เยอรมันนีThe White Ribbon (2009) : คุณลุง Michael Haneke ผกก.ขวัญใจคอหนังอาร์ต ผู้เคยทำเก๋โดยการเอาหนังเรื่อง Funny Game (1997) ของตนมารีเมคเป็นเวอร์ชั่นมะกันในปี 2008 เองซะเลย และผลงานเรื่องล่าสุดของเขานี้ก็สามารถซิวรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังคานส์มาได้สำเร็จ โอ้ว! ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นะเนี่ยคุณลุง
เป็นเด็กเยอรมันสมัยนั้นมันไม่ใช่เรื่องสนุกเอาซะเลย แกพาย้อนยุคไปช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในภาคเหนือของเยอรมัน ที่ชาวบ้านก็อยู่กันอย่างสงบสุข ทำไร่ทำนาไปตามเรื่อง แต่แล้วก็เริ่มมีเรื่องราวร้ายๆ แปลกๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง ซึ่งก็จับมือใครดมก็ไม่ได้ และมันได้ทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พร้อมๆ กับการปะทุขึ้นของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในเวลาต่อมา
หนังทำออกมาได้ดูย้อนยุคดีจริงๆ
คุณลุงเลือกที่จะทำเป็นหนังขาวดำ ซึ่งเข้ากับเรื่องราวย้อนยุคเช่นนี้ดีนักแล งานด้านโปรดักชั่นก็ดีเยี่ยม เพราะหนังดูโบราณน่าเชื่อถือดีจัง ส่วนนักแสดงก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี โดยเฉพาะเหล่าเด็กๆ ที่เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติในเรื่องราวที่ซีเครียดแบบนี้ แน่นอนที่หนังมีประเด็นและอะไรๆ หลายๆ อย่าง ให้นักดูหนังได้วิเคราะห์ ตีความกันเถิดเทิงแน่ แต่สำหรับคอหนังบ้านๆ อย่างเราๆ ท่านๆ อาจจะพบว่าหนังช่าง นิ่ง เอื่อยและน่าเบื่อซะเสียนี่กระไร ไหนจะพิมพ์นิยมของหนังอาร์ตที่มักจะ "จบแบบไม่จบ"อีกล่ะ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกถ้าหนังเรื่องนี้จะมีบางคนที่ซูฮกสุดๆ และบางคนที่เกลียดสุดๆ นะจะบอกให้
หนทางของอนาคตของชาติทอดยาวสู่สงครามโลกครั้งที่สองแล้ว
สิ่งที่น่าคิดอย่างหนึ่งในหนังก็คือการพูดถึงเด็กๆ และเกี่ยวกับวิถีของชาวเยอรมันในยุคนั้น ซึ่งเป็นสังคมที่เคร่งครัด อยู่ในกฏระเบียบ ชวนอึดอัด พวกเขาจึงเก็บกด กดดัน เหมือนระเบิดลูกเล็กๆ ที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ซึ่งดูแล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่มันจะหล่อหลอมให้เด็กในยุคนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นนาซีในสงครามโลกครั้งที่สองไปในที่สุด
- น่าดูเพราะ: เป็นหนังคุณภาพสำหรับคอหนังอาร์ต ที่มีอะไรรอการตีความจากท่านอยู่เพียบแน่ ลุง Michael Haneke และรางวัลปาล์มทองคำรับประกันคุณภาพเลยจ้า
- ไม่น่าดูเพราะ: สำหรับคอหนังทั่วไปจะพบว่าช่างเป็นหนังน่าเบื่อและชวนง่วงเสียนี่กระไร
เอิ่ม ขอรีวิวหนังที่ใบปิดข้างๆได้มั๊ย No Country For Old Hen อ่ะจ่ะ
ท่าทางจะไล่ยิงไก่กันทั้งเรื่องเลยนะ ไก่แก่ด้วยดิ