Epilogue : Along Came Sunshine

ไยจึงไม่ยอมเปิดเผยให้ฉันเห็น...
ว่าฤดูใบไม้ผลิบนดวงดาวนั้นงดงามเพียงไหน...

มิเช่นนั้น ก็ได้โปรดจงสัตย์ซื่อ...เอื้อนเอ่ยวาจาแห่งความจริงนั้นแก่ฉันเถิด

คำคำนั้น...คำว่า...


ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าเรียวเบลอไปชั่วครู่กับความมืดสนิทด้านนอก ยังดึกมากสินะ เขาละเมอตื่นขึ้นมาอีกแล้วหรือนี่ ทำไมช่วงนี้ถึงได้เป็นแบบนี้บ่อยนักนะ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจเบาๆ อย่างหน่ายตัวเอง ดวงตาสีเขียวมรกตปิดลงอีกครั้ง

...หากแม้เมื่อยามเข้าสู่นิทรา คนที่มึนงงกับความฝันเลือนรางเมื่อครู่ก็ยิ่งครุ่นคิด

คำคำนั้น...คือคำว่าอะไรกันนะ?
...........................................................

“เฮ้ แฮร์รี่ เลิกเรียนแล้วเราไปสนามซ้อมกันเถอะ”

เสียงกระซิบร่าเริงของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำให้เด็กหนุ่มผมดำหันหน้ามาจากหม้อยาบนโต๊ะ พร้อมทั้งถอนใจเฮือกใหญ่ ก็น้ำยาแก้อาการชักกะตุกที่ควรจะเป็นสีส้มของเขา ตอนนี้มันยังเป็นสีน้ำตาลอมเขียวพิลึกๆ อยู่เลยนี่นา

“เย็นนี้นายไม่มีเวรพรีเฟ็ครึไง”

เขากระซิบถามกลับ ไม่ลืมที่จะเหลือบมองดูให้แน่ใจว่า สเนปยังหันหลังเขียนสูตรยาลงบนกระดานดำอยู่

“โอ๊ย...ไม่มีหรอ...” ยังไม่ทันที่คู่หูจะได้ตอบจบ ก็มีเสียงกระซิบเหี้ยมๆ ดังแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง

“มีสิยะ เธอต้องไปตรวจเรือนเพาะชำกับฉัน วันนี้เวรกริฟฟินดอร์ ลืมแล้วหรือไง?”

คู่กรณีรีบหันไปส่งยิ้มแหยๆ ให้เด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูที่กำลังจ้องเขม็งด้วยสายตาดุๆ อยู่ตรงโต๊ะถัดไป

“โธ่เอ๊ย เฮิร์ม เดี๋ยวค่อยแวะไปตอนค่ำๆ ก็ได้น่า...” รอนทำท่าจะขอผัดผ่อน แต่แน่นอนว่าสาวน้อยเจ้าระเบียบประจำบ้านย่อมไม่มีทางยอม

“ใครเขาไปดูแลต้นไม้ตอนหัวค่ำกันบ้างยะ...”

รอนอ้าปากจะค้าน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดโอกาสให้ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์สำทับด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “แล้วเธอก็มีรายงานวิชาคาถาอีก 2 ม้วนที่ยังไม่ได้เขียนด้วย ถ้าอยากให้ฉันอยู่ช่วยล่ะก็ รีบไปทำธุระกันให้เสร็จเร็วๆ เลยนะ”

เท่านี้ฝ่ายเสียเปรียบก็หมดสิทธิค้าน รอนได้แต่หันกลับมามองแฮร์รี่ด้วยสีหน้าเซ็งๆ เพื่อนสนิทเลยต้องคลี่ยิ้มปลอบกันไปตามระเบียบ

“เอาน่า งั้นไว้พรุ่งนี้ก็ได้ เดี๋ยววันนี้ตอนพวกนายไปทำงาน ฉันจะได้ไปหาแฮกกริกเสียหน่อย ไม่ได้ไปนานแล้ว”

แฮร์รี่พูดแล้วก็หันไปสนใจกับน้ำยาตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหนุ่มเงยขึ้นมองส่วนผสมบนกระดานดำ แต่ดวงตาสีมรกตกลับไปสะดุดกับร่างสูงของคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะห่างออกไป แผ่นหลังกว้างกับศีรษะที่มีผมสีบลอนด์สะดุดตาแบบนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ใบหน้านวลขมวดคิ้วเล็กน้อย

น่าแปลกที่ตอนนี้มัลฟอยไม่ได้เข้ามาชวนเขาทะเลาะเหมือนเมื่อก่อน แม้จะรู้สึกว่าสงบสุขดีอยู่แล้ว แต่แฮร์รี่ก็ยังติดใจท่าทางประหลาดกับสายตาแปลกๆ ที่ฝ่ายนั้นมองเขาหน้าห้องสมุดเมื่อหลายวันก่อนไม่หาย ที่จริงก็อยากจะถามให้มันหายสงสัยไปเลยอยู่หรอก ถ้าก่อนหน้านั้นมัลฟอยจะไม่ลามปามเรื่องซีเรียสน่ะ คิดแล้วก็ฉุนขึ้นมาอีก

เด็กหนุ่มแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ก็รีบถอนสายตากลับมาทันควัน

หมอนั่นไม่มายุ่งกับเขาได้แหละเป็นดีที่สุด!
...........................................................

“งั้นผมไปก่อนนะแฮกริด ขอบคุณสำหรับเค้กฮะ”

ร่างบางก้าวออกมาจากประตูบานหนาหนักของกระท่อมหลังเล็ก โบกมือลาเจ้าของบ้านที่ยืนยิ้มส่งอยู่พร้อมกับสุนัขตัวโต แฮร์รี่เดินทอดน่องไปตามทางเดินหินเพื่อกลับปราสาท ขาเรียวก้าวอย่างไม่รีบเร่ง เพราะว่าวันนี้อากาศไม่ร้อนมากนัก ถึงแสงแดดยามบ่ายของฤดูใบไม้ผลิจะยังสาดส่องมาเต็มที่ก็เถอะ

“อืม...” ใบหน้านวลหลับตาลงชั่วครู่เมื่อสายลมอ่อนพัดผ่านใบหน้าและเส้นผม

น่าแปลกที่แม้จะเดินอยู่เพียงลำพัง แต่แฮร์รี่กลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเพราะตอนนี้เขาทำใจเรื่องการจากไปของซีเรียสได้แล้ว แถมอาการป่วยที่บั่นทอนกำลังกายก็หายไปราวกับปาฏิหาริย์ เด็กหนุ่มผมดำจึงคลายความกังวลลงไปได้มาก

....ก็เขาไม่อยากจะเป็นภาระให้เพื่อนๆ หรือพวกสมาชิกภาคีต้องกังวลอีกแล้วนี่นา

คิดมาถึงตอนนี้ อยู่ดีๆ เสียงปริพาทย์ของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในห้วงนึก

“นายกลัวที่จะต้องแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น! นายหลอกตัวเองแล้วปฏิเสธมัน!”

ดวงตาสีเขียวมรกตลืมขึ้นทันที ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น นี่เขาเผลอไปนึกถึงคำพูดของหมอนั่นทำไมกันนะ กำลังสบายใจอยู่แท้ๆ

“ถ้ากลัว ก็ร้องไห้เถอะ...ไม่ต้องฝืนเก็บน้ำตาเอาไว้หรอก...”

ใครบอกนายว่าฉันกลัว? แฮร์รี่นึกค้านคำพูดของอีกฝ่ายอย่างฉุนๆ

โอเค...เขายอมรับว่าตอนนั้นเขาเครียดและกังวลมาก แต่ไม่ถึงกับอยากร้องไห้สักหน่อย ขืนร้องไห้ให้คู่แข่งที่ชิงดีชิงเด่นกันมาตั้งแต่ปี 1 เห็น คงไม่แคล้วโดนเยาะเย้ยแน่ๆ

เด็กหนุ่มผมดำเงยหน้ามองตัวปราสาทหลังใหญ่ที่ยังอยู่ห่างออกไป

จะว่าไปหมู่นี้ท่าทางของมัลฟอยแปลกมากจริงๆ อย่างตอนที่อยู่ในหอคอยวันนั้น อยู่ๆ ก็จะลากเขาไปหาดัมเบิลดอร์ มาชวนทะเลาะ แล้วยังจะ....

เสียงทุ้มจริงจังพร้อมกับสัมผัสนุ่มนวลยามนิ้วเรียวไล้บนผิวแก้มของเขา และที่สำคัญ ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น...มันไม่ได้ปะปนด้วยความเย่อหยิ่งเหยียดหยามหรือรังเกียจเช่นปกติ แต่กลับแฝงความอ่อนหวานและความห่วงอาทรส่งผ่านมา

ร่างบางสะดุดฝีเท้า รีบสลัดศีรษะแรงๆ ไล่ภาพที่ติดอยู่ในความคิด

แฮร์รี่หยุดยืนใต้ร่มไม้ใหญ่พอดี ดวงตาสีเขียวเหม่อมองผืนทะเลสาบที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก ผืนน้ำราบเรียบมีคลื่นน้อยๆ เพราะสายลมอ่อนที่พัดมา กับเสียงใบไม้เสียดสีกันเบาๆ อยู่บนศีรษะค่อยให้รู้สึกสงบลงได้บ้าง

นั่งเล่นอยู่ที่สักพักก็ดีเหมือนกันแฮะ ยังไงตอนนี้พวกรอนก็คงยังไม่เสร็จงานที่เรือนเพาะชำ

ร่างบางคิดแล้วก็ทำท่าจะเดินไปทรุดนั่งริมโคนต้นไม้ แต่แล้วขาของเขาก็สะดุดกับอะไรบางอย่างเสียก่อน

เอ๋? เท้าใครเนี่ย? มีคนมานอนอยู่ตรงนี้ด้วยแฮะ

ประหลาดใจปนเสียดายเล็กน้อย เขาคงมัวแต่เหม่อเสียจนไม่ทันเห็นว่าต้นไม้นี่มีคนจับจองอยู่ก่อน เด็กหนุ่มผมดำไล่สายตาไปตามช่วงขายาวของคนที่นอนอยู่แล้วก็ต้องชะงัก

ร่างสูงนอนเอนหลังอยู่บนพื้นหญ้าพร้อมกับกองหนังสือ 2-3 เล่ม โดยมีเสื้อคลุมสีดำพับเป็นหมอนรองศีรษะไว้ มือข้างหนึ่งวางไว้บนตำแหน่งท้อง ขณะที่อีกข้างตกอยู่ข้างตัว ใบหน้าเรียวยาวหลับพริ้มมีเส้นผมสีบลอนด์ตกลงมาเรี่ยละดวงตาที่ปิดสนิท ริมฝีปากบางเม้มนิดๆ อย่างไว้ตัวแม้ยามหลับนั้นทำให้คนที่มองอยู่ย่นหน้าอย่างหมันไส้

...แล้วก็ดันเป็นคนที่ไม่อยากเจอที่สุดเสียด้วยสิ

แฮร์รี่ทำท่าจะผละจากไปเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกตัว แต่แล้วคนที่นอนอยู่ก็ขยับพลิกเปลี่ยนท่า มือเรียวยาวปัดโดนของบางอย่างที่วางอยู่บนกองหนังสือหล่นกลิ้งลงมาทางเท้าของร่างบางเข้าพอดี เด็กหนุ่มผมดำชะงัก ก้มลงมองก่อนจะหยิบของนั้นขึ้นมา

กล่องคริสตัล? นี่มันกล่องที่มัลฟอยให้เขาดูเมื่อวันก่อนนี่นา

มือเรียวพลิกกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสนั้นไปมา จะว่าไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษขนาดที่ฝ่ายนั้นต้องเอาออกมาอวด แถมยังมาถามว่าเขาจำกล่องนี่ได้ไหม จะจำได้ได้ยังไง ในเมื่อแฮร์รี่เพิ่งจะเห็นมันครั้งแรกก็วันนั้นเอง

มัลฟอยทำอะไรประหลาดจริงๆ นั่นแหละ...

เด็กหนุ่มผมดำส่ายหน้า เขาเดินเข้าไปใกล้ ก้มตัวลงเพื่อจะวางกล่องใบนั้นคืนไว้บนกองหนังสืออย่างเดิม แต่...

“อ๊ะ!” เสียงใสหลุดอุทานอย่างประหลาดใจ เมื่อคนที่คิดว่าหลับอยู่นั้นลืมตาพรึ่บ มือเรียวยาวผวายึดข้อมือของเขาไว้แน่นพร้อมกับพึมพำบางอย่าง

“เอเรี....”

เสียงเรียกขาดหายเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครกันแน่ มัลฟอยรีบปล่อยมือเขาแล้วขมวดคิ้ว

“พอตเตอร์? นายมาทำอะไรที่นี่?” คนตัวสูงกว่าพูดแล้วก็ลุกขึ้นนั่งเขยิบตัวออกห่าง ท่าทางราวกับรังเกียจ ไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้นั้นทำให้แฮร์รี่หงุดหงิดไม่น้อย เสียงที่ตอบจึงมีเค้าห้วนสั้น

“ก็แค่ผ่านมา” ดวงตาสีมรกตก้มลงมองกล่องคริสตัลข้างกายของคู่อริ “...แล้วสมบัติของนายมันขวางทางเดิน ก็เลยเก็บวางให้”

ใบหน้านวลมองอีกฝ่ายที่หันกลับไปหยิบกล่องใบเล็กมาถือไว้ ท่าทางระมัดระวังราวกับเป็นสิ่งล้ำค่านั้นทำให้แฮร์รี่แน่ใจว่า กล่องคริสตัลนี่คงไม่ใช่แค่ของที่อีกฝ่ายเอาออกมาอวดให้เขาอิจฉาเล่นแน่ๆ

“ขอบใจ” เสียงทุ้มบอกเบาๆ เมื่อฝ่ายนั้นหันกลับมาทางเขา

ร่างบางยักไหล่ “ไม่เป็นไร” อดไม่ได้ที่จะถามถึงข้อสันนิฐานของตนเอง “กล่องนั่น...สำคัญมากเลยหรือ?”

ใบหน้าเรียวขาวเลิกคิ้วเล็กน้อย คงเพราะไม่คิดว่าแฮร์รี่จะใส่ใจถามละมัง แต่กระนั้นเด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็ยังอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“เป็นของขวัญจากแม่ของฉัน....แล้วก็เป็นของดูต่างหน้าของ....ใครอีกคนหนึ่ง...”

ดวงตาสีฟ้าที่ก้มลงมองของในมือนั้นมีแววอ่อนโยนจนทำให้คนที่มองอยู่ขมวดคิ้ว

ของดูต่างหน้า? ท่าทางแบบนั้น คงจะเป็นคนรักสินะ นี่มัลฟอยมีแฟนแล้วรึ? แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักหรอกนะ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องของเขานี่นา “งั้นเหรอ...งั้นเธอคงไม่ได้เรียนที่นี่สินะ ถึงได้ต้องให้ของดูต่างหน้ากันด้วย”

คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วคลี่ยิ้มบาง “ใช่...เธออยู่ไกล...ไกลมาก...” เสียงทุ้มตอบเบาราวกับกระซิบ

แล้วทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอึดใจ อีกครั้งที่แฮร์รี่รู้สึกว่า บรรยากาศระหว่างตนเองกับคู่แข่งอันดับหนึ่งนั้นแปลกไป แต่ร่างบางก็พยายามจะสลัดข้อสงสัยนั้นออก

แฮร์รี่เอ่ยปากตัดบท “งั้นนายก็โชคร้ายหน่อยนะ”

เด็กหนุ่มผมดำหมุนตัวก้าวออกมาจากใต้ร่มไม้นั้นโดยไม่หันกลับไปมองอีก แสงแดดอุ่นทาบทับแผ่นหลังเล็กเมื่อร่างบางรีบสาวเท้ากลับปราสาท

ด้วยสำเนียงและถ้อยคำ ฉันได้เรียงร้อย...
เป็นท่วงทำนองมอบแด่เธอ...
เพื่อให้มั่นใจ ว่าเธอจะรู้ซึ้งถึงสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกเล่า…
สิ่งนั้น...


สิ่งนั้น...มันคืออะไรกันนะ?
...........................................................

“ตกลงแฮกริกให้นายดูสัตว์ประหลาดที่จะสอนตอนเทอมหน้าด้วยเหรอ? โห เจ๋งชะมัด!”

รอนอุทานก่อนจะทำหน้าเซ็ง “ฉันสิต้องมาจมอยู่ในเรือนเพาะชำ คอยพรวนดินให้ต้นแมนเดรกที่พวกเด็กปีสองต้องใช้เรียนพรุ่งนี้ โหย...ขนาดมีที่อุดหูนะ...ยังแทบจะสลบไปตั้งหลายรอบ” เด็กหนุ่มผมแดงบ่นพลางใช้นิ้วกดหูตัวเองแก้อาการหูอื้อไปพลางๆ

“ก็เพราะเธอมัวแต่แกล้งมันอยู่นั่นแหละ มันถึงได้ร้องลั่นๆ อยู่ได้ไม่หยุดน่ะ”

เฮอร์ไมโอนี่แทรกขึ้นมาทั้งที่ยังหน้าบึ้ง เธอเองก็เจอฤทธิ์เสียงแสบแก้วหูนั่นไปไม่น้อย แต่กระนั้นดูเหมือนความเอาจริงเอาจังของสาวน้อยอัจฉริยะแห่งกริฟฟินดอร์ก็ยังไม่หดหาย เสียงหวานสั่งเพื่อนสนิทกึ่งคนรัก “รีบไปกินข้าวเย็นแล้วกลับไปจัดรายงานวิชาคาถาเลยนะ”

“รู้แล้วน่า” รอนย่นคออย่างระย่อ ทำให้แฮร์รี่ที่เดินอยู่อีกด้านริมหน้าต่างระเบียงทางเดินระหว่างตัวปราสาทหัวเราะออกมาเบาๆ คู่นี้ปีหนึ่งเป็นยังไง ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น ต่อให้อีก 10 ปี 20 ปีก็คงไม่เปลี่ยน เอาเถอะ ถึงจะทะเลาะกัน เถียงกัน ก็คงยิ่งหวานกันมากขึ้นด้วยละมัง

คนรักงั้นเหรอ?

จะว่าไป...ดวงตาสีฟ้ายามที่ก้มลงมอง ‘ของดูต่างหน้า’ นั่นก็มีแววอ่อนหวานจนแม้แต่คนนอกอย่างเขายังสัมผัสได้ น่าแปลกที่ความรู้สึกแบบนั้นสามารถเปลี่ยนคนที่แสนเย็นชาให้ดูอ่อนโยนขึ้นมาขนาดนั้น แม้จะเพียงชั่วครู่ก็เถอะ

เอ๊ะ แล้วทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงคิดถึงสีหน้าของหมอนั่นขึ้นมาอีกแล้วนะ

แฮร์รี่นึกบ่นตนเองในใจ ท่าทางหมู่นี้เขาคงจะว่างเกินไป ไม่มีเรื่องอะไรให้คิดจนมัวไปแต่สงสัยท่าทางของมัลฟอยอยู่นั่นแหละ

ดวงตาสีมรกตเสหันไปมองผืนฟ้าเบื้องนอก พวกเขาเดินออกมาที่ทางเชื่อมตัวปราสาทที่มีหน้าต่างทั้งสองด้านพอดี ทำให้มองเห็นท้องฟ้าได้แทบจะรอบ ยามเย็นแบบนี้ท้องฟ้ามีหลากหลายสีสันจนดูสวยแปลกตา ทางทิศตะวันตกแสงแดดลำสุดท้ายกำลังจะพ้นขอบฟ้าทิ้งแสงอ่อนรำไรสีส้มอมชมพู ขณะที่ทางทิศตะวันออก ดวงจันทร์กลมโตกำลังเคลื่อนขึ้นมาริมขอบเส้นขอบฟ้า พร้อมกับแสงสีฟ้าอ่อนเบา

งดงาม...

สวยจนไม่อาจละสายได้... ไม่ว่าจะเป็นแสงอาทิตย์หรือแสงจันทร์...


ได้โปรด...ติดปีกให้ฉันบินขึ้นไปถึงดวงจันทร์...
ให้ฉันได้ล่องลอย...ท่ามกลางมวลหมู่ดาว...


“อ๋อ....” แล้วอยู่ๆ สิ่งที่วนเวียนในใจมาหลายวันก็ได้รับคำเฉลย

Fly me to the moon.
And let me play among the stars.
Won't you let me see what spring is like on Jupiter and Mars.


In the other words, hold my hand
In the other words, daring kiss me.


Fill my heart with song.
And let’s me sing forever more.
‘Cause you are I long for…
All I worship and adored…


In the other words, please be true…
In the other words…

“I love you…”

เสียงผิวปากสุดท้ายแผ่วลงเบาๆ ก่อนที่ใบหน้านวลจะชะงักเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เพื่อนสนิททั้งสองหันมามองเขาด้วยสายตาฉงน รอนถึงกับขมวดคิ้ว “เพลงอะไรของนายน่ะ แฮร์รี่? ไม่ใช่เพลงของเซเลสติน่า วอร์เบคนี่นา”

“ก็ไม่ใช่นะสิรอน” เฮอร์ไมโอนี่ตอบแทน “เธอนี่เคยฟังแต่เพลงที่มิสซิสวิสลีย์เปิดสินะ เพลงนี้เพลงมักเกิ้ลต่างหาก เอ...ชื่ออะไรนะ..?”

“Fly Me To The Moon” เด็กหนุ่มผมดำต่อให้ ดวงตายังคงมองไปที่ผืนฟ้าเบื้องนอก “เพลงเก่าของพวกมักเกิ้ลน่ะ” เขาว่าแล้วหันกลับมามองทางเดินอีกครั้ง ร่างบางชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนหยุดยืนอยู่บนทางเดินฝั่งตรงข้ามกับพวกเขา

ร่างสูงยืนนิ่ง ใบหน้าเรียวขาวนั้นเบิกตากว้าง ดวงตาสีฟ้ากระพริบปริบราวกับยังตกตะลึง ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะคลี่ยิ้ม

รอยยิ้มที่อ่อนโยน...อบอุ่นราวกับแสงแดด และอ่อนหวานราวกับแสงจันทร์

แฮร์รี่รู้สึกตัว เมื่อมือของเพื่อนสนิทร่างโย่งรีบดึงให้เขาเดินตาม ดูท่าทางรอนคงจะไม่อยากอยู่ใกล้มัลฟอยนัก แม้ว่าท่าทางฝ่ายนั้นจะไม่ได้เข้ามาหาเรื่องก็ตาม

ขณะที่ร่างบางเดินสวนทางกับคนที่ยืนนิ่งอยู่ เสียงทุ้มก็กระซิบพึมพำเบาๆ หากเขากลับได้ยินถ้อยคำนั้นชัดเจน

“...เริ่มใหม่ก็ได้”

แม้ว่าจะเดินผ่านมาแล้ว ดวงตาสีมรกตอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมนั้นไม่ได้ แสงอาทิตย์กับแสงจันทร์ดูราวกับจะอาบร่างนั้นไว้ ทำให้ความอบอุ่นบางอย่างแผ่ซ่านเข้ามาในอก

คงจะมีสักวันสินะ...วันที่ความอบอุ่นอ่อนหวาน จะกลับคืนมาอีกครั้ง...

...อีกไม่นาน

The End

~Welcome Sunshine~



Talk


Happy April Fool ค่าาาาาาาาาาาาา สุดท้ายก็ลงทันวันที่ 1 เมษาจนได้ หลังจากกระแสตอบรับทั้งโอเค ไม่โอเคกับตอนที่ 15 ไปแล้ว ก็มีหลายคนมาถามข้าพเจ้าว่า ไม่เขียนตอนพิเศษหรือท่าน? น้อง Dear Chan เจกกันวันนี้ก็ถามว่า พี่จะไม่เขียนตอนพิเศษหรือคะ? (แอบคันหัวใจอยากบอกว่า เขียนไปแล้ว แต่ยังไม่ลงเท่านั้นเอง) แต่มีหลายคนเอ่ะใจกับทิ้งท้ายของตอน 15 เหมือนกันน่อ อุอุอุ

แอบกลัวว่าจะเขียนไม่ทันอยู่เหมือนกัน เพราะวันนี้ไปงานที่มาบุญครองกับพวกป้าๆ กลับมาเกือบ 3 ทุ่มกว่า แต่ก็ยังอุตส่าห์อาสัยองค์ลง (?) เข้าช่วยจนปั่นเสร็จจนได้

ตอนบทสรุปนี่คิดไว้ตั้งแต่เขียนประมาณ ตอนที่ 2 แต่ว่ามีคนเสนอว่า ทำไมไม่ทำแบบนี้บ้างล่ะ ก็เก็บเอามาคิด จนเขียนตอนจบแล้ว ที่จริงมันก็เป็นบทจบที่เหมาะสมจริงๆ นะ จะให้เดรหันมาหาแฮร์รี่เลยก็คงไม่ได้หรอก เพราะว่าคุณพระเอกเค้าชอบหนูเอเรียลนี่นา (ผู้อ่านบางท่านแอบโวยว่า "แบบนั้นมันก็สว่างสิค๊า") เลยออกมาเป็น Epilogue แบบนี้

....เริ่มต้นกันใหม่แล้วกันเนาะ

จบจริงๆ เสียที เป็นฟิกที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เขียนมาเลย ตั้ง 1 ปีกับ 3 เดือนได้ละมั้ง จำได้ว่าเขียนฟิกนี้ครั้งแรก ในยาวค่ำที่มีฝนพรำ ณ ออฟฟิศ แล้วก็จบฟิกนี้ในยามดึกที่มีเพียงพระจันทร์เสี้ยว ณ ห้องที่หอ (ชักจะเพ้ออีกแล้ว) เป็นฟิกที่ใส่ใจกับภาษามาก บางทีคำมันเลยออกจะเพ้อๆ ลอยๆ จนตัวเองและเบต้ารีดฯ (อคาชา) รู้สึกได้ แต่ก็ชอบนะ รู้สึกว่าเป็นอีกแบบนึงที่อยากลองทำ และก็ดุนทุรังทำออกมาจนจบ เลิฟ พี่เดร เลิฟน้องเอเรียล เลิฟเจ้ารี่ด้วย (แม้ว่ามันจะออกมาแบบดื้อๆ ยังไงพิกลก็เถอะ)

UML เป็นฟิกที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งความเครียด (เรื่องงาน) มากที่สุดของเรา แต่ก็ยังฝ่าฟันกันมาจนได้ ---ตอนนี้ก็ย้ายงานเรียบร้อยแล้วฮะ วันจันทร์ได้ฤกษ์ขนของไปนั่งโต๊ะใหม่ ได้ฉลองพร้อมกับตอนจบพอดี ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงค่ำคืนสุดท้ายนะคะ อยากบอกว่า กำลังใจและการถามไถ่ของพวกท่านเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญมากกับฟิกเรื่องนี้

ขอบคุณจริงๆ จากใจครับผม

Thank you and See you again

นะโอ

1 เมษายน 2549
23: 05



Create Date : 01 เมษายน 2549
Last Update : 1 เมษายน 2549 23:03:14 น.
Counter : 1272 Pageviews.

13 comments
  
ท่านนะโอ เอามาลงทีหลัง ปล่อยให้เศร้าตั้งนาน แกล้งกันนี่นา

ว่าแต่เราตามเรื่องนี้มานานเหมือนกันนะเนี่ย
โดย: corfinia วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:23:34:47 น.
  
ตามมาเมนท์ที่บล็อคเลย สนุกมากๆ ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ นะโอน่ารัก+ใจดีที่สุดเลย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โดย: สาวกเฮอร์+เดรโก IP: 202.129.2.243 วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:0:26:47 น.
  
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ >w<
ยังงี้ค่อยโอเคหน่อยค่ะ
ชอบๆๆๆๆๆ ><
หายเศร้าเลย ขอบคุณนะคะ ^ ^
โดย: m potter IP: 124.120.198.107 วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:22:41:50 น.
  
หลังจากชอกช้ำระกำทรวงมาจากตอนจบเจอตอนนี้เข้าไปหายเลยค่า>_<
โดย: Lina IP: 58.64.102.87 วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:16:04:43 น.
  
กรี๊ด!!!!!!!!!
นึกว่าจะจบแบบนั้นซะแล้ว
ดีใจจัง
โดย: CoenZ IP: 203.172.53.45 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:8:36:15 น.
  
โอ้ ท่าน หลอกตาได้เก่งมากกกกกก

โฮะ โฮะ ช้อบชอบ ในเมื่อมีตอนพิเศษแล้ว ก้อมีภาค 2 เลยสิคะ ^^ เหอเหอ
โดย: tem IP: 58.9.26.105 วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:19:01:13 น.
  
ไดโปรดทำรวบเล่ม และแต่งต่อด้วยเถอะ อยากอ่านต่อมากๆๆๆๆ
โดย: AlexJ IP: 58.10.102.179 วันที่: 11 เมษายน 2549 เวลา:13:22:18 น.
  
แหม ...ไม่ได้อ่านตั้งนานพอเข้ามาอีกที...ก็ จบไปซะแล้ว
จบได้เหมาะมากมาย ชอบมักๆเลย ^ ^
แล้วท่าน จาแต่งเรื่องอื่นอีกมั้ยอ่า อยากให้แต่งต่อนะ ชอบฟิคของพวกทั่น มากมาย
โดย: ห่ะๆๆๆ IP: 125.25.14.57 วันที่: 26 เมษายน 2549 เวลา:12:07:25 น.
  
โหวต โหวต!! ขอโหวตให้มีภาค 2 ค่า

หรือไม่ก็ทำรวมเล่มไปเลย อ๊ากกกกกก สุดยอด เอิ๊ก ๆ
โดย: อิงฟ้า IP: 58.9.187.225 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:57:09 น.
  
เอาอีก..เอาอีกอ่าน้า..หนุกดี
โดย: ยูยะ IP: 58.9.19.242 วันที่: 5 ตุลาคม 2549 เวลา:23:28:05 น.
  
ขอภาค 2 นะ

แต่งได้สุดยอดจริงๆ
โดย: ตัวเจือก IP: 124.121.194.31 วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:19:54:53 น.
  

ภาษาสวยจริงๆค่ะ กรี้ดมากๆเลย
อ้ากก น่าร้ากกกกก

สู้สู้นะคะ
ร้ากเดรที่ซู้ดดด *
โดย: PINGPING IP: 70.224.33.247 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:1:48:59 น.
  
เศร้านิดๆอะ แต่ชอบซึ้งมากเลยค่ะ อยากบอกว่ายังไม่ลืมเรื่องนี้น่ะ แต่ทำงานแล้วพอว่างถึงค่อยแวบมาอ่านได้ยังชอบเรื่องนี้เสมอค่ะ สู้ๆน้า
งืมๆ ถ้าไม่มากไปขอคู่ แฮร์รี่ หรือ เจมส์ กับสเนปบ้างได้ไหมอ่ะค่ะ หาคู่นี้ไม่่ค่อยเจออ่ะทั้งที่เราชอบสเนปที่สุดแท้ๆ
โดย: star IP: 14.207.68.221 วันที่: 20 พฤษภาคม 2556 เวลา:2:12:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]