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่ใครสักคนจะทันได้ตอบออกมา เสียงกุกกักทางด้านหลังก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดีลเป็นฝ่ายได้สติก่อน เด็กหนุ่มผมดำรีบดึงร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามให้หลบเข้าไปในซอกเล็กๆ หลังเสาต้นใหญ่ข้างระเบียง ขยับชิดเข้าไปหาแล้วยื่นเบสของนาย่าส่งให้พร้อมกับกระซิบ "ถือให้ผมหน่อย เร็วสิ" อีกฝ่ายแม้ว่าจะยังงงอยู่เล็กน้อย แต่ก็รักษาสติไว้ได้ดีเยี่ยม มือเรียวรับเบสกับกล่องเครื่องมือไปโดยไม่ถามอะไรอีก คนดังของบ้านสลิธิรินยิ้มก่อนจะรีบดึงเอาผ้าผืนโปร่งบางออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วคลี่ออกคลุมร่างของทั้งสองไว้ "ผ้าคลุมล่องหน?" เสียงใสเย็นเอ่ยขึ้นเบาๆ ดีลพยักหน้าพร้อมกับกระซิบตอบ "สมบัติตกทอดของบ้านพอตเตอร์น่ะ..อ๊ะ..เงียบก่อนนะ" เขาเตือนพร้อมกับยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากของอีกฝ่าย แล้วก็ต้องรีบดึงมือออกทันทีที่ดวงตาสีฮาเซลเงยขึ้นมองปราม "โทษทีฮะ" คุณชายคนที่สองของบ้านสลิธิรินยิ้มแหย อดนึกบ่นตัวเองไม่ได้ เฮ้อ...เผลอติดนิสัยทำเหมือนตอนที่พาพวกสาวๆ ออกมาเที่ยวอีกแล้วแฮะ... แต่สงสัยมุขนี้จะใช้ไม่ได้ ขณะที่มัวแต่คิด เสียงกุกกักที่ดังอยู่เบาๆในตอนแรก นั้นก็ค่อยๆ กังวานขึ้น เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังก้าวผ่านมาตามระเบียงอย่างเร่งรีบ เด็กหนุ่มผมดำรีบหันกลับไปมองหาต้นตอของเสียง ดวงตาสีฟ้าจับภาพเงารางๆของร่างผอมแห้งในชุดกะรุ่งกะริ่งนั้นได้ถนัด ...ฟิลช์จริงๆ ด้วยแฮะ ภารโรงแก่รีบเดินหน้าตั้งมาตามระเบียง พร้อมกับกวาดสายตาไปรอบด้านอย่างระวังระไว แล้วจึงตรงต่อไปยังบันไดที่จะขึ้นไปชั้น 3 แต่ข้างตัวกลับไม่มีนางแมวคู่ใจที่เห็นวิ่งไปแจ้งข่าวเมื่อครู่ ...หรือว่ามิสซิสนอร์ริสจะวิ่งตามเฟนริสไปอีกทาง? ดีลอดเป็นห่วงเพื่อนร่วมห้องของตนไม่ได้ เขารอจนเงาของฟิลช์ลับตาไปแล้วจึงค่อยๆ ดึงผ้าคลุมล่องหนออก "สงสัยมิสซิสนอร์ริสจะวิ่งตามเฟนริสไปอีกทาง แต่ฟิลช์เดินขึ้นไปชั้น 3 อย่างงี้ คงจะไม่เจอตัวหรอก" ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสนใจแค่ประโยคแรกเท่านั้น เจ้าของดวงตาสีฮาร์เซลเลิกคิ้วทันควัน "เฟนริส? ออกมาด้วยหรือ?" "อ๋อ ผมเพิ่งเจอเขาเมื่อกี้น่ะฮะ" เด็กหนุ่มผมดำรีบออกตัว "เห็นว่าออกมาตามเพราะผมไม่กลับหอนอนสักที แต่ดันมาเจอมิสซิสนอริสเสียก่อน ก็เลยต้องแยกกัน ผมล่อฟิลช์มาอีกทาง จนมาเจอคุณนี่แหละ" พอเห็นใบหน้าเรียวเริ่มส่อเค้ากังวล ฝ่ายที่พยายามชี้แจงเลยต้องรีบเสริม "คงไม่เป็นไรหรอก ทางนี้ใกล้กับหอสลิธิริน ป่านนี้เฟนริสคงจะกลับไปหอนอนแล้วล่ะ" คนฟังพยักหน้าน้อยๆ "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ว่าแต่...แล้วเธอออกมาทำอะไร?" ประโยคหลังถามโดยไม่มีเค้าคาดคั้น แต่ก็บอกความสงสัยชัดเจนจนคนอ่อนวัยกว่าต้องแอบเลิกคิ้วบ้าง...ติดนิสัยประธานนักเรียนมาด้วยแฮะ เจอนักเรียนทำผิดกฎปุ๊บก็ซักไซ้ก่อนเลย "ผมไปนั่งเล่นอยู่กับพวกแฝด เผลอคุยเพลินไปหน่อยเลยเกินเวลาเคอร์ฟิล ว่าแต่คุณเถอะ..." ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองร่างโปร่งที่อยู่ในชุดกางเกงยีนส์กับเสื้อสเว็ตเตอร์คอเต่าสีเทาสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีเข้ม ดูท่าจะไม่ได้บังเอิญออกมากะทันหันแบบน้องชายแน่ "ฉันมีเรื่องสงสัยนิดหน่อย" เสียงใสตอบโดยไม่ต้องรอให้ถาม "เด็กปี 3 ที่เคยมาขอให้สอนการบ้านบอกว่า เคยเห็นอะไรแปลกๆ ตกอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุเมื่อคืนที่พวกเราไปเจอ แต่เขาไม่กล้าเก็บมาดู ฉันก็เลยคิดว่า..." "จะไปเก็บหลักฐานก่อนที่มันจะหายไป" ดีลเอ่ยต่อให้ ร่างโปร่งพยักหน้าโดยไม่มีทีท่าทุกข์ร้อน เหมือนกับเคยชินกับการเดินออกมานอกหอหลังเกินเวลาเคอร์ฟิลอย่างไรอย่างนั้น "ถ้าเป็นพรุ่งนี้เช้า อาจจะมีเด็กๆ เก็บไปโดยไม่รู้ก็ได้" คำตอบสมเหตุสมผลนั้นทำเอาค้านไม่ออก แต่เด็กหนุ่มก็ยังขมวดคิ้ว "แล้วทำไมไม่ชวนเฮอร์มิสหรือพวกแฝดออกมาด้วยล่ะฮะ?" เพิ่งเข้ามาใหม่แท้ๆ ทำไมถึงกล้าออกมาเดินคนเดียวดึกๆ แบบนี้ได้นะ แถมยังจะไปที่ที่เพิ่งเกิดเรื่องอีก "เฮอร์มิสอ่านหนังสืออยู่ ส่วนเมธิสกับนาย่าก็กำลังขายของอยู่ในห้องนั่งเล่น เลยไม่อยากกวนน่ะ" คนพูดอธิบายพร้อมกับล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุม "ชั้น 3 ไม่ไกลจากหอกริฟฟินดอร์มาก คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน" พอมือเรียวดึงเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม เด็กหนุ่มบ้านสลิธิรินก็ถึงกับเบิกตากว้าง "อย่าบอกนะว่าคุณขึ้นไปที่ชั้น 3 มาแล้ว!" นึกว่ากำลังจะไป นี่ไปเอามาเรียบร้อยแล้วเหรอเนี่ย!? "อืม" อีกฝ่ายตอบหน้าเฉย คนที่ทั้งงงทั้งหงุดหงิดเลยได้แต่ยืนอึ้ง นี่ไม่คิดบ้างเหรอว่า ที่ที่ตัวเองบอกว่าเพิ่งไปมาน่ะ มันเป็นที่เกิดเหตุสยองน่าขนลุกที่เพิ่งเห็นมากับตาเมื่อคืนนะ (ขนาดห้าวๆ อย่างนาย่ายังแขยงเลย) แถมยังออกมาเดินคนเดียวในโรงเรียนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ตอนกลางดึกอีก คิดแล้วก็ได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้คนตรงหน้าสังเกตเห็น เฮ้อ...ใจร้อนบ้าบิ่นกว่าหน้าตาท่าทางภายนอกแฮะ แถมยังมั่นแบบสุดๆ อีกต่างหาก "โอเคฮะ ได้มาก็ดีแล้ว แต่ผมว่าเรารีบออกไปจากตรงนี้กันดีกว่า" เด็กหนุ่มผมดำว่าพลางยื่นมือไปรับสายเบสจากคนตรงหน้ามาคล้องไหล่ตนเองอีกครั้ง "คุณจะกลับหอนอนไปก็ได้นะฮะ เดี๋ยวผมต้องเอาของพวกนี้ไปเก็บที่ห้องซ้อม" คนตัวสูงกว่าบอกตัดบท ทำท่าจะขอกล่องอุปกรณ์กลับมาถือ แต่อีกฝ่ายกลับดึงเอาไว้เบาๆ "ของเยอะ...เดี๋ยวจะช่วยถือไปให้ เธอจะเอาไปเก็บที่ไหนล่ะ?" เสียงใสเย็นถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่สีหน้านิ่งๆ นั้นก็ยังทำให้คนตอบคลี่ยิ้มออกมาได้อยู่ดี คุณชายคนที่สองของตระกูลพอตเตอร์เลยตั้งต้นอธิบายพร้อมกับออกเดินนำ "ก็แถวๆ นี้แหละฮะ คุณรู้จัก 'ห้องต้องประสงค์' ไหมล่ะ? ปกติมันไม่ค่อยโผล่ออกมาให้ใครได้ใช้นักหรอก แต่พวกผมบังเอิญไปเจอเข้า ก็เลยเอาไว้เป็นที่ซ้อมดนตรีกัน มันเก็บเสียงดีแถมฟิลช์ก็ไม่มากวนด้วย ไว้วันหลังให้พวกนาย่าพาไปสิฮะ แต่ตอนนี้เรารีบไปเก็บของแล้วกลับหอนอนกันก่อนดีกว่า..." ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองวัตถุในมือของอีกฝ่ายแล้วทิ้งท้ายด้วยสีหน้าที่มีเค้าจริงจังมากขึ้น "เก็บ 'นั่น' ไว้คุยกันตอนอาหารเช้าพรุ่งนี้ก็แล้วกัน" ........................................................................................................ "อืม..." มือเรียวยกเอาวัตถุกลมใสขึ้นมาส่องกับแว่นขยายในมืออีกข้างของตน พลางเพ่งสายตาพิจารณา ใบหน้าตกกระระด้วยเส้นผมสีเพลิงขมวดคิ้วน้อยๆ "ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกวัสดุสังเคราะห์นะ" เฮอร์มิส วิสลีย์สรุปพลางวาง 'หลักฐาน' ในมือลงบนผ้านุ่มที่เตรียมไว้รองก่อนแล้ว "แต่ว่าจะเป็นอะไร สงสัยต้องค้นดูก่อน ไม่งั้นก็ต้องตัดเอาชิ้นส่วนมาลองทดสอบดู" "ท่าทางยุ่งยากจังแฮะ กว่าจะรู้ว่าไอ้นี่คืออะไรก็อีกนานเลยสิ" เมธิสที่นั่งอยู่ทางขวาพูดขึ้นมาก่อน แต่เด็กหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่อีกด้านกลับคิดไม่เหมือนกัน "เอาเถอะน่า อย่างน้อยก็มีหลักฐานไว้สืบสาวต้นตอต่อไปแล้วไง" ดวงตาสีฟ้าอดเหลือบมองคนที่ 'เก็บหลักฐาน' มาไม่ได้ ร่างโปร่งในชุดสเว็ตเตอร์สีดำพอดีตัวกับกางเกงยีนส์กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ข้างเตาผิง โดยมีน้องชายตัวเล็กซึ่งวันนี้ยอมเป็นแขกรับเชิญมายังห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์กำลังคุยจ้ออยู่ข้างๆ รอบด้านรายล้อมด้วยกลุ่มเด็กผู้หญิงชั้นปี 3-4 อีกหลายคน ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดที่ทางโรงเรียนอนุญาตให้ออกไปฮอกมี๊ดได้ แต่พอ 'ขวัญใจคนใหม่ของบ้าน' ยังไม่ออกไป ก็ดูเหมือนจะมีคนสมัครใจอยู่เป็นเพื่อนเยอะแยะ เป็นภาพที่ทำให้คนมองอดรู้สึกจิ๊ดๆ ขึ้นมาไม่ได้...จะเนื้อหอมไปถึงไหนกันนะ...เฮ้อ! "เฮ้ยๆ ตาลอยแล้ว" สมุดที่ถูกม้วนจนกลมทุบปุๆ ลงมาบนไหล่กว้าง พอหันกลับไปก็เห็นนาย่า วิสลีย์ที่เพิ่งจะลงมาสมทบกำลังฉีกยิ้มกวนให้อยู่พอดี "อยากคุยกับเขาก็ต้องเข้าไปคุยสิว๊า...เอาแต่มอง เดี๋ยวก็โดนคาบไปหรอก" เสียงใสเอ่ยล้อด้วยสำเนียงที่ขัดกับสถานภาพเด็กสาวของตนเอง "ยุ่งน่า..." ดีลปัดสมุดของอีกฝ่ายออกไปจากบ่าอย่างหงุดหงิด "มัวแต่ล้อคนอื่น...เนื้อเพลงใหม่เสร็จหรือยัง? พวกเราไม่ได้ซ้อมเต็มวงกันนานแล้วนะ" เด็กหนุ่มพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากประเด็นที่ทำให้เขาขัดใจเสียที "อย่าใจร้อนเด๊" เมธิสโผล่เข้ามาช่วยฝาแฝดของตนทันควัน "จะรีบแต่งเนื้อร้องไปทำไมว๊า ยังไงวงเราก็ยังไม่มีนักร้องนำอยู่ดี แล้วฉันกับนาย่าก็ขี้เกียจเป็นนักร้องมือสอง-มือสามแล้วด้วย ร้องไปเล่นไปมันไม่ถนัดนะเฟ้ย..." พูดจบวิสลีย์คนพี่ก็ทิ้งร่างลงบนพรมนุ่มอย่างเกียจคร้าน แต่ใบหน้าตกกระที่เหลือบมองเพื่อนสนิทยังไม่ทิ้งแววล้อเลียน "รีบเปลี่ยนประเด็นเชียวนะ กลัวพวกเราจะรู้หรือไง...ว่านายไม่กล้าจีบญาติผู้แสนน่ารักของเราน่ะ" คำแซวแบบโต้งๆ นั้นทำเอานาย่าหัวเราะก๊าก แม้แต่เฮอร์มิสเองก็ยังถอนหายใจพรืดแล้วหัวเราะหึหึอยู่หลังหนังสือเล่มหนาของตัวเอง ส่วนตัวคนถูกแซวน่ะ หน้าตูมลงไปทันควัน มือเรียวยาวหันไปคว้าเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ "เลิกแซวแล้วออกไปกันได้แล้วเฟ้ย ขืนช้าร้านไม้กวาดสามอันก็เต็มอีกหรอก" คราวนี้ทุกคนรีบขยับตัวกับพรึ่บพรั่บ ก็นะ... ถึงจะใช้ทางลับไปแอบไปซื้อบัตเตอร์เบียร์ที่นั่นออกบ่อยๆ แต่นั่งดื่มในร้านตอนอากาศเย็นๆ แบบนี้มันได้อารมณ์กว่ากันเยอะ "งั้นเดี๋ยวฉันเอานี่ไปเก็บในห้องนอนก่อนแล้วกันนะ" เด็กหนุ่มผมแดงสวมแว่นบอกพลางพยิบห่อผ้าที่ใส่ 'หลักฐาน' นั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง "อือ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกเฟนริสกับ...เฟลย์...ไปด้วยแล้วกัน" เด็กหนุ่มผมดำพูดทิ้งท้ายพลางส่งสายตาให้เจ้าสองแฝด เฮอะ...อย่ามาดูถูกกันนะเฟ้ย...ฉันยังไม่ไร้ฝีมือขนาดไม่กล้าไปชวนเขาเที่ยวหรอกน่า "เออๆ" เมธิสที่นอนอยู่ที่พื้นยื่นแขนให้แฝดอีกคนช่วยดึงให้ลุกนั่งยังไม่วายหัวเราะกันคิกคัก นานๆที เสนาธิการประจำกลุ่มจะมีประเด็นให้ล้อมาราธอนแบบนี้ก็ต้องเอาให้คุ้มหน่อย ร่างสูงเดินไปยังกลุ่มนักเรียนหญิงที่ยังนั่งกันอยู่หน้าเตาผิง "เฟนริส...เฟลย์...ได้เวลาแล้วนะ ไปเถอะฮะ" เสียงทุ้มเอ่ยชวนอย่างร่าเริง ขณะใบหน้าเรียวยาวคลี่ยิ้มอย่างที่มักจะใช้ได้ผลเสมอยามต้องการเรียกร้องความสนใจ ซึ่งก็ได้ผล...อย่างน้อยก็กับเด็กสาวที่นั่งรายล้อมสองพี่น้องอยู่นั่นแหละ "พอตเตอร์ จะชวนพวกคุณเดอ ลา กูร์ไปฮอกมี๊ดเหรอคะ?" หนึ่งในนั้นถามขึ้น เท่าที่จำได้เหมือนจะเป็นเด็กนักเรียนหญิงปี 3 สมาชิกตัวสำรองของทีมควิดดิชกริฟฟินดอร์ "อืม...พวกคุณจะไปด้วยกันไหมล่ะ?" เด็กหนุ่มเอ่ยชวนอย่างใจดี "อ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกเรานัดว่าจะไปซื้อของกันหน่อยน่ะ ไม่กวนพวกเธอดีกว่า" คราวนี้เป็นนักเรียนหญิงชั้นปี 5 อีกคนเอ่ยปฏิเสธอย่างเกรงอกเกรงใจ สงสัยจะเพราะนึกขึ้นมาได้ว่า กลุ่มของคนตรงหน้า นอกจากจะมีสองพี่น้องแล้วยังมีสามวิสลีย์แถมพ่วงอลิสที่เพิ่งจะเดินมาสมทบกับเฟลย์เข้าไปอีกคน แค่นี้ก็เดินทีเต็มถนนแล้ว "งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะฮะ ไปกันเถอะ" เด็กหนุ่มหันไปกวักมือเรียกเพื่อนซี้ที่รวมตัวกันครบพอดีเพื่อออกไปพร้อมกัน ทั้งกลุ่มก้าวออกมาจากกรอบรูปสุภาพสตรีอ้วน เฮอร์มีสที่เดินนำหน้าสุดท่าทางจะยังหมกมุ่นกับหลักฐานสำคัญเสียจนไม่ใส่ใจสองพี่น้องที่อยู่ข้างๆ ส่วนสองแฝด เมธิส-นาย่ากำลังกระตือรือร้นกับการพูดหลอกอลิสเรื่องทางลับให้อีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าเหลอหลา ดีลที่คอยรั้งท้ายตามปกติทำท่าจะก้าวเข้าไปช่วย แต่ดวงตาสีฟ้าก็เหลือบไปมองร่างโปร่งที่เดินคุยกับเฟนริสด้วยสีหน้านิ่งเฉยนั้นอีกครั้ง เจ้าของดวงตาสีฮาเซลกำลังอธิบายอะไรบางอย่างพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธท่าทางเว้าวอนของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ไปด้วย ดีลขมวดคิ้วอย่างสงสัย...คุยอะไรกันอยู่นะ? "เฮ้ หวัดดี พอตเตอร์ หวัดดี วิสลีย์" เสียงทักทายจากเบื้องหลังพร้อมกับฝ่ามือที่ตบปั่บลงบนบ่าทำให้เด็กหนุ่มผมดำที่กำลังครุ่นคิดต้องรีบหันกลับไปมองทันควัน แล้วก็ต้องรีบยกมือขึ้นบังหน้าเมื่อแสงจ้าสาดกระทบเข้าตาอย่างกะทันหัน "คลินท์! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาถ่ายรูปชาวบ้านตอนเขาไม่รู้ตัวนะห๊ะ" ดีลหลุดเสียงห้วนๆ ออกไป แต่เด็กหนุ่มร่างผอมสูงโย่งที่ยืนถือกล้องถ่ายรูปตัวโตพร้อมแฟลชขนาดใหญ่กลับยิ้มร่าอย่างไม่สะทกสะท้าน "ขอถ่ายรูปตรงๆ นายก็ไม่ยอมให้ถ่ายนี่หว่า เล่นทีเผลอแบบนี้แหละ ไม่ดีหรือไง สกู๊ป 'ตามไปดูวันหยุดสุดสนุกของพอตเตอร์คนดัง' ฉันว่ายอดขายต้องพุ่งกระฉูดแน่ๆ" ใบหน้าคมยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น แต่ยังไม่ทันโวย อีกฝ่ายก็หันเหความสนใจไปยังร่างเล็กที่เดินตามหลังเฮอร์มีสอยู่ด้านหน้าเขาเสียแล้ว "หวัดดีครับ คุณต้องเป็นเดอ ลากูร์คนน้องแน่ๆ เลยใช่ไหม? พอดีตอนวันเปิดเทอมผมตกรถไฟตามมาทีหลัง เลยไม่อยู่ตอนคุณแนะนำตัว แต่มีจดหมายเรียกร้องขอให้ทำสกู๊ปเรื่องคุณเข้ามาที่ชมรมเยอะมากเลยนะ พอจะมีเวลาให้สัมภาษ...." ก่อนที่คลินท์จะร่ายจบ มือเรียวยาวก็ยื่นมาบังหน้าเพื่อนใหม่ของตนไว้เสียก่อน "พอเลย! ถ้านายสนใจอยากจะสัมภาษณ์นักก็ไปฝึกงานกับเดลีย์พร็อพเฟ็ตซะสิ... แต่ถ้าขืนมาแอบถ่ายรูปเฟนริสล่ะก็ พวกฉันจะบริการส่งของขวัญให้นายถึงเตียงแน่" ดวงตาสีฟ้าที่ชักไม่มีเค้าล้อเล่นนั้นทำเอาคนฟังรีบคลี่ยิ้มเจื่อน "เออน่าๆ งั้น...ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะ" พูดจบร่างสูงโย่งนั้นก็ผละจากไปทันควัน เด็กหนุ่มผมดำได้แต่ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ "ใครเหรอฮะ ดีล" เฟนริสที่ได้แต่นิ่งอึ้งจนจบบทสนทนาค่อยเอ่ยปากถามขึ้นมาได้ "ทำไมท่าทางแปลกๆ พิกล" "คลินท์ ออสเตน ประธานชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนน่ะ" เสียงทุ้มตอบพร้อมกับอธิบายต่อ "หมอนั่นอยู่ปี 5 บ้านฮัฟเฟิลพัพ ที่จริงก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะ แค่ออกแนวเพี้ยนๆ แบบว่ามีไฟมากไปหน่อย" มีไฟมากขนาดตามตื้อขอสัมภาษณ์เขาอยู่ร่วมเดือน ถูกพวกเมธิสกับนาย่าแกล้งแค่ไหนก็ยังไม่ยอมตัดใจ กับเขาน่ะไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงก็ไม่ปล่อยให้เอาอะไรไปเขียนได้อยู่แล้ว แต่กับคนใจดีอย่างเฟนริสสงสัยต้องช่วยกั้นกำแพงกันไว้หน่อย ไม่งั้นเจ้าตัวได้เป็น 'สกู๊ปเด็ด' รับเทศกาลคริสมาต์ของคลินท์แน่ๆ มัวแต่ยุ่งกับเจ้าทึ่มชมรมหนังสือพิมพ์ เกือบลืมเรื่องที่สงสัยอยู่เมื่อครู่เลยไหมล่ะ คิดได้แล้วก็เอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กของตนออกไปทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลารอ "เฟนริส เมื่อกี้คุยอะไรกับพี่สาวนายเหรอ? ท่าทางเครียดเชียว" "ฮะ?...อ๋อ...เมื่อกี้น่ะเหรอ" คนถูกถามกระพริบตาก่อนจะพยักหน้าเหมือนนึกได้ "ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ แค่พี่เฟลย์น่ะสิ ดื้ออีกแล้ว" แก้มใสป่องขึ้นมานิดๆ อย่างขัดใจ "ที่โรงเรียนเก่า พี่เฟลย์เคยเป็นกัปตันทีมควิดดิชของโรงเรียนน่ะฮะ เป็นเชสเซอร์ฝีมือดีที่สุดในรอบ 10 ปีด้วยนะ" คนฟังเลิกคิ้วนิดๆ แต่พอมองร่างเพรียวของคนที่เดินเข้าไปช่วยเพื่อนสนิทขี้อายที่ถูกสองแฝดแกล้งเล่นแล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจนัก "แล้วเขาไม่คิดจะเข้าทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์บ้างเหรอ? แม็คดอลล์น่าจะสนใจอยู่นี่นา" เด็กหนุ่มเอ่ยชื่อกัปตันทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นแมวมองจอมตื้อ ก็ขนาดเขาที่อยู่คนละบ้านยังเคยถูกหมอนั่นจีบให้เล่นตำแหน่งซีกเกอร์ของทีมจนแทบจะตีกันตายกับกัปตันทีมสลิธิริน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องอกหัก เมื่อเขาประกาศชัดว่าจะไม่เดินตามรอยบิดาผู้เป็นซีกเกอร์ทีมชาติอย่างแน่นอน "ก็ชวนสิฮะ แถมยังฝากนักเรียนปี 3 คนเมื่อกี้มาบอกว่าให้ลองไปฝึกด้วยกัน แต่พี่เฟลย์น่ะสิ...ปฏิเสธไปเรียบร้อยแล้ว"เด็กหนุ่มผมบลอนด์ตอบพร้อมกับอธิบายต่อ "เห็นบอกว่า เชสเซอร์ของทีมกริฟฟินดอร์ก็ยังมีอยู่ ถ้าขืนพี่เฟลย์เข้าทีมก็ต้องมาคัดตัวกันใหม่ เดี๋ยวจะผิดใจกันเสียเปล่าๆ" คนเป็นน้องชายส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ "ใจดีเหมือนเคยเลย..." "นั่นสิ..." เด็กหนุ่มผมดำพยักหน้าหงึกๆ ก็ดีแล้วล่ะ ขืนต้องซ้อมควิดดิชก็ยิ่งไม่มีเวลาเข้าไปใหญ่ แค่เขาต้องฝ่าลงล้อมของบรรดาสาวๆ ที่รายล้อมคนคนนั้นอยู่ก็เหนื่อยจะแย่...ว่าแต่..เชสเซอร์ทีมกริฟฟินดอร์งั้นเหรอ... ...หวังว่าคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ .......................................................................... Tea Cafe's Talks Acacha's นาน... นานมาก เรื่องนี้ดองไว้นานมาก ^^ ในที่สุดก็มาต่อจนได้ หุหุหุ เรื่องนี้คงจะได้ยืดยาวกว่าที่กะไว้มาก บางส่วนที่เรื่องมันเหมือนจะช้า (อย่างเช่นตอนนี้ มีแต่คุยกัน) แต่เพราะมันมีรายละเอียดที่ไม่ใส่ไม่ได้เด็ดขาดดด เขียนฟิคเจ้าดีลแล้วทำให้รู้สึกว่าป้าเข่งเก่งเป็นบ้า~ NaO's กะว่าจะไม่ดองแล้วเชียวน๊า แต่ภาระมันเยอะ (อ้างอย่างนี้ประจำ) ที่จริงตอน 7 นี่เขียนไว้นานแล้ว รอให้อคาชามันอีดิธ แต่มันติดงานแปล Ring อยู่ เลยค้างเติ่ง ตอนหน้าจะพยายามเคลียร์งานแล้วมาจัดการต่อค่ะ . . ขอเมาท์ต่ออีกนิด เมื่อวันก่อนได้รับโทรศัพท์จากน้องคนนึง โทรมาถามว่า "พี่นะโอคะ พี่ได้เอาฟิกดีล พอตเตอร์ไปขายที่งานเมื่อวันอาทิตย์หรือเปล่าคะ?" วินาทีแรกที่ได้ยินนั้น ใจแวบคิดว่า 'เฮ่ย มีคนเอาไปขายเรอะ' ปรากฏว่าไม่ใช่ค่ะ น้องเขาแค่ไม่ได้ไปงาน ก็เลยโทรมาถาม (อ๊าย ปลื้ม) ได้แต่ตอบกลับไปว่า "ไม่ได้เอาไปขายจ้ะ ยังเขียนไม่จบเลย แต่จะพยายามต่อให้จบให้ได้นะ ไม่ต้องห่วง" . . อยากฝากไปบอกน้องว่า ดีใจมากเลยที่น้องอุตส่าห์โทรมาถาม วางหูเสร็จก็รีบโทรไปเล่า + จิกอคาชา ให้มันอีดิธตอนใหม่เอามาลงให้ว่อง ฟิกเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ร้านน้ำชาตั้งใจเขียน + ทำการบ้านเยอะมาก หากท่านผู้อ่านชอบ ทางร้านก็ยินดีมากเลยค่ะ |