Group Blog
 
All blogs
 

Mulan (2009): แม่ทัพสาวแอ๊บแมน


จีน

Hua Mulan (2009) :
หลังจากปล่อยให้ฝรั่งเอาไปทำอนิเมชั่นขึ้นจอจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อหลายปีก่อน ในทึ่สุดพี่จีนเจ้าของตำนานก็ทนไม่ไหว ขอลุกขึ้นมาเล่าตำนานของ ฮัว มู่หลาน วีรสตรีชาวจีนที่ออกรบแทนบิดาที่ป่วยเองบ้าง โดยทางผู้สร้างประกาศว่า พอกันทีกับมู่หลานเวอร์ชั่นสนุกเฮฮา แถมมีมังกือพูดได้ที่หลายคนคุ้นเคย ได้เวลามาดูมู่หลานแบบที่ควรจะเป็นได้แล้ววุ้ย!

เชื่อหรือไม่ว่าไม่มีใครดูออกเลยว่าเป็นผู้หญิง
ว่าแล้วก็ไปคว้าเอาเจ๊ เจ้าเหว่ย (Red Cliff 2) มาเล่นเป็นมู่หลาน และก็เล่าเรื่องในแบบที่เราๆ ท่านๆ พอจะรู้ๆกันอยู่ เพียงแต่ว่างานนี้เขาเน้นจริงจังไม่มีตลกโปกฮา และเพิ่มเรื่องราวความรักแสนซึ้งระหว่างพระนางเข้าไป แถมหยอดฉากปลุกเลือดรักชาติ(จีน)อีกสักนิด อ่า นี่แหล่ะคือมู่หลานในแบบที่ควรจะเป็น(งั้นหรอ?)


เรื่องราวความรักก็ฉาบฉวยไม่น่าประทับใจ
แต่แย่เลยที่หนังเล่าเรื่องแบบดุ่ยๆ นำเสนอแต่ละฉากอย่างปุบปับๆ คนดูก็เลยขาดความผูกพันกับเรื่องราวบนจอ ดังนั้นใครจะอยู่ใครจะตายก็ช่างมันเต๊อะ ฉากรบก็เฉยมาก ทั้งที่ทุกอย่างก็เอื้อให้กับการสร้างฉากรบเด็ดๆ ได้ จุดที่น่าตำหนิที่สุดคือตัวนางเอก ที่ปลอมตัวไปรบแทนพ่อ แต่เท่าที่เห็นเจ๊แกไม่เห็นจะปลอมตัวตรงไหนเลย จะทำก็เพียงใส่ชุดทหารเท่านั้น น้ำเสียง ท่าทาง ยังผู้หญิ๊งผู้หญิงอยู่เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครสงสัยในตัวหล่อนเลย(ฮ่วย) เรื่องราวความรักของสองพระนางก็ทำให้คนดูอินไปด้วยไม่ได้ เลยดูแปลกๆ ที่เห็นสองคนทำท่าราวกับรักกันแทบขาดใจ ถ้าจะให้ติก็คงติได้อีกเยอะ แต่เอาเป็นว่านี่เป็นหนังที่น่าเบื่อ และน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ว่าแล้วก็กลับไปดูเวอร์ชั่นอนิเมชั่นอีกรอบยังสนุกกว่าเลย

ปล.คุณศลเจอ"ฟงอวิ๋น 2", แคปซูลสีฟ้าเจอ" The Treasure Hunter" แล้วเราต้องมาเจอกับเรื่องนี้หรือเนี่ย เหอๆ


ฉากรบธรรมดาและน่าเบื่อจริงๆ
  • น่าดูเพราะ: ใครอยากดูมู่หลานเวอร์ชั่นซีเรียส ไม่ควรพลาด
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังน่าเบื่อ ฉาบฉวย อย่างน่าเสียดายจริงๆ




 

Create Date : 05 มกราคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 20:25:12 น.
Counter : 2905 Pageviews.  

Castaway on the Moon (2009): ส่องดีนักรักซะเลย


เกาหลีใต้


Castaway on the Moon (2009) :
ยอดชายนาย คิม (จูง แจยัง จาก Welcome to Dongmakgol [2006]) เป็นหนุ่มออฟฟิศจิตตกที่เจอปัญหาหนี้สินรุงรังเลยคิดสั้นโดดสะพานตายเห่าซะให้รู้แล้วรู้แร่ด แต่ก็ไม่ได้ตายสมใจอยาก เพราะดันลอยไปเป็นปลาพะยูนเกยตื้นยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่กลางแม่น้ำฮัน ไอ้จะหาทางออกจากเกาะก็ทำไม่ได้เพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็น ก็เลยต้องจำใจละทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลังและใช้ชีวิตอยู่บนเกาะนั้นไปตามยถากรรม


คนจิตตกสองคนจะมารักกันให้เราได้เห็น
ส่วนแม่สาว คิม (จอง รยอวอน จาก My Boyfriend is Type-B [2005]) นี่ก็จิตตกไม่แพ้กัน เพราะเธอเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปไหนมา 3 ปีแล้ว โดยมีคุณแม่คอยส่งข้าวส่งน้ำอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ กิจวัตรประจำวันของเธอก็คือการสร้างตัวตนปลอมๆ ของเธอขึ้นมาในอินเตอร์เน็ต และการถ่ายรูปดวงจันทร์และโลกภายนอกจากหน้าต่างห้องบนอพาร์ทเม้นท์ของเธอเอง


ดูเหมือนสองคนนี้จะซกมกไปกันได้เลยนะเนี่ย
แล้วสองคนนี้ก็ต้องมาจ๊ะเอ๋กัน เมื่อสาวคิมดันส่องกล้องไปเจ๊อะพ่อคิมกำลังสติแตกบนเกาะอยู่พอดี ด้วยความที่ทั้งคู่เหมือนเป็นคนที่แปลกแยกจากโลก เลยทำให้เธอเริ่มสนใจในตัวเขา หลังจากที่ถ้ำมองเขาอยู่สองสามเดือน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจติดต่อไปยังเขา และทำให้เธอได้ก้าวออกมาจากห้องเป็นครั้งแรกในรอบสามปีด้วย (โอ้ว) มิตรภาพอันแสนแปลกประหลาด แต่ก็น่ารัก น่าประทับใจของหนุ่มสาวชื่อเดียวกันคู่นี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามกันได้ตามยถากรรมเทอญ (อ่าว)

สองคนนี้แฟนหนังเกาหลีคงจะคุ้นหน้ากันดี
คุณ ผกก.แฮ จังลี ทั้งกำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ ที่เหมือนไม่มีอะไร ให้ออกมาน่าสนใจได้ไม่น้อย แม้ดูๆ แล้วจะนึกถึงหนังติดเกาะของป๋า Tom Hanks อย่าง Cast Away (2000) อยู่บ้างก็ตามที แต่ก็ไม่ได้ออกมาน่าเกลียดอะไร เพราะเติมเรื่องราวความรักของคู่หนุ่มสาวผู้โดดเดี่ยวเข้าไปได้อย่างน่ารัก และพระนางยังแสดงกันได้ดีซะด้วย เลยสามารถรับผิดชอบหนังที่แทบจะเล่นกันอยู่กันแค่สองคนตลอดเรื่องได้อย่างดี แม้ว่าช่วงท้ายของหนังจะมาแบบเกาหลี๊เกาหลีไปซะหน่อย และถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้วพระเอกเราก็น่าจะหาทางออกจากเกาะได้ไม่ยากก็ตามที ก็ยังนับว่าดูกันได้เพลินๆ และมีแง่คิดให้ด้วยนะเอ้อ


สาวคนนี้ดังในบ้านเราอยู่พอดู
จะเห็นได้ว่านอกจากชื่อจะเหมือนกันแล้ว พระนางของเรื่องยังเป็นคนที่โดดเดี่ยวและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนๆ กัน เพียงแต่ว่าฝ่ายชายจะโดดเดี่ยวอย่างไม่ตั้งใจ ในขณะที่ฝ่ายหญิงนั้นโดดเดี่ยวตนเองด้วยความตั้งใจ แต่หนังก็แสดงให้เราเห็นว่า สิ่งที่ทำให้เขาเลิกคิดสั้นและสู้ชีวิตอยู่ต่อไป และเธอที่ตัดสินใจก้าวเท้าออกจากห้องในรอบสามปี นั่นก็คือ "ความหวัง" ชีวิตที่ไม่มีความหวังก็คงจะมืดมน ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงก็อย่าได้ละทิ้งความหวังใจอันดีของทั่นลงนะจ้ะ สู้ๆ!

  • น่าดูเพราะ: ดูเพลิน ฮา น่ารัก มีแง่คิด เป็นหนังรักโรแมนติก-คอมเมดี้ที่ดีอีกเรื่องของเกาหลีเขาเลยล่ะ
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังเล่นกันส่วนใหญ่แค่สองคน และมีแต่คนโทรมๆ ซกมกๆ มันไม่ค่อยน่าดูนักหรอกมั้ง





 

Create Date : 27 ธันวาคม 2552    
Last Update : 22 เมษายน 2553 13:00:32 น.
Counter : 9457 Pageviews.  

Time (2006): ศัลยกรรมรักนี้ให้สองเรา


เกาหลีใต้


Time (2006) :
คงจะเป็นที่ทราบกันดีว่าในเกาหลีเขานิยมศัลยกรรมเสริมความงามกันจนเป็นเรื่องปกติวิสัย สาวๆ หนุ่มๆ หน้าตาดีที่เราเห็นในหนังในละครก็ล้วนแต่หล่อ/สวยด้วยมือแพทย์เกือบทั้งนั้น แต่ว่าแทบจะไม่มีหนังเรื่องไหนที่กล่าวถึงเรื่องนี้ในแง่มุมที่จริงจังเลย ยังดีที่เกาหลียังมีคนอย่างผกก. คิม คีดุก อยู่ ซึ่งคอหนังคงจะรู้ๆ กันดีถึงกิตติศัพท์แห่งความเป็นขบถของเขา ที่นิยมทำหนังแรงๆ ดูแล้วชีช้ำปนมึนตึ้บอย่าง Bad Guy (2001), The Isle (2000) ว่าแล้วเฮียเขาก็ขอจับแง่มุมนี้วิพากษ์วิจารณ์ จนออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ในที่สุด


"อยากสวยก็ต้องทนเจ็บ"คือคติประจำใจของสาวเกาหลียุคนี้
แต่ระดับเฮียเขาแล้วจะให้ทำหนังที่เล่าเรื่องออกมาทื่อๆ ก็ยังไงๆ อยู่ ว่าแล้วก็ขอเหยาะความซาดิสม์เข้าไปนิด และความแปลกกับความมึนเข้าไปอีกหน่อย แต่ก็ไม่ชีช้ำเหมือนหนังยุคแรกๆ ของเฮีย ที่สำคัญเฮียเขาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องการศัลยกรรมเสริมความงามของคนเราได้อย่างถึงกึ๋น ตีแสกหน้า จนหน้าแหก ถึงกับต้องหนีไปศัลยกรรมแทบไม่ทันเลยทีเดียว(เอ๊ะ ยังไง?) แต่ถึงกระนั้นหนังก็ไม่ได้ดูยากเย็นอะไรเท่าไหร่ แถมยังเป็นหนังของเฮียที่มีบทพูดเยอะที่สุดระดับต้นๆ ด้วยมั้ง (บางเรื่องของเฮียแทบจะมีบทพูดแบบนับคำได้เลย) นับถือๆ


ถ้าไม่ศัลยกรรมเสริมความงามก็อาจจะไม่ใช่เกาหลีแท้(ปานนั้นเชียว)
เฮียเขาประกาศทัศนคติของตนออกมาโต้งๆ ในหนังเลยว่าไม่เห็นด้วยกับการศัลยกรรมเสริมความงามสำหรับผู้ที่หน้าตาปกติสุขอยู่แล้ว(คือไม่ได้ดูพิกลพิการ) โดยการแสดงให้เห็นถึงตัวละครที่ไม่พอใจกับหน้าตาของตนเองจนไปผ่าตัดแปลงโฉมมา และสุดท้ายก็ต้องสูญเสียตัวตนของเขาไปในที่สุด และแน่นอนว่ามันไม่มีทางที่จะกู้กลับคืนมาได้อีก ยังมีผู้คนมากมายในสังคมที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเป็น ซึ่งเมื่อตกลงไปแล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นจากมัน และเรื่องแบบนี้ก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นวนเวียนครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีที่สิ้นสุดซะด้วยสิครับทั่น


หนังของ ผกก.คนนี้ยังแนวถูกใจโก๋อยู่เช่นเดิม
  • น่าดูเพราะ: หนังของเฮีย คิม คีดุก ย่อมไม่ธรรมดา และจะมีหนังเกาหลีสักกี่เรื่องที่ลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องความนิยมศัลยกรรมเสริมความงามของคนในประเทศเขาแบบนี้บ้างล่ะ น่าสนดีออก
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังออกแนวมึนๆ แปลกๆ หน่อย ไม่ใช่หนังเกาหลีกุ๊กกิ๊ก หวานแหวว ดูสบาย แบบที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคย






 

Create Date : 25 ธันวาคม 2552    
Last Update : 22 เมษายน 2553 13:02:34 น.
Counter : 5735 Pageviews.  

Vengeance (2009): แค้นเขามีไว้ให้ชำระ



ฮ่องกง-ฝรั่งเศส

Vengeance (2009) :
Johnnie To หรือ ตู้ฉีฟง นับเป็น ผกก.หนังอีกคนหนึ่งที่พอจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของฮ่องกง โดยเฉพาะหนังแนวแก๊งสเตอร์ แอ็คชั่นยิงกันสนั่นจอ น้าเขาถนัดนัก แต่ก็ไม่ได้ยิงกันเอามันอย่างเดียว เพราะหนังน้าเขาเปี่ยมไปด้วยสไตล์ บู๊แบบมีคุณภาพ จนคอหนังบู๊ต่างยกย่องให้น้าเขาเป็นมือวางอันดับต้นๆ ของหนังแนวนี้เลยทีเดียว


เรื่องนี้ป๋าแกมาทำเท่เดินถือปืนกร่างที่มาเก๊ากันเลยทีเดียว
มาเรื่องล่าสุดนี้ของน้า ก็ทำให้อินเตอร์ขึ้นมาหน่อย โดยการใช้ดารารุ่นใหญ่ชาวฝรั่งเศส Johnny Hallyday (The Pink Panther 2 [2009]) มาเล่นเป็นพระเอกหน้าแก่(ก็แก่จริง) ตะลุยบู๊กันเถิดเทิงที่ฮ่องกงและมาเก๊า เพื่อแก้แค้นให้ลูกสาวสุดเลิฟที่โดนมือมืดสั่งเก็บยกครัว โดยป๋าเขาได้ว่าจ้างสามมือปืนสุดเก๋ามาช่วยสะสางแค้นครั้งนี้ด้วย และแล้วเรื่องราวบู๊ๆ เท่ๆ เวอร์ๆ สไตล์น้าเขาก็กลับมาพบแฟนๆ อีกครั้งแล้วจ้า


ฉากแอ็คชั่นเด็ดๆ มีให้ชมเพียบ
และอย่างที่แฟนๆ หนังของน้าตู้(ไม่ใช่ดิเรกเน้อ)คุ้นเคยกันดี คือหนังยังคงลายเซ็นของน้าเขาไว้อย่างครบถ้วน อาทิเช่นการใช้บริการดาราขาประจำชุดเดิมๆ ฉากแอ็คชั่นก็พยายามครีเอทกันสุดๆ จนได้ฉากแอ็คชั่นเด็ดๆ มาให้ดูกันบ้าง การนำเสนอที่เปี่ยมสไตล์ทำให้เป็นหนังที่ดูแมนและเท่ซะจริง ไหนจะการได้เห็นเหล่าดาราหนังฮ่องกงที่เคยโด่งดังในอดีตที่ผลัดกันมาขึ้นจอให้เราได้หายคิดถึง แต่เสียดายที่ช่วงท้ายๆ หนังกลับไปไม่ถึงที่สุด การครีเอทฉากบู๊ก็ออกแนวเวอร์ๆ ดูน่าตลกมากกว่าจะเท่ และก็นะ ที่มาเก๊าเนี่ยเขาไม่มีตำรวจเลยหรอ ไล่ยิงกันกลางเมืองซะขนาดนั้น ยังไม่เห็นโผล่หัวมาสักคนเลย เหอๆ


ดูฉากก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ยิงกันหูดับตับไหม้
  • น่าดูเพราะ: ฉากบู๊แจ่ม มีสไตล์ เท่ๆ แมนๆ แฟนๆ หนังน้าตู้ไม่มีผิดหวังแน่
  • ไม่น่าดูเพราะ: บางช่วงดูเว่อร์ๆ ตลกๆ เสียอารมณ์หมด ถ้าไม่ชอบดูหนังบู๊ฮ่องกงพึงหลีกเลี่ยง




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2554 6:35:39 น.
Counter : 2263 Pageviews.  

Chaw (2009): พลิกป่าล่าหมู(ยักษ์)


เกาหลีใต้



Chaw (2009) :
ดูโปสเตอร์ก็คงพอจะเดาได้ว่าหนังหมูป่ายักษ์อาละวาดเรื่องนี้ต้องไม่ใช่หนังซีเรียสแน่ๆ (แม้ในเทรลเลอร์หนังจะพยายามทำออกมาให้ดูเป็นหนังที่ขึงขังจริงจังก็ตามที) ผลงานเรื่องที่สองของ ผกก. Jeong-won Shin (Sisily 2km [2004]) นี้ก็ออกมาแบบฮาได้เรื่องจริงๆ ซะด้วย ด้วยอารมณ์ขันแบบตลกร้ายหน้าตาย ที่กัดจิกนิสัยชอบเปิบพิสดารของคนเกาหลีได้แบบแสบๆ คันๆ การรุกล้ำธรรมชาติของมนุษย์ และยังอุตส่าห์กระทบชิ่งลามไปด่าญี่ปุ่นได้หน้าตาเฉยอีก น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย


ตำรวจเกาหลีมีความสามารถในการลุยป่าไปล่าหมู
เมืองเล็กๆ อันแสนสงบแห่งหนึ่งต้องพบกับปัญหาหนักอกเมื่ออยู่ดีๆ ก็เกิดเหตุฆาตกรรม ที่เหยื่อถูกพบในสภาพเป็นชิ้นๆ ซึ่งสืบไปสืบมาก็พบว่าเป็นฝีมือสัตว์ป่าขนาดใหญ่ และมันคือหมูป่ายักษ์น้ำหนักไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยกิโล! ที่สำคัญคือมันดุและก็หิวมากซะด้วย พวกเขาจึงรวบรวมผู้กล้า(ซึ่งแต่ละคนดูมาดไม่ให้เลยสักคน)ออกปราบเจ้าหมูป่าตัวนี้ก่อนที่มันจะก่ออันตรายแก่ผู้คนและสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวของเมืองนี้ซะก่อน(อ่ะนะ)


โฉมหน้าเหล่าผู้กล้าท้าลุยหมู(ยักษ์)
ถึงไม่ได้เป็นหนังตลกท่าทาง แต่ตลกร้ายของหนังก็ทำได้ดี บทจะแอ็คชั่นตื่นเต้นก็ทำได้น่าลุ้น ส่วนเอฟเฟคท์ตัวหมูป่ายักษ์แม้จะไม่เนียนกิ๊ก แต่ก็ไม่น่าเกลียดอะไร เหล่านักแสดงถึงแม้จะหาหน้าตาดีไม่ค่อยมี แต่ก็ดูตลกเหมาะสมกับหนังดี จริงๆ แล้วประเด็นต่างๆ ในหนังเนี่ย คิดๆ แล้วก็ขำไม่ค่อยออกเลย เพราะถ้ามนุษย์ไม่รุกรานป่า ทำลายสมดุลของธรรมชาติ สัตว์ป่าก็คงไม่ไปรุกรานมนุษย์คืนเช่นกันแบบนี้หรอกเนอะ

*ปล. คิดว่าถ้าดูหนังในเวอร์ชั่นพากษ์ไทยโดยพันธมิตรจะทำให้ตลกขึ้นไปอีก 50% แน่นอน*


อ้าว วิ่งหูตูบหนีอะไรกันมาล่ะจ้ะนั่น?
  • น่าดูเพราะ: ตลกร้าย กัดจิกได้แสบๆ คันๆ แต่บทจะบู๊ก็ทำได้ลุ้นดี ดูได้เพลินๆ ครับ
  • ไม่น่าดูเพราะ: ไม่ใช่หนังสัตว์ฆ่าคนที่ซีเรียส(อย่างที่เทรลเลอร์พยายามทำให้คิดเช่นนั้น) และตลกร้ายแบบนี้อาจไม่ตลกสำหรับบางคนก็ได้




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2552    
Last Update : 22 เมษายน 2553 13:06:25 น.
Counter : 3182 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.