Group Blog
 
All blogs
 

Peter & the Wolf (2006): หนูน้อยเสื้อแดงกับหมาป่าจอมตะกละ


Peter & the Wolf (2006) :
อนิเมชั่นความยาวครึ่ง ชม.ที่ถ่ายทำด้วยเทคนิคสต็อปโมชั่นเรื่องนี้ สร้างมาจากซิมโฟนี่สำหรับเด็กสุดคลาสสิคของคอมโพเซอร์ชาวรัสเซีย Sergei Prokofiev (แต่งตั้งแต่ปี 1936 โน่น) ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีถึงขนาดซิวรางวัลออสก้าร์สาขาอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยมไปครองเมื่อปี 2008 ที่น่าสนใจคือมันเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันสร้างของทีมงานอนิเมเตอร์หลายสัญชาติ ไม่ว่าจะมาจาก อังกฤษ, โปแลนด์, เมกซิโก, นอร์เวย์, เชค เชียวนะเนี่ย น่าสนใจๆ


หนูน้อยเสื้อแดงกับหมาป่าหิวโซ
หนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายชาวรัสเซียนาม Peter ที่ต้องมาต่อกรกับหมาป่าตัวเบิ้มที่ดอดมากินเป็ดคู่ซี้ของเขาไป ซึ่งถึงผู้สร้างจะดัดแปลงในของส่วนรายละเอียดยิบย่อยจากเรื่องราวดั้งเดิมไปบ้าง แต่ก็ยังรักษาเรื่องราวหลักๆ ที่พูดถึงความกล้าหาญและสติปัญญาของเด็กน้อย Peter ไว้ได้อย่างครบถ้วน แถมยังสามารถเพิ่มแง่คิดเพิ่มเติมเข้าไปในหนังได้อีกอย่างเข้าท่าทีเดียว


ออกแบบตัวละครแบบไม่เน้นน่ารัก
ถ้าจะดูทางด้านความลื่นไหลของงานสร้างก็คงต้องบอกว่ายังไม่เนียนกิ๊กเท่ากับฝีมือระดับฮอลลีวู้ดหรือผู้สร้าง Wallace & Gromit แต่ก็ถือว่าทำได้อยู่ขั้นที่เจ๋งพอตัว ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แม้จะเป็นอนิเมชั่นที่ไร้ซึ่งบทสนทนา แต่ก็ยังดูได้เพลินๆ เพราะผู้สร้างสามารถเติมเสน่ห์และความน่ารักเข้าไปกับเหล่าตัวละคร เสียดายที่ตัวอนิเมชั่นนั้นสั้นไปหน่อย ไม่งั้นคงได้เห็นอะไรสนุกๆ กว่านี้อีก แต่พอมาคิดอีกทีการที่จบภายในครึ่ง ชม.ก็คงจะเหมาะสมแล้ว กับการรักษาเรื่องราวดั้งเดิมและสาระที่ต้องการจะสื่อให้ดู เหมาะสมแล้วครับที่ได้ออสก้าร์ไปครอง


แต่จะออกแนวน่าเกลียดนิดๆ ซะมากกว่า
  • น่าดูเพราะ: เป็นอนิเมชั่นขนาดสั้นที่มีเสน่ห์ ดูได้เพลินๆ ให้แง่คิด
  • ไม่น่าดูเพราะ: ตัวละครดูไม่น่ารัก ดึงดูดใจเด็กๆ ตามสไตล์อนิเมชั่นฮอลลีวู้ด แบบนี้มันก็น่าเมินอยู่นะ




 

Create Date : 26 มีนาคม 2553    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2553 10:20:15 น.
Counter : 2672 Pageviews.  

Dante's Inferno: An Animated Epic (2010): ตะลุยนรกสไตล์ดังเต้


Dante's Inferno: An Animated Epic (2010) :
นี่คืออนิเมชั่นที่ Spin-off มาจากเกมแอ็คชั่นผจญภัยของบริษัท EA (Electronic Arts) ที่ทำเก๋ตรงที่จับเอาเรื่องราวในส่วนแรกที่กล่าวถึงนรก (Inferno) จากโคลงมหากาพย์ The Divine Comedy ของ Dante Alighieri กวีชาวอิตาลีในยุคกลาง(ช่วงศตวรรษที่ 14) มาดัดแปลงเป็นเกมได้อย่างสร้างสรรค์ ราวกับว่าผู้ที่เล่นเกมจะได้ทัวร์นรกในแบบที่ Dante ได้บรรยายถึงก็มิปานเชียว(โอ้วว)


อยากรู้มั้ยว่านรกฝรั่งหน้าตาเป็นยังไง?
ส่วนเรื่องราวในเกมและในอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ถูกบิดให้เหมาะที่จะก่อให้เกิดฉากแอ็คชั่นผจญภัยเต็มที่ โดยเสนอเรื่องของ Dante นักรบครูเสดที่ซมซานกลับบ้านเกิดเพื่อไปพบ Beatrice สาวคนรัก แต่แล้วเขาก็พบว่าสุดที่รักและครอบครัวได้ถูกมือมืดฆ่าตายเกลี้ยง หนำซ้ำวิญญาณของเจ้าหล่อนที่กำลังจะขึ้นสวรรค์อยู่รอมร่อยังถูก ลูซิเฟอร์(ซาตาน) ลากลงนรกซะอีก ด้วยความรักอันเต็มล้นต่อคนรัก Dante จึงตัดสินใจบุกนรกไปชิงวิญญาณคนรักกลับคืน โดยเขาได้รับการช่วยเหลือจากวิญญาณของ Virgil (กวีชาวโรมัน) ที่คอยเป็นไกด์ชี้นำทางตลอดการทัวร์นรกทั้ง 9 ขุมครั้งนี้ด้วย


ลายเส้นแตกต่างกันไปตามแต่ละสไตล์ของสตูดิโอ
Film Roman สตูดิโอที่เคยสร้าง Dead Space: Downfall (2008) (อนิเมชั่นที่ Spin-off จากเกมของ EA เมื่อปี '08) กลับมารับผิดชอบหน้าที่เดิมอีกครั้ง โดยได้แบ่งงานให้สตูดิโอผลิตอนิเมชั่นต่างๆ อย่าง Manglobe, Dong Woo, JM Animation, และ Production I.G. (ซึ่งมาจากทั้งญี่ปุ่นและเกาหลี)ช่วยกันรับผิดชอบ และให้อิสระในการออกแบบตัวละครและการใช้ลายเส้นตามสไตล์ใครสไตล์มันได้เต็มที่ โดยมี Film Roman คอยดูแลภาพรวมให้ออกมาต่อสนิทเป็นเนื้อเดียวกันอีกทีหนึ่ง


ตัวประหลาดหน้าตาน่าเกลียดเพียบเลย
และแน่นอนที่อนิเมชั่นเรื่องนี้ย่อมจะมีทั้งฉากรุนแรง เลือดสาด ไส้ไหล และโป๊เปลือยตามแบบฉบับการ์ตูนผู้ใหญ่ สำหรับบรรยากาศโดยรวมแล้วหนังเสนอเรื่องราวการลุยนรกของ Dante ได้อย่างดูสนุก มีเรื่องราวน่าสนใจเมื่อเทียบกับการ์ตูนทั่วๆ ไป การออกแบบฉากนรกขุมต่างๆ ก็ดูเจ๋งดี ถึงแม้ลายเส้นของแต่ละสตูดิโอจะมากันคนละสไตล์ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน (แต่ก็ไม่ถึงกับฉีกไปคนละเรื่องเลย) ซึ่งก็มีวาดสวยบ้างไม่สวยบ้างชวนให้คนดูสับสนนิดๆ แต่พอเข้าใจคอนเสปท์แล้วก็คงไม่มีปัญหา งานด้านดนตรีที่รับผิดชอบโดย Garry Schyman คอมโพเซอร์ที่คร่ำหวอดในการแต่งเพลงประกอบเกม ก็อยู่ในระดับเพลงประกอบหนังโรงดีๆ นี่เอง ถึงหนังเรื่องนี้จะไม่ดีเด่นระดับอนิเมชั่นที่ฉายตามโรง แต่ก็ยังถือว่ายังดูได้เพลินๆ เข้าใจสร้างสรรค์ และชวนให้อยากเล่นเกมนี้ขึ้นมาเลยเชียว


เกมออกในฟอร์แมท PSP, Xbox 360 และ PS3(แล้ว PC ล่ะ?)

  • น่าดูเพราะ: เป็นอนิเมชั่น Spin-off จากเกมที่ทำได้เข้าท่า ดูเพลิน และชวนให้อยากเล่นเกมจัง
  • ไม่น่าดูเพราะ: ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะทั้งรุนแรงและโป๊นะจ้ะ(แต่ไม่ถึงขนาดหนังโป๊หรอกเน้อ)


โปสเตอร์หนังมีหลายเวอร์ชั่นตามลายเส้นของคนเขียน





*ช่วงอันเนื่องมาจากหนัง*

ภาพซาตานถูกจองจำในนรกขุมที่เก้า
Inferno (ภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า'นรก') คือส่วนที่หนึ่งของโคลงมหากาพย์ The Divine Comedy ของ Dante Alighieri (โดยมี Purgatorio และ Paradiso เป็นสองส่วนที่เหลือ) ซึ่งเสนอเรื่องเล่าเชิงสัญลักษณ์ เกี่ยวกับการเดินทางของ Dante ผ่านไปยังนรกในความคิดของคนยุคกลาง ซึ่งนรกทั้ง 9 ขุมนั้นประกอบด้วย
  • Limbo: นรกขุมสำหรับคนที่ถึงไม่ได้ทำบาป แต่เพราะไม่ได้เชื่อในพระคริสต์เลยต้องมาอยู่นี่ ซึ่ง Dante ได้บรรยายว่ามีคนดังๆ อย่าง Homer, Socrates และ Aristotle แม้แต่ Julius Caesar กับ Saladin ก็อยู่ที่นั่นด้วย นับเป็นนรกที่ไม่มีการทรมาน แต่ก็เป็นสถานที่ไร้ซึ่งความหวังสำหรับดวงวิญญาณทั้งหลายไปตลอดกาล
  • Lust: ขุมสำหรับผู้ที่ปล่อยให้ตัณหาระคะครอบครองจิตใจ ดวงวิญญาณของพวกเขาจะถูกลมพายุพัดกระหน่ำให้ล่องลอยไปอย่างไม่มีทางได้หยุดพัก สำหรับคนดังในขุมนี้ก็มีอาทิ Cleopatra, Helen แห่ง Troy, Paris, Tristan
  • Gluttony: ขุมนี้มีไว้สำหรับผู้ที่ตะกละตะกราม โดยจะมีตัว Cerberus (สุนัขสามหัว) คอยยืนคุมเชิงให้ดวงวิญญาณในนรกขุมนี้ต้องนอนเกลือกกลิ้งในโคลนตมอันสกปรกโสโครก โดยมีฝนอันเย็นยะเยือกตกมาใส่แบบไม่สิ้นสุด
  • Greed: ขุมสำหรับคนโลภในลาภยศ เงินทอง ที่ต้องมาทนทุกข์ในการแบกของหนัก(ซึ่งอาจจะเป็นถุงเงินยักษ์)ไปตลอดกาล
  • Wrath: สำหรับผู้ที่ปล่อยให้ความโกรธเคืองเป็นใหญ่ในชีวิต จะต้องมาฆ่าฟันกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุดในบึงขนาดใหญ่ สำหรับผู้ที่แพ้จะจมลงไปในน้ำที่แสนมืดมิดและหาความสุขใดๆ ไม่ได้เลย
  • Heresy: นรกขุมสำหรับพวกนอกรีต หรือมารศาสนา อย่างเช่นพวก Epicurian (ที่เชื่อว่าวิญญาณตายไปพร้อมกับร่างกาย) จะติดอยู่ในสุสานเพลิงที่ไม่มีวันดับมอด
  • Violence: สำหรับพวกที่นิยมใช้ความรุนแรง ปล้นฆ่า ข่มขืน ซึ่งนรกขุมนี้แบ่งเป็นสามส่วนย่อยๆ สำหรับ
1.)พวกที่ใช้ความรุนแรงกับคนอื่น จะต้องตกลงไปในแม่น้ำสีเลือดที่เดือดปุดๆ โดยจะมีธนูยิงใส่วิญญาณที่พยายามจะหนีด้วย สำหรับคนดังในขุมนี้ก็คือ Alexander the Great ไง
2.)พวกที่ใช้ความรุนแรงต่อตนเอง หรือพวกที่ฆ่าตัวตาย จะกลายเป็นต้นไม้หรือพุ่มไม้ที่เต็มไปด้วยหนาม ให้ตัว Harpie (นกที่มีหน้าเป็นคน) คอยจิกกินอยู่ร่ำไป
3.)พวกที่ใช้ความรุนแรงต่อพระเจ้า หรือพวกที่ดูหมิ่นหรือล่วงเกินพระองค์ ทั้งยังทำลายธรรมชาติ จะต้องทนทุกข์ทรมานในทะเลทรายเพลิง ที่มีหิมะเพลิงตกลงมาจากฟ้าอีกด้วยด้วย
  • Fraud: นรกสำหรับผู้ที่ชอบหลอกลวง ฉ้อฉล ซึ่งก็แบ่งยิบย่อยเป็นสิบส่วนในนีั้อีกที
  • Betrayal: นรกสำหรับผู้ทรยศ ซึ่งก็แบ่งเป็นอีกสี่ส่วน และในจุดศูนย์กลางของนรกที่แสนเย็นยะเยือกก็เป็นที่จองจำซาตานซะด้วย
ความจริงยังมีเรื่องราวอีกเยอะแยะและลึกซึ้งกว่านี้ที่เราไม่สามารถนำมากล่าวถึงได้ทั้งหมด ยังไงก็ขอย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นโคลงที่แต่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องจริงนะจ้ะ ก็ต้องซูฮกผู้แต่งที่เข้าใจเตือนสติพวกเราผ่านโคลงเหล่านี้ แม้ว่าจะผ่านมานานหลายศตวรรษแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และคุณค่าในทุกยุคทุกสมัยจริงๆ นะเนี่ย


*คัดเนื้อหามาแปลแบบตามมีตามเกิดจาก wikipedia ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยจ้า*





 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2553 16:53:25 น.
Counter : 5301 Pageviews.  

The Princess and the Frog (2009): เจ้าหญิงกบ


The Princess and the Frog (2009) :
นี่คืออนิเมชั่น 2-D เรื่องแรกในรอบ 6 ปีของ Walt Disney (เรื่องล่าสุดที่ใช้เทคนิคนี้ก็คือ Home on the Range ที่ออกฉายเมื่อปี 2004 โน่น) ภายใต้การบริหารงานโดย John Lasseter แห่ง Pixar ที่กล้าที่จะสวนกระแสทำอนิเมชั่นสไตล์นี้ออกมาในยุคที่ใครๆ ก็หันไปสร้างอนิเมชั่น 3-D กันหมดแล้วเช่นนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม เพราะนอกจากจะเป็นการหวนคืนสู่รากเหง้าและเสน่ห์ดั้งเดิมของ Disney แล้ว หนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ยังทำออกมาดูเพลิดเพลินซะด้วยสิ


จระเข้ใจดีผู้รักดนตรีแจ๊สสามารถหาได้แต่ในการ์ตูนเท่านั้น
ทุกคนคงคุ้นเคยกับนิทานเจ้าชายกบกันดี แต่จะ Disney ให้จับมาทำแบบดุ่ยๆ ก็ยังไงอยู่ พวกเขาเลยหันไปหยิบหนังสือของ E. D. Baker เรื่อง The Frog Princess มาดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นซะเลย ซึ่งเป็นเรื่องราวเทพนิยายสมัยใหม่ของสาวน้อยผิวสี Tiana ผู้ใฝ่ฝันอยากมีภัตตาคารเป็นของตนเองตั้งแต่ยังเด็ก แต่พอฝันใกล้จะเป็นจริงในวัยสาว เธอดันไปจ๊ะเอ๋กับกบพูดได้ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าชาย Naveen แห่งประเทศมัลโดเนีย ซึ่งโดนคำสาปวูดูเข้าเลยต้องกลายสภาพเป็นเช่นนี้ ว่าแล้วเขาก็หว่านล้อมให้เธอจูบเขาเพื่อที่จะกลับคืนร่างอีกครั้งแบบในนิทาน แต่กลายเป็นว่าจูบนั้นกลับทำให้เธอต้องกลายร่างเป็นกบไปอีกตัวซะงั้น ว่าแล้วทั้งคู่เลยต้องร่วมผจญภัยเพื่อหาทางคืนร่างเป็นคนอีกครั้งให้จงได้ ท่ามกลางตัวละครน่ารักๆ เพลงเพราะจับจิต และจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง แบบที่การ์ตูน Disney เคยเป็นมาตลอดจ้า


หนังได้เสน่ห์เก่าๆ แบบที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ
สองผกก.คู่หู Ron Clements และ John Musker ที่เคยทำอนิเมชั่นคลาสสิคอย่าง Little Mermaid (1989) และ Aladin (1992) กลับคืนสู่เหย้าอีกครั้งและก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ลายเส้นอันพริ้วไหวของหนังทำให้คนดูกลับไปสัมผัสมนต์ขลังเก่าๆ ของ Disney ได้อีกครั้ง หนังเต็มไปด้วยคาแร็คเตอร์ที่น่ารัก และมีเสน่ห์ (โดยเฉพาะเจ้าจระเข้ตุ้ยบ้าแจ๊ส) เมื่อเจอการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน สลับกับฉากร้องรำทำเพลงอันแสนบรรเจิด และให้คติสอนใจ ก็น่าจะทำให้คุณหนูๆ (และไม่หนู) ทั้งหลายเพลิดเพลินกันได้ ดูจบแล้วก็คงไม่รีรอที่จะฟันธงลงไปเลยว่านี่จะกลายเป็นผลงานคลาสสิคอีกเรื่องของ Disney อย่างแน่นอน


เธอคือเจ้าหญิงผิวสีคนแรกของ Disney เลยล่ะ
ถึงจะมาสูตรเดิมของการ์ตูนดิสนีย์ยุคก่อน แต่ก็ไม่เป๊ะๆ ไปซะหมด แค่เริ่มต้นมาก็จะเห็นได้แล้วว่า ในขณะที่เด็กหญิงคนอื่น ใฝ่ฝันถึงเรื่องราวเทพนิยายแบบมีเจ้าชายรูปงามมาปิ๊งปั๊ง แต่ตัวนางเอกผู้มีฐานะยากจน กลับมองโลกแห่งความเป็นจริง ในการอยากมีภัตตาคารเป็นของตนเองตั้งแต่ยังเล็กๆ แต่โตไปก็ได้แค่เก็บเศษทิปเพราะตนเป็นสาวเสิร์ฟ ส่วนตัวพระเอกเราก็ใช่ย่อย เพราะถึงจะเป็นเจ้าชายรูปงามจริง แต่ก็ถังแตกจนต้องมาหาแต่งงานกับสาวรวยๆ เพื่อกะตกถังข้าวสาร ซึ่งนี่ก็เป็นอะไรเล็กๆ น้อยที่ฉีกขนบหนังการ์ตูนแนวเทพนิยาย และพาคนดูเข้าใกล้โลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น สู้ต่อไปนะจ้ะอนิเมชั่น 2-D ^^

  • น่าดูเพราะ: เป็นอนิเมชั่น 2-D ดีๆ ที่หาดูได้ยากในทุกวันนี้ ซึ่งเด็กดูดีผู้ใหญ่ดูได้จ้า
  • ไม่น่าดูเพราะ: อนิเมชั่น 2-D คงไม่ค่อยดึงดูดใจได้นักในทุกวันนี้ และหนังมาสไตล์เก่าๆ บางคนอาจเห็นว่ามันโบราณไม่แนวเหมือนอนิเมชั่นบริษัทอื่นๆ เลย







*ช่วงรู้มั้ยเอ่ย.. (แล้วจะรู้ไปทำไมเนี่ย)*


สามสาวที่เคยเป็นตัวเต็งที่จะมาพากษ์เสียงนางเอก
  • Alicia Keys, Jennifer Hudson และ Tyra Banks เกือบได้มาพากษ์เสียงนางเอกซะแล้ว โดยเฉพาะ Alicia Keys ที่อยากพากษ์มากๆ ถึงขนาดวิ่งเต้นล็อบบี้กับผู้บริหารระดับสูงของดิสนีย์เลยเชียว แต่ก็แห้วในที่สุด
  • เป็นอนิเมชั่น 2-D เรื่องแรกที่ Randy Newman ทำดนตรีให้ เพราะงานที่ผ่านๆมาของเขาเป็นงาน 3-D ของ Pixar ทั้งสิ้น
  • Anika Noni Rose คนที่พากษ์เสียงนางเอกถนัดซ้าย ทางทีมงานเลยทำ Tiana ถนัดซ้ายให้เหมือนๆ กันซะเลย (จะรู้ไปทำไมเนี่ย)
  • เจ้าชาย Naveen มาจากประเทศสมมุติ Maldonia ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่าง Malta กับ Macedonia (อ่อ หร๊อ)
  • ในฉากเริ่มต้นของหนัง เราสามารถเห็นเหล่าเจ้าหญิงคนอื่นๆ ของดิสนีย์ ในรูปของตุ๊กตาบนชั้นหนังสือ
  • ชื่อเดิมของหนังคือ "The Frog Princess" แต่เพราะนางเอกเป็นคนผิวสี ดิสนีย์เลยกลัวคนจะหาว่า ดิสนีย์ว่าคนผิวสีอัปลักษณ์หรือเป็นสัตว์ ส่วนชื่อนางเอกชื่อเดิมคือ "Maddy" แต่ดิสนีย์ก็กลัวอีกว่า เสียงมันจะพ้องกับคำว่า"Mammy"(แม่บ้านผิวสี) เลยเปลี่ยนเป็นอย่างที่เห็นในหนังในที่สุด อืม เป็นประเด็นอ่อนไหวจริงๆ เนอะ
  • ดวงดาวที่หิ่งห้อย "Ray" เรียกว่า "Evangeline" แท้จริงคือดาววีนัส และวีนัสคือเทพเจ้าแห่งความรักของชาวโรมันเขา
  • นี่เป็นอนิเมชั่น 2-D เรื่องแรก ที่ผู้พากษ์ต้องร้องเพลงเองด้วยนับตั้งแต่ Beauty and the Beast (1991)
  • แล้วที่อ่านมาทั้งหมดนี่ จะรู้ไปทำไมเนี่ย...(เออ เนอะ)

*คัดข้อมูลมาจาก imdb จ้า*





 

Create Date : 20 มกราคม 2553    
Last Update : 20 มกราคม 2553 22:21:09 น.
Counter : 7580 Pageviews.  

Fantastic Mr. Fox (2009): นายจิ้งจอกกับก๊วนป่วนหน้าขน


Fantastic Mr. Fox (2009) :
ไม่รู้มีอะไรมาดลใจ ผกก. Wes Anderson (The Royal Tenenbaums [2001])ห้ลุกขึ้นมาหยิบเอาหนังสืออ่านเล่นสำหรับเด็กสุดคลาสสิคของ Roald Dahl เรื่องนี้มาทำเป็นอนิเมชั่นแบบสต็อปโมชั่นก็ไม่ทราบ แต่ถ้าระดับเขาคนนี้ลงมาทำแล้วย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ทีมพากษ์ก็แทบจะขนนักแสดงดังๆ มากันเป็นคันรถแล้ว อาทิ George Clooney (Solaris [2002]) กับ Meryl Streep (Julie & Julia [2009]) ที่พากษ์สองตัวละครหลัก และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ อนิเมชั่นเรื่องนี้สนุกมากกก


Ocean 11 เวอร์ชั่นอนิเมชั่นหรือเปล่าเนี่ย
หนังเพิ่มเติมเรื่องราวจากหนังสือไปพอสมควร ด้วยเรื่องราวของหมาจิังจอกนาม Mr. Fox (George Clooney) กับคู่หูที่เป็นตัวอะพอสซัมนาม Kylie คิดการใหญ่โดยการแอบเข้าไปจารกรรมตารางบิน เอ๊ย! หมูเห็ดเป็ดไก่จากฟาร์มทั้งสามฟาร์มที่อยู่แถวๆ บ้านมาตุนไว้กินกันจนเปรม ต่อมาเจ้าของฟาร์มทั้งสามก็รวมหัวกันมาตามล่า Mr. Fox เราแบบพลิกแผ่นดินจนครอบครัวของเขาและสัตว์ป่าแถวๆ นั้นพากันลำบากโดยถ้วนหน้า พอตั้งหลักได้ Mr. Fox ของเราจึงวางแผนการสุดบรรเจิดในการเอาคืนเหล่ามนุษย์บ้าเลือดชนิดสุดมันส์ จนคุณหนูๆ และเหล่าผู้ใหญ่ใจเด็กทั้งหลายคงจะอดที่จะหัวเราะคิกคักตามไปทั้งเรื่องเสียมิได้เชียว


ออกแบบตัวละครได้ดูดีไม่น่าเกลียด
ผกก. Anderson ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในอนิเมชั่นเรื่องแรกของเขา เพราะทำออกมาได้สนุกมาก การเล่าเรื่องมีอารมณ์ขันแบบกวนๆ เหล่าตัวละครก็ทำออกมาได้ดูมีเสน่ห์กันดี เมื่อบวกเข้ากับเสียงพากษ์ของดาราดังๆ (ที่ส่วนใหญ่เป็นขาประจำของ ผกก.อยู่แล้ว)ก็ยิ่งแจ่มขึ้นไปอีก ส่วนการเพิ่มเติมเรื่องราวจากในหนังสือก็ทำให้ดูมีตัวละครดูมีมิติและทำให้หนังมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งก็ดูไม่ดูประดักประเดิดอะไร ในขณะที่ดนตรีประกอบก็ใช้เพลงเก่าๆ ที่ขึ้นหิ้งมาประกอบได้อย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะเพลงของ Jarvis Cocker แห่งวง Pulp เนี่ยอย่างฮา มีอนิเมชั่นดีๆ มาให้ดูกันอีกเรื่องแล้ว คอหนังอนิเมชั่นห้ามพลาดเชียวล่ะ


เน้นฉากการโจรกรรมที่สนุกสนาน
  • น่าดูเพราะ: เป็นอนิเมชั่นที่สนุกสนาน แบบที่เด็กและผู้ใหญ่ก็ดูสนุกพร้อมกันได้
  • ไม่น่าดูเพราะ: คงไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ชอบดูการ์ตูนนักหรอกเนอะ

โฉมหน้าเหล่านักแสดงและศิลปินที่มาร่วมพากษ์เสียง






 

Create Date : 16 มกราคม 2553    
Last Update : 16 มกราคม 2553 0:08:54 น.
Counter : 2905 Pageviews.  

Idiots and Angels (2008): เทวดาท่าจะแนว


Idiots and Angels (2008) :
คออนิเมชั่นแบบเข้าเส้นคงจะรู้จักผลงานของยอดชายนาย Bill Plympton กันดี ด้วยเพราะลายเส้นและการนำเสนออันเป็นเอกลักษณ์ ตลอดสามสิบปีในวงการ เขามีผลงานการ์ตูนสั้น-ยาวนับสิบๆ เรื่อง ซึ่งหลายเรื่องก็สามารถเข้าชิงและกวาดรางวัลต่างๆ มาแล้วมากมาย(เคยเข้าชิงออสก้าร์สองครั้งแน่ะ) นี่คือผลงานอนิเมชั่นขนาดยาวเรื่องล่าสุดของเขา ที่รับรองว่าใครได้ดูแล้วก็คงจะต้องติดใจจนต้องขอสมัครเป็นแฟนผลงานของเขาแน่ๆ เชียว


ลายเส้นขมุกขมัวมาเลยเชียว
อนิเมชั่นความยาว 78 นาทีอันไร้บทสนทนาเรื่องนี้เสนอเรื่องราวของ ชายคนหนึ่งที่นิสัยแย่สุดๆ แถมยังประกอบอาชีพขายปืนเถื่อนซะด้วย แล้วเช้าวันหนึ่งอยู่ๆ หลังของเขาก็มีปีกเล็กๆ งอกขึ้นมา ไม่ว่าเขาจะพยายามตัดมันออกหรือกำจัดมันยังไง มันก็ยังคงงอกขึ้นมาอีกและก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อมันเติบโตเต็มที่มันก็ทำให้เขาบินได้ เขาเลยคิดจะใช้ปีกนี้บินไปทำชั่วซะเลย แต่มันกลับไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการแถมยังจะพาเขาบินไปทำความดีอีกต่างหาก จนเขาเอือมระอาปีกตนเองสุดๆ ทว่ามีอีกหลายคนที่ต้องการจะมีปีกอย่างเขาและพยายามแย่งชิงปีกของเขาไป เรื่องราววุ่นวายก็เลยเกิดขึ้นในที่สุด


เรื่องจินตนาการอันบรรเจิดนั้นมีมาให้ดูเพียบ
เพราะเป็นอนิเมชั่นอินดี้ที่เน้นไอเดีย การนำเสนอ จึงไม่เน้นความสวยงามด้านภาพเหมือนอนิเมชั่นของฮอลลีวู้ด งานที่ออกมาจึงมีลายเส้นรกๆ หยาบๆ เหมือนภาพสเกตช์ ซึ่งก็ดูมีเอกลักษณ์ดี แม้จะไม่มีบทสนทนาเลยแต่ก็ไม่เข้าใจยาก แถมยังดูเอาสนุกสนานได้อีกต่างหาก เพลงประกอบก็ไพเราะเหมาะกับหนังมากๆ เสียแต่ว่าด้วยความที่แนวนิดๆ แบบนี้ จึงอาจไม่ใช่งานที่สามารถเข้าถึงคนดูในวงกว้างได้สักเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วนี่เป็นอนิเมชั่นที่น่าสนใจ คออนิเมชั่นที่แสวงหางานแปลกๆ มีสไตล์ แต่ไม่ถึงกับดูยากนัก ก็คงจะถูกใจแน่ๆ เรียกได้ว่าจะดูเอาสนุกก็ได้ ดูเอาไอเดียก็ดี ดูเอาสาระที่แฝงอยู่ก็ยังมีนะจะบอกให้

ดูเอาสนุกหรือดูเอาสาระก็พอได้อยู่
  • น่าดูเพราะ: มีสไตล์เฉพาะตัว แต่ก็ดูเอาสนุกได้อยู่ ใครชอบดูอนิเมชั่นแนวๆ แปลกๆ ไม่ควรพลาด
  • ไม่น่าดูเพราะ: ไม่ใช่อนิเมชั่นสำหรับเด็กๆ และการนำเสนอแนวๆ แบบนี้บางคนอาจดูแล้วมึน

เทวดาขอเปิดตูดโชว์




*ช่วงเกี่ยวกับผู้สร้าง*

Bill Plympton (อายุ 63 ขวบ) เป็นนักสร้างอนิเมชั่นชาวอเมริกัน ที่คลุกคลีอยู่ในวงการมากว่า 30 ปีแล้ว โดยในช่วงต้นยุค 70 งานของเขาได้ตีพิมพ์ใน นสพ.The New York Times หรือนิตยสารชั้นนำอย่าง Vogue, Rolling Stone, Vanity Fair, Penthouse และเริ่มมีงานอนิเมชั่นตั้งแต่ปลายยุค 70 มาถึงทุกวันนี้รวมผลงานของเขาแล้วกว่า 40 กว่าเรื่องแล้ว
ครั้งหนึ่งเขาเคยปฏิเสธเงินก้อนโตจากดิสนีย์ที่เสนอให้เขาไปรับผิดชอบอนิเมชั่นเรื่อง Aladin (1992) เพราะว่าเขาไม่อยากให้งานออกแบบหรือไอเดียของเขาต้องตกไปเป็นสมบัติของคนอื่น ทุกวันนี้ถึงเขาจะอายุเริ่มถึงวัยเกษียณแล้ว แต่เขาก็ยังแฮปปี้กับการสร้างอนิเมชั่นอินดี้ๆ ออกมา ซึ่งแฟนๆ ของเขาก็ยังตามไปให้กำลังใจกันเป็นอย่างดี สู้ต่อไปนะครับป๋า Billๆๆๆๆ(โปรดทำเสียงเอคโค่ที่ค่อยๆ เฟดลงไปแล้วจะได้อารมณ์สุนทรีย์มากๆ)

*ข้างล่างนี้เป็นบางส่วนของอนิเมชั่นขนาดสั้นของเขาที่เรานำมาฝากกันจ้า*





Hot Dog (2008)


Horn Dog (2009)


Kanye West - Heard 'em Say (2005)



*ดูคลิปอนิเมชั่นขนาดสั้นของเขาเพิ่มเติมได้โดย"คลิกที่นี่"*





 

Create Date : 13 ธันวาคม 2552    
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 4:26:51 น.
Counter : 1163 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.