Group Blog
 
All blogs
 
Toy Story 3 (2010): สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า...ของเล่น


Toy Story 3 (2010) :
ทิ้งช่วงจากภาคที่แล้วถึง 11 ปีเชียว สำหรับอนิเมชั่นสุดคลาสสิคซีรี่ส์นี้ ซึ่งก็ทำเงินระเบิดระเบ้อทุบสถิติต่างๆ ไปทั่ว (ตอนนี้กวาดเงินไปทั่วโลกกว่า 920 ล้านเหรียญแล้ว) ส่วนพี่ไทยเราถึงจะฉายช้ากว่าที่อเมริกากว่าสองสามเดือนแต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะบรรดาผู้ปกครองก็ยังแห่พากันจูงลูกจูงหลานไปดูกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเชียว เห็นแบบนี้ก็น่าชื่นใจแทน Pixar ซะจริงหนอ


บรรดาตัวละครอันแสนคุ้นเคยกลับมา(เกือบ)จะพร้อมหน้ากันเชียว
มาคราวนี้พลพรรคของเล่นเราต้องมีอันได้ผจญภัยกันอีกครั้งเมื่อ Andy เจ้าของสุดรักโตจนอายุ 17 ขวบ จะย้ายไปอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว และก็เตรียมเก็บของเล่นเหล่านี้ไปไว้ห้องใต้เพดาน(ยกเว้น Woody ที่ได้ตามไปมหาวิทยาลัยด้วย) แต่ด้วยความเข้าใจผิดบางประการทำให้พวกที่เหลือต้องถูกบริจาคให้ไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กแทนซะงั้น ซึ่งดูเผินๆ แล้วก็น่าอยู่ดีหรอกนะ แต่จริงๆ แล้วที่นี่ก็คือ "คุกมฤตยู"สำหรับของเล่นดีๆ นี่เอง ร้อนถึง Woody เราต้องตามไปช่วยบรรดาเพื่อนซี้ของเขากลับมาบ้านให้ทันก่อนที่ Andy จะไปมหาวิทยาลัยให้ได้เอย

คราวนี้ได้มาผจญภัยกันที่สถานรับเลี้ยงเด็ก
และแล้ว Pixar ก็สามารถพาเสน่ห์อันแสนคุ้นเคยของเหล่าของเล่นตัวจ้อยนี้กลับมาได้เป็นอย่างดีอีกครั้ง เพราะนอกจากหนังจะดูสนุกแล้วยังแสนประทับใจอีกด้วย เหมือนอย่างที่ทางผู้สร้างย้ำนักย้ำหนาว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องราวที่จะเล่ามากกว่างานด้านเทคนิค กระนั้นงานด้านภาพก็อยู่ในระดับเต้ยอยู่แล้ว ถึงพวกเขาจะตั้งใจสร้างออกมาเป็นแบบ 3D แต่ถ้าดูในแบบ 2D ธรรมดาๆ ก็ยังดูได้ดูดีอยู่นั่นแล แถมยังมีเหล่าตัวละครใหม่ๆ ที่มีเสน่ห์สมทบเข้ามาอีก เลยเป็นอะไรที่ดูเพลิดเพลินจริงๆ เชียว (แค่เห็นตุ๊กตาเจ้า Totoro จากอนิเมชั่นของ Ghibli อย่าง My Neighbor Totoro (1988) โผล่มาร่วมแจมแว๊บๆ คออนิเมชั่นก็ยิ้มแทบไม่หุบกันแล้ว)

Andy โตจนจะเข้ามหาวิทยาลัยซะแล้ว
รอบที่ดูเป็นรอบที่บรรดาผู้ปกครองพาลูกหลานมาดูกันเต็มโรง การที่ได้ยินเสียงเด็กๆ พากันหัวเราะอย่างมีความสุขไปกับเรื่องราวในหนังก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ในขณะที่บรรดาคนดูที่โตมา(หรืออาจจะแก่มา)กับหนังชุดนี้อย่างเราๆ ท่านๆ ก็ยังดูสนุกและประทับใจได้อีก เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่างดูได้ดูดีทั้งนั้น จึงถือว่านี่เป็นการส่งท้ายอย่างงดงามสำหรับไตรภาคหนังชุดนี้ ที่งานนี้แฟนๆ อาจมีน้ำตาริน แต่ไม่ใช่เพราะโศกเศร้าเสียใจอะไรหากเป็นเพราะเต็มตื้นไปกับเรื่องราวของเหล่าของเล่นตัวน้อยที่พวกเขารักต่างหาก (ปล.หวังว่าคงไม่แถสร้างภาคต่อออกมาหาเงินเข้ากระเป๋าอีกแบบในรายของ Shrek ก็แล้วกันเน้อ เหอๆ)
  • น่าดูเพราะ: Pixar ไม่ทำให้ผิดหวังอีกแล้ว ถือว่าเป็นการปิดท้ายไตรภาคอย่างงดงามในแบบที่แฟนเก่าแฟนใหม่คงเป็นปลื้มกันแน่ เป็นอนิเมชั่นสำหรับคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ
  • ไม่น่าดูเพราะ: ถ้าไม่ชอบอนิเมชั่นต่อให้ทำดีแค่ไหน ก็คงไม่ทำให้อยากดูขึ้นมาหรอก สำหรับคนที่คิดว่า การ์ตูนเป็นแค่เรื่องไร้สาระสำหรับเด็กๆ เท่านั้น




*ช่วงเพลงในหนัง*
Randy Newman เจ้าเก่ามาอีกแล้วจ้า
ในด้านเพลงประกอบ ภาคนี้ก็ยังได้ Randy Newman เจ้าเก่ามาดูแลเช่นเดิม ซึ่งนอกจากจะมีเพลงคลาสสิคอย่าง You've Got a Friend in Me ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมให้ฟังกันแล้ว ยังมีเวอร์ชั่นสแปนิชของวง Gipsy Kings มาให้ฟังกันอีกด้วย ซึ่งก็ฟังเก๋น่ารักไปอีกแบบเชียว ว่าแล้วเราก็เลยขอนำทั้งสองเวอร์ชั่นมาให้ฟังเป็นการส่งท้ายไตรภาคนี้กันซะเลยจ้า




Create Date : 14 สิงหาคม 2553
Last Update : 14 สิงหาคม 2553 19:55:09 น. 3 comments
Counter : 1577 Pageviews.

 
Gipsy Kings - You've Got a Friend in Me (para Buzz Español) เพราะดีเหมือนกันค่ะ
- ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้เลยว่าจะดูเหมือนกัน แต่วันนี้ตัดสินใจดูดิเอ็กซเป็นดิเบิ้ลส์ก่อน อิอิ
- Jean-Claude Van Damme ไม่ได้เล่นสงสัยป๋าอาร์โนลแกลืมส่งบัตรเชิญไปหารึเปล่า เลยมาไม่ครบเลย อิอิ


โดย: Gwangie วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:19:13:21 น.  

 
เพิ่งดูจบ ยอดเยี่ยมครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:23:32:22 น.  

 
ดูเป็นภาคนี้เป็นภาคแรก เพราะคิดว่าตัวการ์ตูนมันไม่น่ารัก :P แต่ดูจบแล้วชอบมากกกเลยค่ะ ซึ้งตอนจบมากๆ เลย


โดย: CyberAngel วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:19:01:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.