Group Blog
 
All blogs
 

Wu xia (2011): เดชจอมยุทธ์แอ๊บเห่ย

ฮ่องกง และ จีน


Wu xia (2011) :
ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงน้ำท่วมให้รีบวิดของชาวไทยเรา และเป็นช่วงน้ำขึ้นให้รีบตักของเฮีย ดอนนี่ เยน ที่ดังคับทุ่งในฐานะพระเอกนักบู๊มือวางอันดับหนึ่งแห่งเอเซีย เราจึงได้ชมผลงานหนังของเฮียเขาถี่ยิบหน่อยในช่วงนี้ ซึ่งก็มีทั้งหนังดีบ้างเฉยบ้างไปตามเรื่อง มาผลงานล่าสุดของเฮียเรื่องนี้ก็ขอแท็คทีมกับ ผกก.ปีเตอร์ ชาน (The Warlords [2007]) และพ่อหนุ่ม ทาเคชิ คาเนชิโร่ ขวัญใจสาวๆ มาร่วมกันสร้างความบันเทิงแด่บรรดามิตรรักแฟนหนังนะคร้าบ


ในที่สุดสองหนุ่มสองมุมคู่นี้ก็มาเจ๊อะกันจนได้
ส่วนพล็อตเรื่องก็เป็นเหมือนการจับเอา A History of Violence (2005) ของป๋า David Cronenberg มาผสมผสานยำคลุกกับหนังแนวสืบสวนสอบสวนสไตล์ CSI และปิดท้ายด้วยการที่หนังได้รับแรงบันดาลใจ (ที่ไม่ใช่การรีเมค) จากหนังกำลังภายในสุดคลาสสิครุ่นพ่อแม่ยังเอ๊าะเรื่อง 'เดชไอ้ด้วน' จนออกมาเป็นส่วนผสมที่เข้าท่าน่าสนใจน่าลิ้มลองยิ่งนักเชียว

เรื่องนี้เฮียเยนมีโอกาสโดนอัดน่วมกว่าเรื่องอื่นๆ อยู่พอตัวทีเดียว
หนังมีลีลาการเล่าเรื่อง การนำเสนอที่เข้าท่า โดยไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจะบู๊กันอย่างเดียว แต่บทจะบู๊ก็บู๊ดูบู๊ดีตามมาตรฐานอันดีงามของหนังเฮียเยนเขาอยู่แล้ว และส่วนที่ทำให้หนังน่าสนใจสุดๆ ขึ้นไปอีกก็คือการให้ความสำคัญในการนำเสนอภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนบ้านนายุคนั้นในแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นจากหนังกำลังภายในส่วนใหญ่ ส่วนแฟนหนังกำลังภายในยุคเก่าคงจะมีเฮ เพราะ หวังหยู่ อดีตนักบู๊ชื่อดังเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ได้มารับบทเป็นตัวร้ายประจำเรื่อง (ซึ่งก็เป็นเขานี่แหล่ะที่เคยโด่งดังจากหนังชุดเดชไอ้ด้วนเมื่อครั้งนั้น)


หวังหยู่ดาราดังในอดีตก็มากับเขาด้วย
เสียดายที่คิวบู๊มีให้ดูกันไม่เยอะสะใจ และเงื่อนงำของหนังก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนเท่าใด โดยเฉพาะครึ่งหลังที่หย่อนความน่าสนใจลงไปเยอะ แต่รวมๆ แล้วนี่ก็ถือว่าเป็นอีกผลงานของเฮียเยนที่มีคุณภาพ การนำเสนอที่โดดเด่น น่าสนใจ ที่ก็จะเป็นอีกหนึ่งในผลงานที่คอหนังนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อนึกถึงหนังของเฮียขึ้นมา และมันก็จะส่งเสริมเครดิตให้เฮียเยนดำรงฐานะยอดนักบู๊มือวางอันดับหนึ่งของเอเซียอย่างเต็มภาคภูมิต่อไปอีกนานเลยทีเดียวเชียว

พ่อหนุ่มทาเคชิกำลังเพ่งอะไรซะตาเหล่เชียว
  • + งานสร้างเยี่ยม การนำเสนอแจ่ม แถมมีการเสนอวิถีชีวิตของชาวบ้านจีนยุคโน้นได้อย่างน่าสนใจ แฟนหนังของเฮียเยนไม่มีผิดหวังกันแน่นอน
  • - ฉากบู๊มีน้อยไป เรื่องราวเงื่อนงำไม่เกินคาดเดานัก และช่วงหลังหนังลดความน่าติดตามลงไปแยะพอดู



*รีวิวหนังของเฮียดอนนี่ เยน และเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในบล็อก*




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2554    
Last Update : 1 ตุลาคม 2554 1:15:25 น.
Counter : 2271 Pageviews.  

Love Exposure (2008): ยัยงมงายกับนายโรคจิต


ญี่ปุ่น


Love Exposure (2008) :
หลังจากที่ติดอกติดใจ Cold Fish (2010) หนังสุดโหดของ ผกก.สุดติสท์ ชิออน โซโน่ แล้วก็ถึงคราต้องแสวงหาผลงานเรื่องอื่นๆ ของเขามายลกันต่อ โดยขอเลือกเอาผลงานเรื่องนี้ก่อน เพราะเห็นจากหน้าหนังแล้วน่าจะออกแนวตลกวัยรุ่นวุ่นรักดูสบายๆ ไม่ซีเรียส แถมตัวหนังเองยังแจ่มพอที่จะเดินสายกวาดคะแนนนิยมและรางวัลมาแล้วจากเทศกาลหนังทั่วโลกมาแล้วอีกต่างหาก


พระนางของเรื่อง
แต่พอได้ดูแล้วเล่นเอาเราถึงกับเหวอ เพราะถึงแม้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัยรุ่นวุ่นรักจริง แต่ระดับน้าโซโน่แล้วจะให้ทำหนังหนังวัยรุ่นธรรมดาสามัญออกมาก็ยังไงอยู่ ว่าแล้วหนังก็เลยมีทั้งประเด็นเกี่ยวกับปรัชญา ความศรัทธาในพระเจ้า ลัทธิสอนผิด ปัญหาครอบครัวที่ส่งผลให้วัยรุ่นมีปัญหา หรือแม้กระทั่งเกี่ยวกับพวกโรคจิตที่ชอบถ่ายใต้กระโปรงสาวๆ ปนมาด้วย กับความยาวของหนังที่หย่อน 4 ชม.ไปแค่ 3 นาทีเอง (ป๊าด!!)


เหมือนจะเอาศาสนามาล้อเล่น แต่ไม่ใช่เลย
หนังยาวซะขนาดนี้ น้าแกเลยจัดเต็มเพราะมีโครงเรื่องที่ซับซ้อน แต่ไม่ยากที่จะเข้าใจ และการที่หนังเน้นประเด็นเกี่ยวกับพระเจ้า ความเชื่อของคริสตชน (โดยเฉพาะชาวแคทอลิค) ปะปนกับเรื่องราวเพี้ยนๆ ทะลึ่งๆ เสื่อมๆ ก็ไม่ได้เป็นการลบหลู่ล้อเล่นกับศาสนาแต่อย่างใด เพราะจะว่าไปแล้วหนังค่อนข้างจะยกย่อง ให้เกียรติเชิดชูพระเจ้าเสียด้วยซ้ำ (อย่างการให้นางเอกของเรื่องที่เกลียดผู้ชายทั้งโลก แต่ชื่นชมผู้ชายแค่สองคนคือ Kurt Cobain ผู้ล่วงลับแห่งวง Nirvana และอีกท่านคือพระเยซูคริสต์) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตัว ผกก.เองนั้นเข้าใจหลักข้อเชื่อของศาสนาคริสต์เป็นอย่างดี


ทั้งไร้สาระและมีสาระกันแบบสุดๆ
หนังเรื่องนี้เลยไม่ใช่หนังวัยรุ่นธรรมดาๆ ซะแล้ว เพราะค่อนข้างมีแง่คิดสาระหรืออะไรๆ แจ่มๆ อยู่เยอะทีเดียว ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีเพียงแต่หนังสัญชาติญี่ปุ่นนี่กระมังที่สามารถผสมผสานอะไรๆ ที่มันต่างกันสุดขั้ว ระหว่างความไร้สาระ/มีสาระ ความเสื่อม/ความลึกซึ้ง เข้าไปด้วยกันได้แบบเนียนๆ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ยากจะเลียนแบบได้จริงๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าหนังยาวเกินไปตั้งสี่ชม. เราคงจะซูฮกมากไปกว่านี้แน่ ขอคารวะให้ ผกก.โซโน่ หนึ่งกรึ๊บเลยเอ้า!

วิ่งหน้าตั้งเชียวนะพ่อคุ๊ณณ
ที่น่าสนใจคือหนังพูดถึงประเด็นเรื่องความรัก ซึ่งบอกว่าอันคนเรานั้นถ้าไม่ขาดความรักต่อกันจนเกิดปัญหาครอบครัวหรือสังคม ก็มักใช้ความรักในทางที่ผิด และสับสนระหว่างคำว่า'ความหลง'กับ'ความรัก' ว่าแล้วฉากหนึ่งนางเอกเราก็เลยร่ายยาวถึงข้อพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่พูดถึง 'ความรักที่แท้จริง' ไว้จะๆ ดังนี้ซะเลย

"ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตนฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติชอบ ความรักนั้นทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเค้าอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง" (๑ โครินธ์ ๑๓: ๔-๗)

แล้วความรักของพ่อแม่พี่น้องเป็นแบบไหนล่ะครับ? :)
  • + หนังรักวัยรุ่นที่มาแบบเหนือชั้น ประเด็นเพียบ ดูได้ทั้งเพลินทั้งสาระ แจ่มไปเลยจ้า
  • - หนังยาวซะเกือบสี่ ชม.จะมีใครสักกี่คนที่ดูจนจบได้ในรอบเดียวหนอ? และการพูดถึงศาสนาแบบนี้ หลายคนอาจคิดว่าเป็นการลบหลู่เอาได้ง่ายๆ (ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ใช่)





*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ของ ผกก.โซโน่ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 07 กันยายน 2554    
Last Update : 7 กันยายน 2554 0:49:28 น.
Counter : 6895 Pageviews.  

Cold Fish (2010): โหดจัดหนัก


ญี่ปุ่น

Cold Fish (2010) :
โนบูยูกิ ชาโมโต้ หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านขายปลาเขตร้อนเล็กๆ แห่งหนึ่งในแถบชิสึโอกะ กำลังประสบปัญหาลูกเมียหน่ายเนื่องด้วยความที่เป็นคนเก็บอารมณ์ไม่หือไม่อือของเขา และแล้วค่ำคืนหนึ่งสามพ่อแม่ลูกก็ได้รู้จักกับ ยูกิโอ มูราตะ ชายแก่ท่าทางใจดีที่เป็นเจ้าของร้านขายปลาเขตร้อนขนาดใหญ่ในแถบนั้น ซึ่งด้วยความที่ลุงมูราตะเป็นคนเฮฮาปาร์ตี้มนุษยสัมพันธ์ดีเด่นได้โล่จึงไม่ยากเลยที่มิตรภาพระหว่างพวกเขาจะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว


จงจำไว้ว่าอย่าไว้ใจเจ้าของร้านขายปลา
แต่ในขณะที่เมียกับลูกสาวของโนบูยูกิกำลังหลงใหลได้ปลื้มในตัวลุงมูราตะ คุณแว่นเรากลับเริ่มพบความไม่ชอบมาพากลของลุงคนนี้ ซึ่งกว่าเขาจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนได้ถูกดึงดูดเข้าไปในวังวนของการฆาตกรรมสุดโหดของฆาตกรต่อเนื่อง ความบ้าคลั่ง ความรุนแรง ด้านมืดของจิตใจคนเรา และอะไรๆ หลายอย่างที่มันวิปลาสจิตเสื่อม จนชีวิตของเขาคงไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป

ลุงแกขับเฟอร์รารี่ซะด้วย
นี่เป็นผลงานของ ผกก.ชิออน โซโน่ ที่คอหนังสยองขวัญญี่ปุ่นคงรู้จักกันดีจาก Suicide Club (2001) และหนังเด็ดๆ อีกหลายเรื่อง ซึ่งคราวนี้เขาได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในยุค '80 ของสองผัวเมียฆาตกรต่อเนื่องเจ้าของกิจการร้านขายสัตว์เลี้ยง ที่สังหารบรรดาคนรักน้องหมาไปไม่ต่ำกว่า 4 ศพ โดย ผกก.เราอธิบายว่าอยากทำหนังที่เกี่ยวกับความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ซึ่งหาได้น้อยในหนังญี่ปุ่นสมัยนี้ (ป๊าด)

ดูก็รู้ว่าครอบครัวนี้มีปัญหา
หนังมีความยาวกว่า 2 ชม.ครึ่ง แต่หาได้มีความน่าเบื่อเลยไม่ ผกก.โซโน่ เก่งในการค่อยๆ เผยความบ้าคลั่งให้ทวีมากขึ้นทุกขณะจิต หนังโหด รุนแรง โป๊ โรคจิต เต็มไปด้วยอารมณ์ขันอันมืดหม่น แต่ก็สมจริงอย่างน่ากลัว ซึ่งถ้าจะให้อธิบายให้เห็นภาพ อารมณ์ของหนังก็คงจะเหมือนผลงานของ ทาคาชิ มิอิเกะ ที่ไม่มีฉากโหดสุดเวอร์และอารมณ์ติสท์เหวอๆ งงๆ นั่นเอง และนักแสดงที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นลุง เด็นเด็น (สะกดชื่อแกผิดก็ขออภัยด้วยเน้อ) ซึ่งเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่คนดูคงจะเกลียดไม่ลงเป็นแน่

หนังโหดไม่กลัวเปลืองเลือด(ปลอม)
นี่ไม่ใช่หนังที่จะดูกันได้ทุกคนจริงๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบอะไรแรงๆ โหดๆ จิตๆ แต่ถ้าได้ดูแล้วเชื่อเถิดว่า มันจะฝังใจให้ท่านได้เก็บไปขบคิด นั่งคิด นอนคิด ยืนคิด ไปอีกนานเลยทีเดียว เพราะถึงหนังจะโหด และพาด่ำดิ่งสู่ด้านมืดของจิตใจ แต่ก็มีแง่คิดให้เก็บเกี่ยวอยู่มากมาย อ่า ทำหนังแจ่มแบบนี้ สงสัยคงต้องขอสมัครเป็นแฟนหนังของ ผกก.โซโน่ ซะแล้วสิเนี่ย เหอๆ
  • + เป็นหนังโหด แต่แฝงแง่คิด การเล่าเรื่องทำได้น่าติดตาม ระทึกขวัญ ลืมไม่ลงจริงๆ
  • - หนังโหด แรง วิปลาส แบบนี้ไม่ใช่จะเป็นที่ถูกอกถูกใจกันทุกคนนะ



*รีวิวหนังฆาตกรต่อเนื่องเอเซียที่น่าสนใจเรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 04 กันยายน 2554    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 2:31:44 น.
Counter : 21738 Pageviews.  

A Chinese Fairy Tale (2011): จะอีกกี่ทีก็ยังโปเย


จีน ฮ่องกง



A Chinese Fairy Tale (2011) :
ไม่เพียงแต่เฮีย ดอนนี่ เยน ที่กำลังดังคับทุ่ง (บันเทิง) อยู่ในตอนนี้ แต่ ผกก.วิลสัน ยิป ที่กำกับ Ip Man ทั้งสองภาคก็พลอยโด่งดังขึ้นมาเช่นเดียวกัน (ทั้งๆ ที่เฮียแกก็ทำหนังมาตั้งแต่กลางยุค 90 แล้ว) และนี่คือผลงานล่าสุดของเขาที่ขอหยิบเอาหนังคลาสสิคของ ฉีเคอะ อย่าง A Chinese Ghost Story (1987) หรือ 'โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า' มาอัพเดต (ผกก.บอกว่าไม่ใช่การรีเมค) ให้คอหนังรุ่นใหม่ได้ทำความรู้จักกันบ้าง


โฉมหน้านางเอกเวอร์ชั่้นใหม่
ที่ว่าเป็นการอัพเดตไม่ใช่การรีเมคเพราะถึงเวอร์ชั่นนี้เรื่องราวโดยรวมจะไม่ต่างจากเวอร์ชั่นก่อนนัก (ไม่ขอเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นอื่นๆ เพราะเกิดไม่ทันดู) แต่ก็ขอหันไปเน้นเรื่องราวรักสามเส้าระหว่างหนุ่มใหญ่นักปราบปีศาจ (กู่เทียนเล่อ), บัณฑิตหนุ่ม จนท.ทางการ (หยู่เส้าชุน) กับปีศาจสาวหน้าแบ๊ว (หลิวอี้เฟย) จนแทบจะเรียกว่านี่เป็นโปเยโปโลเยเวอร์ชั่นเราสองสามคนก็ยังได้อยู่


งานนี้มีรักสามเส้านะคร้าบ
คอหนังที่เกิดเร็ว (หรือที่เรียกว่าแก่) หน่อย คงจะคุ้นเคยกับโปเยฯ เวอร์ชั่นปี 1987 กันดี ซึ่งถึงแม้ว่าตัวหนังจะไม่ถึงกับดีเด่นถึงขั้นได้โล่อะไร แต่ก็มีดีและเสน่ห์เฉพาะตัวจนขึ้นหิ้งหนังคลาสสิคมาจนทุกวันนี้ ดังนั้นก็คงจะพ้นการถูกนำมาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นต่อๆ มาไม่ได้แน่นอน และเราก็พบว่าเวอร์ชั่นใหม่นี้ยังห่างชั้นจากเวอร์ชั่นก่อนอยู่หลายขุม แม้ว่าในด้านเทคนิคงานสร้างจะดูดีตามยุคสมัยก็ตามที


เฮียกู่เทียนเล่อคือสิ่งที่ดีที่สุดของหนัง
การหันมาเน้นเรื่องราวแนวรักสามเส้าก็ยังทำได้ประดักประเดิด ไม่สามารถทำให้คนดูอินได้โดยเฉพาะในด้านเสน่ห์ของเหล่านักแสดงนำ ที่นอกจากในรายของ กู่เทียนเล่อ ที่พอจะเล่นได้ดีได้ใจคนดูแล้ว คนอื่นๆ ยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก ทั้งนางเอกที่แบ๊วขาดความเซ็กซี่ที่ควรจะมี หรือในรายของบัณฑิตหนุ่มที่กระดูกอ่อนชนิดมาได้ไงเนี่ย นี่ยังดีนะที่ตอนช่วงท้ายของหนังยังพอจะมีซึ้งเรียกน้ำตาของคนอารมณ์อ่อนไหวได้อยู่บ้าง หนังก็เลยถือว่าไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนัก


นางเอกเราน่ารักแต่เซ็กซี่น้อยไปนิด
นี่ถ้าหนังจะรีเมคจากเวอร์ชั่นก่อนแบบเป๊ะๆ แล้วหาดารารุ่นใหม่ที่กระดูกแข็งและมีเสน่ห์มากพอมาเล่นในบทนำ หนังคงจะออกมาดูดีกว่านี้ก็เป็นได้ เอาเป็นว่าถ้าท่านอยากจะทำความรู้จักกับ 'โปเยโปโลเย' แล้วล่ะก็หาเวอร์ชั่นปี 1987 มาดูจะดีกว่านะจ้ะ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อ (ไม่เสร็จ) ไม่เตือนเอาเน้อ อิอิ
  • + งานสร้างดูดีตามยุคสมัย การแสดงของกู่เทียนเล่อที่ยังพอจะมีให้ประทับใจได้อยู่
  • - ตัวละครหลักยังไม่มีเสน่ห์พอ หนังเสนอเรื่องราวรักสามเส้าได้ไม่ค่อยน่าประทับใจนัก




*ช่วงย้อนรอยหนังต้นฉบับ*


โปเยโปโลเย เวอร์ชั่นปี 1987
ผลงานของ ผกก.ฉีเคอะ เรื่องนี้เป็นการนำเอาตอนหนึ่งในหนังสือรวมเรื่องผีโบราณเรื่อง Strange Stories from a Chinese Studio ที่เคยถูกนำมาสร้างเป็นหนังหลายเวอร์ชั่นแล้ว มาอัพเดตใหม่ด้วยงานสร้างเสื้อผ้าหน้าผมในระดับสุดยอดในสมัยโน้น การเล่าเรื่องที่หวือหวารวดเร็ว ผสมผสานไปด้วย อารมณ์ขัน คิวบู๊แจ่มๆ ความสยอง และความเซ็กซี่ โดยได้สองดาราดังเจ้าเสน่ห์อย่าง เลสลี่ จาง และ หวังจู่เสียน มารับบทคู่พระนาง ซึ่งก็ส่งผลให้หนังโด่งดังไปทั่วเอเซีย รวมถึงบ้านเราที่สมัยนั้นใครๆ ก็ต้องรู้จักคำว่า 'โปเยโปโลเย' และก่อให้เกิดหนังแนวนี้ถูกสร้างตามออกมาเป็นแถว

และเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้สร้างก็ได้นำหนังออกมาฉายทั่วจีนแผ่นดินใหญ่อีกครั้งเพื่อเป็นการรำลึกถึง เลสลี่ จาง ผู้ล่วงลับ และโหนกระแสเวอร์ชั่นใหม่ที่ออกฉายในเวลาไล่เลี่ยกันด้วย เราเชื่อว่าไม่ว่าจะถูกสร้างออกมาอีกกี่เวอร์ชั่นๆ ในอนาคต แต่คอหนังคงจะไม่มีทางลืมเวอร์ชั่นปี 1987 นี้แน่นอน






*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ของ ผกก.วิลสัน ยิป ภายในบล็อก*




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2554 1:40:04 น.
Counter : 5646 Pageviews.  

The Lost Bladesman (2011): กวนอูเดือดทะลุแผ่นดิน



ฮ่องกง


The Lost Bladesman (2011) :
ถ้าจะนึกถึงยอดนักบู๊มือวางอันดับหนึ่งของเอเซียในยุคนี้แล้วล่ะก็ คงต้องนึกถึงเฮีย โทนี่ เอ๊ย! ดอนนี่ เยน ขึ้นมาโดยทันทีทันใด ซึ่งการที่เฮียแกโด่งดังขึ้นมา (ในวัย 40 กว่าขวบ) ได้นั้นก็เพราะอานิสงส์จากการที่วาดลวดลายได้โดนใจบรรดาคอหนังบู๊ใน Ip Man ทั้งสองภาค และยังขยันมีผลงานหนังมันส์ๆ ออกมาให้แฟนๆ ได้ยลอยู่เนืองๆ อีกด้วยต่างหาก แล้วแบบนี้จะไม่ให้เฮียเขาโด่งดังคับซอยได้ยังไงล่ะเนอะ


กวนอู เรื่องนี้เหมือนจะหน้าไม่แดง
และในผลงานล่าสุดของเฮียนี้ แกก็ขอสวมบทเป็น กวนอู วีรบุรุษหน้าแดงในตำนานสามก๊กของชาวจีนเขา ซึ่งหนังจับเอาเหตุการณ์ในตอน 'กวนอูฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 ขุนพลของโจโฉ' มานำเสนอ โดยได้ เฟลิกซ์ จง และ อลัน มัก (มือเขียนบทและ ผกก.หนังไตรภาค Infernal Affairs) แท็คทีมมาช่วยกันคิดใหม่ทำใหม่ตีความใหม่ให้ กวนอู เวอร์ชั่นนี้ดูไฉไลไม่งิ้วจ๋าอย่างที่เคยผ่านๆ ตากันมาเลยล่ะ

โจโฉ เรื่องนี้เหมือนจะแอบเป็นคนดี
ที่ว่าตีความกันใหม่นั้นก็ยกตัวอย่างเช่นการที่ กวนอู เวอร์ชั่นนี้หน้าตาไม่ได้แดงอย่างกับผลพุทราสุก หากแต่ที่เห็นแดงนั้นก็เพราะตอนรบทัพจับศึกท่านก็ฟาดฟันศัตรูจนเลือดสาดกระเซ็นมาเปื้อนหน้าตาของท่านต่างหาก หรือการที่หนังตีความให้ กวนอู หลงรักพี่สะใภ้(น้อย)ของตนเอง จนเกิดเรื่องราวดราม่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมา และการที่หนังไม่ได้มอง โจโฉ เป็นผู้ร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มองเป็นคนที่ยังมีสัจจะและคุณธรรมอยู่ด้วยจนคนดูเกลียดไม่ลงเป็นแน่

คิวบู๊เรื่องนี้เหมือนจะมันส์ได้อยู่
เรื่องนี้เฮีย เยน เรารับหน้าที่ทั้งพระเอกและผู้กำกับคิวบู๊ ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องทั้งสองด้าน แต่คนที่ขโมยซีนไปเต็มๆ กลับกลายเป็น เจียงเหวิน (Let The Bullet Fly [2011]) ในบทบาท โจโฉ ที่โผล่มาเมื่อไหร่เป็นต้องเล่นได้โดดเด่นโดดเด้งเกินหน้าเกินตาชาวบ้านไปทุกทีซะงั้น ในขณะที่งานด้านเสื้อผ้าหน้าผม ฉากเฉิกก็อลังการ ทุ่มทุนสร้างชนิดไม่น้อยหน้าหนังใหญ่ๆ บางเรื่องแถวนี้เลยทีเดียวเชียว

กวนอู เรื่องนี้เหมือนจะแอบรักเมียพี่ชาย!?
กระนั้นการที่หนังตีความซะแบบนี้ก็คงจะไม่เป็นที่ถูกใจหลายคนได้ง่ายๆ เหมือนกัน ในขณะที่หนังเป็นแค่บางส่วนบางตอนของเรื่องราวมหากาพย์จึงให้อารมณ์ประมาณ'จบแล้วเหรอ แค่นี้อ่ะ?' ส่วนคิวบู๊ของหนังก็ไม่ได้ถึงกับดุเด็ดเผ็ดมันส์เท่ากับในครั้ง Ip Man (แต่ก็ยังแจ่มได้อยู่) ทว่าหนังโดยรวมก็ยังเป็นหนังที่ดูได้ดูดีมีสาระแง่คิดความบันเทิงครบครัน นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับการพยายามทำให้ กวนอู ดูมีเลือดมีเนื้อมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาเช่นนี้ นับถือๆ

ปล.กวนอู เป็นบุคคลที่น่านับถือเอามากๆ จนแม้แต่ศัตรูตัวพ่ออย่าง โจโฉ ยังต้องให้ความเกรงอกเกรงใจและจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติให้ในยามสิ้นชีพ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมท่านถึงได้รับความเคารพนับถือจากคนรุ่นหลังมาจนถึงทุกวันนี้

  • + ตีความได้น่าสนใจดี การแสดงเด่น อลังการงานสร้าง แฟนหนังของเฮียเยนไม่มีผิดหวังแน่
  • - คิวบู๊ไม่โดดเด่นเท่ากับครั้ง Ip Man หนังจบแบบไม่จบ และตีความซะขนาดนี้หลายคนอาจมีเซ็ง




*รีวิวหนังของเฮีย ดอนนี่ เยน เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก (คลิกรูปเพื่ออ่าน)*




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 2:34:25 น.
Counter : 2456 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.