เรียนรู้อดีต เพื่อสอนปัจจุบัน ให้ใช้อนาคตอย่างเหมาะสม
 
 

เป้เดี่ยว...เที่ยวจอร์แดน1

ตอน...อุปสรรคเล็กๆ

จอร์แดนหรือHashemite Kingdom of Jordan เป็นประเทศอาหรับที่ยังปกครองโดยระบอบกษัตริย์ ตั้งอยู่แถบตะวันออกกลาง มีพื้นที่จากทะเลทรายซีเรียตอนเหนือ จรดอ่าวอคาบา (Gulf of Aquaba) ในทะเลแดงตอนใต้ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศซีเรียทางเหนือ ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศอิรัก ส่วนทางตะวันออกและทางใต้ติดกับประเทศซาอุฯ และทะเลแดง ส่วนทางตะวันตกติดกับประเทศอิสราเอล


แผนที่ประเทศจอร์แดน

จอร์แดนมีประชากรประมาณ 6 ล้านคน ประชากรส่วนใหญ่มากกว่า 95% เป็นชาวอาหรับ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและพูดภาษาอารบิกเช่นเดียวกับประเทศอาหรับข้างเคียงเช่นอียิปต์ ซีเรียและซาอุฯ ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่เป็นมิตรและต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

จอร์แดนเต็มไปด้วยโบราณสถานเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์สืบเนื่องมาตั้งแต่ก่อนสมัยอาณาจักรโรมัน หลายพื้นที่ถูกอ้างถึงในไบเบิล และในสงครามครูเสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกคือเพตรา นครศิลาสีชมพูกุหลาบ จึงเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมปรารถนาไปเยี่ยมชมให้ได้สักครั้งในชีวิต


ธงชาติจอร์แดน

และแล้วโอกาสก็มาถึง เมื่อเพื่อนคนหนึ่งชักชวน ประจวบกับพอดีผมเคลียร์งานได้ จึงโทรหาหวานใจวางแผนแบกเป้ตะลุยจอร์แดนกัน พวกเราติดต่อขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน และติดต่อหาที่พักตามสถานที่ที่เราหมายตาจะไปเที่ยวได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น แต่แล้วก็เกิดเหตุสุดวิสัย! เพราะเมื่อใกล้วันเดินทาง ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เนื่องด้วยเหล่าสหายสีเหลืองพร้อมใจกันเข้าไปนั่งเล่นในสนามบินสุวรรณภูมิ จึงทำให้ทุกสายการบินรวมทั้งรอยัลจอร์แดเนียนที่จะนำเราไปจอร์แดนคราวนี้ไม่สามารถมาลงจอดได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวผมและเพื่อนๆจึงต้องเลื่อนการเดินทางมาเป็นเดือนกุมภาพันธ์แทน พร้อมกับจำนวนสมาชิกที่หดหายจากเจ็ดเหลือสามคน

ปลายมกรา ผมมาสถานทูตจอร์แดนประจำประเทศไทยในซอยสุขุมวิท 63 อีกครั้ง เพราะวีซ่าเดิมที่ทำไว้ในช่วงปลายปีที่แล้วหมดอายุลง การทำวีซ่าเข้าจอร์แดนไม่ยาก คุณสามารถโหลดแบบฟอร์มการขอวีซ่าได้จากเว็บไซด์สถานทูต เตรียมเอกสารอีกนิดหน่อยก็เรียบร้อย ค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่าแบบ single 800 บาท แต่หากต้องการเดินทางเข้าออกประเทศข้างเคียง เช่นอิสราเอลหรือซีเรีย ต้องทำแบบ multiple คือ 1,600 บาท และสามารถทำวีซ่าได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ตอนเช้าก่อนเที่ยง และมารับได้ในวันรุ่งขึ้นยกเว้นวันศุกร์ที่ต้องมารับวันจันทร์ “คราวนี้ขอให้ได้ไปเที่ยวเสียทีนะคะ” เจ้าหน้าที่ผู้ใจดีอวยพรผม เนื่องจากเห็นในพาสปอร์ตเคยขอวีซ่าไว้แต่ไม่ได้ไป

และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ผมกับหวานใจเจอนัตตี้เพื่อนร่วมก้วนอีกคนที่มาถึงก่อน ที่หน้าเคาร์เตอร์สายการบินรอยัลจอร์แดเนียนก่อนเวลาเล็กน้อย เที่ยวบินนี้มีผู้โดยสารเกือบเต็มลำ ความตั้งใจจะนอนแผ่ยาวบนที่นั่งชั้นประหยัดเป็นอันอด แต่ก็ได้โอกาสนอนเบียดกระแซะหวานใจที่นั่งข้างๆหลายชั่วโมงอยู่

สิบชั่วโมงต่อมาหลังจากที่นอนเบียดกับหวานใจจนเมื่อยหลัง แอร์บัส310 เที่ยวบิน RJ181 ก็นำพวกเรามาถึงสนามบินนานาชาติควีนอาเลียในเวลา 4.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เวลาในจอร์แดนช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง สนามบินแห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของราชินีของกษัตริย์ฮุสเซน กษัตริย์ฮุสเซนเป็นพระบิดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบันคือกษัตริย์อับดุลาที่2 สนามบินอยู่ห่างจากกรุงอัมมานนครหลวงราวสี่สิบนาที ผมใช้เวลาไม่เพียงไม่กี่นาทีเราก็ผ่านตม.มารอรับกระเป๋า


สายการบินรอยัลจอร์แดนเนียน

หลังจากได้กระเป๋าผมต้องรีบค้นหาเสื้อแจ็คเก็ตตัวเก่ง ที่ยัดไว้มาใส่โดยเร็วเพราะขณะนั้นอุณหภูมิ 4 °C ทันทีที่เราออกมาด้านหน้าของอาคาร ก็มีกลุ่มแท็กซี่เข้ามาสอบถามทันทีว่าต้องการจะไปไหน แท็กซี่ที่จอร์แดนมีสองสี คือสีขาวเป็นของรัฐบาล ส่วนสีเหลืองเป็นของเอกชน เช่นเดียวกับที่อียิปต์ที่แท็กซี่ทุกคันติดมิเตอร์แต่ไม่เปิดใช้ (ไม่รู้จะติดทำไม) แท็กซี่สีเหลืองจะถูกกว่าและต่อรองได้ ส่วนสีขาวราคาจะกำหนดตายตัวต่อรองไม่ได้ เนื่องจากขณะนั้นยังเช้าตรู่จึงหาแท็กซี่เหลืองไม่ได้

เพราะต้องรอรถแท็กซี่เหลืองที่ตีจากอัมมานมาสนามบิน ผมจึงได้ลองสอบถามราคาแท็กซี่ขาวเพื่อเช็คราคาไว้ก่อน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าราคาเข้ากรุงอัมมานประมาณ 20 JD (1 JD,จอร์แดเนียนดีนา ราว 50 บาท) ส่วนเป้าหมายของผมคือเดินทางไปเพตราซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศโดยจะแวะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆระหว่างทางไปด้วย (โปรดดูแผนที่) โชเฟอร์เขาคิดตามระยะทางพร้อมตีรถเปล่ากลับ 200JD (10,000 บาท!! แพงมากๆ) ผมจึงกล่าวปฏิเสธ

เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศจอร์แดนไม่มีระบบขนส่งมวลชนมารองรับ ดังนั้นหากมีเวลาไม่มากนักการเดินทางที่เหมาะสมคือการเช่าแท็กซี่ไป หรือไม่ก็หารถเช่า ซึ่งถ้าไปหลายๆเมือง, ไปกันหลายคน และคุณสามารถขับรถพวงมาลัยด้านซ้ายได้ การเดินทางที่เหมาะสมที่สุดคงจะเป็นรถเช่าซึ่งมีบู๊ตให้เช่าที่สนามบิน (มาเช็คดูทีหลังทราบว่า รถยนต์ขนาดเล็กราคาเริ่มต้นที่ 30 JD/วัน) แต่ขณะนั้นยังเช้ามาก บู๊ตเช่ารถที่สนามบินยังไม่เปิดแท็กซี่เหลืองก็ยังไม่มีมา ผมและคณะจึงได้แต่รอ...รอและรอ

สองชั่วโมงผ่านไปพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ผมจึงฝ่าความหนาวออกมามองหาแท็กซี่เหลืองซึ่งคาดว่าค่ารถจะถูกกว่าแท็กซี่ขาวมาก คุณลุงคนหนึ่งในกลุ่มโชเฟอร์แท็กซี่ขาวเห็นดังนั้น จึงปลีกตัวเข้ามาแอบเจรจาว่าถ้าไปกับเขา เขาคิด 100 JD ผมจึงลองไปปรึกษากับเพื่อนๆดู ทุกคนเห็นดีด้วยเพราะเขาลดราคาให้ตั้งครึ่ง และพวกเราก็รอกันมานานพอควรแล้ว จึงตกลงไป คณะเราจึงได้ฤกษ์ออกเดินทางล่องใต้เพื่อมุ่งหน้าไปเพตรากันเสียที การเดินทางของผมและเพื่อนๆจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปครับ


สนามบินควีนลาเลียยามเช้า


มองเห็นเครื่องบินที่ลงจอดไกลๆ


อาคารสนามบินยามอาทิตย์ขึ้น




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 10:46:01 น.   
Counter : 8549 Pageviews.  


เป้เดี่ยวฯ ตอน หนีหวานใจไปบาหลี5 (ตอนจบ)

ลาก่อน...มิใช่ลาลับ

หลังจากชมความงดงามที่วัด ทามาน อายุน แล้ว พวกเราก็เดินทางขึ้นเขาไปชมวัดกลางทะเลสาบดังที่ผมเคยสัญญาไว้ว่าจะพามาชมเมื่อตอนก่อน รถค่อยๆลัดเลาะไปตามสันเขาสูงขึ้นๆ ทีละน้อย เห็นนาข้าวและสวนขั้นบันได ตามสไตล์บาหลีเป็นระยะๆ บางช่วงมีฝนปรอยๆ ทำให้บรรยากาศเย็นสดชื่นไม่น้อย ไม่นานนักเราก็ถึงวัดอูลัน ดานุ บราตัน (Pura Ulun Danu Bratan) วัดนี้สร้างอุทิศแด่เทวี ดานู เทพีแห่งสายน้ำ เมื่อราวศตวรรษที่17 ตั้งอยู่ริมทะเลสาบบราตัน ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราวพันฟุตได้ อากาศรอบๆจึงค่อนข้างเย็น เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบาหลีและนักท่องเที่ยวทั่วไป ผมยืนถ่ายรูปชมวิวได้สักครู่ ก็มีลมหอบใหญ่พัดมา จากนั้นผิวน้ำริมทะเลสาบและรอบๆวัดค่อยๆถูกปกคลุมด้วยหมอกจางๆ งดงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่นานนักหมอกเหล่านั้นก็ค่อยๆจางหายไป นำความสดใสมาสู่ทะเลสาบอีกครั้ง


ทิวทัศน์สวนขั้นบันไดท่ามกลางหมอก


ทิวทัศน์วัดอูลัน ดานู บราตัน


ทางเข้า


ตัววัดกลางทะเลสาบ


กบผู้อารักษ์ขา


อีกตัวหนึ่งที่คอยอารักษ์ขา

ผมเดินดูรอบๆ เห็นพรรณไม้หลากชนิด รวมทั้งต้นโพใหญ่ต้นหนึ่ง มาเดชี้ให้ดูเจดีย์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไมไกล และบอกว่าเป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนา ผมมองไปก็เห็นจริง เพราะมีพระพุทธรูปอยู่ด้วย มาเดบอกว่า ศาสนาพุทธเข้ามาสู่บาหลีในเวลาใกล้เคียงกับฮินดู แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าฮินดู ส่วนมากที่นับถือมักจะเป็นคนเชื้อสายจีนที่มาปักหลักค้าขายในบาหลีตั้งแต่โบราณ ที่บาหลีก็เช่นเดียวกับดินแดนอื่นๆแถบเอเชีย ที่นับแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน การค้าส่วนใหญ่เจ้าของมักจะเป็นคนเชื้อสายจีน เช่นเดียวกับทางตะวันตกที่ธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้มีเชื้อสายชาวยิว อยากรู้เหมือนกันว่า จีนกับยิว ใครจะค้าขายเก่งกว่ากัน


เจดีย์พุทธ


พระพุทธรูปที่เจดีย์


ต้นโพโบราณ

หลังจากชื่นชมธรรมชาติที่งดงาม มาเดก็พาผมลงเขามาปิดท้ายทัวร์โดยการมาชมอาทิตย์อัสดงที่วัดทานาลอท (Tanahlot) สถานที่นี้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ ที่ทุกคนที่มาบาหลีต้องมาเยี่ยมเยือน โดยเฉพาะช่วงเย็นใกล้เวลาตะวันลับฟ้า จึงไม่แปลกอะไรที่จะเห็นคนจำนวนมาก มายืนรอจับจองหาตำแหน่งดีๆในการชมอาทิตย์อัสดงในบริเวณนี้


ทางเข้าทานาลอท


บางมุมของวัดทานาลอท


มุมสูงของวัด

ทานาลอทแปลว่า จุดที่ผืนดินเชื่อมกับทะเล เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเกาะริมมหาสมุทรสร้างขึ้นราวศตวรรษที่11 จะว่าเป็นเกาะก็ไม่เชิง เพราะช่วงน้ำลงเราสามารถเดินข้ามไปยังเกาะที่ว่าได้ และบริเวณนี้ยังมีของแปลกอีกที่หนึ่งคือ มีถ้ำที่มีน้ำจืดผุดขึ้นมา ทั้งที่ถ้ำนั้นตั้งอยู่ชิดมหาสมุทรและมีน้ำเค็มล้อมรอบ คนที่นี่จึงเชื่อว่าน้ำจืดที่ว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงมีคนเข้าคิวต่อแถวเพื่อให้นักบวชเจิมน้ำที่ว่าเพื่อความเป็นสิริมงคลไม่ขาดสาย และถ้ำอีกที่ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ก็ขึ้นป้ายว่าเป็นถ้ำที่อยู่ของงูศักดิ์สิทธ์ เป็นงูทะเลที่เชื่องเราสามารถเข้าไปดูและลูบคลำได้ แต่ต้องจ่ายเงินบริจาค ผมจึงไม่คิดจะเข้าไปชม งูบนศีรษะเพื่อนๆผมก็มีให้เห็นตั้งเยอะจะต้องจ่ายเงินไปดูงูทำไม หุหุ


คลื่นแรง


คนต่อแถวรอเจิมน้ำศักสิทธิ์


ปากถ้ำงูศักสิทธิ์

มาเดพาผมไปยังจุดหนึ่งริมผา เขาบอกว่าจุดนี้เป็นจุดที่เหมาะกับการถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ผิดหวังเลย ทิวทัศน์ยามตะวันลับฟ้าที่ทานาลอท งามเหลือจะเอ่ย ถ้าหวานใจมาอยู่ใกล้ๆชมตะวันลับฟ้าด้วยกัน ผมคงจะมีความสุขยิ่งกว่านี้แน่ๆ


คลื่นซัดสาดฝัง


ตะวันลับฟ้า


ตะวันลาลับ

หลังจากชมตะวันลับฟ้ากันหนำใจแล้ว มาเดก็พาพวกเราไปรับประทานอาหารค่ำกัน เขาว่าเพื่อเป็นการเอาใจผม จึงพาไปทานอาหารจีนกัน อ้าว...ไหงคิดเช่นนั้น หน้าตาผมออกจะไท้ไทย เพียงแต่หน้าขาวและตาตี่ไปหน่อยเท่านั้น หุหุ แต่ไม่มีปัญหา ผมทานได้อยู่แล้วโดยเฉพาะร้านที่ไปรับประทาน เขามีน้ำปลาพริกแบบบาหลีๆ คือซีอิ๊วใส่พริกขี้หนูซอย รสชาติเผ็ดนิดๆช่วยให้ผมซึ่งเป็นคนเจริญอาหารง่ายอยู่แล้ว เอนจอยกับมื้อนี้เป็นพิเศษ

เสร็จจากอาหารค่ำ เพื่อนชาวมาเลย์ชักชวนผมไปสปา แต่ผมปฏิเสธเนื่องจากรับประทานอาหารเข้าไปมาก เกรงว่าถ้าต้องนอนคว่ำให้เขากดหลังนวดไหล่ อาหารที่กำลังย่อยในกระเพาะคงขย้อนออกมาแน่ ประกอบกับวันนี้ นั่งรถขึ้นลงเขาทั้งวัน ชักรู้สึกเพลียจึงขอตัวกลับมาพักผ่อนที่โรงแรมดีกว่า ไม่นานนักมาเดจึงพาผมมาส่งที่โรงแรมพร้อมกับนัดแนะว่าจะมารับไปส่งสนามบินราวบ่ายโมงพรุ่งนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นค่อนข้างสาย เพราะเช้านี้โปรแกรมอิสระ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและลงมาหม่ำมื้อเช้าพร้อมกับเช็คเอาท์ที่ล็อบบี้ด้านล่างของโรงแรมแล้ว ผมจึงถือโอกาสครึ่งวันเช้าเดินเล่นในย่านช้อบปิ้งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก สินค้าส่วนใหญ่นอกจากจำพวกของฝากที่ระลึกแล้ว ก็มักจะเป็นสินค้าก็อบปี้ราคาถูกเป็นส่วนใหญ่ ผมหาของฝากที่ระลึกราคาไม่แพงได้สองสามชิ้นจึงเดินกลับมาโรงแรมเพราะใกล้เวลานัดหมาย

มาเดมารับผมตรงเวลาเช่นเคย เมื่อผ่านย่านตลาดกลางเมืองมาเดชี้จุดที่เคยถูกผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิดที่เป็นข่าวดังเมื่อหลายปีก่อน และบอกว่าเดิมนักท่องเที่ยวหลักของบาหลีคือชาวออสเตรเลีย ภายหลังเกิดระเบิดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวออสเตรเลียน้อยลงมาก ซึ่งผมเห็นด้วยว่าที่นี่นักท่องเที่ยวน้อยกว่าภูเก็ตและพัทยาบ้านเรามาก แม้ว่าภายหลังผู้ก่อการร้ายซึ่งเป็นคนจากเกาะอื่นจะถูกจับและไม่เกิดเหตุร้ายอีก ผลกระทบยังทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวบาหลีไม่มากเท่าในอดีต ทั้งๆที่บาหลีมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลายมากมาย และชาวบาลินิสเองก็มีบุคคลิกยิ้มแย้มเป็นกันเองไม่ต่างจากคนไทย ผมจึงกังวลว่าถ้าสถานการณ์บ้านเมืองเรายังไม่สงบ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวคงจะมีแน่ในไม่ช้านี้ เช่นเดียวกับที่บาหลี ทีนี้คงจะมีผู้คนที่เดือดร้อนเป็นจำนวนมากเป็นแน่ เพราะการท่องเที่ยวทำรายได้ให้กับประเทศและคนไทยปีละเป็นหมื่นล้านบาท นึกแล้วเครียดไหมครับ

ไม่นานนักมาเดก็มาส่งผมที่สนามบินนูราห์ไร ผมกล่าวอำลาพร้อมส่งรอยยิ้มมิตรภาพให้ และไม่ลืมชักชวนให้เขามาเที่ยวเมืองไทยบ้าง เขารับปากว่าวันหนึ่งคงจะมีโอกาส ผมใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการรับบัตรโดยสารเพราะไม่ต้องต่อแถว เนื่องจากถือบัตรรอยัลออคิดพลัส (ถือโอกาสแอบโฆษณาให้สายการบิน”คุณคะ” หุหุ) จากนั้นก็ขึ้นมาเสียภาษีสนามบินที่ชั้นบนของสนามบินและเดินเล่นในดิวติฟรี แน่นอนขนาดเล็กกว่าที่สุวรรณภูมิมาก เห็นของที่ระลึกเหมือนที่เพิ่งซื้อเมื่อเช้าวางขายอยู่ จึงเข้าไปเดินดู โห...ราคาเท่ากันเลยกับที่ซื้อในตลาด ดังนั้นถ้าใครยังช๊อบสินค้าพื้นเมืองที่ระลึกไม่สะใจ ก็แวะมาดูที่ดิวติฟรีได้เหมือนกัน ราคาเท่าๆกับที่ซื้อในตลาดด้วย แต่เอ...หรือผมจะซื้อแพง แต่ก็ต่อแล้วนี่??


โบอิ้งตองเจ็ดมารอรับผมที่สนามบิน


การูด้าแอร์ลำข้างๆ ที่โฆษณาปีท่องเที่ยวอินโดนีเซีย

เมื่อได้เวลาผมก็ขึ้นเครื่อง ซึ่งคราวนี้ได้ใช้บริการโบอิ้งตองเจ็ดเพื่อเดินทางกลับบ้าน เครื่องเทคออฟและบินวนรอบเกาะก่อนบินระดับ ผมใช้สายตาชมทิวทัศน์สุดท้ายพร้อมกับภาวนาว่า ขอให้ได้กลับมาเที่ยวอีกครั้งพร้อมหวานใจในคราวหน้า บาหลียังมีสถานที่สวยๆอีกมากที่ผมตั้งใจจะกลับมาชมพร้อมหวานใจในอนาคตอันใกล้นี้ ลาก่อน...มิใช่ลาลับ


ลาก่อนนูราห์ไร


ลาก่อนบราตัน


หวังว่าคงได้มาอีกนะ...บาหลี




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2551   
Last Update : 28 มิถุนายน 2551 21:07:28 น.   
Counter : 918 Pageviews.  


เป้เดี่ยวฯ ตอน หนีหวานใจไปบาหลี4

จากนูซาตัว ถึงทามาน อายุน

เช้านี้มาเดมารับผมเช่นเคยและบอกว่ามีการเปลี่ยนแผนเล็กน้อย เนื่องด้วยเพื่อนชาวมาเลย์ของผม เขาอยากเป็นพระอภัยไปดำน้ำเล่นกับแม่ผีเสื้อน้อยแฟนสาว สักสองชั่วโมงช่วงเช้า ไม่ทราบว่าผมจะว่าอะไรไหม แต่เขารับรองว่าโปรแกรมวันนี้ครบแน่ ผมจึงได้เลยตามเลย ก็มากับเขานี่ครับ

ไม่นานนัก พวกเราก็มาถึงหาดแห่งหนึ่งทางใต้ของเกาะ จากนั้นก็ปลีกตัวมาเดินเล่นต่างหากเนื่องจากไม่อยากเป็นกขค. เพื่อนที่เพิ่งจะข้าวใหม่ปลามันคู่นี้ บริเวณทางใต้นี้เหมาะกับการเล่นกีฬาทางน้ำมาก แม้ว่าจะยังเช้าอยู่ก็เห็นคนมาเล่นกันแล้วพอสมควร กีฬาทางน้ำที่นี่มีหลายชนิดคล้ายทะเลบ้านเรา แต่บางส่วนคลื่นลมค่อนข้างแรงจึงเหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟมาก ผมเห็นชาวตะวันตกหลายคนแบกกระดานโต้คลื่นเดินกันมาเป็นกลุ่ม

กีฬาทางน้ำนี่ไม่ค่อยดึงดูดความสนใจผมเท่าใดนัก เพราะผู้เล่นที่นี่โดยเฉพาะสาวๆส่วนใหญ่ ต่างแต่งตัวกันมิดชิดตามสไตล์มุสลิม ผมจึงได้แต่เดินเล่นริมชายหาดด้วยอารมณ์เหงาๆปนร้อนเพราะแดดเริ่มแรงขึ้นๆ ตามลำดับ

ไม่นานนักก็พบสิ่งที่น่าสนใจ เพราะผมเห็นชายชาวบาลินิสสามสี่คนช่วยกันขุดทรายบริเวณชายหาด แล้วฝังหญ้าเป็นระยะๆ จึงลองสอบถามดู ได้ความว่าเพื่อเป็นอาหารเต่าทะเล เนื่องจากตอนกลางคืน จะมีเต่าทะเลว่ายน้ำมาขึ้นฝั่งบริเวณนี้ จึงฝังหญ้าไว้ตามชายหาดเพื่อเป็นอาหาร ดีนะ...จัดเป็นการอนุรักษ์แบบหนึ่ง


สวดมนต์ขอพรให้โชคดี สังเกตหญ้าที่ถูกฝังไว้เป็นอาหารเต่า

เดินมาสักพักชักร้อนมากขึ้น จะหาที่นั่งพักที่ไม่มีแดดแบบไม่ต้องเสียเงินไม่ได้เลยสักแห่ง จึงตัดสินใจเดินไปหามาเด ที่รถพร้อมกับสอบถามว่า แถวนี้มีสวนสาธารณะหรือดีพาร์ทเมนต์สโตร์บ้างไหม เพราะผมรู้สึกร้อนอยากหาที่นั่งเย็นๆสบายๆหน่อย นั่งตากแดดรอคู่รักพระอภัยอีกเป็นชั่วโมงๆคงไม่ไหว มาเดบอกว่ายังเช้าอยู่ห้างคงยังไม่เปิด เอาอย่างนี้เดี๋ยวเขาจะพาไปเดินเล่นย่านที่พักของเศรษฐีดีไหม ผมตอบรับอย่างยินดี จากนั้นมาเดก็นำผมขึ้นรถพาไปย่านนูซาตัวที่อยู่ไม่ไกลนัก

นูซาตัว เดิมเป็นหาดรกร้างอยู่ทางใต้สุดทางตะวันออกของบาหลี นูซา แปลว่าสอง ตัว นั้นแปลว่าเกาะขนาดเล็ก เนื่องจากบริเวณนี้มีเกาะเล็กๆสองเกาะอยู่ไม่ห่างจากแผ่นดินใหญ่พอเดินข้ามได้ และบริเวณเกาะที่ว่านี้ ปัจจุบันกลายเป็นสวนสาธารณะให้คนทั่วไปมาพักผ่อนได้ แต่บริเวณชายหาดรอบๆถูกจับจองด้วยโรงแรมห้าดาวหมดแล้ว ในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา จึงเปลี่ยนจากแถบยาจกเป็นที่ดินไฮโซขึ้นมาทันที เพราะชายทะเลบริเวณนี้มีทั้งหาดที่ลมสงบเหมาะแก่การเดินเล่น และมีทั้งจุดที่เหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟมาก


แผนทีนูซาตัว


คลื่นที่แรงมากเหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟ

เสียดายที่ถ่ายภาพสวยๆจากโรงแรมไฮโซแถวนั้นไม่ได้ เพราะรปภ.คอยมองอยู่ ผมจึงได้แต่เดินเล่นบนสองเกาะที่เป็นสวนสาธารณะดังว่า เกาะทางตะวันออกมีวัดขนาดเล็กแห่งหนึ่ง สร้างอุทิศแด่เทพเจ้าของฮินดู การจะดูว่าเขาเจาะจงถวายแด่เทพองค์ใด ให้ดูที่สีร่ม (ฉัตร) สีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์ซึ่งมักจะพบทุกวัด ส่วนสีแดงหมายถึงพระวิษณุ สำหรับเทพองค์อื่นๆผมเองจำไม่ได้แล้วว่า องค์ใดใช้สีใดแทน แต่ที่นี่มีร่มหลากสี น่าจะอุทิศให้เทพหลายองค์ ฮินดูที่บาหลีเขาไม่แยกนับถือเป็นนิกายต่างๆ แบบอินเดีย เขาถือว่าเทพทุกองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่จำเป็นต้องแยกนิกายไปนับถือองค์ใดองค์หนึ่งเฉพาะ สมานฉันท์ดีไหมครับ


สนใจอยากพักโรงแรมไหนครับ


วัดริมฝั่งมหาสมุทร


ร่มแต่ละสี หมายถึงเทพแต่ละองค์

ที่น่าแปลกใจ ด้านหลังของวัดซึ่งเป็นตลิ่งริมหาสมุทร ผมพบชายหนุ่มสองคนกำลังยืนตกปลาอย่างเพลิดเพลินใจ จึงสอบถามมาเดว่า บริเวณวัดเขาให้ตกปลาล่าสัตว์ได้หรือ เพราะที่เมืองไทย ส่วนใหญ่บริเวณวัดจะเป็นเขตอภัยทาน มาเดบอกว่า ได้ แต่เขาก็มักจะมาทำพิธีขอก่อนที่จะตกปลาหรือล่าสัตว์ แถมนิดหนึ่งฮินดูที่นี่เขารับประทานเนื้อสัตว์กันซึ่งต่างจากฮินดูอินเดียซึ่งไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่แน่นอนยังไงก็ไม่ทานหมู เพราะถือเป็นสัตว์สกปรกเช่นเดียวกับมุสลิม ดังนั้นท่านที่มานี่ อย่าหวังว่าจะได้ทานหมูเลยนะครับ


สถานที่ตกปลาหลังวัด

เดินเลยมานิด ก็พบชายคนหนึ่งกำลังสวดมนต์ขอพร ต่อหน้ารูปปั้นเจ้าที่ มาเดว่า เขาคงมาจับปลาแถวนี้เช่นเดียวกัน จึงมา”ขอ” กับเจ้าที่ก่อน มองเลยไปในชายฝั่งพบชาวประมงสองสามคนกำลังลุยน้ำทำอะไรสักอย่าง มาเดว่า พวกเขากำลังเก็บสาหร่ายทะเล เพื่อเอามาทำอาหาร น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสได้ชิม สาหร่ายทะเลเหล่านี้ว่าจะแตกต่างจาก”เถ้าแก่น้อย” อย่างไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงได้มาเล่าให้ทุกคนฟัง


วันนี้ขอให้ได้ตัวโตๆนะ


ชาวประมงกำลังเก็บสาหร่ายทะเล


สาหร่าย

ถัดมาผมและมาเด เดินเรื่อยมายังอีกเกาะหนึ่ง ที่นี่เขาสร้างอนุสาวรีย์แห่งหนึ่งใจกลางสวนสาธารณะ มาเดว่าสวนนี้สร้างโดยความร่วมมือจากนานาประเทศ และได้จำรึกประเทศที่มีส่วนร่วมด้วย มองไปเพลินๆก็มาเจอชื่อประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งด้วย แสดงว่าประเทศเราก็มีเอี่ยวกับเขาด้วยสิ (ภูมิใจนิดๆ) แต่มีอีกอนุสาวรีย์หนึ่งที่อยู่ถัดไปไม่ไกล จารึกข้อความภาษาต่างๆไว้ และโดนใจผมมากคือ “all people in the world, we are brothers” ถ้าทุกคนคิดได้เช่นนี้ โลกนี้คงจะมีแต่ความสงบสุข ทุกท่านว่าไหม


อนุสาวรีย์จารึกชื่อประเทศ


มีไทยด้วย


we are brothers

สถานที่ต่อไปคือ วัดทามาน อายุน (Taman Ayun) เป็นวัดเก่าแก่ สร้างโดยราชวงศ์เม็งวี สมัยศตวรรษที่ 17 ความสวยงามของวัดนี้ คือเป็นวัดที่มีคูบัวล้อมรอบ ภายในมีเจดีย์ (ปุระ) ที่มีฐานหินที่แกะสลักสวยงามซึ่งสร้างอุทิศแด่เทพเจ้าและภูเขาไฟ จำนวนชั้นจะบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของเทพ เทพธรรมดาก็อาจจะสามชั้น หรือห้าชั้น แต่เทพสูงสุดจะมีถึง11 ชั้น ความงดงามเป็นเช่นไร เชิญท่านทัศนาเองแล้วกัน สำหรับตัวผมบอกได้คำเดียวว่า”งาม”ครับ


ทางเข้าวัด


อีกมุมของทางเข้า


สระน้ำและคูบัวงาม


เริ่มเห็นเจดีย์11ชั้น


แท่นประทับ


เจดีย์11ชั้น


ครุฑ


เจดีย์หลากระดับ


ควมงดงามของภาพสลัก


บัวงาม


หมู่บัวงาม


หมู่เจดีย์




 

Create Date : 26 มิถุนายน 2551   
Last Update : 26 มิถุนายน 2551 17:03:33 น.   
Counter : 820 Pageviews.  


เป้เดี่ยวฯ ตอน หนีหวานใจไปบาหลี3

จิบกาแฟลูวัก

เสร็จจากอิ่มตากับความงามของทิวทัศน์ภูเขาไฟแล้ว ผมก็อิ่มท้องกับอาหารบุฟเฟ่ห์สไตล์บาหลี ประกอบด้วยไก่ทอด ไส้กรอกทอด ผัดผักสองสามอย่าง รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ และซุปผักรสชาติคล้ายอาหารจีน ของหวานคือ กล้วยแขกที่ราดน้ำเชื่อมวานิลา รสชาติอร่อยไปอีกแบบ และตบท้ายด้วยด้วยแตงโมชิ้นใหญ่ เสร็จสรรพผมก็ขึ้นมานอนแผ่เบาะท้ายของรถตู้เพราะกระเพาะเต็มไปด้วยอาหาร จากนั้นก็เผลอหลับไปปล่อยให้สหายชาวมาเลย์ทั้งสองคุยออกรสกับมาเดต่อไป

รู้ตัวอีกทีผมก็มาถึงสวนสมุนไพรพื้นบ้านของชาวบาหลี มาเดพามาเที่ยวชมพร้อมแนะนำพืชพรรณหลากหลายชนิด ทีนี้พวกเราก็ช่วยกันอธิบายกันใหญ่ว่า ต้นไหนไทยเรียกอะไร มาเลย์ชื่ออะไร อินโดชื่ออะไรกันสนุกสนาน ส่วนใหญ่แล้วชื่อในภาษามาเลย์จะใกล้เคียงกับอินโดมากกว่าไทย แถมผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักพืชผักมากมายเท่าใดนัก หลังๆจึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆรับทราบเท่านั้น

แล้วเราก็มาถึงกรงสัตว์ชนิดหนึ่ง รูปร่างหน้าตาคล้ายชะมดนอนขดอยู่ในกรงสองตัว มาเดบอกว่ามันมีชื่อว่าลูวัก (Luwak)เป็นสัตว์หากินกลางคืน กลางวันจึงเป็นบังอรเอาแต่นอน เจ้าตัวนี้หม่ำผลกาแฟเป็นอาหาร ที่นี่ปลูกกาแฟหลายต้น จึงจับได้และเอามาใส่กรงเลี้ยงไว้ เขาบอกว่าอึของเจ้าตัวนี้นำมาทำกาแฟได้ แถมราคาแพงเสียด้วย!! เนื่องด้วยมันหม่ำผลกาแฟ แต่ไม่สามารถย่อยเมล็ดกาแฟนั้นได้ เมื่อถ่ายออกมา มูลของมันจึงมีเมล็ดกาแฟออกมาด้วย ซึ่งลำไส้ของมันจะช่วยบ่มให้รสชาติกาแฟเข้มข้นแต่กลมกล่อมมากขึ้น...มีใครสนใจบ้างไหมครับ


เจ้าลูวักที่กำลังนอนหลับอุตุ

หลังจากชมสวนสมุนไพรเรียบร้อย มาเดก็เชื้อเชิญให้ผมและลูกทีมคนอื่นๆ มานั่งที่เพิงเล็กๆริมหน้าผาซึ่งอยู่ถัดสวนสมุนไพรที่ว่า เพื่อทดลองชิมผลิตผลของสวนอันได้แก่ โกโก้และกาแฟหลากรส โดยมีพนักงานจัดมาให้หลายถ้วยหลายชนิด แน่นอนชิมฟรีครับงานนี้ ผมจึงสอบถามทันทีว่าแก้วไหนกาแฟลูวัก ก็ได้คำตอบว่าไม่มี ถ้าจะชิมต้องจ่ายเงินสามหมื่นรูเปี๊ยะ (ราว106บาท) ผมไม่รีรอขอชิมแก้วนึงทันที ก็ทีสตาร์บักแก้วเกือบสองร้อยยังดื่มได้ ยังไงขอลองกาแฟอึชะมดสักครั้งในชีวิต ทุกคนทำหน้าแปลกใจ มาเดบอกว่า เขาเป็นไกด์มาสองปีไม่เคยเห็นใครคิดจะลองเหมือนผม เขาเองก็ไม่เคยลอง แต่ในเมื่อมีคนดื่มได้แถมยังราคาแพงอีกต่างหากผมจึงอยากลองสักครั้ง เดี๋ยวก่อนครับ...อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิครับคุณผู้อ่าน ผมไม่ได้จะทานอึชะมดเปล่าๆ เพราะหลังจากที่เจ้าลูวักถ่ายมูลออกมาแล้ว เขาจะนำไปล้างทำความสะอาดนำเมล็ดออกจากใยที่หุ้มเมล็ดอีกที จากนั้นไปตากแดดฆ่าเชื้อ (หากมี) จากนั้นจึงนำเมล็ดกาแฟนั้นมาคั่ว และบดแล้วค่อยมาชงในลักษณะกาแฟสดบ้านเราอีกทีหนึ่ง


เครื่องดื่มจำพวกกาแฟหลากชนิดที่มาให้ทดลองชิม

ไม่นานนักกาแฟลูวักก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าผม ผมเชื้อเชิญให้ทุกคนลองชิม แต่ทุกคนเบ้หน้าและปฏิเสธ ผมจึงไม่รีรอ ใส่น้ำตาลทรายเล็กน้อยเพราะเป็นกาแฟเพียวๆไม่ได้ใส่อะไรเลย ลองจิบเล็กๆดู อืมมมม รสชาติเข้มแต่กลมกล่อม หอมคล้ายเอสเพลสโซ จากนั้นผมก็ค่อยๆละเลียดกาแฟแก้วนั้นพลางชื่นชมธรรมชาติจากทิวทัศน์ริมผา ประหนึ่งนั่งจิบกาแฟบนยอดดอยตุงอย่างไม่แคร์สายตาเพื่อนสองสามีภรรยาชาวมาเลย์ ที่แอบชำเลืองมองเป็นระยะๆ


หน้าตากาแฟลูวัก แก้วแค่นี้ร้อยกว่าบาท


หน้าตาชัดๆของลูวัก เจ้าของกาแฟรสดี

หลังจากได้ลิ้มลองกาแฟลูวักแล้ว มาเดก็พาคณะเราออกเดินทางไปชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งต่อไป ผมหลับๆตื่นๆตลอดทางฤทธิ์กาแฟลูวักไม่ได้ช่วยให้ผมตาสว่างเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็มาถึงวัดแห่งหนึ่ง จำไม่ได้เสียแล้วว่าชื่ออะไร ทราบแต่ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแถบนั้น มาเดพาเข้าไปเที่ยวชมได้ไม่นานนักเมฆหนาก็ลอยเข้ามาทำให้ท้องฟ้ามืดลงถนัดใจ ภาพที่ได้จึงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เมื่อฝนลงเม็ดปรอยๆ พวกเราจึงชักชวนกันกลับมาขึ้นรถ และเดินทางกันต่อ


ประตูวัดไร้นาม สังเกตว่าฟ้าเริ่มมืด


ศาลาวัด


เรือโบราณที่เก็บในวัด


แท่นสำหรับวิษณุเทพ


กุฏิที่เก็บรูปปั้นเทพเจ้าฮินดู ว่ากันว่าที่วัดนี้ทำด้วยทองคำ


ล๊อกกุญแจแน่นหนา


ยอดสถูปรูปเทพลีลา


เทพลีลาชัดๆ ผมเข้าใจเองว่าน่าจะเป็น พระศิวะ

มื้อเย็นเพื่อเอาใจเพื่อนชาวมาเลย์ ประกอบกับผมเป็นพวกทานง่าย เราจึงไปหาอาหารอิสลามทานกัน หม่ำไปคุยกันไปเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทย เนื่องจากเพื่อนชาวมาเลย์ของผมเขาเคยมาแต่กทม. ผมจึงถือโอกาสแนะนำสถานที่สวยๆ โดยเฉพาะที่ที่เหมาะแก่การดำน้ำในเมืองไทย เพราะทั้งคู่ชอบดำน้ำ เราละเลียดอาหารอยู่นานราวสองทุ่ม มาเดจึงมาส่งผมที่โรงแรม ผมเห็นว่ายังหัวค่ำจึงถือโอกาสนั่งฟังเพลงพร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ชั้นล่างของโรงแรม แต่นั่งได้พักเดียวเกิดอารมณ์เหงาคิดถึงหวานใจขึ้นมาจับใจ เพราะมองไปเห็นคนอื่นๆเขานั่งเอาศีรษะชนกันเป็นคู่ๆ จึงตัดสินใจขึ้นไปนอนดีกว่า จะได้ตื่นแต่เช้า เตรียมตัวไปเที่ยววันต่อไป




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2551   
Last Update : 24 มิถุนายน 2551 19:46:37 น.   
Counter : 955 Pageviews.  


เป้เดี่ยวฯ ตอน หนีหวานใจไปบาหลี2

ชมบารอง-มองคินตามณี

รุ่งเช้าผมทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็มาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม นักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรมแห่งนี้เป็นส่วนใหญ่ชาวเอเซีย มีฝรั่งบ้างพอสมควร แต่ผมไม่พบคนไทยเลยแม้แต่คนเดียว ไม่รู้ทำไม ไปเที่ยวต่างประเทศทีไร ไม่ค่อยเห็นคนไทยทั้งๆที่ พี่ไทยเราก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเที่ยวตัวยงชาติหนึ่ง สงสัยว่าผมคงรสนิยมไม่เหมือนคนอื่นกระมัง ที่เที่ยวและพักในที่ที่คนไทยด้วยกันไม่ค่อยไป แต่ก็ดีอย่างที่ได้ใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากที่คุ้นเคย


ภาพโรงแรมยามเช้า


ที่นั่งบริเวณระเบียงห้อง ที่เหมาะกับการชมวิวจาก สระน้ำด้านล่าง...หุหุ

ไม่นานมาเดก็มารับผมที่หน้าโรงแรม จากนั้นก็เดินทางไปรับเพื่อนชาวมาเลย์อีกโรงแรมหนึ่ง เห็นโรงแรมเขาแล้วอิจฉาเล็กๆ เพราะโรงแรมเขาแม้ว่าขนาดจะเล็กกว่า แต่เป็นอาคารทรงบาหลีที่สุดแสนจะบูติก ประกอบไปด้วยรูปปั้นและรูปสลัก (แม้จะเป็นของใหม่) ตามสไตร์บาหลีเต็มไปหมด จนผมอดชมให้เพื่อนทั้งสองฟังไม่ได้ว่าน่าอยู่มาก แต่เขากลับบอกว่า “ไม่เห็นดีเลย โอเคว่ารูปทรงของโรงแรมจะสวยสไตร์บาหลี แต่ระบบรักษาความปลอดภัยสู้โรงแรมผมไม่ได้ (เพราะที่ผมพักมีการตรวจตราก่อนเข้า และใช้คีย์การ์ด)จึงไม่กล้าเก็บของมีค่าไว้ที่ห้อง แถมที่ผมพักยังใกล้ถนนคนเดินใกล้แหล่งช้อปปิ้ง แต่ของเขาหลังจากถึงโรงแรม จะออกมาเดินเล่นก็ไม่รู้จะไปที่ใดแถมเงียบและมืดมาก ผมจึงออกปากเล่นๆว่า งั้นมาแลกที่พักกันไหม เพราะผมเองก็ไม่คิดจะช้อปปิ้งอะไรอยู่แล้ว และออกจะชอบบรรยากาศที่เงียบๆมากกว่า เขาก็ได้แต่หัวเราะ


หัตถกรรมผ้าทอ

พวกเราออกเดินทางขึ้นไปทางผ่านตอนกลางของเกาะขึ้นไปทางเหนือ ระหว่างทางก็แวะชมงานหัตถศิลป์จำพวกผ้าบาติกและเครื่องเงิน ซึ่งผมดูแล้วว่าไม่ต่างจากของไทยเรา แถมดูเหมือนฝีมือช่างไทยเราจะสวยและปราณีตกว่า ผู้คิดจะซื้อเป็นที่ระลึกโปรดพิจารณา ผมแวะเข้าออกร้านขายของหัตถศิลป์อีกสองสามร้านตามประสามากับไกด์ แต่ก็ไม่มีของสิ่งใดที่สามารถดูดเงินในกระเป๋าผมไปได้...หุหุ


ทำผ้าบาติก


โชว์ผ้าบาติก


เครื่องเงิน


ภาพศิลป์

สิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ผมสนใจมากกว่าสินค้าหัตถกรรมตามร้านต่างๆ คือทุกๆร้านจะมีสิ่งเคารพบูชาคล้ายพระภูมิเจ้าที่บ้านเราตั้งไว้บริเวณหน้าบ้านทุกๆบ้านและบางบ้านก็จะมีรูปปั้นตั้งไว้ด้วย แต่ที่แปลกก็คือ รูปปั้นเหล่านั้นรวมทั้งเสาพระภูมิ(ตามความเข้าใจของผม) เขาจะคาดด้วยผ้าลายหมากรุกขาวดำไว้ทุกที่ สอบถามได้ความว่า ชาวบาหลีเชื่อว่ารูปปั้นและพระภูมิเจ้าที่เหล่านี้มีวิญญาณจึง เขาจึงต้องจัดหาผ้านุ่งให้เหมือนคนเรา แต่ที่ใช้ผ้าลายหมากรุกขาวดำนั้นเพราะ สีขาวแทนความดี ส่วนสีดำแทนความชั่ว ซึ่งทุกคนรวมทั้งวิญญาณและเจ้าที่ต่างมีทั้งดีและชั่วปนกันในตัวคนเดียว จึงใช้ผ้าลายหมากรุกขาวดำ เป็นตัวแทน ส่วนบางบ้านที่มีขนาดใหญ่ เขาจะสร้างวัดขึ้นประจำบ้านไว้สำหรับบูชาเทพและเจ้าที่เลยทีเดียว แต่ไม่ต้องตกใจ วัดที่สร้างมีขนาดไม่ได้ใหญ่กว่าเพิงเล็กๆเลย นอกจากบ้านเศรษฐี ก็ต้องใหญ่ตามฐานะซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหมครับ


พระภูมิห่มผ้า


ตุ๊กตานุ่งโสร่ง


ต้นไม้ก็ยังห่มโสร่ง

และแล้วในที่สุดผมก็ได้มาชมระบำบารองตามที่ตั้งใจเสียที เมื่อมาถึงการแสดงกำลังเริ่มต้นพอดี ผมไม่รอรีปรี่เข้าไปด้านหน้าเวทีทันทีเพื่อหาโอกาสถ่ายภาพสวยๆเป็นที่ระลึก

บารองเป็นชื่อของสัตว์เทพนิยายของชาวบาหลีรูปร่างหน้าตาคล้ายสิงโต เรื่องราวของระบำเกี่ยวกับสงครามระหว่างความดีและความชั่ว ซึ่งบารองเป็นตัวแทนของความดี และแรงดา (Rangda= ปีศาจที่ชอบกินเนื้อเด็ก รูปร่างน่ากลัว) เป็นสัญลักษณ์แทนความชั่ว เรื่องราวโดยย่อเริ่มต้นที่เทวีกุณติ (Dewi Kunti)เคยสัญญากับแรงดา ว่าจะสังเวยพระโอรสเพื่อบูชา แรงดาจึงหาทางไปทวงสัญญา วันหนึ่งแม่มดทาสของแรงดาสองนาง มาพบคนรับใช้ของเทวี จึงเข้าสิงและเดินทางไปพบปาติ (Patih=นายกมนตรี) เพื่อหาทางเข้าเฝ้าเทวีกุณติ เมื่อพบปาติ ทาสของแรงดาก็เข้าสิงปาติแทน และเดินทางไปเข้าเฝ้าเทวีและเจ้าชายอีกต่อหนึ่ง


นายกปาติ


เทวีกุณติ

เมื่อพบเทวีและเจ้าชาย วิญญาณแม่มดก็เข้าสิงเทวีทันที ทันทีที่เข้าสิงเทวีกุณติก็แสดงกริยาดุร้ายพร้อมทั้งสั่งปาติให้จับ เจ้าชายสหเทวะ (Sahadewa) พระโอรสไปผูกไว้กับไม้ใหญ่ในป่าเพื่อรอสังเวยแรงดา ปาติซึ่งถูกวิญญาณแม่มดสิงจึงลงมือโดยไม่สงสารเห็นใจเจ้าชายแม้แต่น้อย


ผู้ชมที่กำลังสนใจในระบำ

ร้อนถึงพระศิวะ (Siwa) ต้องมาช่วยโดยประสาทพรให้เจ้าชายเป็นอมตะ(โดยการดีดดอกลีลาวดีใส่?) นอกเรื่องนิดนึง ที่นี่เขานิยมปลูกต้นลีลาวดี หรือเดิมที่เราเรียกกันว่าลั่นทมทุกสถานที่ทุกแห่งทั้งในวังวัดบ้านเพราะเขาถือเป็นไม้มงคล จึงเห็นดอกลีลาวดีหลากหลายสีบานสะพรั่งเต็มต้น เป็นเมืองไทยคงพบเห็นได้เฉพาะในวัดเพราะเราถือว่าชื่อไม่มงคล แต่ปัจจุบันหลังเปลี่ยนชื่อแล้ว คนรุ่นใหม่หลายๆคนก็นำมาปลูกมากขึ้นๆ ผมเองก็เห็นว่าสวยดีแต่ถ้าเอามาปลูกที่บ้านคงโดนไม้เรียวคุณแม่แน่ๆ


พระศิวะมาประสาทพรให้เจ้าชาย

กลับมาที่ระบำต่อ เมื่อแรงดาปรากฏกาย ก็ตรงเข้าจะสังหารและกินเจ้าชาย แต่เจ้าชายเป็นอมตะเสียแล้วฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย สุดท้ายแรงดาจึงขออภัยและให้เจ้าชายช่วยไถ่บาปให้ เจ้าชายก็รับปากจากนั้นจึงสังหารแรงดา แรงดาเมื่อได้รับการถ่ายบาปจึงสามารถไปสู่สวรรค์ได้ (ตามความเชื่อของฮินดู หากได้รับการถ่ายบาปจะสามารถไปสู่สวรรค์ได้ เมื่อทศกัณฑ์แพ้พระรามก็เช่นเดียวกัน เมื่อขอให้พระรามไถ่บาปให้ ทศกัณฑ์ซึ่งมีบาปหนาเพราะไปรบกับเทพเจ้า ก็สามารถไปอยู่ร่วมกับพระเป็นเจ้าได้อีกครั้ง)


แรงดาปรากฏกาย


ตรงเข้าทำร้ายเจ้าชาย

ทาสคนหนึ่งของแรงดาชื่อ กาลิกะจึงมาขอให้ เจ้าชายไถ่บาปให้เธอเช่นเดียวกัน แต่เจ้าชายปฏิเสธ เธอจึงโกรธและแปลงร่างเป็นหมูป่า เข้าต่อสู้กับเจ้าชายแต่ก็แพ้ จึงกลายร่างเป็นนกยักษ์เข้าสู้ แต่ก็แพ้เช่นเดิม สุดท้ายเธอจึงกลายร่างเป็นแรงดาคราวนี้ สหเทวะไม่สามารถสู้ได้ จึงสวดมนต์ภาวนาให้ตนกลายร่างเป็นบารองเข้าต่อสู้กับแรงดา ซึ่งก็ยังไม่สามารถเอาชนะแรงดาตัวใหม่ได้อีก ต้องอาศัยลูกน้องของบารองมาช่วยกำจัด เมื่อเอาชนะแรงดาได้ บารองจึงชุบชีวิตให้ลูกน้องของตนที่ตายไปมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และการต่อสู้ของแรงดาและบารองก็ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด ตราบใดที่ยังมีความชั่วร้าย(แรงดา) ความดี(บารอง) ก็ต้องมาปราบเสมอวนเวียนเป็นวัฎจักรสืบไป สู้ต่อไปนะ...ไอ้มดแดง เอ้ย...บารอง


บารองสู้กับแรงดากาลิกะ


บารองและสมุนเอาชนะแรงดาได้ในที่สุด

เสร็จจากชมระบำ พวกเราก็มุ่งหน้าขึ้นไปทางตอนเหนือของเกาะเพื่อไปชมภูเขาไฟแถบคินตามณีต่อ การเดินทางใช้เวลาพอสมควร เพราะเป็นทางขึ้นเขาที่ค่อนข้างคดเคี้ยว และถนนที่บาหลีค่อนข้างแคบแม้ว่ารถส่วนใหญ่ที่นี่จะใช้รถเล็กจำพวกวิออส อแวนซา และวิทาราเป็นส่วนใหญ่ เวลาสวนกันก็ต้องเบี่ยงให้กันเล็กน้อย รถยุโรปคันโตๆคงวิ่งลำบาก

หลับๆตื่นๆพักใหญ่ก็มาถึงสถานที่ที่คุ้นหูเพราะเคยเป็นชื่อละครทีวีเมื่อหลายปีก่อน คินตามณีเป็นชื่อของหมู่บ้านที่เรียกตามชื่อเมืองโบราณอยู่ใกล้ปล่องภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ ด้านหน้าเชื่อมต่อกับทะเลสาบบาตูร์ ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1500 เมตร จัดเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของบาหลี ที่ทะเลสาบแห่งนี้ยังมีวัดที่สวยงามแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบ แล้วผมจะค่อยๆนำเสนอให้ชมในลำดับต่อไป


ภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ โปรดสังเกตเถ้าภูเขาสีดำ


นิ้วจะพองไหมนี่


ทะเลสาบบาตูร์


ต้นลีลาวดี


ดอกลีลาวดี

ภูเขาไฟกุนุง บาตูร์เป็นที่เคารพของชาวบาหลีมาหลายพันปีเป็นภูเขาไฟที่คุกรุ่นอยู่ มีสามปล่องหรือยอด เมื่อราวสิบปีที่แล้วบริเวณคินตามณีเคยถูกทำลายจากการประทุของภูเขาไฟ มีผู้คนเสียชีวิตไปจำนวนมาก ปัจจุบันยังเห็นร่องรอยเถ้าภูเขาไฟตอนล่างชัดเจน




 

Create Date : 22 มิถุนายน 2551   
Last Update : 22 มิถุนายน 2551 16:44:49 น.   
Counter : 1144 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

adept
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แม้สายน้ำมิอาจไหลย้อนกลับ แต่เราสามารถแลหลัง เหลียวดูมันได้
[Add adept's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com