Group Blog
 
All blogs
 

Shaolin (2011): หลวงพี่หลิว รุ่นบู๊เถิดเทิง


ฮ่องกง และ จีน

Shaolin (2011) :
แม้พระเอกตลอดกาลขวัญใจของบรรดาคอหนังจีนอย่างเฮีย หลิวเต๋อหัว ในวัยย่าง 50 ขวบ จะเคยบอกๆบ่นๆ ว่าขอละเลิกการเล่นหนังกำลังภายในเสียทีเถ๊อะ แต่ก็ดันมีบทดีๆ โดนๆ มาทำให้เฮียใจอ่อนยอมเล่นอยู่เรื่อยเลย และนี่ก็คือผลงานหนังกำลังภายในเรื่องล่าสุดของเฮียที่คราวนี้ขอกลับไปร่วมงานกับ ผกก.เบนนี่ ชาน อีกครั้ง ซึ่งทั้งคู่เคยกอดคอกันดังตั้งแต่สมัยครั้ง A Moment of Romance (ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ) ที่ฮิตกระจายในช่วงต้นยุค 90 เลยโน่น


เฮียหลิวกำลังหนักใจที่ต้องขึ้นไปยืนฉีกขาบนตอ
หนังเป็นเวอร์ชั่นอัพเดท(รีเมค?)ของ Shaolin Temple (1982) ที่เคยแจ้งเกิดให้ หลี่เหลียนเจี๋ย (เจ็ท ลี) มาแล้ว โดยเฮียเขารับบทเป็นแม่ทัพ โฮ่วเจีย ผู้เย่อหยิ่งและไม่เคยไว้วางใจใครแม้กระทั่งพี่ชายร่วมสาบานของตน แต่ต่อมาเขากลับถูกลูกน้องคนสนิทอย่าง เชามัน (เซี๊ยะถิงฟง) หักหลังรัฐประหารชิงอำนาจไป แถมตามฆ่าเฮียหลิวเราซะจนเกือบเดี้ยง เลยต้องระเห็จไปหลบกบดานในวัดเส้าหลินสักระยะจนค่อยๆ ปลงตกยุบหนอพองหนอและได้ตัดสินใจออกบวชในเวลาต่อมา แต่ทว่าตัวโกงที่ยังปลงไม่ตกก็ยังตามมาราวีอีก งานนี้บรรดาศิษย์วัดเส้าหลินทั้งหลายก็เลยจำต้องออกลีลาวรยุทธ์กันชนิดจีวรปลิวเลยล่ะทุกท่าน

ลุงเฉินหลงกำลังฝอยให้เด็กๆ ฟัง
เฮียหลิวในเรื่องนี้ดูจะเหี่ยวลงไปเยอะ แต่ถ้าจะเทียบกับคนวัยเดียวกัน(ย่าง 50) แล้วจะพบว่าหน้าเฮียยังใสแบ๊วได้เรื่องอยู่ ส่วนการแสดงของเฮียนั้นหายห่วงได้เลย เพราะไม่ว่าบทจะหนักวันมามากประมาณว่า ต้องน้ำตานองหน้า สติแตก หรือในฉากโดนเมียตบกลิ้ง เฮียเขาเล่นได้สมบทบาทชนิดไม่ห่วงหล่อกันเลยทีเดียว และที่จะขาดไม่ได้เลยคือประเด็นปลุกเลือดรักชาติจีน ที่เรื่องนี้คนจีนต้องมาเข่นฆ่ากันเองโดยมีต่างชาติมาร่วมแจม ซึ่งก็เป็นที่มาของฉากแอ็คชั่นสไตล์'ศึกบางระจัน'ทั้งหลายแหล่ โดยด้านคิวบู๊ก็ไม่ได้โดดเด่นโอ้โหอะไรมากนัก(แต่ก็ไม่แย่เช่นกัน) ส่วนงานสร้างอื่นๆ ออกมาดูดีมีทุนหนา ไม่กิ๊กก๊อกแต่อย่างใด

เมียสวยแบบนี้้เฮียยังหนีไปบวชได้ลงคอ
แต่ก็ยังรู้สึกว่าหนังออกจะห้วนๆ อยู่นิด แบบที่บทจะตัดใครทิ้งไปก็ตัดเลย (เช่นบทนางเอกที่หายไปเกือบค่อนเรื่อง) และการใส่ลุง เฉินหลง มาเป็นจุดขายก็ดูแปลกๆ เพราะเหมือนหนังจะลังเลว่าตกลงจะให้แกเด่นหรือไม่เด่นดีกันแน่ และยัดเยียดฉากบู๊ของแกและเด็กๆ เข้ามาแบบกะโชว์ของลีลากังฟูในแบบที่ไม่มีก็ได้ รวมทั้งตัวโกงที่ดูจะตั้งใจกวนโอ๊ยมากไปนิดชนิดที่ผิดจากคนละคนในตอนแรกแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย แต่ยังไงซะนี่ก็ยังเป็นหนังจีนกำลังภายในที่ดูดี โดดเด่นทางดราม่า ดูแล้วไม่เสียเซลฟ์ แฟนๆ หนังจีนกำลังภายในและแฟนๆ ของเฮียหลิวคงจะไม่ผิดหวังกันล่ะจ้า


ตัวโกงเราท่าทางจะเก็บกดน่าดู
  • จุดเด่น: เป็นหนังกำลังภายในที่โดดเด่นด้านดราม่า งานสร้างดูดี เฮียหลิวไม่ทำให้คอหนังผิดหวังแน่นอนจ้า
  • จุดด้อย: คิวบู๊ไม่โดดเด่นเท่าไหร่ และหนังยังขาดๆ เกินๆ อยู่บ้างในบางส่วน





 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2554 0:09:04 น.
Counter : 2186 Pageviews.  

Confessions (2010): อย่าทำให้คุณครูแค้น(นะจะบอกให้)


ญี่ปุ่น


Confessions (2010) :
คอหนังหลายคนคงจะเคยติดอกติดใจกับหนังเพลงสีสันจัดจ้านแต่สุดจะรันทดอย่าง Memories of Matsuko (2006) ของ ผกก.เท็ตซึยะ นากาชิม่า กันมาแล้ว และนี่คือผลงานล่าสุดของเขาที่แจ่มแจ๋วซะจนถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสก้าร์ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมปีนี้ และก็ติดโผเข้ารอบเก้าเรื่องสุดท้าย(แต่ไม่ติดห้าเรื่องสุดท้าย) ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ยเรื่องเนี้ย


ดูท่าทางคุณครูจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะเนี่ย
มาเรื่องนี้คุณ ผกก. ควงแขนนักร้อง/นักแสดงสาวมากความสามารถอย่าง ทากาโกะ มัตสึ (Tokyo Tower: Mom and Me, and Sometimes Dad [2007]) มารับบทครูสาวที่เชื่อว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอถูกนักเรียน ม.ต้นสองคนในชั้นฆ่าตายโดยเจตนา ครั้นจะแจ้งความดำเนินคดีพวกนั้นคงรอดคุกแน่เพราะยังเป็นผู้เยาว์กันอยู่ ดังนั้นการแก้แค้นอันสุดบรรเจิดของเธอจึงได้เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่การจับพวกนั้นไปแล่เนื้อเถือหนังตามอย่างหนังแก้แค้นทั่วๆ ไปหรอกนะ เพราะวิธีการของเธอนั้นแสนจะร้ายกาจกว่านั้นเยอะทีเดียว (โห!?)


งานด้านภาพอย่างกับเอ็มวี
หนังเปิดตัวขึ้นมาในชั้นเรียนกับภาพที่คุณครูสาวท่าทางใจดีผู้กำลังจะลาออก กำลังพล่ามอะไรไปเรื่อยโดยที่บรรดานักเรียนส่วนใหญ่ต่างไม่ใคร่จะมีใครสนใจ ซึ่งฉากนี้ฉากเดียวก็กินเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และเฉลยตัวร้ายตั้งแต่ช่วงแรก ต่อด้วยการแก้แค้นของนางเอกที่ทั้งเรื่องแทบจะไม่ได้โผล่หน้ามาให้เห็นอีกเลย(เอ๊ะ ยังไง?) แต่หนังกลับไม่น่าเบื่อเลยสักนิด ทว่ากลับยิ่งค่อยๆ ทวีความน่าติดตามมากขึ้นทุกที ซึ่งมีแต่เรื่องชวนอึ้ง เหนือความคาดเดา และรุนแรงพอดูทีเดียว


หนังเต็มไปด้วยวัยรุ่นหน้าตาน่ารัก
ถึงคุณมัตสึ จะโผล่หน้าในหนังไม่นานนัก แต่สิ่งที่เธอทำกลับมีผลกระทบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งการแสดงของเธอ(ที่มาในสภาพหน้าตาซีดเซียวจืดชืดไร้เมคอัพ)นั้นก็แหล่มมากๆ ในทุกวินาทีที่เธอขึ้นจอในมาดครูสาวมาดนิ่งผู้เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ส่วนบรรดาเด็กวัยรุ่นวัยละอ่อนที่มีบทบาทบนจอมากกว่านั้นก็ล้วนหน้าตาดี(อันนี้ล่ะสำคัญ อิอิ) แสดงดีตามที่บทต้องการ เมื่อมาเจอกับงานด้านภาพสวยๆ สโลว์โมชั่น แนวๆ เหมือนมิวสิควีดีโอ และเพลงประกอบเพราะๆ ตามสไตล์หนังของ ผกก.คนนี้เขาล่ะ มันก็เลยเป็นอะไรที่ทำให้หนังบรรเจิดขึ้นไปอีกพอดูทีเดียว


ที่ไหนๆ เขาก็มีแกล้งเพื่อนแล้วถ่ายคลิป
นอกจากจะเป็นหนังแนวแก้แค้นแล้ว หนังยังเสนอภาพของปัญหาสังคมของคนญี่ปุ่น และความเป็นไปของวัยรุ่นสมัยนี้ด้วย ซึ่งไม่ว่าจะวัยรุ่นที่ไหนยุคไหนก็นะ ต้องมีปัญหากันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวัยรุ่นในยุคไอทีเช่นนี้ต่างจากวัยรุ่นยุคก่อนๆ ก็ตรงที่มีโอกาสได้แสดงและเผยแพร่ความป่วยของตนให้สังคมได้รับรู้กันง่ายๆ บนโลกออนไลน์ จนแทนที่จะมีปัญหาอยู่คนเดียว ยังสามารถหาแนวร่วมป่วยได้สบายๆ อีกด้วย
  • จุดเด่น: หนังดี การแสดงเด่น เล่าเรื่องได้ชวนติดตาม สะท้อนปัญหาสังคม มีแต่วัยรุ่นหน้าตาน่ารักอีกต่างหาก(อิอิ)
  • จุดด้อย: ช่วงแรกเต็มไปด้วยบทสนทนา อาจทำให้หมดความสนใจในแว่บแรกที่ดู และการเล่าเรื่องอาจไม่เรียบง่ายชวนงงสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับหนังญี่ปุ่นอยู่บ้าง





*ช่วงเพลงในหนัง*


Radiohead
ไม่รู้ว่าพักหลังๆ นี้สมาชิกวงร็อคสุดเทพจากอังกฤษอย่าง Radiohead ติดใจอะไรกับหนังญี่ปุ่นนักหนา เพราะในรายของ Jonny Greenwood มือกีต้าร์ของทางวงก็ไปทำดนตรีประกอบให้หนัง Norwegian Wood (2010)มาแล้ว และสำหรับเรื่องนี้ทางวงก็อนุญาตให้นำเพลง Last Flowers จากอัลบั้ม In Rainbows มาใช้เป็นเพลงธีมประจำเรื่องอีกด้วย แถมยังมีเพลงเก๋ๆ จากศิลปินอื่นๆ อีกด้วย (เช่น The xx และ Boris) แจ่มนะเนี่ยหนังเรื่องเนี้ย

MP3: Radiohead - Last Flowers

MP3: The xx - Fantasy




 

Create Date : 27 มกราคม 2554    
Last Update : 27 มกราคม 2554 17:14:21 น.
Counter : 7618 Pageviews.  

The Harmonium in My Memory (1999): ใครหลงรักคุณครู ยกมือขึ้น


เกาหลีใต้

The Harmonium in My Memory (1999) :
นี่คือผลงานลำดับแรกๆ ของสองนักแสดงคุณภาพของเกาหลีอย่าง ลีบยองฮุน (A Bittersweet Life [2005]) และ จองโดยอน (The Housemaid [2010]) ที่นอกจากจะแสดงแววรุ่งของทั้งคู่ให้ประจักษ์แล้ว หนังยังออกมาน่าประทับใจเสียจนจะตราตรึงอยู่ในหัวใจของคอหนังไปอีกแสนนานเลยทีเดียว


ใครเคยกระเตงน้องไปเรียนด้วย ยกมือขึ้น
หนังพาย้อนไปเกาหลีใต้ยุค 60 เมื่อ ยุนฮองยอน (จองโดยอน) สาวบ้านนาวัย 17 ขวบ เกิดดันไปหลงรัก คังซูฮา (ลีบยองฮุน)คุณครูหนุ่มรูปหล่อ(?)มือใหม่หัดสอนจากกรุงโซลที่เพิ่งย้ายมาเป็นครูประจำชั้นของเธอเข้าอย่างจัง ว่าแล้วเธอก็พยายามส่งตาหวานให้คุณครูเรื่อยมา แต่ดูเหมือนว่าสำหรับคุณครูซูฮาแล้ว เขามองเธอเป็นเพียงลูกศิษย์คนหนึ่งเท่านั้น แถมดูเขาจะมีใจให้กับครูสาวแสนสวยที่เพิ่งย้ายมาสอนที่โรงเรียนในเวลาไล่เลี่ยกันอีกด้วย อา... ดูเหมือนรักครั้งแรกของสาวน้อยฮองยอนจะมีอุปสรรคซะแล้วสิเนี่ย เธอจะสามารถพิชิตใจคุณครูประจำชั้นของเธอได้หรือไม่นั้น โปรดติดตาม


ใครเคยมองจันทร์เห็นเป็นหน้าคนที่แอบชอบ ยกมือขึ้น
ผกก.ลียังแจ เขียนบทและกำกับผลงานเรื่องแรกของเขานี้ได้เต็มไปด้วยความ เรียบง่าย อบอุ่น มีเสน่ห์และอารมณ์ขัน น่าประทับใจจริงหนอ แต่ถึงจะดูเรียบๆ แบบนี้ก็เถอะ บทจะจี๊ด จะประทับใจเนี่ยก็เอาอยู่เหมือนกันนะ ส่วนด้านนักแสดงรายที่โดดเด่นที่สุดคงจะไม่พ้นเจ๊ จองโดยอน ที่แอ๊บเด็กเป็นสาวน้อยอายุ 17 ขวบได้อย่างสมบทบาทเสียจริง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นตัวจริงเจ๊แกอายุก็ปาเข้าไปกว่า 26 ขวบแล้ว (ขนาดพระเอกเราตัวจริงยังอายุอ่อนกว่าเจ๊ตั้ง 5 ปีแหน่ะ) ในขณะที่ด้านโปรดักชั่นก็ทำออกมาได้บรรยากาศย้อนยุคดีจริงๆ และที่จะลืมไม่ได้เลยคือดนตรีประกอบที่เพราะพริ้งเพิ่มความประทับใจให้กับตัวหนังได้เป็นอย่างยิ่ง

ใครเคยอยู่ในภาวะรักสามเส้า ยกมือขึ้น
มองเผินๆ แล้วนี่อาจจะเป็นหนังรำลึกอดีตรักแสนหวานที่ชวนให้นึกไปถึงหนังจีนของสาว จางซิยี่ ซึ่งออกฉายในปีเดียวกันอย่าง The Road Home อยู่บ้าง แต่เรื่องราวก็แค่เหมือนกันแบบเผินๆ อีกทั้งยังไม่เร้าอารมณ์เท่าอีกด้วย ยังไงซะนี่ก็เป็นหนังดีที่น่าประทับใจไม่แพ้กันเลยล่ะ ถ้าหากว่าจีนมีหนังแนวนี้อย่าง 'The Road Home' บ้านเราก็มี 'สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก' แล้วล่ะก็ เกาหลีใต้ก็คงจะมีหนังเรื่องนี้นี่แหล่ะ ที่จะพาท่านหวนย้อนไปยังอดีตอย่างอิ่มเอมจิตใจได้อีกครั้งหนึ่ง ว่าแล้วก็ขอถามเป็นการส่งท้ายว่า "ใครเคยหลงรักคุณครูบ้าง? ยกมือขึ้นเร๊วว" ฮิ๊วว


ใครเคยส่งสายตาให้คุณครูอย่างมีความหมาย ยกมือขึ้น
  • จุดเด่น: เป็นหนังแนวอดีตรักแสนหวานที่ทำออกมาได้ชวนประทับใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ การแสดงก็เด่น แจ่มไปเลยจ้า
  • จุดด้อย: ถึงจะเป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มอกอิ่มใจ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นหรือมีอะไรแปลกใหม่กว่าหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ แต่ประการใด





 

Create Date : 23 ธันวาคม 2553    
Last Update : 23 ธันวาคม 2553 4:53:26 น.
Counter : 2906 Pageviews.  

The Man from Nowhere (2010): พี่วอนบิน มาช่วยหนูที

The Man from Nowhere (2010) :
หลังจากที่ต้องไปเป็นทหารรับใช้ชาติ(เกาหลีใต้)ซะหลายปี ในที่สุดพ่อหนุ่มวอนบิน(ที่ไม่บินว่อน) ก็หวนคืนสู่จอเงินอีกครั้ง โดยประเดิมหนังเรื่องแรกในรอบห้าปีด้วยผลงานคุณภาพอย่าง Mother ไปเมื่อปีที่แล้ว และนี่คือผลงานล่าสุดของเขา ที่ก็ฮิตระเบิดเถิดเทิงในเกาหลีจนสามารถครองตำแหน่งหนังทำเงินสูงสุดประจำปีนี้(42 ล้านวอน) แถมยังกวาดรางวี่รางวัลบนเวทีต่างๆ ไปนอนกอดอีกเพียบเรียบร้อยหอยเสียบโรงเรียนวอนบิน เลยจ้า


ไม่ต้องกลัวนะหนู พี่วอนบิน มาแว้ว
ในเรื่องนี้พี่เขารับบท ชาแทซิก(ถ้าสะกดผิดก็ขออภัยเน้อ) หนุ่มเจ้าของโรงจำนำเล็กๆ แสนซอมซ่อ ที่ขอใช้ชีวิตอยู่เงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร จะยกเว้นก็แต่เพียงเด็กน้อยข้างๆ บ้านอย่าง โซมี (หนูน้อยคิมแซรอน จาก A Brand New Life [2009]) ที่ค่อนข้างจะสนิทสนมกันกับเขามากกว่าใครบนผืนปฐพีเกาหลีแล้ว ซึ่งต่อมางานก็เข้าเมื่อคุณแม่ขี้ยาของหนูน้อยดันไปแฮ้บผงขาวของแก๊งมาเฟียจอมโฉดมา ส่งผลให้สองแม่ลูกโดนอุ้มซวยกันไปตามระเบียบ ร้อนถึงพระเอกเราต้องสำแดงความเก่งเทพที่เก็บงำไว้เสียนานออกมา เพื่อตามหาและช่วยหนูน้อยเสื้อแดงของเรากลับมาให้จงได้ ชนิดที่ว่างานนี้คงได้บู๊แหลกกิมจิกระจายกันเลยทีเดียวล่ะพี่น้องเอ๋ย

ว่าแล้วก็ต้องมีฉากโชว์หุ่นล่ำๆ เอาใจสาวแท้สาวเทียมซะหน่อย
ไม่แปลกใจเลยที่หนังของ ผกก.จองบอมลี เรื่องนี้จะฮิตเถิดเทิงซะ ซึ่งก็คงเป็นเพราะหนังเหมือนจะได้รับอิทธิพลมาจาก Man on Fire, Taken, หรือแม้แต่หนัง Jason Bourne อยู่ไม่ใช่น้อย ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เรียกว่าเลียนแบบทั้งดุ้น แต่เป็นการประยุกต์ให้ออกมาเป็นแนวทางของตนเองซะมากกว่า ซึ่งก็ทำได้ดีทีเดียว หนังทั้งดูสนุก คิวบู๊ก็เด็ดขาด ถึงเลือดถึงเนื้อ มันส์ไม่ใช่เล่น(แถมยังประทับใจได้อยู่) เอาแค่ซีนหนึ่งที่พระเอกโดดหน้าต่างจากตึกลงไปที่ถนนโดยมีกล้องโดดตามจ่อก้นไปแบบติดๆ ก็แจ่มเกินอภัยแล้วครับพี่น้อง


รูปซ้ายคือนักแสดงไทยที่รับบทเป็นคู่ปรับของพระเอก
ที่สำคัญอีกอย่างคือนักแสดงนำทั้งสองคนของเรา ซึ่งก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจคนดูได้เป็นอย่างดี คุณพี่วอนบินเราก็มาพร้อมกับหุ่นฟิตเปรี๊ยะถูกใจสาวแท้สาวเทียม และเล่นคิวบู๊ชวนเจ็บตัวด้วยตนเองได้อย่างทะมัดทะแมงปนเท่แบบสุดๆ แม้บทของเขาจะต้องคอยเก๊กทำหน้านิ่งไม่หือไม่อือสักเท่าไหร่อยู่ตลอด แต่พี่เขาก็สามารถสื่ออารมณ์ออกมาทางสายตาได้ไม่เลวเลยทีเดียว ในขณะที่หนูน้อยคิมแซรอนเราก็ดูน่ารักน่าสงสารได้ใจคนดู ถึงบทบาทออกจะน้อยไปบ้าง แต่ยังไงเสียก็ยังถือว่าการมีนักแสดงนำที่ได้ใจคนดูแบบนี้ก็ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วล่ะเนอะ


จะผมยาวหรือผมสั้นก็ยังเท่ได้อยู่
ที่เด็ดอีกอย่างคือหนังได้นักแสดงชาวไทยเราอย่างคุณ ธนายง ว่องตระกูล ไปรับบทตัวร้ายที่มีฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกับพระเอกเรา ซึ่งนอกจากพี่เขาจะเท่ดูดีเกินหน้าชายเกาหลีส่วนใหญ่ในเรื่องแล้ว ยังเล่นได้ดีทั้งคิวบู๊และฉากที่ต้องสื่ออารมณ์ทางหน้าตาอีกด้วย แจ่มไปเลยจ้า ทว่าแม้อะไรๆ ในหนังจะดูดีไปเกือบหมด แต่ว่าเราเคยเห็นหนังที่มีสูตรสำเร็จสไตล์นี้มาเยอะแล้ว(ซึ่งหนังเองก็ไม่รีรอที่จะเดินตามสูตรสำเร็จนั้นด้วย) มันเลยไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นฮือฮาหรืออินไปกับหนังด้วยสักเท่าไหร่ ยังไงเสียก็ถือว่านี่เป็นหนังที่ดี ดูเพลิน ดูมันส์ ซึ้งได้อีก และเราก็ดีใจด้วยกับพี่วอนบิน ที่ในที่สุดก็กลับมาดังเถิดเทิงได้อีกครั้งหนึ่ง เก่งมากจ้า พ่อคุ๊ณณ

  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังแอ็คชั่นสไตล์ Man on Fire, Taken ของเกาหลีที่ทำออกมาได้ดูสนุก ฉากบู๊มันส์ พี่วอนบินและพี่ธนายง เท่มาก ขอบอก
  • ไม่น่าดูเพราะ: มาตามสูตรสำเร็จเป๊ะๆ ไม่มีอะไรเกินคาดหมาย และเน้นคิวบู๊แรงๆ ชนิดที่อาจทำให้คอหนังเกาหลีหวานแหววบางท่านมองข้ามไปได้






*ช่วงเพลงในหนัง*

Mad Soul Child
สำหรับเพลงในช่วงเอนด์เครดิตของหนังนั้นเพราะมากๆ ฟังเผินๆ แล้วนึกว่าศิลปินฝรั่งร้อง แต่พอไปสืบมาก็พบว่าที่แท้เป็นผลงานของวงอิเลคโทรนิคป็อปทรีโอ้จากเกาหลี Mad Soul Child ต่างหาก พวกเขาฟอร์มวงกันมาตั้งแต่ปี 2001 แต่เพิ่งจะมีอัลบั้มแรกที่ชื่อ "La La La" ออกมาเมื่อปีที่แล้วนี้เอง โดยมีเพลงฮิตคือ "V.I.P. Girl" ซึ่งคอเพลงเกาหลีคงจะรู้จักกันดี ว่าแล้วเราก็เลยขอนำเพลงโคตรเพราะที่ชื่อว่า "Dear" จากในหนังมาฝากกันเสียเลย ฟังแล้วจะติดใจนะขอบอก อิอิ




MP3: Mad Soul Child - Dear




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2553    
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 5:37:41 น.
Counter : 4042 Pageviews.  

I Saw the Devil (2010): เกมโหดล่าโหด


เกาหลีใต้

I Saw the Devil (2010) :
นี่คือผลงานล่าสุดของ ผกก.คิมจีวุน (A Tale of Two Sisters หรือ ตู้ซ่อนผี [2003]) ที่คราวนี้คว้าเอาสองนักแสดงชายยอดฝีมือของเกาหลีอย่าง ลีบยองฮุน (A Bittersweet Life [2005]) มาเชือดเฉือนบทบาทกันกับ ชอยมินชิก (Old Boy [2003]) ชนิดมันหยดติ๋งๆ ในหนังทริลเล่อร์โรคจิตสุดโหด ที่อาจจะทำให้บรรดาคอหนังขวัญอ่อนทั้งหลายต้องท้องไส้ปั่นป่วนปนจิตตกไปตามๆ กันในยามที่ได้รับชมหนังเรื่องนี้เชียวล่ะ

สองนักแสดงชายคุณภาพมาเฉือดเฉือนบทบาทกันในเรื่องนี้
หนังว่าด้วยเรื่องราวปฏิบัติการจองเวรอันสุดบรรเจิดของพระเอกเรา(ลีบยองฮุน) จนท.สืบราชการลับที่ลางานไปตามล่าฆาตกรโรคจิตสุดโหดจอมหื่นกาม(ชอยมินชิก) ซึ่งได้จับคู่หมั้นของเขาไปฆ่าหั่นศพทิ้งชนิดสุดสยอง โดยเมื่อเจอตัวคนร้ายแล้ว แทนที่พระเอกเราจะจัดการเด็ดชีพมันหรือจับส่งตำรวจซะ เขากลับเล่นงานมันจนน่วมแล้วก็ปล่อยมันไป และก็ตามไปเล่นงานมันอีกแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า(แต่ก็เล่นหนักขึ้นทุกทีด้วย) ชนิดที่ว่าไอ้โรคจิตยังต้องงงและถึงกับบ่นพึมพำถึงพระเอกว่า "ไอ้นี่มันโรคจิตกว่าตูเสียอีกวุ้ย!"(ฮา) ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเกมโหดล่าโหดครั้งนี้จะจบลงอย่างไรล่ะจ้า


ใครย่องมาข้างหลังนั่นน่ะพ่อคุณ
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่างานนี้โหดเลือดสาดถูกใจคอซาดิสม์ซะจริงหนอ เพราะเต็มไปด้วยความรุนแรงระดับเรทอาร์แก่ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้กะขายความซาดิสม์กันซะอย่างเดียว หนังยังมีชั้นเชิง แง่คิดเด็ดๆ ให้ได้เก็บเกี่ยวอีกด้วย ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดในหนังคงไม่พ้นสองนักแสดงนำชายของเรื่องที่ก็เชือดเฉือนบทบาทชนิดกินกันไม่ลงเลยทีเดียว โดยเฉพาะคุณ ชอยมินชิก ที่แสดงเป็นไอ้โรคจิตหื่นกามสุดโหดได้อย่างน่าหมั่นไส้และชวนตึ้บเป็นอย่างยิ่ง


สาวสวยถูกจับไปทรมานทรกรรมเพียบเลยเรื่องนี้
หนังยังมีบางจุดที่รู้สึกว่าเล่นง่ายไปนิดอยู่บ้าง ถึงกระนั้นโดยรวมแล้วก็ยังออกมาเด็ดขาดแจ่มแจ๋ว เข้าท่าเข้าทาง(คอซาดิสม์)เอามากๆ จนในอนาคตนี่อาจจะเป็นหนังของ ผกก.คิมจีวุน ที่คงจะถูกเอ่ยถึงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อคอหนังนึกถึงเขา และที่ยังชวนคิดได้อีกก็คือการที่หนังเสนอแนวคิดที่ว่า ถ้าเราจะกำหราบปีศาจร้ายก็ไม่ถึงกับต้องทำตัวเป็นปีศาจร้ายไปด้วยเลย เพราะถึงมันจะดูสะใจดีในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็จะส่งผลร้ายแก่จิตวิญญาณของเราเองและยังอาจก่อทุกขภาพต่อคนรอบข้างอีกด้วยนะ พี่น้องทั้งหลาย

ไอ้โรคจิตยังต้องหนาวเมื่อเจอไอ้โรคจิตกว่าตามล่า
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังทริลเลอร์สุดโหดปนซาดิสม์ ของ ผกก.คิมจีวุน ที่ทำออกมาได้เด็ดขาด เข้าท่า ถูกใจคอหนังแนวนี้จริงหนอ
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังรุนแรงมากพอดู ถ้าไม่ใจแข็งพอหรือไม่นิยมความซาดิสม์ ก็พึงหลีกเลี่ยงเน้อ





 

Create Date : 08 ธันวาคม 2553    
Last Update : 8 ธันวาคม 2553 14:22:18 น.
Counter : 5592 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.