กรุง Amman เป็นเมืองเก่าแก่มีประวัติศาสตร์สืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคบรอนซ์ เดิมเรียกว่า Ammon ซึ่งหมายถึง city of water (สงสัยคงชุ่มชื้นกว่าบริเวณอื่นมั๊ง...ผมคิด) เป็นเมืองหลวงของชาว Ammonites ซึ่งในไบเบิ้ลบันทึกว่าเคยถูกกษัตริย์เดวิดแห่งอิราเอลโจมตีเมื่อ1200BC
เนื่องจากเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวในยุคสมัยต่างๆมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวกลุ่มแรกของวันนี้อยู่ติดกันและมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน แห่งแรกคือ Roman Forum เป็นจัตุรัสที่มีเสา columns ตั้งเรียงรายในพื้นที่ 50×100 เมตร
Roman Forum
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่สองคือ Roman Theatre เป็นโรงละครขนาดใหญ่ 6,000 ที่นั่งตั้งถัดจาก Roman Forum สร้างขึ้นในสมัย 2AD ที่ด้านล่างของโรงละครมีห้องจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์สองแห่งคือ Folklore museum ซึ่งแสดงประเพณีวัฒนธรรมตั้งแต่ยุคเบดูอิน และ Museum of Popular traditions ซึ่งแสดงเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของชนเผ่าต่างๆ ในดินแดนแถบนี้แต่โบราณ
Roman Theatre
ด้านล่างซึ่งจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์
ตัวอย่างรูปปั้นที่แสดงวิถีชีวิตชาวจอร์แดน
โมเซอิค ที่แสดงในพิพิธภัณฑ์
สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่เยื้องจากRoman Theatre คือ Odeon เป็นโรงละครขนาดเล็กที่จุผู้ชม 500 ที่นั่งสร้างสมัยเดียวกันกับRoman Theatre คาดว่าน่าจะใช้เป็นสถานที่ให้เหล่า AF หรือ the Stars ยุคนั้นฝึกร้องเพลงเรียกแฟนคลับก่อนไปเปิดการแสดงใหญ่ที่ Theatre หลังได้แชมป์กระมัง
Odeon
ถัดจากชม Odeon แล้ว ผมถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนด้านหน้าว่า the Citadel สถานที่ท่องเที่ยวแห่งต่อไปอยู่ไหน เพราะดูแผนที่แล้วไม่น่าจะไกลจากจุดที่ผมยืนอยู่เท่าใดนัก เขาชี้ให้ดูบนเนินเขาซึ่งสูงราวสองสามร้อยเมตรด้านหน้าและบอกว่า ขึ้นแท็กซี่ไปสิบนาทีก็ถึง ผมมองตาม กล่าวขอบคุณและบอกว่าคงจะเดินไปเองได้ เจ้าหน้าที่ยิ้มแล้วบอกว่าตามใจ ผมจึงชักชวนสองสาวเดินขึ้นเนินสูง มุ่งหน้าสู่ the Citadel ต่อไป
ปราสาทถัดไปอยู่ห่างจากปราสาทแรกประมาณ 20 km เป็นปราสาทขนาดเล็ก ที่ชื่อว่า Qusayr Amra (Qusayr = little castle) อย่าเห็นว่าเป็นแค่ปราสาทขนาดเล็กๆ ไม่น่าสนใจ เพราะถึงจะเล็ก แต่ก็เล็กเซียวหงส์ เพราะปราสาทนี้เป็นหนึ่งใน UNESCO world heritage list เลยทีเดียว
หลังจากเพลิดเพลินเจริญใจใน Oval Plaza แล้วพวกเราก็เดินไปตาม Colonnaded street หรือถนนที่สองข้างทางประดับด้วยเสาหินโรมันขนาดใหญ่จนมาพบกับ South Tetrapylon หรือสี่แยกทิศใต้นั่นเอง มีความงดงามทางสถาปัตยกรรม เพราะที่แยกนี้มีอาคารที่มีฐานทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ 4 แห่งตั้งอยู่ที่มุมทั้งสี่ของจุดตัดของแยก ด้านบนคาดว่าประกอบด้วยเสาcolumns และโครงสร้างรูปทรงพีระมิด แต่ปัจจุบันพังทลายเหลือแต่ฐานทั้งสี่ดังกล่าว
หนึ่งในสี่ฐาน Tetrapylon
อาคารถัดมามีชื่อว่า the Cathedral เป็นวัดโรมันที่สร้างแด่เทพแห่งเมรัย Dionysus ต่อมาในสมัยไบเซนไทน์จึงถูกใช้เป็นโบสถ์คริสต์ จาก the Cathedral เดินลึกเข้าไปจะพบโบสถ์คริสต์อีกแห่งหนึ่งคือ โบสถ์ Saint Theodore เป็นโบสถ์เล็กๆที่สร้างในสมัย 496AD
Umm Qais หรือสมัยโบราณเรียกว่า Gadara เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติเก่าแก่มาตั้งแต่ สมัยปโตเรมีราว 198BC c ต่อมา Gadara อยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Roman province of Syria