Catch dream in my Cheeks^o^จับฝันใส่กระพุ้งแก้ม Return to the beach BY NALINNOVEL
Group Blog
 
All blogs
 
เก้าอี้ไม้กับสวนลำดวน(รักนี้มีเพียงใจ) - บทที่ 4 กำลังจะเริ่มต้น


บทที่ 4 กำลังจะเริ่มต้น

เวลาผ่านไปเกือบจะหมดเทอมแรกแล้ว ความสัมพันธ์ของภุมกับไม้หวายไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเหมือนอย่างที่คนสนิทกันควรจะเป็น หรือเป็นเพราะใกล้สอบ ทั้งสองคนจึงไม่ค่อยได้พบหน้ากันเหมือน ตอนต้นเทอม

วันนี้ภุมตั้งใจมาดักรอไม้หวาย เขาไม่รู้สาเหตุว่าทำไมไม้หวายถึงพยายามหลบหน้าเขาเพราะบางครั้งภุมเห็นว่าไม้หวายเดินอยู่ไกล ๆ ไม่ยอมเข้ามาหาเขาที่สวนลำดวนตามที่นัดกันไว้ แต่สำหรับเช้าวันนี้จวนใกล้จะเข้าแถวช่วงเช้าแล้ว ยังไม่เห็นไม้หวายมาโรงเรียน หรือเป็นเพราะเขาเองอาจจะทำตัวห่างเหินไป เขาได้แต่คิดคำนึงหาเหตุผลอยู่ภายในใจคนเดียวเงียบ ๆ จนกระทั่งเห็นไม้หวายวิ่งกระหืดกระหอบมา คราวนี้เธอคงไม่เห็นว่าเขายืนอยู่เบื้องหน้าของเธอ

“ไม้หวาย” ภุมตะโกนเรียกไม้หวาย ด้วยเสียงและสีหน้าที่มีความวิตกกังวลเจืออยู่บนดวงหน้า

“หวาย หวาย” ภุมเรียกเธอหลายครั้ง แต่เธอวิ่งผ่านเลยเขาไปเหมือนไม่สนใจมองตามต้นเสียงนั้น

“หวาย หยุดก่อน รอพี่ก่อน” ภุมเรียกเธอด้วยเสียงที่ดังขึ้นและวิ่งตามเธอไป

ไม้หวาย หยุดตามเสียงเรียก แต่ไม่หันกลับมามองตามเสียงนั้น ซึ่งท่าทางผิดแผกกว่าทุกครั้งที่เธอเป็น

“หวาย เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมช่วงนี้มาสายบ่อยจัง ไม่ค่อยเจอกันในตอนเช้าเลย” ภุมพูดเสียงเรียบเหมือนซ่อนความผิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ

เธอหันมามองหน้าเขาและหันกลับไป


“เปล่า ขอตัวก่อนนะ จะเอาของไปเก็บ ใกล้จะเข้าแถวแล้ว” ไม้หวายตอบคำถามเสร็จก็รีบเดินจากภุมไปโดยไม่หันกลับมามอง

ภุมสังเกตเห็นสาวน้อยมีนัยน์ตาเศร้ากว่าทุกวันที่เธอเป็น เดินอย่างรีบร้อนเหมือนกับว่ากำลังจะหลีกหนีอะไรบางอย่างจาก ณ ที่แห่งนั้น


“นี่เราจะหนีอะไร” ไม้หวายพูดเบา ๆ ด้วยความเศร้าใจ

ไม้หวายตัดสินใจหันหลังกลับไปเพื่อที่จะทำให้ตัวเองเป็นปกติกับภุมชายที่แสนดีของเธอเหมือนเช่นก่อนเก่า แต่แล้วก็ไม่พบเขาตามที่เธอหวังไว้

จนถึงเวลาเย็น วันนี้ก็มีคนมาเช่าสถานที่จัดงานเลี้ยงมงคลสมรส ภุมคิดว่าคงจะได้พบไม้หวายที่นั่น พอเลิกเรียนภุมรีบเดินปรี่ไปที่หอประชุมทันที เห็นนักเรียนชมรมดอกไม้กำลังง่วนอยู่กับการจัดซุ้มดอกไม้ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของไม้หวายเลย

“ภุม มาทำอะไรจ๊ะ” เสียงของปิ่นทักทายมาแต่ไกล

“เปล่า มาเดินเล่นน่ะ” ภุมยิ้มแก้เขิน พร้อมกับกวาดสายตาไปรอบบริเวณ

“มองหาอะไร เหรอ มาแอบจีบสาวแถวนี้หรือไง คนไหนล่ะ” ปิ่นเพื่อนสาวใช้น้ำเสียงเชิงหยอกล้อ

ภุมไม่ตอบ แต่กลับเดินไปเดินมา ชะเง้อสายทีขวาที

“ได้ข่าวมาว่า ภุมกำลังปิ๊งปั๊งกับน้อง ๆ ในชมรมของเราเหรอ” ปิ่นซักต่อ

“เปล่านี่ ใครพูดล่ะ” ภุมตอบแบบไม่เต็มเสียง

“ก็คนใกล้ตัวเราน่ะแหล่ะ ถ้าถามหาน้องอะไรน้า ชื่อว่าอะไรน้า จำไม่ค่อยได้เลย ภุมจำได้ไหมบอกทีซิ” ปิ่นแสร้งทำเป็นไม่รู้

ภุมยิ้มกว้างขึ้น พร้อมใบหน้าและหูที่เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงเจือ ๆ เมื่อโดนไล่เรียงตรงจุด

“เปล่านี่ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ใครเหรอ”

“เอ้า ถ้าไม่รู้ ก็ไปทำงานก่อนล่ะนะ” ปิ่นพูดเสร็จแอบหัวเราะเบาๆ แล้วก็ปล่อยให้ภุมยืนอยู่ตามลำพัง เพราะถ้าถามอะไรมากกว่านี้ ภุมอาจเปลี่ยนเป็นอารมณ์เสียใส่ได้ เพราะสังเกตจากสีหน้าของภุมตอนนี้ดูกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก


ภุมมีสีหน้าสลดกว่าเดิมจนกระทั่งเขาเห็นพีทเพื่อนสนิทของเขากำลังเดินเข้ามาทางหอประชุมพอดี เขาจึงตะโกนเรียกและคิดได้ว่า ต้องให้พีทเป็นคนไขข้อข้องใจให้ แล้วก็ได้คำตอบจากพีทในครู่ต่อมาว่า ไม้หวายกลับไปแล้ว ขอลาอาจารย์กลับบ้านเมื่อตอนพักเที่ยง เพราะว่าไม่สบาย ทำให้ภุมรู้สึกวิตกกังวลและไม่สบายใจขึ้นเป็นอย่างมาก

เมื่อพีทเห็นสีหน้าของเพื่อนที่เป็นทุกข์ร้อนขนาดนั้น พีทจึงขันอาสาที่จะช่วยเหลือเรื่องนี้เอง และในเย็นวันนั้นเอง ปิ่น พีท และภุมไปนั่งคุยกันที่ร้านไอศกรีมใกล้กับบริเวณโรงเรียน ทำให้ปิ่นเริ่มเข้าใจว่าภุมชอบไม้หวายจริง ๆ เพราะเธอเองแอบเห็นสองคนนี้เดินกลับบ้านด้วยกัน และเคยเห็นไม้หวายชอบแอบมองภุมหรือพยายามซักถามเรื่องเกี่ยวกับภุมอยู่บ่อย ๆ แต่เธอคิดว่าคงแค่อยากรู้จักเพื่อนของแฟนหนุ่มตามปกติเท่านั้น

การพูดคุยทำให้ภุมเริ่มสบายใจขึ้นว่าไม้หวายแค่เป็นไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น แต่เท่าที่ภุมสังเกตไม้หวายดูซึมเศร้าและดูเหงากว่าทุกครั้งที่พบกัน บ้านไม้หวายไม่มีโทรศัพท์ ทำให้ภุมติดต่อไม่ได้ยิ่งทำให้ภุมดูกระวนกระวาย จนปิ่นต้องบอกว่าวันอาทิตย์ให้มาที่โรงเรียนเพราะว่ามีงานเลี้ยงอีก ไม้หวายต้องมาอยู่แล้วจะได้เจอกัน ภุมจึงรู้สึกดีขึ้นและเฝ้ารอให้ทุกวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว



บ่ายวันอาทิตย์ นักเรียนชมรมดอกไม้กำลังจัดแจงอยู่กับซุ้มดอกไม้หน้าประตู บนเวที รวมถึงมุมต่าง ๆ ของหอประชุม วันนี้ไม้หวายไม่ได้สวมชุดนักเรียน เธอจึงแต่งกายเรียบง่ายและน่ารัก

“หวายหายดีแล้วเหรอ” ปิ่นเข้ามานั่งข้าง ๆ และเอามือกอดไหล่ไม้หวายเฉกเช่นน้องสาวคนสนิท

“หายดีแล้วค่ะ พี่ปิ่น มีอะไร แล้วยิ้มอะไรคะ” ไม้หวายยังหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาตัดหนามทีละดอก

“พี่ถามอะไรหน่อยนะ ไม่มีใครรู้หรอก” ปิ่นจ้องหน้าไม้หวายเหมือนต้องการคำตอบ

“ถามอะไรคะ” ไม้หวายเริ่มหลบสายตาของปิ่น

“ก็... ถามจริง ๆ นะ ชอบภุมหรือเปล่า” ปิ่นเงียบเพื่อรอคำตอบและอมยิ้มเป็นการแสดงให้ไม้หวายสบายใจ

“ก็…” ไม้หวายเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว จนหนามของดอกกุหลาบตำนิ้ว

“ไม้หวายเป็นอะไรหรือเปล่า ไหนดูซิ” ปิ่นรีบใช้นิ้วกดเลือดที่เริ่มไหลออกมากขึ้น ทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของหนามกุหลาบที่คอยสร้างแผลเล็ก ๆ ให้ แต่วันนี้ไม้หวายกลับหน้าซีดเผือดกว่าทุกครั้ง หรือว่าอาการไข้เธอยังไม่หายดี

ประจวบเหมาะที่ภุมกำลังเดินเข้าไปในหอประชุมพอดี ปิ่นเรียกให้ภุมเข้ามาช่วยกดเลือดแทนและเธอก็รีบไปจัดแจงหาเครื่องปฐมพยาบาล ไม้หวายได้แต่มองสีหน้าและแววตาของภุมชายหนุ่มซึ่งเธอรักและรักมาตลอดเวลา นี่นับเป็นครั้งแรกที่ไม้หวายได้ใกล้ชิดกับภุมมากขนาดนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ไม้หวายได้สัมผัสกับมืออันอบอุ่นของภุม ที่เธอฝันไว้ว่าสักวันเธอคงได้เดินจูงมือเคียงข้างเขาไป

พอไม้หวายเรียกสติได้เธอรีบดึงมือออกจากภุมแล้ววิ่งหนีไปจากหอประชุม ภุมและปิ่นเรียกเธอเท่าไหร่ เธอก็ไม่หันมา

“หวายเป็นอะไรน่ะภุม” ปิ่นหน้าเผือดลงเล็กน้อย

“ไม่รู้เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าหวายเป็นอะไร บางทีหวายอาจจะโกรธเราก็ได้นะ

เราสองคนไม่ได้คุยกันเกือบสองเดือนแล้ว” ภุมพูดเสร็จก็เดินคอตกออกมา

“ภุม ภุม” ปิ่นวิ่งตามมาติด ๆ

“ ปิ่นว่าภุมไปคุยกับหวายดีกว่านะ ถ้าไม่ได้เรื่องยังไงบอกเรานะ” ปิ่นตบบ่าเพื่อนเบา ๆ


ในยามบ่ายแก่บรรยากาศเงียบเหงาตอนนี้ มีเพียงสายลม กลิ่นหอมของลำดวนส่งกลิ่นหอมเจือจาง ไม้หวายนั่งน้ำตาซึมอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนสีขาว ดวงหน้าซีดเผือด ดวงตาเศร้า เหงา กับหัวใจที่เหม่อลอย เธอนั่งก้มหน้ามองนิ้วน้อย ๆ ของเธอที่ตอนนี้มันแดงช้ำจากรอยหนามกุหลาบ

“หวาย” ภุมเดินเข้ามานั่งลงใกล้ ๆ ไม้หวายที่กำลังเบือนหน้าหนี

“พี่คิดไว้แล้ว ว่าหวายต้องมาอยู่ที่นี่” ภุมเอื้อมมือไปจับมือของไม้หวายเพื่อดูนิ้วมือน้อย ๆ ที่ถูกหนามของดอกไม้แห่งความรักทิ่มแทง

“เป็นยังไงบ้าง พูดกับพี่สักคำซิ” ภุมบีบมือเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม

เธอเม้มปากแต่ไม่พูดอะไรออกมา มีเพียงแก้มที่เริ่มแดงฉานขึ้นเล็กน้อย

“หวาย พี่ขอโทษ นี่พี่ไม่ได้คุยกับหวายเกือบสองเดือนแล้วใช่ไหม” ภุมยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ

“พี่มีเหตุผล” ภุมเสียงแผ่วเบาลงกว่าเดิม และละมือของเขาออกจากมือไม้หวาย เขาได้แต่ก้มหน้าและกุมมือของตัวเองไว้บนโต๊ะม้าหินอ่อนสีขาวเช่นกัน

ไร้ซึ่งเสียงของหนุ่มสาวที่นั่งเคียงกัน มีเพียงแต่แววตาที่ซึมเศร้า และสายลมที่แผ่วเบา จนกระทั่งเวลาผ่านเลยไปสักชั่วนาทีไม้หวายจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“พี่ภุมคะ หวายขอตัวนะ เพราะว่าหวายต้องไปช่วยชมรมจัดดอกไม้เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันงานเย็นนี้” ไม้หวายลุกขึ้นและกำลังจะเดินจากเขาไปภุมรีบเอื้อมมือไปคว้าข้อมือน้อย ๆ ของเธอไว้เพื่อรั้งไม่ให้เธอไปพร้อมสีหน้าวิงวอนไม่อยากให้เธอต้องจากไป

“หวายอย่าเพิ่งไปครับ พี่อยากคุยด้วย” ภุมน้ำเสียงเครือ

“ไม่มีอะไรนี่คะ หวายหายดีแล้ว แต่ตอนนี้ต้องไปทำงานก่อน” ไม้หวายเสียงเครือเช่นกัน

“งั้น พี่จะรอนะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยทำงานด้วย เราจะได้กลับบ้านด้วยกัน” ภุมพูดเสร็จก็จูงมือไม้หวายเดินไปที่หอประชุม

ไม้หวายได้แต่ก้มหน้ามองดูมือสองมือที่เกาะกุมอยู่ มือของภุมใหญ่กว่าเธอ หนาและอบอุ่น ส่วนมือของเธอ เล็กนิ้วเรียวถูกกุมไว้ด้วยมือของผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่เธอรอคอยเสมอ ความฝันของไม้หวายกำลังคืบหน้า เธอลอบมองแววตาและสีหน้าของภุม ทุกอย่างบนดวงหน้าของเขามันเจือไปด้วยความสุขเมื่อได้กุมมือกันไว้ จากจุดเดิมที่คิดว่าห่างไกล กำลังเข้าใกล้ทีละนิด ทีละนิด

ไม้หวายรู้สึกว่าความรู้สึกที่สูญเสียไปในช่วงระยะเวลาหนึ่งของการห่างเหินและจากคนที่ภุมเป็นเพียงชายคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จักและแอบมองเขามาตลอดตอนนี้กำลังเดินเคียงข้างกายกันอย่างกับความฝัน ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ดีขึ้น บางทีเวลาที่ผ่านไปความห่างไกลที่กำลังเขยิบออกไป ตอนนี้กำลังหวนกลับเข้ามาอีกครั้งและคงจะมีก้าวต่อไปอย่างมั่นคงแน่นอน ไม้หวายอมยิ้มอยู่ในใจลึก ๆ ว่าเท่านี้ก็คงพอแล้ว

พอไปถึงหอประชุมไม้หวายรีบสะบัดมือภุมออกเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า คงจะดูไม่เหมาะนัก ภุมได้แต่อมยิ้ม เขารู้สึกมีความสุขมาก แค่ได้เดินจูงมือไม้หวายเท่านี้เขารู้แล้วว่าหวายคงหายโกรธเขาแล้ว ปิ่นได้แต่เดินมากระเซ้าเป็นระยะกับท่าทางที่ดูอิ่มเอมเป็นพิเศษ

“อย่าแซวได้ไหมปิ่น” ภุมเบือนหน้าไปทางอื่น

“ก็ได้ แต่ต้องช่วยกันทำงานนะ”

ปิ่นหอบกุหลาบหลายช่อมาให้ภุมรับอาสาตัดหนามแทน แถมยังแช่งให้ภุมโดนหนามตำมือเยอะ ๆ ด้วย เล่นเอาทุกคนรอลุ้นกันใหญ่ว่าเมื่อไหร่ที่ภุมร้องโอ้ย นั่นแสดงว่ากำลังโดนดีเข้าแล้ว

ไม้หวายได้แต่แอบอมยิ้มไปกับท่าทางไม่ถนัดของเขา แต่ก็ดูน่ารักในสายตาของเธอ

รอยยิ้มที่ระคนอยู่บนหน้าของภุมทำให้ไม้หวายหัวใจพองโตขึ้นมาอีกครั้ง และลืมเรื่องที่เธอเองซ่อนความรู้สึกไว้ภายในใจชั่วคราว เพื่อเก็บเกี่ยวเวลาที่ดีขณะนี้ให้นานที่สุด

“ภุม ถามหน่อยซิ” ปิ่นเรียบเคียงถามภุมด้วยความอยากรู้

“ทำไมถามอะไรเหรอ” ภุมทำหน้างง

“ก็ถามว่า ชอบน้องหวายแบบจีบกันอยู่เหรอ” ภุมเงียบไปชั่วขณะหลังจากฟังคำถามสั้น ๆ แต่ตอบยากเหลือเกิน

“เปล่าหรอก เราแค่อยากมีน้องสาวเท่านั้น”

กับคำตอบทำให้ปิ่นถึงกับเงียบอึ้งไป แล้วก็โวยวายออกมา “ไม่ได้นะภุม” ทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณรอบคนทั้งสองหันมามองเป็นตาเดียว รวมถึงไม้หวายด้วย

“ไม่มีอะไร” ปิ่นพูดเสร็จก็เดินออกมาจากภุม ด้วยสีหน้าเป็นวิตกกังวลกับคำตอบที่ได้รับ

“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่ปิ่น” ไม้หวายสังเกตสีหน้าของปิ่น

“เปล่าหรอก” ปิ่นนั่งนิ่ง ๆ สักพักเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ขนาดเธอยังตกใจกับคำตอบของภุม แล้วไม้หวายล่ะ หรือว่าอาการเหงาของไม้หวายช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะเธอรู้คำตอบที่ชวนรับไม่ได้จากภุมแล้วงั้นหรือไง ไม้หวายคงจะผิดหวังและเสียใจน่าดู เธอได้แต่มองสีหน้าไม้หวายที่ยังดูอิ่มเอมกับความสุขในช่วงบ่ายนี้ และไม่เข้าใจกับทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

ภุมเดินเข้ามาหาคู่สนทนาทั้งสอง เขาไม่ได้แสดงสีหน้าวิตกกังวลใด ๆ กับคำตอบที่บอกไป แต่ปิ่นกลับแสดงอาการมากกว่าเพราะเธอรู้สึกไม่พอใจกับคำตอบนั้นเลย

“พี่ไม่เดินตรวจงานกับอาจารย์ก่อนนะหวาย หวายกลับก่อนก็ได้” ปิ่นหันมาพูดแล้วก็เชิดหน้าใส่ภุมอย่างอารมณ์เสีย

“กลับบ้านกันนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ภุมพูดจายิ้มแย้มกับไม้หวาย

“คือ…” ไม้หวายอ้ำอึ้ง

“หวายกลับกับพี่หรือเปล่าล่ะ” ปิ่นหันมาถามไม้หวาย

“ก็คือ…” ไม้หวายรู้สึกสับสน

“หวายกลับกับเราไม่ต้องห่วง เราส่งขึ้นรถเอง” ภุมรู้สึกถึงการต่อสู้แบบเล็ก ๆ ระหว่างเขาและปิ่น

“ตามใจนะ” ปิ่นพูดเสร็จก็ขอตัวกลับ

ปิ่นเดินตามหลังเพื่อนและน้องร่วมชมรมที่เธอรัก และอยากจะช่วยให้ทั้งสองคนเปิดใจให้กัน เพราะถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป สักวันถ้าเกิดเรื่องระหว่างหัวใจที่ผิดทางไปอาจจะทำให้คนใดคนหนึ่งต้องเสียใจได้ เพราะการไม่เปิดใจ ปิ่นได้แต่คิดว่า ในเมื่อคนเรารักกัน และประทับใจซึ่งกันและกัน น่าจะเปิดใจคุยกันเลยทุกอย่างคงลงเอยด้วยดี

เธอถอนหายใจออกมา และเฝ้ามองคนทั้งสองที่เดินเคียงข้างกันด้วยสีหน้าแห่งความสุข ความสุขที่ปิ่นไม่เข้าใจความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้



Create Date : 09 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2553 13:56:33 น. 0 comments
Counter : 296 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nalinnovel
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นลินโนเวล เป็นบล็อกที่รวบรวมผลงานเขียนทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย โดยมีนามปากกาว่า
นลิน คือ รักหวาน - Sweet
ฟุ้งรัก คือ รักสดใส - Pastel
จุล คือ เรื่องสั้นและบทความ - A love aleart -Aom
อยากให้เพื่อน ๆ ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านผลงานของนลินแล้วรู้สึกว่ากำลังทำสปาอยู่เลยค่ะ เลยแยกผลงานไว้ให้เข้าใจและเลือกประเภทที่จะทำให้ทุกคนRelax ได้ตามอัธยาศัย
และสักวันหนึ่งหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้พบกับผลงานของนลินตามแผงหนังสือนะคะ ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้นลินด้วยนะ ขอบคุณค่ะ

ตัวอักษรทุกตัวของบล็อกนลินโนเวล สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมด หรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดใน Blogไปเผยแพร่ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของBlogเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!
Friends' blogs
[Add nalinnovel's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.