[Fic HBD Acacha] Promise
[Fic HBD Acacha] Promise

ไม่ได้อำ---วันนี้วันเกิดอคาชาจริงๆ (ห่างกับนะโอ 3 ปีกับ 10 ชม.) ปกติทุกปีจะซื้อของให้หรือไม่งั้นก็ซื้อของขวัญร่วมกัน แต่ปีนี้บ่จี๊ทั้งคู่ เลยเล่นมุขนี้แหละ ผลัดกันแต่งฟิกแต่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าจะแต่งเรื่องไร (เอาง่าย)

HBD นะเธอ (อคาชา) รีบๆเรียนจบแล้วมาช่วยกันทำงานหาเงินไว้ซื้อโด+ฟิก+นิยาย+การ์ตูน (วาย) เร็วๆ ล่ะ

~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/

“นี่เดรโก...”

“หือ อะไรเหรอ?”

“ถ้าฉันตาย นายจะเสียใจไหม”

“บ้า! พูดอะไรเป็นลาง....นายกำลังจะไปสู้กับพวกโวลเดอร์มอร์นะ! อย่าพูดแบบนี้ ฉันยิ่งใจไม่ดีอยู่”

“ไม่พูดก็ได้ บอกก่อนว่าเสียใจรึเปล่า”

“ก็ต้องเสียใจสิ เสียใจมากๆด้วย...อาจจะมาก...จนตายตามนายไปเลยก็ได้…”

“เฮ้ ไม่เอา! ห้ามตายตามฉันนะ ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องอยู่ต่อไป...สัญญาสิเดรโก

“............”

“อ้าว เลยร้องไห้เลย ชู่ โอ๋ๆ ขอโทษนะ…”

“ฮือ...สัญญาก็ได้...แต่ยังไงนายจะต้องกลับมาหาฉันนะ...ใช่มั้ยแฮร์รี่”

“อืม...ไม่ว่าจะเป็นยังไงฉันก็จะกลับมาหานาย...ฉันสัญญา”

……………………………………………………………………………………

ดวงตาที่หลับพริ้มอยู่ค่อยๆ ลืมขึ้น มือเรียวเอื้อมมาปาดน้ำตาที่เปียกแก้ม...ฝันเรื่องเก่าๆ อีกแล้ว?...ฝันแบบนี้ทีไร น้ำตาไหลออกมาทุกที ใบหน้าสวยถอนใจก่อนจะลุกจากเตียง

แสงแดดอุ่นยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างห้องพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดเบาๆ จนทำให้เส้นผมสีบลอนด์ที่ยาวระบ่าพลิ้วไปด้านหลัง ฤดูหนาวกำลังจะมาอีกแล้วสินะ...

นกฮูกสีขาวหิมะบินโฉบจากท้องฟ้าเบื้องบนลงมาหาร่างที่ยืนเหม่ออยู่ที่หน้าต่าง “เฮดวิก แกกลับมาแล้วเหรอ?” ร่างบางอุทาน เดินไปหยิบถุงมือมาสวมก่อนจะยื่นแขนให้ผู้มาเยือนยามเช้าเกาะ นกฮูกสาวจิกที่แก้มใสเบาๆ เป็นการทักทายทำให้ผู้เป็นเจ้าของหัวเราะน้อยๆ

“เดินทางเร็วจริง เอาจดหมายของพวกรอนมาให้หรือเปล่า”

นกฮูกสีขาวยื่นขาที่มีซองจดหมายของมันให้ มือเรียวแกะจดหมายออกแล้วปล่อยให้ผู้เดินสารกลับไปพักในกรงโดยไม่ลืมที่จะให้น้ำกับอาหาร เขาต้องดูแลเฮดวิกให้ดี---เท่ากับที่เจ้าของเดิมของมันเคยทำ

จดหมายสีขาวถูกแกะออกพร้อมกับลายมือหวัดยุ่งเหยิงปรากฏขึ้น

หวัดดี เดรโก

นายสบายดีหรือเปล่า หายเงียบไปจนพวกฉันเป็นห่วง ข่าวคราวก็ไม่ส่ง เฮอร์ไมโอนี่รบเร้าชวนฉันมาหานายหลายครั้งแล้ว แต่ฉันคิดว่านายอาจจะอยากอยู่เงียบๆมากกว่าเลยไม่อยากกวน แม่นายสบายดี ไม่ต้องห่วงนะ พวกฉันไปเยี่ยมเธอบ่อยๆ อ้อ จะมีแขกไปหานายนี่นา เห็นเขาบอกฉันไว้นะคงไปถึงลอนดอนวันนี้ช่วงเที่ยงๆ ละมั้ง


เดรโก...ฉันรู้ว่าเราพูดเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้ว แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ ฉันไม่อยากให้นายหันหลังจากมันแบบนี้ แม้ว่าฉันจะเคารพการตัดสินใจของนายก็ตาม พวกเราทุกคนที่นี่เป็นห่วงนายและรอให้นายกลับมาเสมอ

หวังว่าเราจะเจอกันในเร็วๆนี้นะ

,รอน



ร่างบางพับจดหมายเก็บใส่ซอง อดนึกถึงใบหน้าของโรนัลย์ วิสลีย์ที่เคยเป็นคู่อาฆาตกับเขามาตลอด เดรโกไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาจะญาติดีกับอีกฝ่าย จนกระทั่งวันนั้น...วันที่รอนซึ่งยังมีน้ำตานองหน้าแตะบ่าเขาแล้วพูดเสียงหนักแน่น ฉันจะดูแลนายแทนหมอนั่นเอง ไม่ต้องห่วง...

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถทำตามที่รอนขอร้องได้ เขาไม่สามารถกลับไปยังโลกเวทมนต์---โลก...ที่ไม่มีคนคนนั้นอยู่อีกต่อไป ยังไม่สามารถยอมรับสิ่งที่รอนเรียกว่า ‘ความจริง’ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน....

ดวงตาแห้งผากปราศจากน้ำตาเหม่อมองออกไปด้านนอกอีกครั้ง...จริงสินะ เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ไม่เคยลืม...

เดรโก มัลฟอยเดินออกมาจากอพาร์ตเมนท์ขนาดย่อมกลางกรุงลอนดอน แวะซื้อกาแฟกับแซนวิชก่อนจะขึ้นรถไฟใต้ดินซึ่งคนเริ่มบางตาเพราะเลยชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้ามาแล้ว

ถ้าเป็นเมื่อก่อน...หากใครมาบอกว่าเขาจะต้องมาเดินทางแบบมักเกิ้ล เขาคงหัวเราะเยาะว่าคนคนนั้นบ้า แต่ตอนนี้เดรโกเพียงแต่ยืนพิงหน้าต่างแล้วมองออกไปทางด้านนอกที่มืดมิดในอุโมงค์อย่างเงียบๆ

เขาแวะไปที่ธนาคารเพื่อจัดการเบิกเงินสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป ต้องขอบคุณเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ที่เป็นธุระเรื่องการเปลี่ยนเงินกิลเลียนของพ่อมดเป็นเงินของมักเกิ้ลแล้วเอาเข้าบัญชีให้เขาอยู่บ่อยๆ

หลังจากนั้นเดรโกก็เอางานไปส่งที่สำนักพิมพ์ บก.ของที่นั่นต้อนรับพร้อมกับบอกว่าไม่เห็นต้องลำบากมาเอง แต่ก็นั่นแหละ...นานๆ ทีเขาก็อยากจะเดินเที่ยวในลอนดอนบ้าง หลังจากตะลอนไปเสียแทบจะทั่วโลก

ที่จริง...เดรโกไม่ได้ลำบากเรื่องเงินจนต้องมาหางานทำ แต่บางครั้งการเดินทางเพียงลำพังมันก็ทำให้รู้สึกเหงาแปลกๆ จนต้องหาอะไรมาขีดๆเขียนๆเล่น

แต่ถึงจะเหงา..เขาก็ยังออกเดินทางไปเรื่อยๆอยู่ดี

เดินทางด้วยความหวังที่ดูเหมือนจะไม่มีวันเป็นจริง...ก็เท่านั้น


ร่างบางเดินเข้ามาในร้านอาหารขนาดเล็กที่ตกแต่งแบบเรียบๆ สายตามองหาผู้ที่นัดไว้ แล้วก็เจอกับร่างในชุดสีดำสนิทที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างไกลจากโต๊ะอื่นๆมากที่สุด เดรโกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหา

“สวัสดีครับ ศาสตราจารย์สเนป” เขาเอ่ยทัก

ผู้เป็นอาจารย์เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มให้ “สวัสดี เดรโก...เธอผอมไปนะ” ดวงตาสีดำสนิทมองสำรวจด้วยความเป็นห่วง

“ก็เพิ่งลงจากเขาที่เนปาลนี่ฮะ” ใบหน้าสวยหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะทรุดนั่ง “อาจารย์มาคราวนี้จะค้างที่ลอนดอนหรือเปล่าครับ”

“ไม่หรอก ครูมาทำธุระ เดี๋ยวก็ต้องกลับแล้ว”

“นั่นสินะฮะ ช่วงนี้ยิ่งใกล้สอบ พวกอาจารย์คนอื่นก็คงวุ่นๆ เหมือนกัน” เดรโกว่าแล้วยกกาแฟที่บริกรเพิ่งมาเสิร์ฟขึ้นจิบโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล

สเนปมองอดีตลูกศิษย์คนโปรดแล้วก็ถอนใจ “แล้วเมื่อไหร่เธอจะกลับไปโลกเวทมนต์เสียที ทุกคนเป็นห่วงเธอนะ อยู่ข้างนอกคนเดียวแบบนี้...”

เดรโก มัลฟอยฝืนยิ้ม “อาจารย์พูดเหมือนรอนเลยครับ” ใบหน้าเรียวขรึมลง “สักพักนะฮะ ผมขอเวลาสักพัก...สักวัน...ผมคงจะกลับไป”

อาจารย์ประจำบ้านสลิธิรินจ้องอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

“เดรโก...เธอยัง...ตามหาเขาอยู่..ใช่ไหม?”

มือเรียวชะงักก่อนจะวางแก้วลงแล้วพยักหน้า เขาไม่เคยปิดบังอาจารย์ประจำบ้านที่ดูแลเขาราวกับบิดาคนนี้ได้แม้แต่เรื่องเดียว “ครับ...ผมยังตามหาเขา...แต่ก็...”

“เดรโก...ครูเสียใจนะ...แต่ถึงเราจะไม่พบศพ....เขาก็น่าจะ....”

“ช่างเถอะครับ…” อีกฝ่ายส่ายหน้าแม้ท่าทีจะสงบแต่ก็มีแววดื้อดึง “ถึงยังไงตอนนี้ผมก็คงกลับไปอยู่ที่นั่น...โดยไม่มีเขา...ไม่ได้”

สเนปนิ่งอึ้ง ก่อนจะพยักหน้า “ครูเข้าใจ…”

ใบหน้าสวยยิ้ม แต่ผู้ที่มองดูก็รู้ว่ามันเป็นยิ้มที่แฝงความเศร้าไว้ลึกๆ...ความเศร้าที่ฝังไว้ตั้งแต่วันที่เขา...ผู้เป็นสมาชิกภาคี ต้องเข้ามาบอกลูกศิษย์คนโปรด...ถึงการสูญเสีย...

เดรโก...ครูขอโทษ พอตเตอร์...

เขายังจำภาพใบหน้าสวยที่ชะงักค้าง กับดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างที่มีน้ำตาไหลพรากออกมาโดยปราศจากเสียงสะอื้นได้ดี...แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน...ดวงตาคู่นั้นก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกต่อไป...เช่นเดียวกับหัวใจของผู้เป็นเจ้าของ

นั่นทำให้เขาเจ็บใจตัวเอง ไม่ต่างจากที่สมาชิกภาคีคนอื่นๆคิด เหล่าผู้เสพความตายที่เข้ามารุมล้อม ทำให้พวกเขาปล่อยให้แฮร์รี่ พอตเตอร์เผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอร์เพียงลำพัง เด็กหนุ่มสู้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดอย่างกล้าหาญและเข้มแข็ง เขาเกือบจะเอาชนะได้ ถ้าหากว่ามักเกิ้ลคนหนึ่งไม่บังเอิญผ่านมาตรงนั้นแล้วถูกโวลเดอร์มอร์จับไว้เป็นตัวประกัน ล่อให้แฮร์รี่ตามเข้าไป...และ...

“ขอโทษนะ เดรโก ถ้าเพียงแต่พวกครูตามเข้าไปทัน...พอตเตอร์ก็คงไม่...” เขากล่าวโทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช่ ถ้าเพียงพวกเขาตามเข้าไปทัน ก็คงไม่ต้องเห็นรอยไหม้เกรียมที่ปรากฏอยู่ใกล้กับซากของโวลเดอร์มอร์ รอยไหม้จากการระเบิดพลังมหาศาล ทำให้ไม่มีแม้แต่ซากศพ...รวมไปถึงพลังเวทย์ของผู้เป็นเด็กหนุ่ม

เจ้าแห่งศาสตร์มืดใช้พลังเฮือกสุดท้ายลากเอาศัตรูแห่งโชคชะตาของตนให้ตายตกไปตามกัน


ก่อนจะลาจาก ผู้เป็นอาจารย์เอื้อมมือมาแตะบ่าเขาหนักๆ “ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ”

เดรโก มัลฟอยพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลตัวเองให้ดี ผมสัญญากับเขาไว้”

สเนปยิ้มก่อนจะลูบศีรษะผู้ที่เป็นเหมือนลูกชายเบาๆ “งั้นก็ดี ไว้เจอกันนะ ครูจะพยายามมาเยี่ยมบ่อยๆ”

ใบหน้าสวยมองตามร่างในชุดดำสนิทที่เดินจากไป ก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง


เขาสัญญาเอาไว้ ว่าจะพยายามมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะไม่มีคนคนนั้นอีกต่อไป...ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาพยายามอย่างที่สุด แม้ว่าจะมีหลายครั้งที่อยากจะหลับไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก...ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพบว่าข้างกายมีแต่ความว่างเปล่า....

และเขาต้องอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป...เพียงลำพัง....

ร่างบางหยุดกึกบนทางเท้าที่แทบจะร้างผู้คน ลมหนาวพัดกรรโชกจนต้องกระชับเสื้อคลุมแน่นขึ้น

“ฉันรักษาสัญญาแล้วนะ...แล้วนายล่ะ แฮร์รี่...”เสียงพูดแผ่วเบาราวกับกระซิบกับสายลม “นายสัญญาว่าจะกลับมา...นายสัญญาแล้ว...ไม่ว่ายังไง..นายก็ต้องกลับมาใช่ไหม?”

หยาดน้ำตาที่แห้งหายค่อยๆ เอ่อคลออีกครั้ง

“ฉันจะรอนาย...ไม่ว่าจะนานแค่ไหน...ฉันก็จะรอ...”


ลมที่พัดกรรโชกเมื่อครู่ผ่อนเบาลง ร่างบางปัดน้ำตาที่ท่าจะหยดลงมา ก่อนก้าวเดินต่อไปจากทางเดินนั้นเข้าสู่ถนนสายหลักที่มีผู้คนขวักไขว่มากขึ้น ถึงเวลาช่วงพักเที่ยงพอดี รถไฟใต้ดินตอนนี้คนต้องแน่นแน่ๆ เดรโกเลยเปลี่ยนใจก้าวไปตามถนนแทน...ถือว่าออกกำลังเตรียมไว้สำหรับไปโคลัมเบียก็ไม่เลวนัก...

เขาแวะร้านหนังสือข้างทางเพื่อหาอะไรไว้อ่านเล่นช่วงรอเวลาออกเดินทางอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ออกมาจากร้านพร้อมด้วยถุงหนังสือถุงใหญ่...มีเล่มหนึ่งที่เขากำลังอยากได้อยู่พอดี เดรโกเลยอดไม่ได้ที่จะพลิกอ่านคำวิจารณ์ด้านหลังปก เขาคงเพลินจนไม่ทันเห็นว่า ไฟจราจรด้านหน้าเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวแล้ว

“ระวัง!” เสียงเรียกจากทางด้านหลังพร้อมกับมือหนึ่งดึงร่างบางให้หลบก่อนที่รถคันหนึ่งจะแล่นโฉบผ่านไป

“อ๊ะ!” เดรโกเซไปปะทะกับอกกว้าง...ความอบอุ่นที่คุ้นเคยแบบนี้...หรือว่า..

“แฮร์รี่!”

ร่างบางร้องออกมาก่อนจะเงยขึ้นมองอย่างรวดเร็ว...และชะงักกึก

ใบหน้าที่อยู่เหนือขึ้นไปมีผิวสีเหลืองนวลเข้ากับดวงตาสีดำยาวเรียวและคิ้วเข้มทำให้ดูคมคาย เส้นผมสีดำสนิทตัดสั้น...คนเอเชียงั้นเหรอ?

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อีกฝ่ายถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

เดรโกผละจากอ้อมแขนกว้างด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”

“ระวังหน่อยนะครับ แถวนี้รถแล่นกันเร็วเสียด้วย” ชายหนุ่มผิวสีนวลเตือนด้วยความหวังดี...สำเนียงอังกฤษชัดเจนแบบนี้คงอยู่ที่นี่มานานแล้วสินะ

“ครับ ขอบคุณ” ร่างบางยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับความอ่อนใจตัวเอง

นี่เขาคิดถึงคนคนนั้นมากจนเห็นภาพหลอนเสียแล้ว?
……………………………………………………………………………………

ร่างสูงมองคนตัวเล็กที่เดินลิ่วจากไปพร้อมกับกับส่ายหน้า “ตัวบางแค่นั้น เดินไม่ระวัง ถูกลมพัดวูบเดียวก็คงจะปลิวแล้วละมั้ง”

เขาคิดก่อนจะหันหลังเดินไปตามทางอีกครั้ง เมื่อครู่เขารู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าเป็นคุ้นเคยกับร่างอุ่นในอ้อมแขน...

คงคิดมากไปเอง....คนแบบเขาจะคุ้นเคยกับอะไรได้อย่างไร ยิ่งกับคนอังกฤษท่าทางผู้ดีแบบนั้น ใบหน้าเรียวยิ้มนิดๆ แบบขำตัวเอง

“ฮัง! ฮัง!”

เสียงเรียกจากด้านหลังดึงให้เขาหยุดเดินก่อนจะหันกลับไป หญิงสาวร่างเล็กผมสีบลอนด์ยาวกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ร่างสูงมองแล้วก็ทำหน้ามุ่ย

“โดโรธี ไม่ต้องเรียกเสียงดังก็ได้” เขาบอกพลางถอนใจ ป่านนี้คนทั้งมหาลัยคงรู้จักชื่อเขากันหมดแล้วมั้ง ก็คุณเธอเล่นเจอกันทีไรประกาศเรียกเสียลั่นทุกที

“ก็...เธออยากเดินเร็วนี่นา ตัวก็สูง ขาก็ยาว คนจีนอะไร๊ ตัวสูงชะมัด” พูดแล้วก็แกล้งตีไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นการหยอก

“กลับบ้านช่วงวันหยุดยาวเป็นไงบ้าง” เขาถามพลางเดินคู่กับหญิงสาวเข้าไปสู่ตึกเรียน

โดโรธียิ้ม “ก็ดีจ๊ะ โรงพยาบาลก็ยังคนแน่นเหมือนเดิม อ้อ พ่อบ่นถึงเธออีกแล้ว บอกว่าหายเงียบไป ไม่ติดต่อกลับมาบ้างเลย”

“ก็ช่วงนี้ฉันเรียนหนักนี่นา ใกล้จบแล้วก็แบบนี้แหละ” ชายหนุ่มตอบก่อนจะถอนใจ “บอกคุณหมอด้วยว่าฉันจะต้องไปเยี่ยมแน่ๆ ไม่ต้องห่วง”

“จ๊ะ” โดโรธีรับคำ

ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้เคารพและซึ้งในบุญคุณบิดาเธอขนาดไหน หญิงสาวยังจำคืนที่พ่อพาร่างที่บาดเจ็บสาหัสจนแทบเอาชีวิตไม่รอดเข้ามาในโรงพยาบาลตอนกลางดึก ถ้าไม่ได้บิดาของเธอที่เป็นศัลยแพทย์มือหนึ่ง ป่านนี้ชายหนุ่มลูกครึ่งจีน-อังกฤษตรงหน้าก็คงจะตายไปแล้ว

โดโรธีเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่กำลังเดินคู่กันอยู่ ใบหน้าแบบเอเชียที่มีเค้าความอ่อนโยนแต่ก็แฝงความเข้มแข็ง การที่เขาฟื้นขึ้นมาได้...ไม่ใช่เพราะฝีมือมือพ่อของเธออย่างเดียว แต่เพราะความเข้มแข็งในจิตใจของฮัง เวียน เองด้วยละมัง ความอดทนเพื่อจะให้มีชีวิตรอด...

“นี่ฮัง…” เธอเอ่ยเรียก

“หือ ว่าไง?” ชายหนุ่มพลางก้มลงมองเพื่อนที่ตัวเล็กกว่า

“เธอได้เรื่องเกี่ยวกับอดีตของตัวเองบ้างหรือยัง”

ดวงตาเรียววูบลงก่อนจะส่ายหน้า “ยังเลย...แล้วฉันก็ยังจำอะไรไม่ได้เหมือนเคย...” ใบหน้าคมขมวดคิ้ว “ขนาดไปที่นั่นบ่อยๆ ก็นึกอะไรไม่ออก” เขาพูดแล้วก็ถอนใจ

หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลครอบครัวโดโรธี ฮังจำอะไรไม่ได้ว่าตนเป็นใครและไปอยู่ในซอยมืดนั้นได้อย่างไร บาดแผลฉกรรจ์ทั่วทั้งร่างทำให้เขาไม่มีแม้แต่ใบหน้าหรือความทรงจำหลงเหลืออยู่พอจะยืนยันความเป็นตัวเอง หลักฐานเกี่ยวกับชายหนุ่มมีเพียงพาสปอร์ตที่ตกอยู่ข้างตัวเขาตอนที่บิดาของโดโรธีบังเอิญไปพบเท่านั้น

ที่จริงคุณหมอบอกว่า เห็นร่างอีกร่างหนึ่งนอนอยู่ข้างๆ เขา เป็นร่างของชายชราหน้าตาน่ากลัว แต่ร่างนั้นสิ้นลมหายใจไปเสียแล้ว มีเพียงฮังที่ยังหายใจรวยรินอยู่ คุณหมอก็เลยรีบพาเขากลับมาที่โรงพยาบาลในสภาพร่อแร่ ร่างทั้งร่างไหม้เกรียมจนจำเค้าหน้าไม่ได้

ดีว่าพ่อของโดโรธีเป็นศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อและการศัลยกรรม เขาจึงได้ใบหน้าเดิมของตัวเองกลับมา พร้อมกับโอกาสในการมีชีวิตอีกครั้ง...

ชีวิต..ที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคย...ราวกับว่ามันไม่ใช่ของตัวเอง...

โดโรธีสังเกตเห็นสีหน้าซึมของอีกฝ่าย เลยเอื้อมมือไปแตะบ่าของร่างสูงเบาๆ “เอาน่า...เดี๋ยวสักวันเธอก็นึกได้เองแหละ” พูดแล้วก็ยิ้ม ใบหน้าสวยหวานกับดวงตาสีฟ้าอมเทาและผมสีบลอนด์ทองดูเปล่งประกาย

ฮังยิ้มตอบ รอยยิ้มและกำลังใจจากหญิงสาวมีส่วนช่วยเขามากมาย...ตอนแรกเขาคิดว่าเขารักโดโรธี ยิ่งมองดวงตาสวยซึ้งกับร่างเล็กนี้บางก็ยิ่งรู้สึกผูกพัน...

ลมพัดปลิวทำให้ใบไม้สีทองบนต้นไม้สูงพริ้วตกลงมาสู่ร่างของชายหนุ่ม

.....แต่เมื่อคิดอย่างจริงจังแล้วกลับพบว่าไม่ใช่

เขากำลังมองภาพใครบางคนซ้อนทับกับภาพของเธอต่างหาก... ใครบางคนที่เขาคิดถึงด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวาน เป็นความสุขเดียวท่ามกลางความทรงจำที่แสนเจ็บปวดทรมานราวกับจะตายทั้งเป็นนั่น

นายจะต้องกลับมาหาฉันนะ...ใช่มั้ย

ขณะที่รู้สึกเจ็บปวดด้วยพิษบาดแผล มีเพียงเสียงหวานปนสะอื่นที่ผุดขึ้นในในห้วงนึกเท่านั้นที่ฉุดเขาขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มพยายามอดทนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป

“เฮ้อ ไปเข้าเรียนเหอะ”

ฮังถอนใจก่อนจะเดินนำเพื่อนสนิทให้ก้าวตาม...ลมเย็นพัดมาปะทะร่าง...แต่ในใจของชายหนุ่มกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด...

เขาแน่ใจ....ว่ายังมีใครคนนั้นที่เฝ้ารอเขาอยู่ที่ไหนสักแห่ง...

เขาสัญญาแล้วนี่นะ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็จะต้องตามหาคนคนนั้นให้เจอ

....ไม่ว่าจะเป็นยังไงฉันก็จะกลับมาหา...ฉันสัญญา

~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/~/

Talks

แหะ แหะ แต่งฟิกดาร์กได้แล้ว ที่จริงมันเป็นฟิกที่มีที่มาขำมาก

ทั้งนี้ตอนแรกที่ตกลงกัน ไอ้ชาบอกว่าจะแต่งเรื่องเศร้า มีพล็อตไว้แล้ว เราก็เลยกะว่าจะแต่งเรื่องฮา (นึกพล็อตออกเหมือนกัน) ไปๆมาๆ วันที่ 8 ไอ้ชาเดินมาบอกว่า

“เฮ้ ฟิกให้ตัวเอง(นะโอ)อ่ะ แต่งไม่ออกแล้วว่ะ เลิกเหอะ”

เออดี (ฉันก็แต่งไม่ออกเหมือนกัน—แต่งแล้วไม่ขำด้วย) เลิกๆ

คืนวันที่ 9 อยู่ดีมันก็นั่งหน้าจอคอมทำอะไรก็อกๆแก็กๆ อยู่สัก 3 ชม. ก่อนจะหันมาบอกว่า แต่งเสร็จแล้วนะ เป็นฟิกฮา...เหอๆ เวรกรรม แล้วของฉันล่ะ ไอ้ครั้นจะเอาฟิกฮามาแต่งต่อก็แต่งไม่ออก กระไรเลย แต่งฟิกเศร้าดีกว่า....นึกๆ แล้วก็เพิ่งแต่งเมื่อวาน ออกมาเป็นแบบนี้

พอแต่งเสร็จมานั่งอ่านทวน โอ้ feel แบบนี้...นี่มันฟิกเจอาร์นี่หว่า! ตอนแรกตั้งใจจะเอาแค่ส่วนของเดรโก แต่พอคิดถึงพ่อฮังขึ้นมาแล้วเกิดชอบเลยขอปะหน่อย ใครคิดว่ามันแม่งๆ ก็ทำใจหน่อยนะคะ ที่จริงนะโอชอบผู้ชายตี๋น่ะ



Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2548 10:17:09 น.
Counter : 904 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]