Volume 1 Part 3
Part III

ป่าต้องห้ามในเวลานี้มีแต่เสียงกิ่งไม้ใบไม้กระทบกัน เห็นเงาราง ๆ ของสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนเริ่มออกจากรัง ดูวังเวงยิ่งกว่าปกติเข้าไปอีก ไม่มีใครบอกได้ว่าป่านี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมคิดว่าคงจะหลายปี....อาจจะมีมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งฮอกวอร์ตก็ได้ละมั้ง ถึงแม้จะเป็นป่าโปร่งแต่หมู่ต้นไม้นี้ก็ทึบทะมึนมากกว่าในบริเวณอื่น ตอนนี้ค่ำแล้วแหง เพราะอยู่ดี ๆ อากาศมันก็หนาวยะเยือก แถมดูท่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงอีก แสงสว่างค่อย ๆ จางไปจนเกือบหมดไป กลายเป็นว่าแถวนี้แทบจะมืดสนิท

ผมกับมัลฟอยเดินเข้าป่าต้องห้ามเงียบๆมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมง พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เราเลยต้องจุดตะเกียง มัลฟอยรีบยึดตะเกียงไปถือไว้.......ท่าทางบอกว่ากลัวเห็นชัดเลย

“งี่เง่าที่สุด ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ!”.......หมอนี่หวังใช้เสียงเป็นเพื่อน ตลกชะมัด ฮึฮึ

“............”

“เพราะนายแท้ๆเลยนะ พอตเตอร์!!” ...........อือ....ดวงตาหมอนี่สีซีดจริงๆแฮะ สี...เทาล่ะมั้ง พอมาสะท้อนอยู่ใต้แสงไฟแบบนี้เลยทำให้ดูวาวๆอย่างกับอัญมณี....สวยดี.....ยิ่งมีแววตื่นกลัวแบบนี้ยิ่งน่ามองอย่างประหลาด

“...........”

“ซวยชะมัด! การบ้านก็ยังไม่ได้ทำ”ใบหน้าเนียนได้รูปนั้นดูหวาดๆ ระแวงสองข้างทางอยู่ตลอดเวลา

“.............”

“พอตเตอร์?” ทั้งใบหน้าและดวงตาที่กำลังนึกถึงหันกลับมามองผม ทำเอาไม่ทันตั้งตัว

“หา?เอ้อ...อะไร?”

“นายเงียบไปทำไม?”

“อ้าว? ไม่บอกล่ะว่าอยากชวนคุย?กลัวเหรอ?”พอตั้งสติได้ปากมันก็อดรวนคนตรงหน้าไม่ได้น่ะครับ...นิสัยนี้มันฝังแน่นซะแล้ว

“นายว่าใครกลัวห๊า พอตเตอร์!” เสียงสั่นๆนั้นตวาดกลับ

“อึ๊.....”ผมพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ตอนเห็นสีหน้าทั้งฉุนทั้งหวาดของหมอนั่น “ตกลง ๆ ไม่มีใครกลัวหรอก ฉันมั่วไปเอง”เสียงผมพลอยสั่นไปด้วยแล้ว ไม่ใช่เพราะกลัวนะ แต่เป็นเพราะกำลังพยายามไม่ให้เสียงหัวเราะลอดออกมาทำคุณหนูขี้หงุดหงิดโมโหเอาอีกรอบต่างหาก

“อ๊ะ!มัลฟอย....”

“นายเงียบไปเลยดีกว่า!”

“.............”

โครม!!

อา...เวลาแบบนี้อยากให้เฟร็ดกับจอร์จมาเห็นด้วยจังเลย

เดรโก มัลฟอยแห่งบ้านสลิธิรินสะดุดรากไม้ล้มป้าบลงไปบนทางดินข้างหน้าที่มีระดับต่ำกว่า....โอ้ โยนมาดคุณหนูผู้หยิ่งผยองตอนอยู่ในโรงเรียนทิ้งไปได้เลย

แล้วพอตะเกียกตะกายขึ้นมาได้...โดยผมไม่ทันได้ยื่นมือเข้าไปช่วยน่ะนะ “ไอ้บ้าพอตเตอร์!ทำไมไม่เตือนวะ!”

มัลฟอยนั่งว้ากอยู่กับพื้น มือกุมหน้าผาก ตะเกียงหลุดจากมือ วางคว่ำอยู่ใกล้ๆ

“ก็นายบอกให้ฉันเงียบนี่”

“….#%&*%@....”เสียงสบถงึมงำในลำคอ ก่อนที่เขาจะดึงมือที่กุมหน้าผากออกมาดู

ของเหลวสีแดงสด...ที่ปลายนิ้วเรียวทำเอาหน้าของคนที่นั่งอยู่ซีดมากขึ้น

“เลือด!”

ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ผมรีบก้าวข้ามรากไม้ลงไปยังที่ที่เจ้าของเสียงนั่งอยู่

“เป็นไงบ้าง”ผมถามขณะที่รีบเดินเข้าไปทรุดลงนั่งข้าง ๆ “สงสัยคงไปกระแทกกับรากไม้อีกอันตรงโน้น”

ผมพยักหน้าไปทางรากไม้ใหญ่ด้านที่มัลฟอยล้มลงไปเมื่อครู่

แผลของหมอนี่ดูท่าก็ไม่น่าหนักหนามากไปกว่าแผลที่ผมเคยได้รับจากการแข่งควิดดิชอยู่บ่อยๆ แม้ว่าเลือดจะออกบ้าง แต่ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือ ใบหน้าที่ก้มต่ำลงนั่นดูเหมือนจะช็อกไปแล้วฮะ ช็อกยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าต้องเข้ามาในป่าต้องห้ามซะอีก

“ฉัน....เลือด...ออก.....” เสียงเริ่มระโหย

“มัลฟอย? ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เฮ้ย แผลนิดเดียวเองนะ.........ผมคิดอย่างรำคาญ.........

เจ้าคนที่ทำท่าจะเป็นลมเอามือไปกุมแผลอีกรอบ เหมือนกับกลัวว่าเลือดมันไหลโชกออกมายังไงยังงั้น ผมเห็นแล้ว ด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญก็เลยเอื้อมมือไปกระชากแขนออก.....ไหนดูให้ชัด ๆ ซิ แผลมันใหญ่แค่ไหนเชียว......

“โธ่เอ๊ย! ก็แผลนิดเดียวจริงๆนี่หว่า....เอ๊ะ!”

เอ่อ....ที่ชะงักเนี่ยไม่ใช่ว่าแผลของหมอนี่มันหนักหนาสาหัสอะไรนักหรอกนะครับ ไอ้แผลกะจิ๊ดริดเท่าแมวข่วนแค่เนี้ย แต่ว่า....

ไม่เห็นมีใครบอกผมเลยว่าลูกกะตาสีเทา ๆ ของมัลฟอยเวลามีหยาดน้ำตาชุ่ม ๆ แบบนี้...มันน่าดูชะมัด มองดี ๆ ผมสีทองอ่อนของหมอนี่ก็นุ่มน่าจับมาพันนิ้วเล่น จมูกโด่งปลายรั้นเชิดนิด ๆ แบบคุณหนูเอาแต่ใจน่าหยิกไม่หยอก ปากบางๆสีชมพูอ่อนนั่นก็....ก็น่า......

เฮ่ย.....อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก นายเป็นอะไรไปแล้ว แฮร์รี่!!!เจ้าหมอนี่มันเดรโก มัลฟอยนะโว้ยยยย หมอนี่เป็นมัลฟอย !เป็นพวกสลิธิริน! เป็นไอ้คุณหนูจอมหยิ่ง! เป็นไอ้ขี้เก๊ก! เป็น เป็น เป็น …#%&@*&@

ผมร่ายยาวจนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

“เอ้า รีบลุกเร็วเข้า อย่าบอกนะว่าแค่นี้นายจะเป็นลมน่ะ!” เฮ่อ! ได้ปั่นหัวหมอนี่แล้วค่อยยังชั่ว

ผมฉุดเขาให้ลุกขึ้น มือของหมอนี่เย็นเฉียบเลยแฮะ

มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาสีซีดยังคงมีน้ำใสๆคลอนิดๆ แต่เจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นเอาไว้เต็มที่จนต้องกัดริมฝีปากแน่น

“เรียกเจ้ายักษ์แฮกริดมา ฉันจะกลับแล้ว!” เสียงโวยวายนั่นสั่นเชียว

เฮ้ย!จะทำงั้นได้ไงล่ะ นี่เพิ่งเดินเข้ามาได้แค่ชั่วโมงเดียวเอง “เรายังไม่เจอฮิปโปกริฟตัวที่ว่าเลย แฮกริดบอกให้กลับออกไปตอน 3 ทุ่ม นี่ยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบ 2 ชั่วโมง เดินหาต่ออีกนิดแล้วกัน”

“ไม่!ฉันจะกลับแล้ว การลงโทษอะไรนั่นมันไม่น่าจะเกี่ยวกับฉัน ทั้งหมดมันก็เพราะนายนั่นแหละ พอตเตอร์!”เสียงกับหน้าตาของมัลฟอยบอกความโกรธสุดขีด เขาหันขวับออกเดินจ้ำพรวดๆ ไปโดยไม่รอผม

“เฮ้ มัลฟอย นายจะรีบไปไหน” ผมว่าพลางจ้ำตามให้ทัน “ไปทางนั้นระวังตกบ่อน้ำนะ” ผมอุตส่าห์ตะโกนบอกเมื่อเห็นมัลฟอยเดินลิ่วๆไปตามทางที่ลาดลง

คนถูกเรียกไว้หันเดินกลับมา ก่อนจะชะงักเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“ทำไมนายรู้”

“ตอนปีแรกๆ ฉันกับพวกเฟรด จอร์จ เข้ามาสำรวจนิดหน่อย ไปไม่ไกลเท่าไหร่ เคยเจอบ่อน้ำกว้างอยู่เลยไปจากนี่ มีใบไม้แห้งบังไว้แยกไม่ค่อยออกว่าเป็นบ่อน่ะ แต่ก็ลึกพอดูเลย นายระวังด้วยล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นผีเฝ้าป่าไม่รู้ตัว”ผมร่ายยาว

“สำรวจ? มันผิดกฎโรงเรียนไม่ใช่เรอะ?ฉันจะบอกศาสตราจารย์!” เฮ้ย อุตส่าห์เตือนเพราะหวังดีนะ

“โอ้โห คุณหนูมัลฟอยขี้ฟ้องจังนะ ทำอย่างกับพวกผู้หญิง ~” ผมว่าไปงั้นเอง....รู้อยู่หรอกว่าถ้าหมอนี่จะฟ้อง ก็คงเพราะอยากเห็นผมเจอดีบ้างก็เท่านั้น

มัลฟอยโกรธจนหน้าแดง เดินกลับไปอีกทางโดยไม่รอผม(อีกแล้ว)

เพิ่งจับกบมาหยกๆ ยังจะอวดเก่งอีกนะ เจ้าบ้าเอ๊ย! แต่ทำไงได้ ขืนแยกกันแล้วขากลับไปสเนปไม่เห็นลูกศิษย์คนโปรดล่ะก็ผมถูกสั่งให้มาอยู่ในป่าแทนหอนอนตลอดเทอมชัวร์...เฮ้อ

ผมเดินจ้ำตามไป จนเจอหมอนั่นยืนนิ่งอยู่หน้าโพรงดินกว้าง มีกิ่งไม้แห้งบังอยู่ทั้งสองด้าน

“มองอะไรอยู่ล่ะ มัลฟอย ฉันก็อยากกลับปราสาทเหมือนกันแหละ รีบมาทางนี้สิ!”ผมบ่นก่อนถึงตัวอีกฝ่าย แล้วก็พลอยพูดไม่ออกไปด้วย

ภาพตรงหน้าพวกเราคือ........

ร่างของสัตว์ชนิดหนึ่ง ขนาดเท่าๆกับลูกวัว หัวเป็นนกอีนทรีแต่ตัวเป็นสิงโต ปีกขนาดเล็กสองอันแนบราบไปกับลำตัวด้านข้าง

“ตัวอะไรน่ะ?” ผมถาม

มัลฟอยก้มตัวลงใกล้เจ้าสัตว์ตัวน้อย “ฮิปโปกริฟ”

“นายรู้ได้ไง มัลฟอย? ไม่เห็นแฮกกริกเคยสอนในวิชาดูแลสัตว์วิเศษเลย ?”

หมอนั่นตาขุ่นขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะทำท่าเหมือนกับจะบอกว่า‘อย่าเอาสมองฉันไปเทียบไปก้อนเนื้อเน่าๆในหัว นาย’

“ดูซะ!ทั้งหัวเหมือนนกอินทรี แล้วก็ช่วงลำตัวเหมือนสิงโต แถมยังมีปีกนี่อีก”มัลฟอยจิ้มที่ปีกคู่เล็กๆนั้นเบาๆ “ถึงเจ้านี่จะยังเด็กอยู่มากก็เถอะ”

“เห.....เด็กเหรอ? ตัวมันเกือบเท่าลูกวัวเนี่ยนะ เด็ก?”

“อือ เพิ่งเกิดได้ไม่กี่ชั่วโมงเองมั้ง”มัลฟอยตอบ แถมด้วยสายตาดูถูกเหมือนจะบอกว่าคนที่ไม่รู้กะอีแค่เรื่องแบบนี้น่ะ...

“เพิ่งเกิด?”ผมคงทำหน้าแบบที่หมอนั่นเห็นว่าโง่เต็มที เลยได้รับรอยยิ้มเยาะเย้ยมาอีกอย่าง

“เออสิ ฮิปโปกริฟฟ์จะบินได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่มันเกิด แต่เจ้าตัวเล็กนี่กระดูกที่ปีกยังอ่อนอยู่มาก คงยังไม่เคยบินเลยมั้ง” ได้ทีละร่ายยาวเชียวนะ

“อ้อ.....”ผมยังคงยืนอยู่ห่างออกมานิดหน่อย“เออ....งั้น..เจ้าเนี่ยเหรอ.....เอ่อ....อะไรนะ?.....เบคบี้ค?”ผมว่าอย่างไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไหร่......ก็อุตส่าห์นึกภาพฮิปโปกริฟขนาดยักษ์ไว้ซะดิบดี

“ฉันจะรู้มั้ยล่ะ! ฉันก็ฟังเจ้ายักษ์แฮกริดบอกมาเท่าๆกับนายนั่นแหละ อย่าถามอะไรโง่ ๆ ได้ไหมพอตเตอร์”

ผมถอยห่างออกจากหมอนั่นหน่อยนึง พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ชกหน้าสวยๆนั่นก่อนจะพ้นป่า.....พูดกวนมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะโว้ย ทีตอนหกล้มละจะเป็นจะตาย ไม่น่าห่วงมันเลยจริง ๆ

“เจ้านี่ไม่น่าจะใช่บ๊อคบี๊คที่ว่าหรอก พอตเตอร์ มันเพิ่งจะเกิดนะ ไม่มีทางหนีเจ้ายักษ์แฮกริดมาเที่ยวได้หรอก”

……แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า....เอ้อ.....บ๊าคบี๊ค?....นั่นแหละ....เป็นตัวไหน?รู้งี้น่าจะให้แฮกริดบอกรายละเอียดมากกว่านั้นหน่อย .......แต่ก็จริงอย่างมัลฟอยว่า ฮิปโปกริฟที่หนีมาเที่ยวเองได้คงไม่ใช่รุ่นจิ๋วแบบนี้หรอก.......มันน่าจะ......

ผมยืนอยู่ทางด้านหลังของเจ้าฮิปปี้จิ๋วกับมัลฟอย......เลยได้เห็นอะไรที่ 1 คนกับ1ตัว ไม่ทันได้มอง.....

“นายน่าจะถามมาให้ดีกว่านี้หน่อยนะ พอตเตอร์ แบบนี้จะหาแบคบี๊คบ้าบอคอแตกอะไรนั่นได้ไง”

“เอ่อ.....ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะ”ผมตอบ ไม่ได้หันไปมองคนที่มาด้วย เพราะภาพตรงหน้า....ที่จริงมันแทบจะทำให้ผมไม่กล้าขยับตัวเลยด้วยซ้ำ!!

“หือ? นายว่า.......!!!!”เสียงมัลฟอยถามกลับมา ฟังดูค่อนข้างฉุนเฉียว ก่อนที่จะสะดุดกึก เมื่อได้รับคำตอบ

“คว่ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”

สิ่งมีชีวิตที่รูปร่างไม่ต่างจากเจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าพวกผม ผิดกันแค่....เจ้าตัวนั้นขนาดเท่าลูกวัว แต่ตัวตรงหน้านี่มัน.........มันใหญ่กว่าม้าซะอีกนะ!!!

ยังไม่ทันได้ขยับตัว พุ่มไม้อีกด้านก็ส่งเสียงดังแกรกๆ ผมแทบไม่อยากจะหันกลับไปดู....

“แคว๊กกกกกกก” อีกตัว....แทบจะเหมือนกันเปี๊ยบ....ก้าวออกมาจากหลังพุ่มไม้

มัลฟอยนั่งอ้าปากค้าง ตาเบิกโพล่ง!ผมเห็นท่าทางที่พึ่งอะไรไม่ได้แบบนั้น เลยต้องฉุดแขนหมอนั่นลุกขึ้นทันที!!!!

“วิ่งเร็ว!!!!”

“#%*&@$%=!!!!!!!!!!”

ความมืดทำให้ผมมองทางไม่ค่อยเห็น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ส่วนไหนของป่า กิ่งไม้เล็กๆที่ขวางหน้าอยู่เกี่ยวถูกหน้าและเสื้อจนเป็นรอยไปหมด แต่ไม่ใช่เวลามาสนใจ ก็เสียงฝีเท้าหนักสองคู่มันตามมาไม่ลดละ!!!

ให้ตายเถอะ!ไหนลูกแก้วของศาสตราจารย์ทีลอว์นีย์บอกว่าตลอดสัปดาห์นี้จะมีแต่เรื่องดีๆไง!?!? ยัยป้านั่นเชื่อถือไม่ได้จริงๆด้วย!!

“พลุ!...พอตเตอร์!พลุสัญญาณ!”มัลฟอยตะโกนบอก

ใช่!พลุสัญญาณ!

ผมวิ่งพลางฉุดคนวิ่งที่ตามมาข้างหลังด้วยมือหนึ่ง อีกมือล้วงหยิบไม้กายสิทธิ์กับพลุสัญญาณออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม ความเร่งรีบทำให้ไม้กายสิทธิ์ในมือผมพลัดร่วงลงไปข้างทาง

“ชิบ....” ผมสบถรีบหมุนตัวจะไปหยิบแต่...

“แคว่กกกกกก!!!!” “คว่ากกกกกกก!!!!” เจ้าสัตว์ยักษ์สองตัวตามมาติด ๆ โว๊ย! จะซวยไปถึงไหน!

ผมวิ่งกลับพร้อมกับลากมัลฟอยตามมา เดี๋ยวค่อยกลับไปเอา ตอนนี้ต้อง.... “มัลฟอย เอาไม้กายสิทธ์ของนายออกมา!” ผมหันกลับไปบอก แต่มัลฟอยตะโกนขึ้นก่อน

“เฮ้ย! เดี๋ยว! พอตเตอร์!ข้างหน้านั่นมัน....”

หา?อะไร?

พรุ่บ!!!!!

สวบ!!!!

เฮ้ย!

รอบด้านที่แสงสว่างมีน้อยอยู่แล้วกลับวูบลงเป็นความมืดมิดและความเย็นเฉียบ ภาพที่ผมมองเห็นคือ.............





Create Date : 10 มกราคม 2548
Last Update : 18 มกราคม 2548 9:44:56 น.
Counter : 806 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]