วิธีเลี้ยงน้องพินต้า-ณัฐนิช

วิธีเลี้ยงน้องพินต้า-ณัฐนิช
สาวน้อยจากละครเวทีสี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล

คุณแม่และน้องพินต้า ณัฐนิช

เพราะ“เสียงเพลงคือลมหายใจของหนู” พินต้า-ณัฐนิช สาวน้อยจากละครเวทีสี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล
เมื่อพูดถึงละครเวทีฟอร์มยักษ์อย่าง “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือสาวน้อยวัย 12 ปี ด้วยพลังเสียง ของน้องพินต้า-ณัฐนิช รัตนเสรีเกียรติ ซึ่งกว่าที่น้องจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมายเลยทีเดียว แต่ยังมีกำลังใจที่ดีจากคุณแม่-ธัณย์สิตา บวรโพธิวัฒน์ ผู้คอยดูแล และสนับสนุนมาโดยตลอด เพราะคุณแม่เชื่อว่า เด็กทุกคนควรมีสิทธิ์เลือก โดยมีพ่อแม่เป็นผู้สนับสนุนที่ดี ไม่ใช่เป็นผู้กำหนดเส้นทางเดินให้กับลูก

เชื่อว่า เสียงเปียโน สร้างวินัยในเด็ก
“ช่วงที่ตั้งครรภ์น้องพินต้า ความที่เราไม่รู้อะไรเลย ก็จะอ่านหนังสือเพื่อดูแลตัวเองและลูกเยอะมาก จนไปเจอเล่มหนึ่งบอกว่าเสียงเปียโน จะช่วยสร้างวินัยในเด็ก เลยตัดสินใจไปซื้อชุดเพลงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มา ก็นำมาปรับ ฟัง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน เวลาเดิมทุกวัน ถามว่าเรามีพื้นฐานทางด้านดนตรีไหม? ไม่มีเลย แต่อยากทำเพื่อลูกแค่นั้นเอง”

น้องพินต้าเริ่มมีแววทางด้านการร้องเพลงเมื่อไหร่
“มารู้สึกว่าน้องร้องเพลงได้ตอนที่เขาอายุ 3 ขวบ ตอนนั้นน้องร้องเพลงของ ทาทา ยัง ด้วยภาษาของเด็ก แต่รู้สึกได้ว่าคีย์ของเขาเพี้ยนน้อยมาก เลยคิดว่าน้องต้องมีหูที่ดีมาก ก็คิดต่อว่า หูดี ทำอะไรได้อีกบ้าง เป็นนักร้องได้ และอาจจะเป็นนักดนตรีได้ ซึ่งการที่น้องมีหูดี เสียงดี แม่คิดว่าน่าจะมีผลมาจากการฟังเสียงเปียโน ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในท้อง ซึ่งต้องบอกว่าผลที่ได้รับนั้นเกินความคาดหมายนิดหน่อย เพราะเดิมทีเราแค่อยากให้เขาเป็นเด็กมีวินัย ระหว่างนั้นก็เตรียมความพร้อมให้ลูก มีการเสริมภาษาอังกฤษ ส่งไปเรียนร้องเพลง ประมาณปีครึ่ง ซึ่งน้องพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และก็ได้รางวัลแชมป์ประเทศไทย 3 รางวัล เป็นแชมป์เพลงสากล 2 รางวัล และแชมป์เพลงไทย 1 รางวัล

เพราะ“เสียงเพลงคือลมหายใจของหนู”
หลังจากที่ได้แชมป์ประเทศไทย แม่รู้แล้วว่าเขาแยกตัวเองออกมาจากเพลงไม่ได้ แต่เราต้องการสร้างกุศโลบายให้เขาเลือก เลยตัดสินใจบอกให้เขาหยุดร้องเพลง ที่ทำแบบนี้เพื่อให้เขาค้นหาตัวเองว่าชอบที่จะร้องเพลงจริงหรือเปล่า อยู่ในขั้นตอนการค้นหาประมาณ 6 เดือน โดยที่เราไม่ให้เขาร้องเพลงในบ้านเลย แล้วพินต้าถูกเลี้ยงมาด้วยเหตุผล เราให้เหตุผลว่า แม่คิดว่าต้าแข่งชนะแล้ว พอแล้วดีกว่า ด้วยความที่เขายังเล็ก ไม่ได้ถามอะไรแต่เราสังเกตเห็นว่าเขาไปแอบร้องเพลงตามต้นไม้ โดยที่ไม่ให้เราเห็น

ในวันนั้นที่บอกให้เขาเลือก เป็นวันที่เราเองก็ต้องประเมินเหมือนกันว่า หากเขาตัดสินใจที่จะเลือกทางเดินนี้จริงๆ เราต้องตัดสินใจที่จะลดงานประจำลง เพื่อที่จะเอาเวลาส่วนใหญ่มาเป็นโค้ชให้เขา ไม่มีอะไรที่ได้มา 2 อย่างพร้อมกัน เพราะฉะนั้นเขาต้องรู้ในสิ่งนี้ และจะบอกเขาเสมอว่าถ้าเราตัดสินใจทำ เราต้องยอมรับผลของมันด้วย ตัดสินใจแบบนี้ ก็ต้องยอมรับความเหนื่อย ความอดทน

ดังนั้นพอผ่านไป 6 เดือน เขาก็เดินกลับมาบอกว่า เสียงเพลงเป็นลมหายใจของหนู ไม่มีเพลงเหมือนไม่มีชีวิต นี่คือสิ่งที่เด็ก 7 ขวบพูด นั่นทำให้เรารู้สึกว่า เพลงคงจะเป็นส่วนหนึ่งของเขาจริงๆ หลังจากที่ได้เลือก เขาก็ดีใจ ที่ได้ร้องเพลงอย่างเปิดเผย กลับไปเรียนร้องเพลงอีกครั้ง จนได้ไปเรียนกับคุณครูรุ่งโรจน์ ดุลลาพันธุ์ ได้เรียนร้องเพลงแบบเดอะมิวสิคัล และสุดท้ายได้มาเล่นละครเวที สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล

เด็กควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่เขาอยากทำ
พินต้ามีการเลือกครั้งใหญ่ในชีวิตเขา 2 ครั้ง คือ การเลือกที่จะร้องเพลง กับการเลือกที่จะมาเซ็นสัญญากับทาง Exact ซึ่งเขาต้องตัดสินใจเอง แม่ตัดสินใจให้ไม่ได้ หน้าที่ของเราคือต้องไกด์เขา ว่าถ้าเลือกแบบนี้ ขั้นต่อไปจะเป็นยังไง แล้วถ้าไม่เลือกแบบนี้ จะเป็นยังไง แต่การเลือกต้องเป็นของเขา เพราะแม่เชื่อว่าเด็กทุกคนมีสิทธิ์เลือก จากนั้นเราก็คอยดูแลอยู่ห่างๆ แต่ถ้าเลือกแล้วมีปัญหา เราก็เข้าไปเป็นโค้ช หาทางช่วย แม่ว่าสิ่งเหล่านี้อยู่ที่การให้ข้อมูลของพ่อแม่ เพื่อให้เด็กเลือก เลือกเสร็จก็เฝ้าดูว่าเขาจะมีผลตอบรับมากน้อยแค่ไหน

หลักการเลี้ยงลูก
ก่อนนอน10 นาที เราแม่ลูกจะมาคุยกันทุกเรื่อง ไม่มีถูก ไม่มีผิด เปิดโอกาสให้ได้คุย แม่คิดว่าเราควรจะมีช่วงเวลาแบบนี้ ถ้าเราเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่อยู่ค้ำฟ้า สุดท้ายลูกจะทำอะไรไม่เป็นเลย เราอยู่ด้วยกัน เราต้องช่วยกัน ไม่ใช่ชีวิตลูกอยู่ในมือแม่ ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วลูกจะอยู่อย่างไร แม่มองตรงจุดนี้มากกว่า พ่อแม่ไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งไปซะทุกเรื่อง ให้ลูกได้เป็นผู้นำบ้าง นำเป็น และตามเป็น แม่เป็นเพียงดิน พินต้าเป็นเมล็ดพันธุ์ เรามีหน้าที่ทำให้เมล็ดพันธุ์นั้นมีสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อให้เขาเติบโตขึ้นมีกิ่งก้านสาขา และสามารถเป็นร่มเงาที่ดีให้คนอื่นด้วย

แม่ภูมิใจในมุมที่เขามีวินัยโดยที่ไม่ต้องไปตามสอดส่อง เพราะฉะนั้นแม่จะบอกเขาเสมอว่า ถ้าเราตั้งใจทำ ต่อให้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่เราก็ได้เรียนรู้ระหว่างทางว่าเราใช่หรือไม่ใช่ และอีกอย่างเมื่อเราต้องตัดสินใจ เราต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นนั้นด้วย ส่วนอีกข้อจะบอกกับเขาเสมอแม้จะฟังดูเครียด คือ ความจริงย่อมเจ็บปวดเสมอ แต่ถ้าเราอยู่บนความจริงได้ เราจะอยู่ได้ทุกที่

สิ่งหนึ่งที่สำคัญและอยากบอกคุณพ่อคุณแม่คือ เด็กไม่ได้มีแค่สีขาว แต่เขาสามารถเป็นได้หลายสี ทั้งสีชมพู ฟ้า เหลือง แต่พ่อแม่มีหน้าที่เป็นโค้ช หรือผู้ให้กำเนิดควรรักษาสีที่เขามีไว้ เด็กควรมีสิทธิ์เลือก ในขณะที่เด็กมีสิทธิ์เลือกเราต้องดูผลตอบรับด้วยอยากให้ลองเปลี่ยนจากพ่อแม่มาเป็นโค้ชดู แล้วเราจะได้เรียนรู้มุมมองอีกหลายมุมจากเด็กได้ดี

ขอขอบคุณ บทสัมภาษณ์จากนิตยสาร Real Parenting




Create Date : 28 เมษายน 2555
Last Update : 28 เมษายน 2555 18:30:37 น.
Counter : 1050 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คุณแม่น้องมังกร
Location :
แพร่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Lilypie Second Birthday tickers