Group Blog
 
All blogs
 
มุกหากินของหนังสยองขวัญ


เคยดูหนังประมาณนี้ใช่ไหม? สาวสวยคนหนึ่งอยู่บ้านคนเดียว เธอได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากห้องใต้ถุนและลงไปสืบหาต้นตอ จังหวะดนดรีตื่นเต้นขื้นเมื่อเธอมองไปรอบๆ มีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว และ เฮ้อ.. ค่อยยังชั่วหน่อย! มันเป็นแค่แมว แต่ที่กำลังซุ่มอยู่ข้างหลังเธอ เราเห็นชายสวมหน้ากากมือถือมีดพร้าด้ามเบ้อเริ่ม เธอหวีดร้องและวิ่งออกไปข้างนอกเข้าไปในป่าที่อยู่ใกล้ๆ ตอนแรกก็หนีไปได้ไกลแล้วแต่ก็สะดุดล้มลง ทำให้ฆารกรมีเวลามากพอที่จะจับเธอเจี๋ยนเป็นชิ้นๆได้ หลายๆ เรื่องมักจะมามุกประมาณนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะหนังสยองคลาสสิคหรือหนังรีเม็คห่วยๆ ก็ตาม เราจึงได้รวบรวมบรรดามุกสุดฮิตของบรรดาหนังสยองมาจำนวนหนึ่งให้อ่านกันสนุกๆ ครับ




1. รักสนุกจะทุกข์ถนัด
คิดว่าหนังสยองจะมีแต่แค่เลือด, ความแหวะและความระทึกขวัญแค่นั้นหรอ? คิดใหม่ได้เลย เพราะหนังประเภทนี้ยังแฝงคำเตือนเกี่ยวกับการต่อต้านการมีเซ็กซ์นอกสมรส ยาเสพติดและเหล้าไว้ด้วย ใครก็ตามที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอบายมุขเหล่านี้มักจบลงด้วยการถูกเจี๋ยนซะทุกรายไป ในขณะที่สาวทึนทึกเจ้าระเบียบมักจะรอดชีวิตไปมีเซ็กซ์ในภายหลังได้ จะว่าไปแล้วเจ๊ระเบียบรัตน์น่าจะเป็นแฟนหนังสยองขวัญตัวยงเลยนะเนี่ย



2. ฉายเดี่ยว เสียวสุดๆ
คำถาม: ถ้ามีเสียงแปลกๆ อันไม่ชอบมาพากลแว่วมาจากมุมมืดของห้องใต้ดิน ห้องใต้หลังคาอันมืดมิดหรือไม่ก็สวนหลังบ้านที่มืดตื๋อคุณจะทำยังไง? ถ้าคุณอยู่ในหนังสยองขวัญล่ะก็ คุณจะออกไปดูด้วยตัวคุณเองและแน่นอน อย่าลืมคว้าเอาไม้เบสบอลไปด้วยเสมอล่ะ(อาวุธที่เจ๋งที่สุดสำหรับต่อกรกับฆาตกรสุดโหด!) และในกรณีที่ฆาตกรยังไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน คุณจะตะโกนออกไปว่า"มีใครอยู่ตรงนั้นไหม?" เพราะเขาจะต้องตอบมาอย่างแน่นอนว่า "นี่ผมเอง ฆาตกรอันแสนเป็นมิตรของคุณไงคร้าบ!"



3. มีหนังสยองขวัญกี่เรื่องที่ตัวละครคิดจะเปลี่ยนหลอดไฟบ้างไหม?
ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น เสียงแปลกๆ ในห้องใต้ดินหรือห้องใต้หลังคา เหยื่อแสนบื้อของเราจะต้องสำรวจอย่างเสียไม่ได้ แต่อนิจจาสวิทช์ไฟดันไม่ทำงาน หรือว่าฆาตกรจะตัดไฟฟ้าหรือบางคนจะเปลี่ยนหลอดไฟนะ? ดีที่เผอิญพวกเขาเจอไฟฉายพอดีเลย! ไม่ก็ถ้ามีสไตล์หน่อยล่ะก็เจอเทียนก็ได้อ่ะ



4. ใครอยู่นั่นอ่ะ! ไม่ใช่นี่หว่า แค่แมวเองนี่.
ขณะที่ตัวละครชนิดที่เรียกว่า"กำลังจะกลายเป็นเหยื่อ"ของเรากำลังคลำทางอยู่ในความมืดนั้น พวกนั้น(และพวกเรา) มักหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะหลอนสุดๆ ไปกับอาณาจักรของบรรดาสิงสาราสัตว์ โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นแมวแต่บางทีอาจจะเป็นตัวแร็คคูนไม่ก็งู แต่ถ้าแมวร้องเหมียวในช่วงที่ 1 ก็มักจะเป็นพันธะว่าแมวตัวนั้นจะต้องกลายเป็นศพในช่วงที่ 3 ถูกฆ่าโดยฆาตกรที่ซุ่มอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด. ถ้าสัตว์เลี้ยงพวกนั้นพูดได้ล่ะก็ มันคงจะบอกเราว่าเจ้าของๆ พวกมันนั้นปัญญาอ่อนมากแค่ไหน



5."มันคงจะเป็นแค่เสียงลมน่ะ."
นี่เป็นการวิงวอนต่อนักเขียนบทในฮอลลีวู้ดว่า 'ได้โปรดอย่าพิมพ์ประโยคนี้อีกเล๊ยย' จริงๆ นะ ใครเขาจะพูดแบบนั้นกัน? เราถึงได้ยินมันครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงเวลาที่เหยื่อ(ส่วนใหญ่จะอยู่ในกระท่อมไม้ในป่า)ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากทางโน้น และรู้อะไรไหม มันไม่ใช่ลมสักหน่อย ด้วยประการฉะนี้คุณ เอ็ม ไนท์ ไชยมาลัน เลยเอามุขนี้มาใช้ดุ่ยๆ ใน 'The Happening'(2008) มันซะเลย ด้วยความจริงที่ว่าเป็นสายลมต่างหากที่ฆ่าผู้คน แถมเป็นสายลมที่หัวเสียสุดๆ ซะด้วยสิ




6. รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย
ประโยคนี้พูดกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครในหนังสยองขวัญรู้จักประโยคนี้สักคน บรรดาเหยื่อพากันแยกทางกันไปเสมอ ไม่ว่าจะไปหาเพื่อนที่หายไปหรือไม่ก็ไปหาทางออก และเป็นกรณีพิเศษถ้าพวกเขาเป็นสาวอื๋มและโง่ ลองคิดดูสิ เพื่อนๆ ของแอช ทุกคนในเรื่อง 'The Evil Dead' (1981) คงไม่ตายกันหมดหรอกถ้าพวกเขาอยู่ด้วยกันตลอด




7. ว่าด้วยเรื่องของโทรศัพท์ในหนัง
ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ฆาตกรในหนังสยองขวัญชำนาญเป็นพิเศษก็คงจะเป็น การวางแผนล่วงหน้า พวกเขารู้ว่าบรรดาเหยื่อของพวกเขาจะต้องพยายามที่จะโทรขอความช่วยเหลือในทันทีที่เริ่มสติแตก ด้วยเหตุนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นช่วงเวลาที่หนึ่งในพวกเขายกหูโทรศัพท์เพื่อที่จะพบว่า..ใครบางคนตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว! ทำได้ดีมากคุณพี่ โชคดีไปนะที่ไม่มีใครสักคนที่มีมือถือ หรืออย่างน้อยก็มีปัญหาเรื่องสัญญาณมือถือ ถึงตอนนั้นคุณคงต้องคิดถึงพนักงานขององค์การโทรศัพท์ที่สุดเลยเป็นแน่




8."เดี๋ยวฉันกลับมานะ." ซะเมื่อไหร่ล่ะ!
เป็นการบอกใบ้ที่แจ่มแจ้งแดงแจ๋ที่สุดเลยเมื่อมีใครสักคนพูดคำว่า "เดี๋ยวฉันกลับมานะ" มักจะไม่ได้กลับมา อันที่จริงแล้ว ภายในห้านาที เขาจะนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ถูกประตูโรงรถทับซะเละตุ้มเป๊ะ ถูกขวานตัดอวัยวะบางส่วนออกในห้องน้ำ และถ้าคุณบอกคนอื่นว่า "อยู่นี่แหล่ะนะ" ก็เท่ากับการออกคำสั่งให้พวกเขา"นั่งนิ่งๆ แล้วรอให้ไอ้โรคจิตที่มีตะขอที่มือมาทำให้ให้นายกลายสภาพเป็นเนื้อสะเต๊ะซะดีๆ"




9.เงาในกระจก (ห้องน้ำ)
นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่คาดเดาได้ง่ายที่สุดแต่ก็ได้ผลชะงัดนัก จึงไม่แปลกใจเลยว่ากว่า 86% ของหนังสยองจะต้องเอามุกนี้มาใช้ ตัวละครหลักหรือไม่ก็คนที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อ อยู่ในห้องน้ำ ล้างหน้าของหล่อนหรือไม่ก็แปรงฟันอยู่ หล่อนมองไปที่อื่นแว่บหนึ่งแล้วก็มองกลับไปที่กระจกที่กำลังสะท้อนเงาของใครบางคน(หรือบางอย่าง) ที่น่าสยดสยองอยู่ข้างหลังพวกเขา ต่อจากนั้นก็ถึงคิวต้องกรี๊ดแล้วล่ะครับพี่น้อง




10. พวกผีเนี่ย ไฮเทคกันดีจัง
รู้มั้ยอะไรที่เจ๋ง? เทคโนโลยีไง จริงๆ นะ แม้แต่ผีก็ชอบมัน อันที่จริงแล้วพวกมันสิงสู่อยู่ในมือถือ, เว็บไซต์ แม้แต่วีดีโอเทป(เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้คนเขาดูแต่ดีวีดีกันแล้ว อิอิ) บางครั้งบางคราวก็โทรไปหาเหยื่อผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้รู้ตัวว่าโทรศัพท์ของพวกเขาจะทำร้ายพวกเขาเอง หรือไม่ก็ปีนป่ายออกมาจากจอทีวีอย่างน่าอัศจรรย์เพื่อที่จะทำให้ชาวบ้านขาดใจ อย่างน้อยพวกที่อยู่หลังเขาก็ปลอดภัยจากพวกผีไฮเทคล่ะเนอะ




11. ความขัดข้องของเครื่องยนต์
โอ้ ขอบคุณสวรรค์! คนที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อหนีไปที่รถของเขาหรือเธอได้ คว้ากุญแจมาเปิดประตู(หลังจากมือสั่นเสียบหล่น เสียบหล่นไป 3-4 ที) สตาร์ทเครื่องยนต์..และดันสตาร์ทไม่ติดครั้งแล้วครั้งเล่า โอ้ย แม่เจ้า-- ฆาตกรใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่เครื่องยนต์นี่สตาร์ทไม่ติดสักที! ฆาตกรใกล้เข้ามา..ใกล้เข้ามา..และตอนนี้เขาอยู่ที่ประตูแล้ว กำลังยื่นมือมาเปิดประตูรถ(ไม่ก็ดีกว่านั้นหน่อย คือทุบหน้าต่างรถแตก) และ.. สำเร็จแล้ว! รถสตาร์ทติด รีบออกรถหนีไปเร็ว แต่โดยปกติแล้วไอ้โรคจิตมักจะกระโดดเกาะหลังคาหรือเกาะกันชนไปด้วยไม่ใช่เหรอ?




12. ดนตรีแสนเร่งจังหวะ
หัวใจของคุณจะรู้ได้แม่นเลยว่าจะเริ่มฉากระทึกเมื่อไหร่ในเรื่อง นั่นก็เพราะว่าเสียงดนตรีมันฟ้องอยู่ เมื่อจังหวะกระชั้นขึ้น การเต้นของหัวใจของคุณก็เช่นกัน มันเป็นเคล็ดลับที่เก่าแก่ที่สุดในวงการหนัง แย่เลยที่บรรดาเหยื่อทั้งหลายคงไม่ได้ยินเสียงดนตรีประกอบหนังเหมือนพวกเรา




13. พ่อแม่ไม่เข้าใจฉัน
ไบเบิ้ลสอนว่าเด็กๆ มักจะพูดความจริง แต่ผู้สร้างหนังสยองขวัญต้องไม่ได้อ่านไบเบิ้ลแน่ หลายครั้ง มีแค่เด็กๆ ที่เห็นเฟอร์นิเจอร์บินว่อนไปมาและคุยกับคนตาย และไม่ว่าพวกเขาจะพยายามอธิบายแก่พ่อแม่มากแค่ไหนผู้ปกครองของพวกเขาจะเชื่อพวกเขาไหม? ไม่.. มันเป็นแค่จินตนาการของเด็กๆน่า โง่สิ้นดี! พวกผู้ใหญ่มักจะเชื่อว่าเป็นความจริงเมื่อมันสายเกินไปแล้ว--แต่สำหรับเด็กๆ มันไม่เคยสายเกินไปที่จะพูดว่า "เห็นมะหนูบอกแล้ว"




14. พี่ดำตายก่อนเสมอ
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีตัวละครผิวดำในหนังสยองขวัญ-- เขามักจะเป็นคนสนุกสนานหรือไม่ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง-- ดูเขาให้ดีๆ และก็บอกลาได้เลย เพราะไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อฆาตกรปรากฏตัว เพื่อนผิวสีของเรามักเป็นรายแรกที่เจอดี เราจะไม่มานั่งใคร่ครวญว่าทำไม แน่ทีเดียว คนดำยังถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ตายอย่างกล้าหาญ.. และตายแบบไม่ธรรมดาอยู่เสมอ




15. อยู่ต่ออีกหน่อยก็ได้น่า..
ไม่ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายแค่ไหนเกิดขึ้นในหนังสยองขวัญ ไม่ว่าจะในบ้านผีสิง หรือ เมืองอันน่าขนลุก คนที่อยุ่ในนั้นก็ไม่ยอมไปไหน ไม่ว่าชาวบ้านจะเพิ่งตายไป ตัวประหลาดกลายพันธุ์ตะลอนอยู่ถามถนน กำแพงมีเลือดไหลออกมา..ไม่มีปัญหา! พวกเขาจะอยู่ต่อและไปจนไปเจอต้นตอของปัญหาอยู่เสมอ แน่นอน ถ้าตัวละครในหนังสยองขวัญเอาใจใส่ในคำแนะนำของเราบ้างและออกไปซะจากที่นั่น หนังคงจะสั้นกว่าละครทีวีซะอีกมั้ง




15. ฆ่าฉันเลย...ฆ่าอีกทีก็ยังได้
ฆาตกรไม่มีทางตาย อย่างน้อยก็ในภาคแรกล่ะเอ้า ตัวอย่างเช่น เกลน โคลส ที่เพิ่งจมน้ำไป อยู่ๆ ก็โผล่ออกมาจากอ่างน้ำใน'Fatal Attaction' (1987) ออเดรย์ที่ 2 แสยะยิ้มในตอนจบของ 'Little Shop of Horrors' (1986) หรือไม่ก็ ไมเคิล ไมเออร์ส ในตอนไหนก็ได้ของ 'Halloween' แม้ว่าหัวใจของพวกเขาจะหยุดเต้นไปแล้วและตายจนตัวแข็งทื่อไปแล้วก็ตาม ตัวโกงผู้น่ารำคาญเหล่านั้นหาทางกลับมาเจี๋ยนพ่อแม่พี่น้องได้อีกเสมอ--ก็มันแค้นนี่นา




17 ฆาตกรจอมอืดอาด
เหล่าตัวโกงในหนังสยองขวัญอาจจะตัวใหญ่บึ้ม แข็งแรงดูราวกับว่าฆ่าไม่มีทางตายแต่ถ้ามีบางอย่างที่ไม่ค่อยเข้าท่านั่นคือฝีเท้าของพวกเขานั่นเอง พวกตัวร้ายเหล่านี้ดูเหมือนว่าไม่เคยวิ่งไล่เหยื่อของพวกเขาเลย(หรือแม้แต่จะเดินเร็วๆ ก็ตาม) กลับเดินทอดน่องอย่างสบายใจตามเหยื่อไปเหมือนนักกอล์ฟเดินเล่นในสนามกอล์ฟ แต่แน่นอนพวกเขาได้ตัวของพวกเหยื่อเสมอต้องขอบคุณสิ่งที่ทำให้พวกเหยื่อสะดุดล้มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือไม่ก็ความสามารถอันอัศจรรย์ของพวกเขาที่สามารถอยู่สองที่ในเวลาเดียวกันได้




18. สาวๆ ห่วงสวย หนุ่มๆ เลยซวย
หนังสัตว์ประหลาด/หนังเฉือดนิ่มๆ มักมีฉากไล่ล่าคนหนุ่มสาว ทั้งคู่วิ่งหนีด้วยความกลัวเข้าไปในป่า เราไม่ได้พูดถึงความเร็วในการวิ่งระดับดาวรุ่งกรีฑาโอลิมปิคหรืออะไรอย่างอื่น แต่ที่จริงแล้วมันยากสำหรับสาวๆ ที่จะวิ่งมากกว่าสองสามก้าวโดยไม่ได้สะดุดอะไรล้มลงไป แล้วพลอยทำให้หนุ่มๆ ต้องหยุดช่วยเธอในช่วงเวลานั้นด้วย แน่นอน มันคงจะช่วยได้มากถ้าเธอถอดรองเท้าส้นสูงอันไม่มีประโยชน์ทิ้งเสีย--เพราะแฟชั่นคงไม่ใช่เรื่องแรกที่ต้องคำนึงถึงแล้วสำหรับการ เอ่อ..เอาชีวิตรอด




19. คุณตำรวจครับ หายหัวไปไหนกันหมด?
บางครั้งเหยื่อไปถึงโทรศัพท์ได้ก่อนสายถูกตัด และพวกเขาแม้แต่ติดต่อตำรวจได้ด้วย จากนั้นล่ะ พวกตำรวจก็.. ก)ค่อยๆ นวยนาดมายังที่เกิดเหตุ แถมจะยังมาไม่ถึงจนกระทั่งฆาตกรไปซะแล้ว โดยทิ้งบ้านที่เต็มไปด้วยศพของบรรดาเป้าหมายไว้ให้ดูต่างหน้าอีกด้วย หรือ ข) มา แต่ไม่พบอะไรผิดปกติและจากไปด้วยการตักเตือนว่า"อย่าให้ลูกๆ ของพวกคุณทำให้เราเสียเวลาอีกจะดีกว่า" ถ้าพวกโรคจิตจอมโหด จะถูกดึงดูดใจให้ไปที่ร้านโดนัทบ้างก็ดีเนอะ




20.เรื่องนี้ 'ชมรมคนรักปืน' ไม่มีเอี่ยว
หนังเชือดนิ่มๆ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องของกลุ่มคนโรคจิต พวกนั้นอยากจะฆาตรกรรมเหยื่อของพวกนั้นอย่างเลือดเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังแก้แค้นคนที่ทำความผิดแก่ตนไว้ (ดู 'I Know What You Did Last Summer'(1997)เป็นตัวอย่าง) พวกนั้นแค่ไปที่ร้านขายปืนแถวบ้าน เลือกปืนสักกระบอกและก็เริ่มยิงๆๆ ก็ได้ แต่อย่างที่เรารู้กัน ใช้ปืนมันอาจจะง่ายเกินไป พวกนั้นเลยสนใจอาวุธที่มันไม่ธรรมดาขึ้นมาหน่อย เช่นมีดพร้า ตะขอ เลื่อยไฟฟ้า(แว๊ก!) . พวกนั้นไม่มีความปราณีบ้างเลยหรือไงเนี่ย?



21. คนแปลกหน้าใจอารีย์
คนแปลกหน้าดูเหมือนว่าจะช่วยเหลืออะไรได้เป็นอย่างดี ถูกมั้ย? ผิด ดูอย่างที่ เจเน็ท ลีห์ ผู้น่าสงสารเจอเข้าในหนังเรื่อง 'Psycho'(1960) สิ นอร์แมน เบทส์ ไม่ใช่คนดีจริงๆ หรอก หรือไม่ก็อย่าง โรสแมรี่ เจอกับเพื่อนบ้านที่คอยเอาใจเกินเหตุใน 'Rosemary's Baby' (1968) กับคนแปลกหน้าแล้ว กฏก็ง่ายๆ คือ ยิ่งพวกนั้นดีกับเราเท่าไหร่ พวกนั้นยิ่งอยากทำร้ายเรามากเท่านั้น




22. วิ่งหนีไปซะ! ไม่ เดี๋ยว วิ่งกลับเข้ามาข้างในก่อน!
คำถาม: คุณถูกสะกดรอยตามโดยพวกจิตวิปลาสที่ชอบฆ่าคน อยู่ในบ้านร้างหรือไม่ก็ในห้องพักในโรงแรมอันน่ากลัว หลังจากสติแตกอยู่พักหนึ่ง คุณก็ออกไปข้างนอกได้ คุณจะ.. ก) รีบไปที่ถนนแล้ววิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต หรือ ข) หันหลังกลับและรีบกลับเข้าไปข้างในยังที่ๆ "ปลอดภัย"? ถ้าคุณเป็นคนปกติ คุณจะเลือก "ก." แต่ถ้าคุณอยู่ในหนังสยองขวัญ คุณจะเลือก "ข." และก็อย่าลืมล็อคประตูห้องด้วยล่ะ! นั่นทำให้พวกฆาตกรเข้ามาทำอะไรไม่ได้นะจะบอกให้




23. ไม่ใช่แค่เพียงจินตนาการของพวกเขาหรอก
พึงระวังเพื่อนที่มองไม่เห็นในโลกนี้ให้ดี ถ้าเด็กๆ มีเพื่อนใน"จินตนาการ" ล่ะก็ คุณพนันได้เลยว่า หนูคนนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติเข้าแล้ว อาจมีเรื่องน่ากลัวและหรือมีการฆ่ากันตายเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ ถ้าที่แท้พวกนั้นไม่ใช่ตัวการที่ทำเรื่องพวกนั้นเองล่ะก็ อย่างน้อยพวกนั้นก็อาจมีส่วนในการกระตุ้นให้เด็กๆ ทำเรื่องไม่ดีก็ได้




24. เด็กก็โหดได้ในหนัง
เด็กๆ ควรจะต้องดูน่ารัก ไม่น่ากลัว แต่สาวน้อยในเรื่อง 'The Ring'(2002) เรามองไปที่หนูแล้ว....มันทำให้เรากลัวหัวหดจริงๆ! และแม้แต่เด็กๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กดีอย่าง--แดเมี่ยนในเรื่อง 'The Omen'(1976) แมคคัลเลย์ คัลกิ้นในเรื่อง 'The Good Son'(1993) สาวน้อยผมทองที่ไว้ผมเปียในเรื่อง 'The Bad Seed'(1956)-- กลับกลายเป็นว่าชั่วร้ายสุดๆ ไปเลย นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการฆ่าคนเลยนะเนี่ย




25. อะไรแจ่มแจ้งปานนั้น?
แน่นอนว่าคนที่ดูน่ากลัวคือฆาตกร เขาเพิ่งออกมาจากคุก..เพื่อจะฆาตรกรรม และนั่นก็แค่สิ่งที่มือเขียนบทต้องการให้บรรดาตัวละครในหนัง-- และบรรดาคนดู--ให้คิดอย่างนั้นจนกระทั่งมาถึงค่อนเรื่อง กลายเป็นว่าผู้ต้องสงสัยรายนั้นกลับถูกพบกลายเป็นศพถูก เชือด/รัดคอ/แช่แข็ง และบางครั้งกลายเป็นว่าหมอนั่นพยายามจะช่วยให้คนอื่นหนีรอดจากฆาตกรตัวจริงด้วยอีกต่างหาก




26.ศพไอ้ตัวร้ายย่องหายไปซะแล้ว.
ในหนังสยองขวัญเกือบจะทุกเรื่อง จะมีช่วงเวลาที่ปรากฏว่าฆาตกรโดนยิง ถูกแทง ถูกทับ ถูกโยนออกไปทางหน้าต่าง หรืออะไรอย่างอื่นที่ทำให้ตายได้ ภาพตัดไปที่บรรดาตัวเอกที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก พยุงเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บ อะไรก็แล้วแต่ พอตัดกลับไปที่นักฆ่าอีกทีเพื่อให้แน่ใจว่ามันตายแล้วและ...จ๊ากกก!? มันหายไปแล้ว! ตัวร้ายที่น่ารำคาญพวกนั้น ดูเหมือนจะมีชีวิตมากว่าแมวเก้าชีวิตซะอีก แถมชอบที่จะย่องจากไปแบบเงียบๆ-- เพื่อให้แน่ใจว่าอาจเป็นไปได้ที่จะมีภาคต่อออกมาอีก อ่ะนะ


  • นำมาจากบทความชื่อ Horror Movie Cliches จากเว็บ moviefone.com



Create Date : 22 มิถุนายน 2552
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 18:15:19 น. 1 comments
Counter : 2194 Pageviews.

 
ที่อ่านมา เบื่อมุกสุดท้ายมากที่สุด ดูแล้วติงต็องตั้งแต่สมัยที่มันยังออริจินัลด้วยซ้ำ


โดย: bluejazz7 IP: 125.27.70.243 วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:17:33:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.