freedom in my life
Group Blog
 
All blogs
 
Greek Mythology: The Gods of the Mount Olympus in the Greek Mythology




      ตาม Hesiod,เริ่มตรงที่เทพเจ้าชื่อ Chaos (เคออส) ซึ่งแปลว่าความว่างเปล่า คือเริ่มจากทั้งจักรวาลไม่มีอะไรเลย จากนั้นก็มี Gaia (กายยา) ซึ่งแปลว่าดิน, Tartarus (ทาทารัส) ซึ่งแปลว่านรก และ Eros ซึ่งแปลว่าตัญหา เกิดขึ้นมา แล้วกายยาก็ให้กำเนิด Uranus (ยูเรนัส) ซึ่งเป็นเทพแห่งท้องฟ้า โดยลำพัง แต่ตาม Apollodorus แล้ว เรื่องเริ่มจากตรงกายยาเลย
      ยูเรนัสได้เป็นผู้ปกครองเทพเจ้าทั้งหมดเป็นคนแรก จากนั้นกายยาและยูเรนัสก็สมสู่กัน และให้กำเนิดลูก ๆ มากมาย ลูกๆ ของกายยาและยูเรนัสก็แบ่งได้เป็นสี่กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นยักษ์ร้อยมือ ห้าสิบหัว มีสามคนด้วยกัน ชื่อ Briareus (ไบอาริอุส) Gyes (กายเอ็ส) และ Cottus (คอททัส) กลุ่มที่สองเรียกว่า Cyclopes หรือยักษ์ตาเดียว ชื่อ Arges (อาเกส):แสงสว่างจากฟ้า Steropes (สเตอโรเปส) : ฟ้าผ่า และ Brontes (บรอนเตส) : ฟ้าร้อง
      ลูกทั้งหกคนนี้ ถูกยูเรนัสจับโยนลงไปในนรกและขังไว้เพราะความเกลียดชัง จากนั้นยูเรนัสและกายยา ก็มีลูกสองกลุ่มถัดมา เรียกว่า Titans (ไททาน) ซึ่งเป็นชายหกคน และ Titanides (ไททานไนด์) ซึ่งเป็นหญิงเจ็ดคน แต่บางทีก็ถูกเรียกเป็น Titans เหมือนกันหมด เนื่องจากยูเรนัสมีความกลัวว่าลูกของตนจะมาแย่งชิงอำนาจ และตำแหน่งเทพแห่งเทพไป เมื่อกายยาเกิด Titans ออกมายูเรนัสก็เอาไปขังไว้ใต้ดินทีละคน (ในเมื่อกายยาคือพื้นดิน ใต้ดินก็น่าจะเป็นในตัวกายยาเอง) พวก Titans ถูกยูเรนัสขังไว้ในท้องกายยาเมื่อมากๆ เข้ากายยาก็เจ็บปวดและทนไม่ไหว จึงวางแผนที่จะให้ลูกๆ ในท้องทำร้ายพ่อ และหนีออกมา นางจึงสร้างมีดโค้งขึ้นมาหนึ่งอัน จากวัสดุที่เรียกว่า Adamant ซึ่งเชื่อว่าแข็งแรงที่สุด และนำไปให้ลูกๆ ในท้อง พร้อมกับบอกแผนการไป แต่เนื่องจากลูกทุกคนก็กลัวพ่อ จึงไม่มีใครกล้าทำตามแผนของกายยายกเว้น Cronus (โครนัส) ซึ่งยอมที่จะช่วยแม่





      ตามแผนของกายยาโครนัสจะต้องรอจนกว่ายูเรนัสจะมาสมสู่กับกายยาเมื่อยูเรนัสมา โครนัสซึ่งอยู่ในท้อง ก็จะต้องใช้มีดตัดอวัยวะเพศของยูเรนัสแล้วพาพี่น้องหนีกันออกมา แน่นอนว่าสำเร็จตามแผน เมื่อออกมาแล้ว โครนัสก็นำอวัยวะของพ่อไปทิ้งทะเล เมื่อตกโดนทะเล ก็มีฟองเกิดขึ้นมากมาย และในท่ามกลางฟองนั้นก็มีเทพเจ้าอีกคนถือกำเนิดขึ้นมา คือ Aphrodite นั้นเอง (จริงๆ แล้ว ในภาษากรีก คำว่า Aprhodite แปลว่า เกิดจากฟอง) และด้วยเหตุนี้ Aphrodite จึงเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและตัญหา
      โครนัสก็พาพี่น้องออกกันมาได้สำเร็จ และกลายเป็นเทพแห่งเทพหลังจากแย่งชิงบัลลังค์จากพ่อได้ ดังที่ยูเรนัสกลัว ฝ่ายยูเรนัสบันดาลโทสะกล้า จึงสาปแช่งโครนัสให้ถูก ลูก ๆ ของตัวเอง แย่งอำนาจในกาลภายหน้าเช่นกัน โครนัสไม่แยแสใน คำสาปของบิดา จัดแจงปล่อยเทพภราดรและภคินีให้เป็นไททั้งหมด ทุกองค์แสนจะปิติและรู้คุณ โครนัสในการที่หลุดพ้นจากการ จองจำได้เป็นไท จึงพร้อมใจกันยอมยกให้โครนัสเป็นใหญ่ปกครองตน โครนัสเลือกเทพภคินีองค์หนึ่งคือ รีอา เป็นคู่ครอง และปันส่วนอื่น ๆ ให้เทพภราดรภคินีปกครองโดยทั่วถึงกัน



Chronus and Reah
โครนัสถูกโค่นเทพบัลลังก์
      โครนัส(โครนัส) หรือภาษาโรมันเรียกว่า แซ็ทเทิร์น ดำรงความเป็นใหญ่ในเหล่าเทพทั้งปวงอยู่ ณ เทือกเขาโอลิมปัสเป็นสุขสงบมาจนกระทั่งถึงกาล วันหนึ่ง มีเทวบุตรองค์หนึ่งเกิดแก่ไท้เธอ คำสาปของยูเรนัสผุดขึ้น ในความทรงจำทันที ไท้เธอจึงรีบไปหาเจ้าแม่รีอาและจับกุมารนั้นกลืนกินเสีย ต่อมาถึงโอรสจะเกิดอีกสักกี่องค์ โครนัสก็จับกินสิ้นทุกองค์ แม้เจ้าแม่รีอาจะวอนขอให้งดเว้น ไท้เธอก็ไม่ยอมฟัง ในที่สุดเจ้าแม่รีอาจึงตั้งปณิธานว่าจะเอาชนะ ไท้เธอด้วยอุบายให้จงได้ ดังนั้นพอประสูตร โอรสองค์ใหม่คือ ซูส (Zeus) หรือ ยูปิเตอร์ (Jupiter) ตามภาษาโรมัน เจ้าแม่เธอก็ซ่อนไว้เสีย
      โครนัสได้ข่าวเทพกุมารองค์ใหม่เกิด จึงรีบมาหมายจะจับกินเสีย เจ้าแม่รีอาแสร้งทำเป็นวอนขอพอเป็นพิธี แต่ในที่สุดก็ทำเป็น โอนอ่อนผ่อนตาม เอาก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งห่อผ้าอ้อมเตรียมไว้แล้วส่งให้ พลางทำเป็นเศร้า โศกนักหนา โครนัสไม่ทันดู รับก้อนหิน สำคัญว่าเป็นบุตร จึงกลืนกินแล้วก็กลับไป เจ้าแม่รีอาจัดแจงฝากฝังเทพทารกให้อยู่ในความทะนุถนอมกล่อมเลี้ยงของนางอัปสรนีเรียด นางอัปสรจึงพา ซูสไปไว้ในถ้ำบน ยอดเขา ไอคา ณ ที่นั้น นาง แอมัลเธีย (Amalthea) บุตรสาวของ มิลิสซัส เจ้าครองเกาะครีต ได้รับธุระ อนุบาลซูสด้วยนมแพะ นาง แอลมัลเธียนี้บางตำนานกล่าวว่าเป็นนางแพะ และว่าภายหลังซูสได้ประสิทธิ์ประสาทให้ เป็นดาวฤกษ์กลุ่มหนึ่งในสวรรค์ เป็นการตอบ แทนคุณความดีของนางที่มีแด่ไท้เธอ และประทานเขาข้างหนึ่งให้แก่ นางอัปสรที่โอบอุ้มทะนุถนอมไท้เธอมาแต่น้อย เป็นเขาสารพัดนึก ซึ่งนางอัปสรจะนึกเอาอะไรก็ได้ดังประสงค์ รูปเขา บรรจุแพะของมองมูน จึงถือกันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง เรียกว่า เขาแห่งความมากมูน (the horn of plenty) มาจนตราบเท่าทุกวันนี้

      อนึ่ง เพื่อป้องกันเสียงร้องของเทพกุมารซูส มิให้ดังขึ้นไปถึงโครนัสพวก คิวรีทิส สาวกของเจ้าแม่รีอาซึ่งรับ หน้าที่เป็นอาจารย์ ของซูส ยังคิดแบบกระบวนเต้นรำแบบหนึ่งประกอบด้วยเสียงประติรพเซ็งแซ่ และเสียงประสาน อาวุธสนั่นอึกทึกกลบเสียงของซูสไว้ด้วย ฝ่ายโครนัสสำคัญว่าคำสาปของบิดาไม่เป็นผลแล้วก็สิ้นวิตก มิได้แยแสกับ เสียงเอ็ดอึงของคิวรีทิส กว่าจะรู้ว่าเป็นเสียงลวงไท้เธอมิให้รู้ ว่าซูสยังดำรงชนม์อยู่ก็สายไปเสียแล้ว
      ซูสและบิดาประจัญกันอย่างดุร้าย ไม่นานโครนัสก็เป็นฝ่ายปราชัย ซูสจึงเข้ายึดอำนาจไพบูลย์ไว้ และหารือเจ้าแม่รีอา ตกลงกันเอาน้ำสำรอกที่นาง มีทิส (Metis) ธิดาของโอเชียนัสประกอบขึ้น บังคับให้โครนัสดื่มสำรอกกุมารที่กลีนเข้าไปออกมาหมด ทุกองค์ คือ โปซิดอน, ฮาเดส, เฮสเทีย, ดีมิเตอร์ และ ฮีรา (Poseidon, Hades, Hestia, Demeter, Hera) ตาม ลำดับ ส่วนก้อนหินที่โครนัสถูกหลอกให้กลืนก็สำรอกออกมาด้วย หินก้อนนี้ภายหลังได้เอาไปเก็บรักษาไว้เป็นที่เคารพบูชาแทนองค์ซูส ณ วิหารเดลฟี (Delphi)
      เมื่อยึดอำนาจสูงสุดสำเร็จ ซูสก็เลือกฮีราเทวีภคินีองค์หนึ่งเป็นคู่ครอง และแบ่งสันปันส่วนอาณาเขตให้เทพภราดรปกครองทั่วทุกองค์ ส่วนเทพและเทพีที่เฉลียว ฉลาดที่สุดในเหล่าเทพไทแทน คือ เนโมซินี ,โอเชียนัส และไฮเพอร์เรียน ต่างองค์ต่างก็ยอมอยู่ในอำนาจของซูสโดยดุษณี แต่เทพไทแทนองค์อื่น ๆ ที่ไม่ยอมอ่อนน้อมด้วย จึงเป็นเหตุให้เกิดศึกใหญ่ขึ้นขับเขี้ยวพันตูกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ศึกยักษ์
      ซูสอยู่บนยอดเขาโอลิมปัส เห็นฝ่ายปัจจามิตรมีจำนวนมากกว่า แต่ละองค์ล้วนทรงพลังน่าเกรงขาม จอมทัพที่เป็นขุนพลใหญ่ของเหล่าเทพไทแทนในขณะนั้นคือ แอตลาส (Atlas) จึงเป็นเหตุให้ไท้เธอหันไปผูกสัมพันธไมตรีกับพวกไซคลอปส์ ยักษ์ตาเดียว ซึ่งยังถูกขังอยู่ในตรุทาร์ทะรัสใต้บาดาล ให้ยักษ์เหล่านี้ประกอบอสนีบาต สำหรับไท้เธอใช้เป็นอาวุธ แลกกับความเป็นไทในการที่จะได้ปลดปล่อยจากตรุที่คุมขัง อาวุธใหม่นี้มีอานุภาพร้ายกาจก่อความตระหนกและสยบสยอนให้เกิดแก่เหล่าเทพ ไทแทนขัาศึกอย่างใหญ่หลวง ถึงจะรวมกันสู้รบอย่างหักหาญสักเพียงใดก็ไม่อาจเอาชนะซูสได้ รบกันอยู่ 10 ปี ในที่สุดพวกไทแทนจึงยอมศิโรราบ รับรองความเป็นใหญ่ของซูส เทพไทแทนที่ยอมแพ้บางองค์ก็ถูกทุ่มทิ้งลงจำขังไว้ในตรุทาร์ทะรัสอีกวาระหนึ่ง และตัวแอตลาสเองเมื่อพ่ายแพ้ให้แก่ซูส ก็ถูกลงโทษให้แบกสวรรค์อยู่ตลอดเวลา ส่วน โครนัสหนีเตลิดไปตั้งหลักแหล่งในต่างแดนแคว้นเฮสเพอเรีย คือ อิตาลี เดี๋ยวนี้ และครองความเป็นใหญ่ในประเทศนั้นเป็นสุขสงบสืบมาอีกช้านาน ชาวกรีกโบราณเชื่อกันเป็นมั่นเหมาะว่า บริเวณที่เทพทั้ง 2 ฝ่ายกระทำมหายุทธการครั้งนั้น อยู่ในแคว้นเทสซาลีตรงที่มีภูมิประเทศขรุขระลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาก ซึ่งเขาว่า เป็นไปด้วยฤทธิ์อำนาจของพวกเทวดาทุ่มก้อนหินประหัตประหารกันบ้าง ก่อภูเขาขึ้นจะให้ถึงที่ประทับของซูสเพื่อชิงอสนีบาตบ้าง เป็นต้น
      เมื่อซูสได้เถลิงอำนาจสูงสุดเป็นเทพบดี ณ ยอดเขาโอลิมปัส และเพิกถอนอำนาจของเทพไทแทนหมดแล้ว ก็นึก กระหยิ่มว่า จะได้ครองไอศวรรย์แห่งทวยเทพอันช่วงชิงไว้ได้โดยมิชอบด้วยความสงบราบคาบสิ้นเสี้ยนหนาม ที่ไหนได้ เจ้าแม่ จีปฐพีเทวียังคุมแค้นหมายจะลงทัณฑ์ซูสที่ล่วงสิทธิโดยชอบธรรมของเทพไทแทน โอรสของเจ้าแม่ ให้สาสมกับความแค้นจึง เนรมิตอสูรขึ้นตนหนึ่ง เรียกว่า ไทฟอน (Typhon) เป็นยักษ์ดุร้ายมีกายประกอบด้วย หัวมังกรนับร้อย มีเปลวไฟพวยพุ่งออกจากดวงตา จมูกและปาก แผดเสียงก้องกัมปนาทอยู่เนืองนิตย์ ยังความ สยบสยอน ให้บังเกิดแก่ทวยเทพ ถึงแก่หนีเตลิด จากเขาโอลิมปัสไปหลบซ่อนในอียิปต์ตามกัน มิหนำซ้ำอารามที่กลัว จัดเกรงอสูรมหาวินาศจะตามไป เทพเหล่านั้นยังจำแลงองค์ เป็นสัตว์นานาชนิด ด้วยเพื่อมิให้อสูรจำได้ ซูสจำแลง เป็นแกะ ส่วนฮีราจำแลงเป็นโค ถึงอย่างไรก็ดี ในไม่ช้าราชาแห่ง ทวยเทพก็เกิดความละอายในการหลบหนีอย่าง ขลาดกลัวของไท้เธอ ซูสจึงกลับคืนสู่เขาโอลิมปัสด้วยความมั่นหมายจะฆ่ายักษ์ ไทฟอนด้วยอสนีบาตให้จงได้ การสู้รบ ดำเนินไปเป็นเวลานาน ในที่สุดซูสก็ประหารศัตรูลงได้ แต่ไม่นานก็มียักษ์อีกตนหนึ่ง อุบัติขึ้นโดยการเนรมิตของ เจ้าแม่จี ชื่อว่า เอนเซลาดัส (Enceladus) เข้าต่อรบกับซูสเพื่อแก้แค้นแทนไทฟอน ซูสจับ เอนเซลาดัสได้ล่ามโซ่ แน่นหนาขึงพืดตรึงไว้ใต้ภูเขาเอตนา แต่กว่าจะสงบเงียบ เอนเซลาดีสก็คำรนคำรามแผดเสียงกึกก้อง กระเหี้ยน กระหือรือ และครวญครางพิลึกพิลั่นอยู่ช้านาน บางทีก็พ่นไฟขึ้นหวังจะทำอันตรายเทพบดีผู้พิชิตตนอีกด้วย ต่อมากาล ผ่านไปเอนเซลาดัสจึงหยุดสำแดงฤทธิ์อาละวาด เพียงแต่ขยับตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหวเป็นครั้งคราวเท่านั้น
นิยายอิทธิฤทธิ์ตอนนี้เป็นตอนที่คนโบราณผูกขึ้นอธิบายปรากฏการณ์เกี่ยวกับภูเขาไฟระเบิด และแผ่นดิน ไหว นั่นเอง



Create Date : 17 กันยายน 2549
Last Update : 17 กันยายน 2549 15:58:25 น. 1 comments
Counter : 915 Pageviews.

 
ชอบมากเรย หามาเล่าอีกน๊ะครับ ขอบคุณครับ


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 17 กันยายน 2549 เวลา:15:36:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ke_iza
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ke_iza's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.