Group Blog
 
All blogs
 

Kidnapped (2010): ระทึกโคตร โฉดขึ้นบ้าน


สเปน

Kidnapped (2010) :
สามพ่อแม่ลูกผู้มีอันจะกินเพิ่งจะย้ายขึ้นบ้านใหม่สุดหรูย่านชานเมืองของกรุงมาดริด แล้วในคืนวันนั้นเองงานก็เข้า เมื่อมีไอ้โม่งชุดดำสามหน่อบุกเข้าบ้านมาจับตัวพวกเขาไว้ แล้วกวาดทรัพย์สินพร้อมคุมตัวคนพ่อให้ออกไปกดเงินออกมาจากเอทีเอ็มให้เรียบ ส่วนลูกสาวกับเมียถูกจับไว้เป็นตัวประกันอยู่ที่บ้าน โดยพวกมันกำชับเขาว่าหากมีอะไรตุกติกขึ้นมาล่ะก็ สองคนนี้ตาย! ว่าแล้วการเอาเถิดเอาล่อสุดระทึกระหว่างสามโจรกับสามเหยื่อก็เกิดขึ้นตามมา จนท่านจะต้องลุ้นชนิดแทบลืมหายใจเลยทีเดียวเชียวนะขอบอก!


มีไอ้โม่งบุกบ้านแบบนี้เป็นใครก็ต้องสติแตก
ถึงผลงานหนังทริลเลอร์ของ Miguel Ángel Vivas เรื่องนี้จะมาพร้อมด้วยพล็อตเรื่องที่เราเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว แต่สไตล์การนำเสนอของเขานั้นสามารถทำให้หนังออกมาดูลุ้นระทึกสุดแจ่มยิ่งนัก และแทบจะจับความสนใจของคนดูได้แทบจะอยู่หมัดโดยทันทีเมื่อหนังเริ่มต้นขึ้น ด้วยสไตล์การแบกกล้องถ่ายที่คอยตามติดตัวละครแทบจะทุกฝีก้าว หรือการแบ่งเฟรมเพื่อเสนอภาพสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันก่อนจะค่อยๆมาบรรจบกันเป็นเฟรมเดียวในที่สุด (เจ๋ง!)

อย่าทำให้สาวๆ ต้องโมโหนะเฟ้ย
ทั้งเรื่องใช้นักแสดงไม่กี่คนแต่ก็เอาอยู่ เพราะมีฉากลุ้นระทึกตลอด โดยแทบจะไม่มีเสียงดนตรีประกอบให้ได้ยินเลยสักนิด นอกจากเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของบรรดาสาวๆ ในเรื่องที่เปรียบเสมือนกับดนตรีประกอบของหนังไปซะแล้ว (ป๊าด) ซึ่งก็ยิ่งทำให้หนังออกมาทั้งสมจริงและรุนแรง กดดันคนดูให้ลุ้นไปเครียดไปจนน้ำลายเหนียวได้อย่างชะงัดนักแล

หนังมีดีที่สไตล์การนำเสนอสุดแจ่ม
แต่บทสรุปของหนังที่ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จเหมือนหนังฮอลลีวู้ดนั้น ก็อาจเป็นตัวแบ่งคนดูออกมาเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน คือถ้าไม่ซูฮกชื่นชมก็ผิดหวังด่าเปิงไปเลย ซึ่งอันนี้ก็สุดแล้วแต่วิจารณญาณและรสนิยมของคนดูแต่ละคนแล้วล่ะ ส่วนสำหรับเรานั้น หนังเรื่องนี้ถูกจริตน่าพอใจเอามากๆ จึงขออวยอย่างหน้าชื่นตาบาน และน่าติดตามผลงานของ ผกก.คนนี้ต่อไปยิ่งนักจ้า
  • + เป็นหนังทริลเลอร์เล็กๆ จากสเปนที่มีสไตล์การนำเสนอสุดแจ่ม ลุ้นระทึก กดดัน รุนแรง โดนใจจริงๆ
  • - ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบหนังสไตล์แบบนี้ โดยเฉพาะบทสรุปซึ่งไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จของหนังที่อาจทำหลายคนเซ็งเป็ดเอาได้ง่ายๆ




*รีวิวหนังแนวโจรกักขังหน่วงเหนี่ยวสาวๆ เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในบล็อก*




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2554    
Last Update : 30 มกราคม 2555 4:24:54 น.
Counter : 17702 Pageviews.  

To Each His Cinema (2007): รวมมิตรคนรักหนัง


ฝรั่งเศส

To Each His Cinema (2007) :
เนื่องด้วยวาระที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ ณ ฝรั่งเศส มีอายุอานามครบรอบ 60 ขวบเมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองจึงได้มีการชักชวนเหล่า ผกก.ชั้นนำของโลกกว่า 36 รายมาทำหนังสั้นคนละสามนาที โดยมีหัวข้อเกี่ยวกับ "โรงหนัง" นั่นเองจ้า

แผ่นดินจีนไม่เคยไร้ซึ่งสาวงามหน้าแฉล้ม
ส่วนบรรดารายนามของบรรดา ผกก.ดังๆ ชื่อคุ้นๆ ที่ส่งหนังเข้าร่วมสังฆกรรมครั้งนี้นั้นก็ได้แก่ ทาเคชิ คิตาโน่, จางอวี้โหมว, เฉินข่ายเก๋อ, หว่องกาไว, Wim Wenders, Gus Van Sant, David Cronenberg, Lars von Trier, Roman Polanski, Jane Campion เป็นอาทิ


ตอนซ้ายของทั่น Roman Polanski คือหนึ่งในตอนที่ฮาที่สุด
และเพราะโจทย์ที่เปิดกว้างเช่นนี้ แต่ละท่านแต่ละเรื่องจึงบรรเลงกันตามอัธยาศัยเชียว ดังนั้นเราจึงจะได้เห็นเรื่องที่ ตลก, ซาบซึ้ง, แนว, การเมือง, สามช่า, จี๊ด ฯลฯ เรียกได้ว่ามีมาไม่ซ้ำแบบกันเลย ซึ่งที่โดดเด่นหน่อยก็คงจะเป็นเรื่องของ จางอวี้โหมว ที่ดูง่ายน่าประทับใจและเรียกรอยยิ้มได้ดีตามสไตล์หนังของเขา หรือในเรื่องของ Lars von Trier ที่น้าแกโผล่มาโชว์โหดด้วยตนเอง ส่วนเรื่องที่ออกแนวตลกสัปดนของทั่น Roman Polanski ก็ฮามิใช่เล่น ส่วนที่ดึงดูดใจสำหรับเรามากที่สุดอีกเรื่องก็คือผลงานของ Elia Suleiman ที่ออกแนวตลกร้ายหน้าตายได้อย่างโดนใจจริงๆ


มีหนังสั้นครบทุกรสให้ได้ดูกันเลย
แต่เพราะความหลากหลายในแนวทาง และความที่แต่ละเรื่องมีความยาวนิดๆ หน่อยๆ เลยอาจจะให้ความรู้สึกว่า "อะไรฟะ แค่เนี้ย.. จบแล้วหรอเนี่ย?" แก่ท่านในขณะรับชมได้ ยิ่งมีให้ดูกันถึง 33 เรื่องด้วยก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีอะไรติดอยู่ในความทรงจำอันเลอะเลือนของเราได้มากนัก เพราะมันเยอะไปหมด (เสียดายฉบับที่ได้ดูไม่มีผลงานของ David Lynch และสองพี่น้อง Coen รวมอยู่ด้วย)


บรรดา ผกก.ที่ส่งผลงานเข้าร่วมโครงการ
ยังไงซะการที่ได้ชมผลงานหนังสั้นของบรรดา ผกก.คุณภาพจากเกือบจะทั่วโลกเช่นนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าลิ้มลอง โดยเฉพาะสำหรับบรรดา'คนรักหนัง'ทั้งหลาย ที่คงจะปลาบปลื้มใจมิใช่น้อยเพราะจะได้ชมบรรดาหนังสั้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับ'คนรักหนัง'โดยฝีมือของบรรดา'คนรักหนัง'นั่นเองจ้า
  • + เป็นการรวมหนังสั้นของ ผกก.ดังๆ จากทั่วโลก ที่หลายเรื่องโดนทีเดียว
  • - แต่ละเรื่องยาวแค่สามนาที ก็เลยรู้สึกไปว่ายังไม่ทันไร แป๊บๆ ก็จบซะแล้ว





 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 30 มกราคม 2555 4:29:00 น.
Counter : 1696 Pageviews.  

Sound of Noise (2010): ก่อการร้ายให้โลกโป๊งชึ่ง

สวีเดน และ ฝรั่งเศส


Sound of Noise (2010) :
หนังเพลง/ตลก/อาชญากรรม จากสวีเดนเรื่องนี้เป็นการต่อยอดมาจากหนังสั้นสุดเก๋ของสองผกก.Ola Simonsson และ Johannes Stjärne Nilsson เรื่อง Music for One Apartment and Six Drummers (2001) อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับแก๊งนักดนตรีที่แอบดอดเข้าไปเล่นดนตรีในอพาร์ทเม้นท์ของชาวบ้านโดยเครื่องดนตรีที่ใช้คือบรรดาข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลายภายในบ้านนั่นเอง (ป๊าด)


แก๊งนี้มาเพื่อก่อการร้ายโดยเพลง
ซึ่งพอมาฉบับยาวนี้ก็ยังใช้ทีมงานชุดเดิมหน้าเดิม โดยขยายเรื่องราวให้ทีม Six Drummers ได้วางแผนก่อการร้ายทางดนตรีโดยมีเป้าหมายเป็น โรงพยาบาล ธนาคาร งานคอนเสิร์ตสุดไฮโซ และโรงจ่ายไฟฟ้า ซึ่งพวกเขาหวังจะทำให้โลกได้รับรู้ว่าดนตรีแจ่มๆ มันไม่จำเป็นต้องมาจากเครื่องดนตรีเสมอไป โดยมีตำรวจผู้เกลียดเสียงดนตรีคอยตามล่าอย่างกระชั้นชิด จนเกิดเรื่องราวขำๆ แนวๆ เก๋ๆ ซึ่งรับรองว่านี่จะเป็นหนังเพลงในแบบที่ท่านต้องไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน

แม้แต่ในห้องผ่าตัดก็สร้างเสียงดนตรีได้
หนังมาด้วยอารมณ์ที่เหมือนหนังอาชญากรรม เพียงแต่ว่าเหล่าผู้การการร้ายใช้ดนตรีเป็นอาวุธแถมยังเก๋ขึ้นไปอีกขั้นโดยการใช้บรรดาข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันมาเป็นเครื่องดนตรีอย่างที่บอก หนังยังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน เก๋ๆ แนวๆ (มีอนิเมชั่นด้วยนะ) ส่วนบรรดานักแสดงก็ใช้คนที่มีความสามารถทางดนตรีจริงๆ มาเล่นได้อย่างน่าซูฮก ซึ่งดนตรีของพวกเขาก็เน้นไปที่การเล่นเครื่องเคาะให้จังหวะหรือไม่ก็กลองที่ก็ให้อารมณ์คึกคักดึ๋งดั๋งชวนขยับแข้งขยับขาตามดีนักเชียว

คนบางคนก็ไม่ชอบดนตรีคลาสสิคเอาเสียเลย
แต่หนังที่แนวซะแบบนี้ ก็คงจะไม่เป็นที่ถูกใจได้ซะทุกคนหรอก โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยหือไม่อือกับดนตรีสักเท่าไหร่ก็คงจะรู้สึกว่าหนังมันบ้าๆ บอๆ ไร้สาระดีแท้ แต่ถ้าท่านเป็นคนที่เปิดใจกว้างกับดนตรีทดลองแนวๆ (ที่ฟังไม่ยาก) แล้วจะพบว่าหนังเรื่องนี้โคตรเก๋ไปเล๊ย ซึ่งอันนี้ก็สุดแล้วแต่รสนิยมและแนวคิดของคนดูแต่ละคนแล้วล่ะนะ ส่วนเรานั้นขอบอกว่าหนังโดนใจมากจ้า อิอิ
  • + เป็นหนังตลก/เพลงที่มีไอเดียสุดบรรเจิด เก๋ แนว เหมาะกับคนที่ชอบดนตรี ดูแล้วเพลิดเพลินจำเริญใจจริงๆ หนอ
  • - ด้วยความแนวเลยอาจทำให้คนดูทั่วๆ ไปรู้สึกว่านี่มันหนังบ้าอะไรกันวะเนี่ย



*ช่วงเพลงในหนัง*

โฉมหน้าสมาชิกทั้ง 6 ของ Six Drummers
อัลบั้มซาวน์แทร็คของหนังแบ่งออกเป็นสองส่วน คืองานของ Fred Avril และในส่วนของ Six Drummers ที่เล่นกันในหนัง ซึ่งงานโดยรวมแล้วจะออกไปในทางดนตรีทดลองสั้นๆ แทร็คละประมาณสองสามนาทีเป็นส่วนใหญ่ ว่าแล้วเราก็เลือกแทร็คแจ่มๆ จากหนังมาให้ฟังกัน และแถมท้ายด้วยหนังสั้น Music for One Apartment and Six Drummers ให้ได้ดูได้ทึ่งกันอีกด้วยจ้า


MP3: Six Drummers - Electric Love - Resort



หนังสั้น Music for One Apartment and Six Drummers (2001)


*รีวิวหนังที่เกี่ยวกับดนตรีเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในบล็อก*




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2554    
Last Update : 30 มกราคม 2555 4:27:03 น.
Counter : 2085 Pageviews.  

We Are the Night (2010): สวย เริ่ด เชิด กัด!


เยอรมัน


We Are the Night (2010) :
ปกติหนังแวมไพร์ก็เป็นที่นิยมในหมู่คอหนังสยองขวัญกันมาช้านานแล้ว แต่พอมาถึงยุค Twilight Saga ครองเมือง หนังแนวนี้ก็ได้รับความนิยมในวงกว้างมากขึ้นไปอีก และมีการสร้างออกมาให้ดูกันมิขาดสายซึ่งก็มีทั้งดีบ้างห่วยบ้างคละเคล้ากันไปตามยถากรรม


ก๊วนแวมไพร์พันธุ์เริ่ด
และหนังแวมไพร์จากเยอรมันเรื่องนี้ก็เช่นกัน ที่คงถูกมองว่าถูกสร้างตามกระแสแวมไพร์ฟีเวอร์มากับเขาด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้ว หนังค่อนข้างจะทำออกมาได้น่าสนใจพอดูทีเดียว แม้ว่าหน้าหนังและบางฉากบางบางอารมณ์จะชวนให้นึกว่าเป็น Sex and the City เวอร์ชั่นแวมไพร์อยู่บ้างก็ตาม


ความรักต้องห้ามระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์ (อีกแล้วครับทั่น)
หนังเล่าเรื่องของ Lena สาวน้อยนักล้วงกระเป๋าและลักเล็กขโมยน้อยที่จับพลัดจับผลูถูกแก๊งค์แวมไพร์สามสาวสุดเริ่ดชักชวนเข้าร่วมก๊วนแวมไพร์ โดยมีการดำเนินชีวิตสุดไฮโซแสนสะดวกสบายเข้ามาล่อใจให้หลงใหลได้ปลื้ม แต่แล้วก็มีตำรวจหนุ่มรายหนึ่งเกิดเข้ามาเป็นตัวแปรที่ทำให้สาวๆ แก๊งค์นี้ต้องงานเข้าชนิดไม่ไหวจะเคลียร์


หนังโดดเด่นในด้านบรรยากาศและวิช่วล
ผกก.Dennis Gansel ที่เคยมีผลงานคุณภาพอย่าง The Wave (2008) ขอหันมาทำหนังแวมไพร์กับเขาบ้าง โดยเน้นไปที่เรื่องราวของเหล่าแวมไพร์สาวๆ ชนิดที่หนุ่มๆ เป็นได้เพียงเหยื่อและไม้ประดับเท่านั้น ซึ่งหนังก็เปิดตัวขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ และที่สร้างความแจ่มให้กับหนังขึ้นไปได้โขคืองานด้านวิช่วล เอฟเฟกต์สุดเนียน กับดนตรีเทคโนสไตล์ยุโรปทั้งหลายที่เสริมบรรยากาศให้หนังได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องขายฉากแหว่ะหรือโป๊ให้เสียลุคแต่อย่างใด


สาวๆ กำลังจัดปาร์ตี้น้ำแดงกันอย่างหนุกหนาน
แต่น่าเสียดายที่พอเลยครึ่งเรื่องไปหนังก็ค่อยๆ ลดความน่าสนใจลงไปกับเรื่องราวประมาณรักต้องห้ามระหว่างคนกับแวมไพร์ ที่ยังทำได้ไม่ค่อยโดนใจนัก ทว่าเมื่อหักลบกลบหนี้แล้วหนังก็ยังเป็นที่น่าพอใจอยู่ดี โดยเฉพาะการที่มีสาว Jennifer Ulrich ผู้งดงามได้โล่และยังเป็นตัวละครที่พอจะมีเนื้อมีหนังกว่าคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งเท่านี้ก็พอจะทำให้เป็นปลื้มกันได้แล้วจ้า


สาวคนนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้
ถึง Twilight จะพยายามเปลี่ยนความคิดคนสมัยใหม่ให้เชื่อว่า แวมไพร์เป็นอะไรที่เท่ ไม่น่ากลัว และสามารถครองรักกับมนุษย์อย่างมีความสุขได้ในท้ายที่สุด แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ยอมคล้อยตามไปด้วยง่ายๆ เพราะหนังก็สรุปให้เห็นอีกครั้งว่า คนกับแวมไพร์นั้นไม่มีทางไปกันได้ และแวมไพร์ก็เป็นอะไรที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย ไม่มีทางมีความสุขกับชีวิตอมตะของตนได้อย่างแน่นอน สรุปว่าเป็นคนอย่างเราๆ ท่านๆ น่ะดีที่สุดแล้วจ่ะ พี่น้อง จุ๊บๆ

  • + เป็นหนังแวมไพร์สาวๆ ที่ทำได้ดี เอฟเฟกต์แจ่ม เต็มไปด้วยสาวๆ สวยๆ โดยเฉพาะหนู Jennifer Ulrich ที่เจิดจรัสเกินหน้าชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง
  • - หนังเล่นกับเรื่องราวเกี่ยวกับความรักต้องห้ามเลยทำให้ลดความน่าสนใจลงไปพอควร แถมในช่วงนี้ก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีนักอีกด้วย



*รีวิวหนังแวมไพร์ที่น่าสนใจเรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 30 มกราคม 2555 4:29:04 น.
Counter : 4710 Pageviews.  

Montevideo, God Bless You! (2010): บอลครับ เราจะเตะเพื่อฝัน



เซอร์เบีย


Montevideo, God Bless You! (2010) :
หลายคนที่เพิ่งจะเริ่มประเดิมหนังจากประเทศเซอร์เบียด้วยเรื่อง A Serbian Film (2010) (เยี่ยงเรา) คงจะพากันฝังใจไปแล้วว่า ประเทศนี้คงจะถนัดทำแต่หนังซาดิสม์ๆ เสื่อมๆ เยี่ยงนั้นกระมัง แต่ว่าช้าก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป เพราะหากท่านได้มายลหนังเรื่องนี้แล้วก็จะพบว่าประเทศนี้ทำหนังแนวดราม่าฟีลกู้ดก็เป็น แถมยังทำได้แจ่มแจ๋วเข้าท่าเข้าทางมากๆ เสียด้วยสิครับพ่อแม่พี่น้อง


แฟนๆ หนังกีฬาฟุตบอลเชิญทางนี้จ้า
หนังพาย้อนไปเซอร์เบียช่วงปลายทศวรรษที่ 20 (ขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรยูโกสลาเวีย) เพื่อพบกับเรื่องราวแสนอบอุ่นประทับใจที่สร้างจากเรื่องจริงของหนุ่มๆ นักฟุตบอลจากเบลเกรด (เมืองหลวงของเซอร์เบีย) ซึ่งร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการ เพื่อให้พวกตนได้กลายเป็นทีมชาติ โดยมีความฝันอันสูงสุดในการได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จะมีจัดขึ้น ณ กรุง Montevideo เมืองหลวงของประเทศอุรุกวัยในปี ค.ศ.1930 นั่นเอง

สาวๆ ชาวเซอร์เบียเนี่ยสวยๆ กันทั้งนั้นเชียว
Dragan Bjelogrlić นักแสดงรุ่นเก๋าชาวเซอร์เบีย ขอผันตัวมาทำหน้าที่ ผกก.เป็นครั้งแรกในเรื่องนี้ ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีมากเพราะสามารถเล่าเรื่องราวที่มีพล็อตง่ายๆ พื้นๆ ประเภทหมารองบ่อนสู้เพื่อฝันให้ออกมาดูอบอุ่น มีเสน่ห์ มีอารมณ์ขัน น่าติดตาม ให้แรงบันดาลใจและน่าประทับใจทีเดียว ในขณะที่งานสร้าง ก็ออกมาแจ่มแจ๋ว ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ฉากเฉิก ที่สามารถเนรมิตบ้านเมืองของเขาในยุครุ่งโรจน์นั้นให้ออกมาสวยงามน่าหลงใหลยิ่งนัก


พระเอกเรื่อง A Serbian Film ก็โผล่มากับเขาด้วย
ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่แฟนบอลตัวยงก็สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างสนุก เพราะหนังโฟกัสไปที่ชีวิตส่วนตัวของนักฟุตบอลแต่ละคนและผู้คนที่รายล้อมมากกว่าจะมุ่งนำเสนอแต่ฉากเตะบอลกันอย่างเดียว และหนังยังมีดีตรงที่เต็มไปด้วยเหล่านักแสดงหนุ่มสาวหน้าตาดี (โดยเฉพาะสาวๆ ที่สวยๆ กันทั้งนั้น) แต่ในขณะเดียวกันการที่หนังเน้นไปที่การปลุกเลือดรักชาติ ชาวต่างชาติอย่างเราๆ ท่านๆ เลยอาจจะอินกับเขาได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก

เสื้อผ้าหน้าผมฉากเฉิกดูดีทีเดียว
นอกจากจะแสดงให้เห็นวงการฟุตบอลสมัยนั้นที่ยังบริสุทธิ์ เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ ไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์หรือธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องมากเช่นปัจจุบันนี้ หนังยังเน้นแล้วเน้นอีกถึงเรื่อง การไม่ละทิ้้งความฝัน การร่วมแรงร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ซึ่งพอนักเตะทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้วก็สามารถเชื่อมใจคนทั้งชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ด้วย ดูแล้วก็นึกถึงทีมชาติบ้านเราขึ้นมาทันใด ที่ถึงตอนนี้จะดูไม่มีวี่แววจะไปถึงไหน แต่ก็อย่าเพิ่งละทิ้งความหวังความฝันไปเน้อพี่น้อง หากพวกเราเรียนรู้ที่จะร่วมแรงร่วมใจกัน ก็จงเชื่อเถิดนะว่าสักวัน บอลไทยเราจะไปมวยโลก เอ๊ย ไปบอลโลกสิ ฮ่าๆ

*เพราะหนังได้ทั้งเงินทั้งกล่องซะปานนั้น ตอนนี้ผู้สร้างเลยเตรียมเข็นภาคสองออกมาในปีนี้จ้า*
  • + เป็นหนังดราม่าในแวดวงฟุตบอลที่ อบอุ่น มีเสน่ห์ ให้แง่คิดและขวัญกำลังใจ ที่แม้ท่านจะไม่ใช่คอหนังกีฬาก็สามารถชื่นชอบได้ไม่ยากเลย
  • - หนังมาด้วยเรื่องราวแบบพื้นๆ และการปลุกเลือดรักชาติที่หลายคนคงจะไม่อินไปด้วยได้นัก




*ช่วงอันเนื่องมาจากหนัง*

หน้าตาทีมชาติยูโกสลาเวีย (เซอร์เบีย) ตัวจริงเสียงจริง
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าหนังสร้างจากเรื่องจริงของทีมชาติยูโกสลาเวีย ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นในปี ค.ศ.1930 ณ ประเทศอุรุกวัย ซึ่งพวกเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีโดยสามารถเอาชนะทีมชาติบราซิลไป 2-1 และชนะทีมชาติโบลิเวียไป 4-0 ได้เข้ารอบสองไปเจอะเจ้าภาพอุรุกวัย ผลที่ออกมาก็คือพวกเขาแพ้ขาดลอยไปถึง 6-1 ก่อนที่อุรุกวัยจะได้เข้าชิงกับอาร์เจนติน่าและชนะไป 4-2 ได้เป็นแชมป์บอลโลกไปในที่สุด (ยังดีที่แพ้ให้แชมป์ล่ะนะ)

ถึงแม้พวกเขาจะไปไม่ถึงนัดชิงแต่มาไกลถึงขนาดนี้ก็ถือว่าเกินคาดแล้ว เพราะต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นทีมชาติที่ไม่พร้อมที่สุดทีมหนึ่งในทัวร์นาเม้นท์นี้ ทั้งจากการที่ในทีมต้องใช้นักเตะต่างเชื้อชาติ และเจอเรื่องขลุกขลักมาตลอด แต่ก็สามารถรวมใจกันฝ่าฟันเข้าไปถึงรอบสอง ซึ่งเท่านี้พวกเขาก็เป็นความภูมิใจให้กับคนทั้งชาติได้แล้ว จนแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมากว่า 80 ปีแล้ว แต่ผู้คนก็ยังไม่ลืม และได้สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความภาคภูมิใจครั้งนั้น ต่อๆ ไปเป็นนิตย์เอย

*คัดข้อมูลมาจาก wikipedia จ้า ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยเน้อ*


*รีวิวหนังจากประเทศเซอร์เบียเรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 30 มกราคม 2555 4:36:42 น.
Counter : 1554 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.