THUNDER AND THE WIND : The After War ตอนที่ 11



ตอนที่ 11 หักหลัง!

ยุนบกตกตะลึงพรึงเพริดด้วยไม่คาดคิดว่าหญิงสาวเรียบร้อยและทระนงตนอย่างจองฮยางจะทำเช่นนี้ ด้วยความลืมตัวเขาจึงผลักนางออกทำให้ร่างบางถึงกับหงายหลังผึ่ง ก่อนที่ยุนบกจะเข้าไปประคองนางด้วยความเป็นห่วง

“อ่ะ! ข้าขอโทษ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามอย่างร้อนใจพลางช่วยพยุงนางขึ้น หากแต่โดนร่างบางผลักเข้าเต็มแรง นางจ้องเขาด้วยความเจ็บปวดพร้อมน้ำตาคลอเบ้า 

“อย่ามาแตะต้องข้า หากท่านรังเกียจข้าถึงเพียงนี้ !” นางตะหวาดใส่เขาก่อนจะลุกออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“จองฮยาง!” เขาได้แต่ตะโกนไล่หลังแต่ไม่กล้าจะวิ่งตามนางไป

“ยุนบก เจ้าคนน่าทุเรศ!” เขาสบถกับตนเอง

จองฮยางวิ่งอย่างสะเปะสะปะออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ด้วยน้ำตาที่ไหลรินทำให้นางมองไม่เห็นทางนัก ยิ่งในเวลาพลบค่ำเช่นนี้แล้ว นางจึงวิ่งไปชนเข้ากับร่างแข็งแกร่งของบุรุษผู้หนึ่งเข้าอย่างจัง

“โอ้!เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง คนงาม” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางจึงเงยหน้ามองบุรุษผู้นั้น และพบว่าเขาคือพระเจ้าจองโจนั่นเอง

“อาญามิพ้นเกล้า หม่อมฉันขอประทานอภัยเพค่ะ” นางทรุดตัวลงคุกเข่าและกล่าวเสียงสะอึกสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงรินไหลไม่ขาดสาย เมื่อทอดพระเนตรดังนั้นจึงเข้าไปประคองร่างบางที่กำลังสั่นเทาให้ลุกขึ้นอย่างเบามือ

“เจ้าลุกขึ้นเถอะ และก็หยุดร้องไห้ด้วย หากใครมาเห็นเข้าคงได้คิดว่าข้ากำลังรังแกสาวงามอยู่เป็นแน่” พระองค์ตรัสพลางซับหยดน้ำตาของนาง จองฮยางรู้สึกแปลกใจในความอ่อนโยนที่ได้รับจากผู้เป็นพระราชาอยู่ในที หากแต่ ณ เวลานี้ ไม่มีสิ่งใดที่นางต้องการมากไปกว่าการปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนเช่นนี้อีกแล้ว นางจึงมิได้ขัดขืนแต่อย่างใด

“ไหนเล่าให้ข้าฟังซิ ผู้ใดกันช่างบังอาจมาทำให้เจ้าต้องหลั่งน้ำตาเช่นนี้” พระองค์ตรัสถามพลางจ้องมองดวงหน้างดงาม

“ให้ตายเถอะ ข้าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!” ยุนบกกล่าวขึ้นหลังจากนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จึงตัดสินใจที่จะบอกกับจองฮยางถึงความในใจทุกสิ่งอย่างที่เขาแอบซ่อนไว้ เพียงเพราะความขี้ขลาดของเขาตัวเดียวที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ หากเขาบอกกับนางไปตรงๆ มีหรือคนอย่างจองฮยางจะไม่เข้าใจเขา ในเมื่อนางเองก็เป็นสตรีเพศเช่นเดียวกับเขา ย่อมมีความรู้สึกเขินอายต่อการแสดงออกถึงอารมณ์รักใคร่ เช่นนี้แล้วใยเขาตองเก็บมันไว้ในใจให้เป็นปัญหาต่อความสัมพันธ์นี้ต่อไปอีกเหล่า เมื่อตัดสินใจได้เขาก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที และวิ่งหานางไปทั่วบริเวณบ้าน จนต้องมาหยุดชะงักกับภาพที่เห็นพระเจ้าจองโจตระกองกอดนางผู้เป็นที่รักของเขาไว้ในอ้อมแขน เขาได้แต่ยืนแข็งทื่อตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ก่อนที่พระเจ้าจองโจจะรู้สึกพระองค์ว่ามีผู้อื่นอยู่ในบริเวณนั้นด้วย 

“โอ้..เป็นเจ้านั่นเองยุนบก ข้ากำลังจะพาจองฮยางคนงามไปส่งที่ห้องอยู่พอดี นางรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ้าช่วยไปตามท่านราชเลขามาหาข้าหน่อยได้ไหม” พระองค์ตรัสกับยุนบกพลางคลายอ้อมแขนออกจากร่างบาง หากแต่ยังทรงประคองนางอยู่ไม่ห่าง

“พะ...พะย่ะคะ” เขาตอบรับอย่างจำยอม ก่อนที่พระเจ้าจองโจจะค่อยๆพานางเดินไปส่งยังห้องนอน โดยมียุนบกมองตามตาปริบๆ โดยที่นางไม่แม้แต่จะหันมามองเขาหรือรู้สึกรู้สาอะไร ทำดั่งเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ เบื้องหลังของคนทั้งคู่ที่เดินจากไป ทำให้ยุนบกรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง มันเป็นลางสังหรณ์แห่งการพลัดพราดจากของรัก

รุ่งเช้าต่อมาก็เป็นดั่งเช่นที่ยุนบกสังหรณ์ใจไว้ พระเจ้าจองโจประกาศแก่ทุกคนในบ้านว่าจะเสด็จกลับในเร็ววันพร้อมกับจองฮยาง ในฐานะพระสนมองค์ใหม่ และในระหว่างที่รอขบวนนำเสด็จจากเมืองหลวงนั้น ให้ทุกคนปฏิบัติต่อนางเยี่ยงพระสนมแม้จะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ตาม

“บ้า! บ้าที่สุด! ข้าไม่ยอมเด็ดขาด” ฟ้าคำรามอาละวาดขึ้นและตรงรี่ไปยังพระเจ้าจองโจ ทันใดเหล่าองครักษ์ก็ปรากฏกายล้อมฟ้าคำรามไว้ทันที

“อาจจะเป็นเพราะความสนิมสนมหรือสันดารเถื่อนของเจ้าเองข้าก็จนปัญญารู้ได้ มันคงทำให้เจ้าลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นพระราชาแห่งแผ่นดินนี้ ไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดที่จะทัดทานข้าได้” พระองค์ตรัสอย่างเยือกเย็น ฟ้าคำรามได้แต่กัดฟันกรอดๆอย่างเครียดแค้น ในขณะที่ทุกคนต่างตกตะลึงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะยุนบก ไม่เพียงแค่นั้นหากแต่เขากลับแค้นใจอย่างเจ็บแสบต่อนางผู้เป็นที่รัก ทั้งที่คืนก่อนนางยังตัดพ้อที่เขาไม่แสดงความรักต่อนาง แต่มาเวลานี้นางกลับโผเข้าหาอ้อมกอดของชายอื่นอย่างทันทีทันควัน ใจคนเรามันเปลี่ยนได้เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ยุนบกกำหมัดแน่นด้วยความคับแค้น ส่วนจองฮยางนั้นเพียงแต่นั่งอย่างเงียบงันเคียงข้างพระราชาแห่งโชซอน

“ข้าไม่ยอม ไม่มีวันยอม!” ฟ้าคำรามคำรามขึ้นกลางวงเหล้าที่พากันออกมากินในตลาด

“แล้วท่านจะทำอย่างไรพี่ฟ้าคำราม นั่นนะ....พระราชานะ” ชิลถามแย้งขึ้นก่อนจะแผ่วเสียงลงในศัพนามที่กล่าวถึงบุรุษที่ 3 ฟ้าคำรามถึงกับมองเขาตาขวางว่าเป็นคนขี้ขลาด ชิลจึงต้องรีบหาพวกสมทบ

“ยุนบกเจ้าช่วยพูดเตือนสติพี่ชายเจ้าหน่อยซิ ก่อนที่พวกเราจะโดนตัดหัว 7 ชั่วโคตร” ชิวกล่าวพร้อมเขย่าแขนยุนบกที่นั่งนิ่งมานาน ก่อนที่เขาจะรินเหล้าจนเต็มจอกและกระดกมันลงคอในอึกเดียว

“ข้าก็ไม่ยอม ข้าจะไปพูดกับนางเดี๋ยวนี้ละ” ว่าแล้วเขาก็ลุกพรวดขึ้นทันทีและตรงกลับไปยังเสน่ห์จันทรา

“เฮ้ย!!” ชิลและฟ้าคำรามได้แต่อุทานตามหลัง ก่อนจะรีบวิ่งตามเขาไป

“เฮ้ยๆ ยุนบกเจ้าใจเย็นๆก่อนนะ ที่ข้าหมายถึงไม่ยอมนะ มันหมายถึงเราจะต้องตอบโต้อย่างมีชันเชิง หรือวางแผนกันมาอย่างดี เจ้าเข้าใจไหม?” ฟ้าคำรามท้วงติงน้องรัก หากแต่เขาไม่สนใจฟังยังคงเดินจ้ำๆไปยังเสน่ห์จันทรา เขาเดินไปยังสวนบริเวณด้านหลังของเรือนก็พบจองฮยางและพระเจ้าจองโจนั้นกำลังพูดคุยหยอกเย้ากันอย่างเริงร่า เขาหยุดดูภาพทั้งสองที่อยู่ท่ามกลางหมู่ภมรซึ่งบินวนห้อมล้อมร่างบาง ก่อนที่ผีเสื้อตัวหนึ่งจะบินมาเกาะยังแก้มนวลราวกับจะจับจอง เมื่อทอดพระเนตรดังนั้นพระเจ้าจองโจจึงใช้พระดัชนีเขี่ยเจ้าผีเสื้อน้อยนั้นออกจากแก้มงามอย่างง่ายดาย นางยิ้มรับอย่างพริ้มเพราก่อนจะเอียงอายเมื่อถูกพระองค์ลูบไล้พวงแก้มระเรื่ออย่างเบามือ ยุนบกกำมือแน่นจนมันแดงก่ำและมุ่งตรงไปยังทั้งสอง โดยที่ฟ้าคำรามและชิลรั้งเขาไว้ไม่ทัน แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ทั้งสองให้ระคายเคืองได้ ด้วยเหล่าองครักษ์ต่างพากันมายืนขวางเป็นกำแพงมนุษย์กั้นทางของเขาไว้ ยุนบกจ้องเขม็งไปยังเหล่าองครักษ์อย่างเอาเรื่อง แต่ก่อนที่เขาจะได้ระเบิดอารมณ์ก็ถูกชิลและฟ้าคำรามลากออกมาสงบสติได้ทัน

“เจ้าจะบ้าหรอ เจ้าคนเดียวจะแลกกับพวกมันเป็นสิบยังงั้นหรือ?” ฟ้าคำรามกล่าวขึ้น

“ใช่ๆ ยุนบกข้าว่าเจ้าใจเย็นๆดีกว่านะ ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ” ชิลพูดเตือนสติ แหกแต่เวลานี้ยุนบกนั้นหูดับด้วยเพลิงโทสะที่สุมทรวง ใบหน้าระรื่นเปื้อนยิ้ม กิริยาเอียงอายของนางที่ไม่เคยมีให้ชายใดนอกจากเขา แต่นางกลับแสดงต่อหน้าพระพักตร์ของพระราชาที่เขาเทิดทูน มันทำให้เขาอยากจะอาละวาดให้บ้านแตก หากแต่ก็ทำได้แต่เพียงกำหมัดต่อยไปเต็มแรงยังต้นไม้โชคร้ายที่อยู่ใกล้ๆ 

“ทำไม?! ทำไม?!” เขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดัวยความคับแค้นใจต่อบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองที่หักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็น หนึ่งคือจ้าวชีวิตอีกหนึ่งคือจ้าวหัวใจ ทั้งสองทำกับเขาแบบนี้ได้อย่างไร

ค่ำวันนั้นยุนบกไม่สามารถข่มตาหลับได้ ไม่ซิเขาไม่สามารถจะกินหรือทำอะไรได้เลยต่างหาก เขาได้แต่นั่งครุ่นคิดถึงเหตุผลที่จองฮยางเปลี่ยนใจจากเขา เป็นเพราะเขาเป็นหญิงอย่างนั้นหรือ หรือเพราะเขาไม่สามารถแสดงบทรักต่อนางได้ หรือเป็นเพราะเขาไม่มีสิ่งใดทัดเทียมกับพระราชาแห่งโชซอนได้เลยกันแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้หัวของเขาเหมือนจะระเบิดออกมา เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใจก่อนจะออกไปเดินรับลมข้างนอกเผื่อหัวของเขาจะเย็นลงบ้าง เขาเดินตรงไปยังศาลาเขียนรูปหวังจะไปนอนเล่นให้เย็นใจ พลางสายตาก็จับจ้องไปยังดวงจันทร์ขาวนวลบนท้องฟ้า คืนนี้คงเป็นข้างขึ้นจันทร์ถึงได้สุกนัก ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดที่ร่างบางซึ่งนั่งริมศาลาอย่างเงียบงัน เสียงฝีเท้าทำให้นางรู้ว่ามีผู้มาเยือนจึงหันไปทางต้นเสียงก็พบเข้ากับยุนบก

“เหตุใดพระราชาจึงปล่อยให้พระสนมหมาดๆ ออกมานั่งอ้างว้างอยู่นี่เพียงลำพังได้เหล่า?” เขาถามประชดประชัน

“ข้าเพียงขออนุญาตพระองค์ออกมาสูดอากาศข้างนอกเพียงครู่ และนี่ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปหาพระองค์แล้ว” นางตอบก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและรีบสาวเท้าจากไป หากแต่โดนยุนบกรั้งไว้ด้วยอ้อมกอดที่สวมกอดนางจากทางด้านหลังอย่างดึงดัน หัวใจหญิงสาวเต้นแรงระรัวขึ้นทันทีที่กายสาวถูกล่วงล้ำ 

“ปะ...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?” นางท้วงขึ้นเสียงสั่นด้วยความหวั่นไหวจากอ้อมกอดดึงดันที่ไม่เคยสัมผัสจากเขามาก่อน

“ข้ารู้สิ รู้ดีเชียวละ แต่ข้า...ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปหรอก ไม่อีกแล้ว ได้โปรดเถอะจองฮยาง” เขากระซิบแผ่วเบาอย่างเว้าวอนอยู่ข้างใบหูของนาง ไอร้อนผะผ่าวที่ออกมาจากปากเขาทำให้นางสั่นระริกด้วยความวาบหวาม ร่างบางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อสะกันกั้นอารมณ์และเรียกสติของตน ก่อนที่มือสั่นๆของนางจะค่อยๆคลายอ้อมแขนของเขาออก 

“เรื่องของข้ากับท่าน มันจบแล้ว” นางหันมาพูดกับเขาก่อนจะเชิดหน้าเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 12:17:49 น.
Counter : 1133 Pageviews.  

THUNDER AND THE WIND : The After War ตอนที่ 10



ตอนที่ 10 เผด็จศึก

“หลักของการเผด็จศึกนั้น มีอยู่สามขั้นตอน ง่ายๆ ดูนะ” ฟ้าคำรามกล่าวจากนั้นจึงหันหน้าไปทางชิล สาธิตวิธีการเผด็จศึกให้ยุนบกดู

“ขั้นที่หนึ่ง เจ้าต้องมองตานางให้หวานซึ้งที่สุด ดู” พูดจบเขาก็ส่งสายตาเยิ้มให้ชิลขนลุกขนชัน

“ขั้นที่สอง ลมปาก เจ้าจะต้องใช้น้ำเสียงและคำพูดที่โดนใจนาง” ฟ้าคำรามเลื่อนหน้าของตนเข้าไปประชิดใบหูของชิล และกระซิบอย่างแผ่วเบา

“ข้ารักเจ้า เป็นของข้าเถอะ” ฟ้าคำรามกระซิบจากนั้นจึงกดร่างชิลนอนลงและขึ้นคร่อมทันที ทำเอายุนบกและชิลใจหายใจคว่ำ

“นี่ ละหลักการทั้งหมด ขั้นที่สามเจ้าต้องลงมือทันทีหลังจากทำขั้นที่สองเข้าใจไหม” ฟ้าคำรามลุกออกจากร่างชิลให้คนถูกจับกดโล่งใจอย่างแปลกประหลาด

“ท่านพูดอะไรเนี่ย? ข้าไม่เข้าใจเลยสักอย่าง” ยุนบกกล่าวหน้ามุ่ย

“อะไร กันว้า เจ้านี่มันสมองทึบจริงๆ ทำขนาดนี้แล้วยังไมรู้เรื่องอีก นี่จะให้ข้าปล้ำเจ้าชิลให้ดูตรงนี้เลยหรือไง” ฟ้าคำรามกล่าวอย่างอ่อนใจ แต่คำพูดเขาทำให้ชายร่างใหญ่อย่างชิลถึงกลับเสียวสันหลัง

“ข้าว่าข้าขอตัวก่อนดีกว่า” ชิลเห็นท่าไม่ดีจึงขอปลีกตัว หากแต่พอจะลุกก็โดนฟ้าคำรามกดร่างเขาให้นั่งลงตามเดิม

“เดี๋ยว.... ข้าว่าเห็นที เราคงต้องให้เจ้าไก่อ่อนนี่ เจอของจริงแล้วล่ะ” ฟ้าคำรามหันมาพูดกับชิล ชายร่างใหญ่ได้ยินดังนั้นก็กอดอกตัวสั่นด้วยความกลัวว่าจะถูกฟ้าคำรามปล้ำ ฟ้าคำรามเห็นดังนั้นก็มองเขาด้วยความฉงน

“เจ้าบ้า ใครจะไปทำกับเจ้าลงล่ะ ข้าหมายถึง จะพายุนบกมันไปขึ้นครูที่หอนางโลมต่างหาก” ฟ้าคำรามเฉลยให้ชิลถึงกับถอนหายใจโล่ง หากแต่ยุนบกที่ถูกกล่าวถึงกลับสะดุ้งโหยง

“หะ หะ หอนางโลม” ยุนบกอุทานติดอ่างด้วยความตกใจ

“ถูก ต้อง ไม่ต้องห่วงนะ น้องรัก หอนี้ข้ารู้จักนางโลมแต่ละนางเป็นอย่างดี ข้าจะเลือกคนที่เด็ดที่สุดให้กับเจ้าเลย” ฟ้าคำรามเข้ามากอดคอน้องรักและกล่าวอย่างชอบใจ แต่ยุนบกนั้นหน้าซีดเผือด

“ชิ ล...เอาไอ้นั่นมาซิ” ฟ้าคำรามกล่าวพร้อมยื่นมือไปรอรับ “ไอ้นั่น” ชิลได้ยินดังนั้นจึงล้วงตำราเล่มหนึ่งออกมาจากเสื้อของเขาส่งให้ฟ้าคำราม จากนั้นฟ้าคำรามจึงยื่นมันให้กับยุนบก

“เอ้า เอาไปศึกษาเสียให้พอ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปปฏิบัติจริง ฮ่าๆๆๆๆ” ฟ้าคำรามกล่าวก่อนจะเดินหัวเราะชอบใจออกจากศาลาเขียนภาพไปพร้อมกับชิล เหลือเพียงยุนบกที่ยังนั่งหน้าซีดกับความคิดพิเรนของฟ้าคำราม ก่อนที่จะหันมาสนใจตำราในมือ เขาค่อยๆเปิดมันออกดู ทันทีที่เห็นหน้าแรกยุนบกก็ถึงกับโยนตำราทิ้งอย่างไม่รู้ตัว

“นะ..นะ..นี่มัน หนังสืออย่างว่านี่” ยุนบกหน้าตาตื่น


ภาย ในครัว จานและจองฮยางกำลังตักอาหารใส่ชามเพื่อเตรียมไปตั้งโต๊ะสำรับ จานเป็นผู้ถือสำรับนำไปก่อนเหลือเพียงจองฮยางที่คอยเก็บเครื่องปรุงและ เครื่องใช้ให้เข้าที่เข้าทาง เมื่อจัดเก็บเรียบร้อยนางจึงเดินออกจากครัวเพื่อไปร่วมทานอาหาร แต่ทันทีที่ก้าวออกจากครัวร่างบางก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งอย่างแรงจนทั้งสอง ล้มไม่เป็นท่า

“โอะ! เจ้าเป็นยังไงบ้างจองฮยาง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ยุนบกถามขึ้นทันทีที่ตั้งตัวได้ เขาจึงรีบเข้าไปประคองนาง ในระหว่างที่ลุกขึ้นสายตาของจองฮยางก็เหลือบไปเห็นตำราเล่มหนึ่งที่หล่นอยู่ ไม่ไกลจากยุนบก นางจึงผละตัวออกจากเขาและก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาดู เมื่อเปิดตำราขึ้นนางก็พบกับภาพอนาจารอย่างโจ่งแจ้ง ก่อนที่ยุนบกจะดึงหนังสือกลับไป จองฮยางมองเขาอย่างประหลาดใจ เขาเองก็ทำหน้าไม่ถูกเช่นกันอยากจะอธิบายแต่ปากดันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยืนลุกลี้ลุกลนก่อนจะจ้ำอ้าวเข้าห้องตัวเองไป ร่างบางได้แต่มองตามเขาด้วยอาการช็อค

เมื่อเข้ามาภายในห้องยุนบกก็ถึงกับฟาดหนังสือดังกล่าวลงพื้นด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

“โธ่ เอ้ย แบบนี้จองฮยางจะมองข้ายังไงละเนี่ย นางต้องคิดว่าข้า.....” ยุนบกพึมพำกับตนเอง ก่อนจะนั่งลงกุมขมับ สักพักเขาก็เหลือบไปดูหนังสือเล่มนั้น และนึกถึงคำพูดของฟ้าคำราม

“เอ้า เอาไปศึกษาเสียให้พอ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปปฏิบัติจริง ฮ่าๆๆๆๆ”

ยุ นบกส่ายหน้าสลัดความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะหันไปจัดเก็บอุปกรณ์เขียนภาพของตนที่ตั้งแต่กลับมาจากกระท่อมกลางป่า ก็ยังไม่ได้เอาออกจากย่าม เขาค่อยๆจัดเรียงอย่างระมัดระวัง สักพักสายตาก็หันไปจับจ้องที่หนังสือเล่มนั้นอีกครั้ง ยุนบกชั่งใจอยู่สักครู่

“เอาว่ะ แค่นิดเดียว อย่างน้อยเราก็เคยเขียนภาพแบบนี้มาก่อน ดูสิว่าเดี๋ยวนี้เขาไปถึงไหนกันแล้ว” เขาหาข้ออ้างให้ตนเอง แล้วจึงเปิดดูหนังสือนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ


เช้าต่อมาเสน่ห์จัน ทราปิดร้านตามปกติ ทุกคนกลับมาทำหน้าที่เดิมของตัวเองอีกครั้ง ฟ้าคำรามอุ่นเหล้า จานต้อนรับลูกค้า จองฮยางเป็นแม่ครัว และยุนบกคอยยกอาหาร

“โต๊ะห้าขอน้ำแกงเพิ่มจ้าจองฮยาง” ยุนบกบอกกับร่างบาง นางจึงหันมาหาคนเรียก หากแต่พอสายตาทั้งสองผสานกันก็เกิดรู้สึกขัดเขินเอาเสียดื้อๆกับเหตุการณ์ เมื่อคืน

“อ้า พี่ฟ้าคำราเดี๋ยวข้าไปช่วยอุ่นเหล้า” ยุนบกจึงรีบหาข้ออ้างหลบสายตานางไปหลังร้าน และสลับหน้าที่กับฟ้าคำรามแทน เมื่อเข้าช่วงสายร้านปิดลงทุกคนทานอาหารกันเรียบร้อย ฟ้าคำรามและชิลก็เข้ามาประกบยุนบกทันที

“เอาล่ะ น้องรัก ถึงเวลาของลูกผู้ชายแล้ว ไปกันเลยดีกว่า” ฟ้าคำรามกล่าวพลางลากยุนบกออกจากบ้าน

“เดี๋ยวครับ ไป..ไปกันเลยรึครับ? เอาไว้วันหลังไม่ดีกว่าหรือครับ ข้า...ข้ายังไม่ได้ศึกษาหนังสือที่ท่านให้มาเลย” ยุนบกท้วง

“ไม่ ต้ององต้องอ่านมันหรอก เดี๋ยวไปเจอของจริงเจ้าก็ทำเป็นเองล่ะ มาเร็ว......ส่วนเจ้าเฝ้าบ้าน ดูต้นทางไว้” ฟ้าคำรามไม่ฟังลากร่างยุนบกไปตามใจ ก่อนจะหันมาพูดกับชิลให้ชายร่างใหญ่ทำหน้าจ้อยที่ถูกทิ้งให้อยู่บ้าน


“ยินดีต้อนรับค่า นายท่านเชิญเลยค่าๆ” สาวงามหน้าหอร้องเรียกแขกผู้มาเยือนให้เข้าไปภายใน

“นี่ คือ หอบุปผาสวรรค์ ข้าเป็นลูกค้าชั้นเลิศของที่นี่เลยล่ะ นางโลมที่นี่เด็ดๆทั้งนั้น” ฟ้าคำรามบรรยายก่อนจะลูบปากเหมือนอยากของเปรี้ยว

“ข้าว่าเดี๋ยวเราค่อยมาวันอื่นดีกว่านะครับ วันนี้ข้ายังไม่พร้อม” ยุนบกกล่าวและพยายามขืนร่างตนจากฟ้าคำราม

“ต๊าย พี่ฟ้าคำราม! หายหน้าไปเสียนาน นึกว่าลืมที่นี่เสียแล้ว” นางโลมปากแดงนางหนึ่งเดินเข้ามาทักฟ้าคำรามอย่างคุ้นเคย ก่อนจะสังเกตเห็นหนุ่มรูปงามข้างๆ

“อุ้ยตายแล้ว นายน้อยท่านนี้เป็นใครกันค่ะ รูปงามนัก” นางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางหยิกแก้มใสของยุนบกอย่างหมันเคี้ยว

“นี่ น้องข้าเอง เป็นไงหล่อเหมือนข้าใช่ไหมล่ะ ข้าจะพามันมาขึ้นครู” ฟ้าคำรามแนะนำก่อนจะกระซิบกระซาบกับนางโลม เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็มองเขาตาลุกวาวเหมือนเสือสาวเจอกวางหนุ่ม แล้วทั้งสองก็ลากเขาเข้าไปด้านใน ยุนบกและฟ้าคำรามเข้ามาดื่มเหล้ากันในห้องรับรองห้องหนึ่ง ฟ้าคำรามมีนางโลมคนสนิทคลอเคล้าอยู่ใกล้ๆ ส่วนยุนบกนั้นมีนางโลมสองนางนัวเนียจับโน่นนี่ของเขาอยู่ตลอดเวลา

“ดื่มอีกซิค่ะนายน้อย” นางโลมอ่อนเยาว์หากแต่กร้านโลกรินเหล้าให้เขา แล้วจึงมากระแซะถามเสียงอ้อน ยุนบกได้แต่นั่งตัวลีบ

“นายน้อยค่ะ ทานนี่หน่อยซิค่ะ” นางโลมอีกคนเบียดร่างเข้ามาอีกข้างพร้อมจะป้อนเขาด้วยปาก ยุนบกนั้นพยายามหันหน้าหนีสุดกำลัง

“เอ่อ...ข้ายังไม่หิว” เขากล่าวปฏิเสธเสียงอ่อน ในขณะที่ฟ้าคำรามซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองดูด้วยความชอบใจ

“แล้วนี่คยองเฮว่างหรือยังล่ะ?” ฟ้าคำรามเอ่ยถามขึ้นกับเหล่านางโลม

“แหม พี่ฟ้าคำรามนี่ ไม่ไว้หน้าข้าเลยนะค่ะ ทั้งที่ข้าก็นั่งอยู่ที่นี่แล้วแท้ๆ ยังจะเรียกหาคยองเฮอีก” นางโลมคนสนิทฟ้าคำรามกล่าวอย่างน้อยใจ เขาจึงหัวเราะชอบใจก่อนจะหอมนางไปฟอดใหญ่

“ข้าไม่ได้เรียกนางมาให้ข้าหรอก แต่ให้เจ้านี่ต่างหาก” ฟ้าคำรามกล่าวพร้อมชี้ไปที่ยุนบก ทำให้คนถูกกล่าวถึงทำหน้างง

“บุรุษ ทั่วมาโปต่างเล่าขาน หากผู้ใดได้หลับนอนข้ามคืนกับคยองเฮแล้วละก็ ชายผู้นั้นย่อมเป็นชายเหนือชาย” ฟ้าคำรามกล่าวพลางยกจอกขึ้นประกอบท่าทาง นางโลมทั้งหลายต่างหัวเราะคิกคัก

“แหม แต่จะให้นายน้อยอ่อนหัดผู้นี้พบกับคยองเฮเลยหรือค่ะ เขาจะไหวหรอ” นางโลมคนสนิทฟ้าคำรามถาม

“ก็ เพราะอย่างนี้ไง เพราะเจ้านี่มันอ่อนหัด ต้องให้ถึงมือคยองเฮจัดการ” ฟ้าคำรามตอบ นางโลมทั้งสามก็หัวเราะชอบใจ คยองเฮที่กล่าวถึงคือหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งบุปผาสวรรค์ ไม่เพียงแค่มีใบหน้าที่งดงามหากแต่นางยังเป็นเลิศในการปรนเปรอบุรุษจนเป็น ที่เลื่องลือ ทันใดประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออก หญิงสาวรูปงามผู้หนึ่งย่างกายเข้ามาช้าๆ ก่อนจะส่งสายตาไปยังยุนบก


“นี่ ยุนบกหายไปไหนน่ะ ทำไมไม่มาสอนพวกเด็กๆล่ะ” จานถามจองฮยางขึ้นเมื่อมองไปยังศาลาเขียนภาพแล้วพบว่าเด็กๆนั้นเอาแต่วิ่ง เล่นกัน นางจึงเดินไปยังศาลาเขียนภาพพร้อมกับจองฮยาง

“ยุนบกล่ะชิล เขาไปไหนรึ?....แล้วนี่สามีตัวดีของข้าหายหัวไปไหนด้วยล่ะเนี่ย?” จานถามพลางมองไปรอบๆบริเวณ หากแต่ชิลไม่กล้าตอบจึงได้แต่ทำหน้าแหย

“ท่าน แม่ ท่านพ่อกับอาจารย์ไม่อยู่หรอกครับ ลุงชิลบอกว่าพวกเขาไปทำภารกิจของลูกผู้ชายกัน” ฟ้าลั่นลูกชายหัวแก้ววิ่งเข้ามากอดผู้เป็นแม่และรายงาน

“ห่ะ? ภารกิจลูกผู้ชายรึ?!” จานถึงกับลมออกหูเมื่อได้ยิน นางรู้ได้ทันทีว่าสามีตัวร้ายไปทำอะไร ที่ไหน และอย่างไร ชิลที่ไม่สามารถห้ามฟ้าลั่นไว้ได้ทันก็ถึงกับหน้าซีด

“ตัวใครตัวมันนะพี่ฟ้าคำราม” เขาพึมพำกับตัวเอง


ภายในห้องอันมืดสลัวสองร่างกำลังแนบชิดกัน ร่างหนึ่งถึงกับอ่อนเพลียส่วนอีกร่างยังคงพุ่งพล่านไปด้วยความต้องการ

“ข้าบอกว่าไม่เอาไงแม่นาง ท่านไม่ต้องทำอย่างที่พี่ฟ้าคำรามบอกก็ได้” ยุนบกพยายามผลักไส้ร่างของหญิงสาวที่รุกเร้าเข้ามาหาเขา

“แหม นายน้อย ข้ารับเงินมาแล้วก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสิเจ้าค่ะ มาม่ะ อย่ากลัวๆ” คยองเฮไม่ลดละความพยายามในการปลุกปล้ำหนุ่มรูปงาม นางผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่บุรุษคนใดต้องพิชิตเขาผู้ถูกตาต้องใจตั้งแต่แรก เห็นให้ได้ ยุนบกรวบรวมแรงผลักนางออกไปสุดกำลังก่อนจะคลานหนี หากแต่นางกลับมาตั้งตัวได้ไวอย่างเหลือเชื่อ จึงตะคลุบเขาได้ทัน นางดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขาออกทันที

“ม่ายยยยยยยยย!” เสียงร้องของยุนบกดังไปไกลถึงห้องรับรองที่ฟ้าคำรามยังคงดื่มเหล้าเคล้านารีอย่างสบายอารมณ์

“ฮ่าๆๆๆ เสียงดีจริงๆ สงสัยคยองเฮจัดหนักแน่ๆ” ฟ้าคำรามกล่าวพลางหัวเราะชอบใจโดยไม่ล่วงรู้ชะตากรรม

“ว่าแต่เมียพี่ไม่ว่ารึค่ะ ไม่รีบกลับเดี๋ยวนางก็มาฆ่าพี่หรอก” นางโลมคนสนิทกล่าว

“ฆ่า อะไรกัน เจ้าไม่รู้รึว่าข้าเป็นใคร ข้าพี่ฟ้าคำราม ลูกพี่ใหญ่แห่งมาโป ใครจะมากล้าหือ ฮ่าๆๆๆ” เขาหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัวความตายที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู

“ข้านี่ไง!” จานเปิดประตูพรวดเข้ามาทันที ฟ้าคำรามถึงกับสำลักเหล้าที่กระดกลงคอ

“มะ..มะ... เมียจ้า ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษข้ามันเลวที่มาที่นี่” ฟ้าคำรามไม่รอช้ารีบเข้าไปกอดขาจานร่ำไห้อย่างกลัวตาย นางมองเขาพร้อมแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น

“ใจเย็นๆท่านพี่ ข้ายังไม่ฆ่าท่านตอนนี้หรอก.......บอกมาเดี๋ยวนี้ว่ายุนบกอยู่ไหน!” นางกล่าวเสียงหวาน ก่อนจะกระชากผมผู้เป็นสามีถาม ฟ้าคำรามจึงรีบชี้ไปยังทางที่ห้องของยุนบกอยู่ จานจึงมองหน้าจองฮยางอย่างหนักใจ


“ปล่อยข้า! ปล่อย.....” ยุนบกยังคงดิ้นรนอยู่ใต้ร่างของคยองเฮ นางไม่รอช้าจูบซ้ายจูบขวาที่แก้มของเขาทันที รอยปากของนางจึงติดเต็มแก้มเขา ยุนบกเห็นท่าจะแย่จึงพยายามรวบรวมสติ เขาหวนคิดถึงเผด็จศึกสามขั้นที่ฟ้าคำรามบอก ทันใดก็จับคยองเฮไว้ให้มั่น แล้วส่งสายตาหวานให้นางแทบละลาย ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู

“ปล่อยข้าไป เถอะนะ” เขากล่าวก่อนจะพลิกตัวเป็นผู้คร่อมนางเสียเอง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะลุกหนี ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นภาพยุนบกที่เหลือเพียงชุดขาวบางกำลังค่อมร่างหญิงสาวที่เสื้อผ้า หลุดลุ่ย จองฮยางแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ยุนบกเองก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่แข็งทื่ออยู่ในท่าคร่อมคยองเฮอยู่อย่างนั้น ก่อนที่คยองเฮจะรวบศีรษะเขาลงมาและกอดจูบอย่างไม่อายสายตาผู้มาเยือน

“อย่า แม่นาง! ข้าบอกว่าอย่าไง!” ยุนบกบอกกับนางหากแต่นางไม่ฟัง ยังคงพรมจูบไปทั่วใบหน้าเขา จองฮยางทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหวจึงเดินจากไปอย่างโกรธเคือง

“อ่ะ! จองฮยาง! โอ้ย ปล่อยข้าสักทีเถอะ!” ยุนบกจะตามร่างบางออกไปหากแต่คยองเฮก็เกาะเขาไม่ปล่อย จานมองยุนบกด้วยสายตาผิดหวังแล้วจึงดึงหูสามีให้เดินตามตนกลับบ้าน


เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้านจองฮยางก็ไม่พูดไม่จาตรงเข้าห้องของตนทันที ยุนบกจึงเดินตามมา

“จอง ฮยาง....ฟังข้าก่อน มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะ คือว่า ข้าน่ะ......” ยุนบกพยายามอธิบายอยู่นอกห้อง หากแต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาจึงถอดใจเพราะอย่างไรนางก็คงไม่ฟังยิ่งจะพาลเกลียดเขาเข้าไปใหญ่ เขาเลยหันหลังกลับเดินคอตก

“ท่านคิดจะกลับไปอย่างนี้หรือค่ะช่าง เขียน?” จองฮยางเปิดประตูออกมาและพูดกับเขา ยุนบกหันมาอย่างแปลกใจที่นางยอมออกมา ก่อนจะโดนจองฮยางลากเข้าไปในห้องและจับเขากดลงไปกับพื้น นางคร่อมร่างของเขาและมองเขาด้วยสายตามุ่งมั่น




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 18:46:13 น.
Counter : 587 Pageviews.  

THUNDER AND THE WIND : The After War ตอนที่ 9




ตอนที่ 9 ถอยทัพ


เช้าอันสดใสที่ดวงอาทิตย์ฉายแสงอย่างแข็งขัน “โครม!” เสียงดังโครมครามดังมาจากในครัว ทำให้ยุนบกสะดุ้งตื่น

“เอ่อ.... ขอโทษค่ะ” เสียงใสตะโกนออกมาจากครัว ก่อนที่คนขี้เซาจะตั้งสติได้และนั่งคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ราวกับคนความจำเสื่อมที่ต้องนั่งระลึกความทรงจำ แล้วก็ต้องหน้าแดงแป๊ดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ยุนบกลูบไปที่ริมฝีปากตนเพื่อระลึกถึงสัมผัสนุ่มแล้วจึงยิ้มอย่างพอใจ ทันใดร่างบางที่กำลังทำอาหารอยู่ก็เดินอกมาจากครัวเพื่อมาเตรียมจัดโต๊ะ อาหาร ทั้งสองสบตากันอย่างไม่ทันตั้งตัว ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างเอียงอาย

“โอ้! เจ้า ตื่น แล้ว หรือ? อะ รุณ สะ หวัด” ยุนบกกล่าวทักทายเหมือนดั่งสะกดคำ จองฮยางหลบหน้าหนีเอียงอายและพยักหน้าตอบเล็กน้อย

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ช่างเขียน” นางตอบเสียงหวาน มันหวานเสียจนคนฟังซาบซ่านไปทั้งหัวใจ

“ท่านจะทานอาหารเลยไหมค่ะ?” นางถามและยังคงความหวานของน้ำเสียงไว้ อีกทั้งยังส่งสายตาพิฆาตดวงใจให้ยุนบกแทบอ่อนยวบ

“เอ่อ.... คือ.....ข้า.......ข้าขอตัวไปโดดน้ำ เอ้ย! ล้างหน้าน่ะ ข้าขอตัวไปล้างหน้าที่น้ำตกก่อนนะ” ยุนบกรีบตัดทบและเร่งฝีเท้าไปยังน้ำตก เมื่อมาถึงเขาจึงวางมือไปที่หน้าอกของตัวเอง

“เฮ้อ นึกว่าหัวใจมันจะกระดอนออกจากอกเสียแล้ว เต้นเบาๆหน่อยซิใจเอ้ย” เขากล่าวพลางลูบไปที่หน้าอกตนเอง ก่อนจะกวักน้ำขึ้นมาสาดใส่หน้าเป็นการเรียกสติ หากแต่ดูจะไม่เป็นผล เขาจึงมุดศีรษะลงไปในน้ำแทน


เมื่อยุนบกกลับมายังกระท่อม อาหารเช้าก็ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วพร้อมกับจองฮยางที่นั่งรอเขาด้วยใบ หน้าเปื้อนยิ้ม ยุนบกค่อยๆก้าวเข้าไปทีละก้าว ก่อนจะนั่งแมะลงห่างเป็นวาจากโต๊ะสำรับ อีกทั้งยังนั่งเอียงข้างเพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับนาง จองฮยางมองเขาด้วยความสงสัยหากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด ยุนบกเอื้อมมือไปสุดแขนเพื่อหยิบชามข้าวของตน เขาพยายามที่จะไม่สบตานาง ก้มหน้าก้มตากินแต่ข้าวเปล่าในชามตน จองฮยางได้แต่มองเขาด้วยความฉงน

“ท่าน ไม่ทานกับหรือคะ?” นางถามพร้อมหยิบอาหารให้เขา หากแต่ยุนบกกลับหยิบอาหารจากอีกจานขึ้นมาใส่ชามของตนและทานต่อโดยไม่เหลียว มองนาง จองฮยางจึงต้องทานอาหารในมือเสียเอง

หลังทานอาหารเสร็จยุนบ กก็หาเรื่องออกจากกระท่อม ด้วยไม่อยากอยู่กับจองฮยางสองต่อสอง เขาอ้างว่าจะออกไปเขียนภาพที่น้ำตก หากแต่พอมาถึงเขากลับไม่มีกระจิตกระใจแม้แต่จะหยิบพู่กัน ยุนบกได้แต่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางลูบริมฝีปากตนเอง เขาจินตนาการว่าหากเขาได้จุมพิตนางอีก เขาจะทำโน่น ทำนี่ ทำนั่น (เซ็นเซอร์)

“ช่างเขียนค่ะ!” เสียงใสตะโกนมาแต่ไกล ยุนบกที่กำลังคิดพิเลนอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

“ข้าเอาชาและอาหารกลางวันมาให้ค่ะ” จองฮยางบอกพร้อมนั่งลงไปข้างๆยุนบก หากแต่เขาเขยิบหนี

“อ้า...ขอบ ใจนะ” ยุนบกตอบ แต่ไม่สบตาคนฟัง นั่นยิ่งทำให้นางรู้สึกอยากเอาชนะ นางรินชาใส่ถ้วยน้ำชาและส่งให้เขาพร้อมสายตาหวานเยิ้ม ยุนบกเผลอไปสบตานางเข้า เขาแทบจะหัวใจวายเพราะหัวใจที่เต้นรัวผิดปกติจึงต้องรีบหลบตา เขารับถ้วยชามาโดยไม่ได้มองจึงทำให้มันหกใส่ตัวเอง

“ตายจริง หกใส่ท่านหมดเลย” จองฮยางจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนซับไปตามรอยน้ำชาบนตัวเขา ยุนบกถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อถูกนางสัมผัส

“ม่ะ...ม่ะ...ไม่ ไม่เป็นไร ข่ะ...ข้าทำเองได้” เขาพูดติดอ่างและรีบเขยิบหนีนาง จองฮยางได้แต่อมยิ้มกับปฏิกิริยาของเขา

“ท่านเขียนภาพอะไรอยู่หรือค่ะ?” นางเปิดหัวข้อสนทนา นั่นช่วยเรียกความสนใจจากคนที่พยายามหลบหน้านางได้

“เอ่อ......ก็....ข้ายังคิดไม่ออกน่ะ” เขาตอบหลังจากซับน้ำชาที่หกใส่ตนเสร็จ

“เช่นนั้น เขียนภาพให้ข้าได้ไหมค่ะ?” จองฮยางถาม ยุนบกได้ยินก็ถึงกับอึ้ง

“เอ่อข้า......” เขาพยายามจะหาเหตุผลปฏิเสธหากแต่โดนนางสวนขึ้นก่อน

“นาน แล้วนะค่ะ ที่ท่านไม่ได้เขียนภาพโดยมีข้าเป็นแบบ นะค่ะ? ช่างเขียน” นางอ้อนเสียงหวาน คนฟังแทบจะละลายไปต่อหน้าต่อตา ยุนบกจึงได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำใจ

“งั้นเจ้าไปนั่งตรงโน้นนะ” ยุนบกชี้ไปยังจุดที่จะให้นางนั่ง ซึ่งอยู่ไกลจากเขาหลายสิบเมตร ด้วยไม่อยากสบตากับนางในระยะใกล้ แม้จองฮยางจะไม่อยากแต่ก็ต้องทำตามที่เขาบอก นางเดินไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะสะดุดล่องหินล้มลง

“ว้าย!” จองฮยางร้องเสียงหลง ยุนบกเห็นดังนั้นก็รับวิ่งเข้าไปดูนางทันที

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากไหม?” เขาถามด้วยความเป็นห่วงและก้มมองข้อเท้าของนาง จองฮยางมองเขาด้วยความซาบซึ้ง

“ข้า ไม่เป็นอะไรค่ะช่างเขียน” นางกระซิบไปที่ข้างหูยุนบก เขาจึงรีบผละตัวออกทันทีและจับไปที่ใบหูของตน ตอนนี้มันแดงแจ้ไปทั้งสองข้างรวมถึงใบหน้าของเขาด้วย

“อะแฮ่ม!.... อืม ข้าว่า เอาไว้เราค่อยเขียนภาพกันวันอื่นเถอะ.......ข้า...ข้าหิวแล้วล่ะ” ยุนบกรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีและหาข้ออ้างที่จะไม่เขียนภาพให้นางจนได้ จองฮยางจึงต้องคล้อยตามอย่างจำยอม ทั้งสองเลยทานอาหารกันริมธารน้ำ ยุนบกยังคงคอยหลบเลี่ยงสายตาจองฮยางอยู่ตลอดเวลา


ณ เสน่ห์จันทรา หลังจากเก็บร้านเรียบร้อย ทุกคนก็มานั่งทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้า รวมถึงพระเจ้าจองโจผู้ปรีชาที่วางแผนให้ยุนบกและจองฮยางได้อยู่ด้วยกัน

“พวกนั้นไม่ระแคะระคายแผนการของเราเลยนะ ดีจริงๆ ท่านว่าป่านนี้สองคนนั่นจะเป็นยังไงมั่ง?” ชิลเอ่ยขึ้น

“แน่ นอน! น้องรักของข้าไม่ทำให้ผิดหวัง มันต้องจัดการนางแล้วแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ” ฟ้าคำรามกล่าวเสียงดังและหัวเราะด้วยความพอใจ ก่อนจะถูกฝ่ามือพิฆาตของจานฟาดไปกลางศีรษะ

“ลูกนั่งอยู่ด้วยนะค่ะ ท่านพี่นี่พูดอะไรก็ไม่รู้” นางกล่าวด้วยวาจาสุภาพผิดกับน้ำเสียงที่ดุดัน

“จ๊ะ ภรรเมีย” ฟ้าคำรามก้มขอโทษขอโพย

“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น” พระเจ้าจองโจตรัสขึ้น ทุกคนต่างหันไปมอง

“บางทีน้องรักของเจ้า อาจจะทำไม่ได้ ก็เป็นได้นะ” พระองค์ตรัสคลุมเครือ

“ท่าน ตรัสเช่นนี้ได้อย่างไร น้องของข้า ข้าสอนมันมากับมือ ไม่ว่าจะเรื่องต่อสู้หรือเรื่องสตรี มันย่อมไม่ต่างจากข้าแน่นอน” ฟ้าคำรามแย้ง

“ไม่ต่างจากเจ้ารึ? ฮึๆๆ เรื่องนี้ข้าสงสัยอยู่ ว่าเขาจะเหมือนกับเจ้าทุกอย่างไหม?” พระองค์ตรัสเป็นนัย จานได้ยินก็รู้สึกสงสัยยิ่งนัก “หรือว่าฝ่าบาทจะทรงทราบ?!” นางคิด


“ช่างเขียนค่ะ อาหารเสร็จแล้วค่ะ” จองฮยางเรียก

“เจ้ากินก่อนเถอะ ข้าจะไปอาบน้ำ” ยุนบกตอบ

“ช่างเขียนค่ะ ท่านจะไปไหนหรือค่ะ?” จองฮยางถาม

“ข้าจะออกไปตกปลา” ยุนบกตอบ

“ช่างเขียนค่ะ ข้างนอกมันหนาว เข้ามานอนในกระท่อมไหมค่ะ?” จองฮยางถาม

“โอ้ ไม่เป็นไร ข้าชอบอากาศหนาว” ยุนบกตอบ

แม้ จะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตามที่ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในป่าลึก หากแต่ยุนบกก็ยังรู้สึกไม่ชินกับการที่จะอยู่กับนางเพียงสองต่อสอง เขามักจะหาข้ออ้างออกไปโน่นมานี่อยู่ตลอดเวลา เพราะเพียงแค่เขามองนางใจเขาก็เต้นรัวเสียจนหูอื้อตาลาย ยิ่งนางเข้ามาใกล้ๆเขาก็พาลจะมือไม้อ่อนทำอะไรไม่ถูก และหากไปสัมผัสนางโดยบังเอิญเข้าตัวเขาก็เหมือนถูกสาบให้แข็งทื่อเป็นท่อน ไม้ เช่นนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงไม่พัฒนาไปไหน กลับถ้อยหลังกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ด้วยตอนนี้ยุนบกไม่กล้าที่จะมองหน้านางตรงๆด้วยซ้ำ ผิดจากแต่ก่อนที่เขามักจะวิ่งเข้าหานางเสมอ

“นั่นท่านจะออกไปไหนอีกละค่ะ?” จองฮยางถามเมื่อเห็นยุนบกเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก

“อ้อ ข้าว่าจะออกไปตกปลาน่ะ” เขาตอบ

“ตก ปลาหรือค่ะ ไม่เห็นท่านได้ปลากลับมาเลย หากท่านอึดอัดใจที่จะอยู่กับข้า ก็บอกข้ามาตามตรง เช่นนั้นข้าจะได้ไปเอง” จองฮยางกล่าวอย่างน้อยใจ

“ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้น” ยุนบกรีบปฏิเสธ

“ว่า ไง คู่รักข้าวใหม่ปลามัน ยะฮู้ รักกันหวานชื่นเลยซินะ” ฟ้าคำรามส่งเสียงทักมาแต่ไกล หากแต่พอมาถึงกระท่อมกลับเจอกับบรรยากาศตึงเครียด จองฮยางจึงรีบเดินหนีเข้าไปในกระท่อม นั่นทำให้ฟ้าคำรามหน้าเอ๋อไปเลย

“พวกเจ้าทะเลาะกันหรือ?” ชิลถาม

“ก็....ไม่เชิงครับ” ยุนบกตอบเสียงอ่อน จากนั้นจึงพาฟ้าคำรามและชิลมาที่น้ำตกและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

“โธ่ เว้ย! ไอ้เราก็นึกว่าเรียบร้อยโรงเรียนฟ้าคำรามไปแล้ว เจ้านี่มัน! จริงๆเล้ย” ฟ้าคำรามกล่าวอย่างอารมณ์เสียหลังฟังเรื่องราวจากยุนบก

“เอาน่าๆ อย่างน้อย พวกเจ้าก็กลับมาดีกันอีกครั้ง” ชิลปลอบ

“ดีบ้าดีบออะไรล่ะ เจ้าไม่เห็นหรอ นางโกรธเขาอีกแล้วน่ะ เจ้านี่มัน ไก่อ่อนจริงๆ!” ฟ้าคำรามพูดแดกดัน ยุนบกได้แต่นั่งคอตก

“เอา น่า ข้าว่าปัญหานี้ไม่น่าจะแก้ยากนะ โดยเฉพาะคนอย่างท่านนะ พี่ฟ้าคำราม” ชิลพูดเป็นนัย นั่นทำให้ฟ้าคำรามคิดอะไรบางอย่างได้ จึงยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์

“เข้าใจละ ก่อนอื่นคงต้องพาพวกเจ้าออกจากป่าเสียก่อน” ฟ้าคำรามกล่าว

“แล้วพวกมือสังหารละครับ?” ยุนบกถามอย่างวิตก

“มือ สังหารอะไรเล่ามันมีซะที่......อ้อ เรื่องมือสังหาร พวกข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว ไล่เตะตูดมันกลับฮันยางไปแล้วล่ะ” ฟ้าคำรามเกือบเผลอบอกความจริงออกไป ยุนบกจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในขณะที่ชิลมองฟ้าคำรามอย่างตำหนิ


จากนั้นยุนบกและจองฮยางก็กลับ มาที่เสน่ห์จันทรา หากแต่บรรยากาศตึงเครียดระหว่างทั้งสองก็ยังไม่คลี่คลลาย นางรีบตรงไปยังห้องของตนเมื่อมาถึง ยุนบกได้แต่มองตามอย่างอ่อนใจ

“ไม่ต้องห่วงไอ้น้องชาย ข้า พี่ฟ้าคำรามยอดนักรักอยู่ตรงนี้แล้ว ข้าจะเป็นคนสอนเจ้าเอง” ฟ้าคำรามกอดคอน้องรักและกล่าวอย่างภาคภูมิ

“สอน? อะไรหรือครับ?” ยุนบกถามอย่างฉงน ฟ้าคำรามสแหยะยิ้มเจ้าเล่ห์

“ลีลารัก!” ฟ้าคำรามเฉลย ยุนบกได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกอดอกตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่น




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 18:46:27 น.
Counter : 537 Pageviews.  

THUNDER AND THE WIND : The After War ตอนที่ 8




ตอนที่ 8 แผนลวง

ในเช้าที่สงบสุขขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารอยู่นั้นพระเจ้าจองโจตรัสขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“หน่วย องครักษ์รายงานมาว่า พระอัยยิกาได้ส่งมือสังหารเข้ามาที่ยางโจเมื่อสองวันก่อน” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทำให้ทุกคนในวงอาหารหยุดชะงัก

“มือสังหารหรือพะยะค่ะ? แล้วพวกมันมาทำไมหรือพะยะค่ะ?” ยุนบกถามอย่างร้อนใจ

“ดู เหมือนนางจะไม่ยอมรามือง่ายๆ คราวนี้คงจะเอาเจ้ากลับฮันยางให้ได้ เพราะเจ้าเป็นเพียงจุดอ่อนเดียวของข้า” พระองค์ตอบ ทำให้ยุนบกถึงกับเครียด

“เช่นนั้นหม่อนฉันจะไปจากยางโจพะยะค่ะ” เขากล่าวก่อนจะลุกขึ้น

“เช่น นั้นเจ้าจะทำอย่างไรกับนาง?” พระเจ้าจองโจตรัสถามขณะที่ยุนบกจะเดินออกจากห้อง เขาจึงหยุดและหันกลับไปมองยัง “นาง” ซึ่งพระองค์ตรัสถึง

“นางเองก็ เป็นจุดอ่อนของเจ้าไม่ใช่หรือ หากจับนางได้ก็เหมือนกับจับเจ้าได้เช่นกัน หรือเจ้าทนได้ที่จะเห็นนางมีอันตราย” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ยุนบกถึงกับหน้าถอดสีเมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับจองฮยาง ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบงัน ก่อนที่ฟ้าคำรามจะกล่าวขึ้น

“มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด หากข้ายังอยู่” เขากล่าวอย่างมาดมั่น

“ใช่จ๊ะน้องยุนบก แม่นางจองฮยาง ข้าและสามีจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้าพบจุดจบแบบนั้น” จานสมทบสามี

“งั้นเราต้องเอาตัวพวกเขาไปซ่อนก่อนเพื่อไม่ให้พวกนั้นหาเจอ จากนั้นเราค่อยจัดการพวกมัน” ชิลเสนอ

“ซ่อนตัวหรือครับ?” ยุนบกเอ่ยอย่างฉงน

“ใช่ จ๊ะ ในป่าแทบตะวันตกของยางโจมีกระท่อมที่เราใช้พักเวลาล่าสัตว์อยู่ เหมาะเป็นที่ที่พวกเจ้าจะซ่อนตัว รีบไปเก็บสัมภาระของพวกเจ้ากันเถอะ” จานเฉลยพร้อมลากทั้งสองออกจากห้องทานอาหาร เหลือเพียงพระเจ้าจองโจ ใต้เท้าฮง ฟ้าคำรามและชิลที่ต่างมองหน้ากันอย่างพอใจเมื่อแผนลุล่วงไปได้ด้วยดี
หลัง ทั้งสองเก็บสัมภาระของตนเสร็จก็มุ่งหน้าไปยังป่าแทบตะวันตกตามการนำทางของ ฟ้าคำรามและชิล ลึกเขาไปในป่าขณะที่ทั้งสีกำลังเดินทางอยู่นั้น ยุนบกสังเกตได้ว่าจองฮยางมีใบหน้าที่เหนื่อยล้ามากจึงถามขึ้นด้วยความเป็น ห่วง

“จองฮยางเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เราพักกันก่อนไหม?” ยุนบกถามอย่างห่วงใย

“ข้าไม่เป็นไร เรารีบเดินเถอะ” นางพยายามตอบเสียงเรียบ

“เช่นนั้นให้ข้าช่วยถือของเถอะนะ” ยุนบกเสนอตัว

“ไม่ เป็นไรค่ะ ข้าถือเองได้” นางตอบก่อนจะเดินนำยุนบกไป เขาได้แต่เดินตามนางและคอยมองด้วยความเป็นห่วง จนเมื่อถึงทั้งสองก็นั่งลงอย่างหมดแรงที่เก้าอี้หน้ากระท่อม

“เอ้าๆ อย่ามัวแต่นั่งอืดอาดอยู่ซิ เข้ามาดูข้างในก่อน” ฟ้าคำรามกล่าวก่อนจะลากยุนบกเข้ากระท่อม

“นี่ เจ้าเห็นไหมที่นอนเนื้อนุ่มอย่างดี พร้อมกับผ้าห่มผิวละเอียด เจ้าจับดูซิ แล้วนี่หมอน มาข้าจะปูให้พวกเจ้านะ” ฟ้าคำรามกล่าวอย่างตื่นเต้นก่อนจะปูที่นอนดังที่ว่า

“เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้ครับ ว่าแต่มีที่นอนแค่ผืนเดียวหรือครับ?” ยุนบกถามขึ้น

“อ้า...ก็นี่มันในป่า ไม่ค่อยมีคนเข้ามาหรอก มีแค่ผืนเดียวก็ดีแล้ว” ฟ้าคำรามรีบหาข้ออ้าง

“หาก ไม่มีคนเข้ามาจริง เหตุใดที่นอนผืนนั้นจึงใหม่ยิ่งนัก ราวกับเพิ่งถูกซื้อมาเมื่อไม่นาน แถมข้าวของเครื่องใช้ต่างๆก็เหมือนไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน กระท่อมนี้เองก็ดูจะสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้” จองฮยางรัวถามเป็นชุดจนฟ้าคำรามถึงกับหน้าเจื่อน ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร เพราะความจริงกระท่อมหลังนี้เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อวาน รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ก็เพิ่งถูกซื้อมาวันนี้นี่เอง แล้วยังเรื่องมือสังหารที่พระเจ้าจองโจตรัสถึงก็ไม่มีจริง เห็นทีแผนการครั้งนี้คงจะแตกเสียแล้ว

“นั่นเพราะมันเพิ่งถูกสร้าง ขึ้นมา พระเจ้าจองโจทรงตระหนักถึงเรื่องที่จะเกิดในไม่ช้า จึงมีรับสั่งให้พวกข้าสร้างที่นี่ขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ที่ไม่บอกพวกเจ้าเพราะไม่อยากให้เข้าใจผิด เจ้าคงไม่คิดว่าฝ่าบาททำแผนหลอกลวงพวกเจ้าเพียงเพื่อให้พวกเจ้าคืนดีกันหรอก นะ” ชิลกล่าวหยั่งเชิง

“เช่นนั้นหรือค่ะ หากเป็นอย่างที่ท่านว่าจริง ข้าก็ต้องขอโทษด้วยที่ระแวงพวกท่านและก็ต้องขอบพระทัยฝ่าบาทอย่างสูง” จองฮยางกล่าวอย่างรู้สึกผิด

“ไว้ข้าจะไปทูลพระองค์ให้ละกัน เอาล่ะพวกเจ้าพักผ่อนเถอะ หากเรื่องคลี่คลายแล้วข้าจะมารับพวกเจ้าเอง” ชิลกล่าวก่อนจะจากไปพร้อมฟ้าคำราม

“ข้านึกว่าแผนจะแตกแล้วเสียอีก เจ้านี่เก่งจริงๆชิล” ฟ้าคำรามเอ่ยชมขณะเดินทางกลับ

“เพราะข้ารู้จักคิดก่อนพูดนะซิ” ชิลกล่าว ทำให้ฟ้าคำรามมีน้ำโหขึ้นทันที

“เฮ้ย เจ้านี่! เจ้าว่าข้าพูดไม่คิดหรอ ข้าเป็นลูกพี่ของเจ้านะ นี่....เจ้าฟังข้าอยู่หรือเปล่า อย่าเดินหนีข้าสิ...นี่ชิล!” ฟ้าคำรามได้แต่โวยวายตามหลังชิล หากแต่เขาไม่สนใจฟัง ขณะเดียวกันที่กระท่อมหลังจากชิลและฟ้าคำรามจากไป ยุนบกและจองฮยางต่างก็นั่งเงียบอยู่คนละฝั่งของกระท่อม

“เอ่อ...ข้าจะออกไปสำรวจรอบๆนี้หน่อยนะ จะได้รู้ทางหนีทีไล่” เขากล่าวก่อนจะออกไป ยุนบกเดินสำรวจไปรอบๆบริเวณ จนไปเจอน้ำตกเข้า

“โอ้! มีน้ำตกด้วยหรือนี่ ยอดเลยไม่ไกลจากกระท่อมด้วย แบบนี้คงหาน้ำได้ไม่ยาก อ้าแต่ข้าเหนียวตัวจังเลยแฮะ” ว่าแล้วยุนบกก็มองซ้ายแลขวา

“ฮึๆๆ แถวนี้ไม่มีคนอย่างแน่นอน เอาล่ะขออาบน้ำให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” ยุนบกถอดเสื้อผ้าของตนออก ก่อนจะลงไปแช่ในน้ำ

“ดี นะเนี่ยที่น้ำไม่ค่อยลึก ฮ่ะๆๆ น้ำเย็นดีจัง” ยุนบกเอนกายพิงโขดหินใหญ่และผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ขณะเดียวกันจองฮยางที่เพิ่งเตรียมอาหารเสร็จก็รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำให้ สดชื่น และนึกได้ว่าชิลนั้นบอกว่ามีน้ำตกอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมนัก นางจึงตรงไปยังน้ำตกทันที เมื่อมาถึงนางกวาดสายตามองไปรอบบริเวณก็ไม่พบใคร นางจึงวางใจเปลื้องผ้าตนเองลงอาบน้ำ นางซ่อนกายหลบอยู่ข้างโขดหินใหญ่ จองฮยางนั่งพิงโขดหินนั้นอย่างสบายอารมณ์ นางกวักน้ำเย็นชื่นใจขึ้นมาล้างใบหน้าและไหล่

“อ้า! สดชื่นจริงๆ” นางกล่าว เสียงของนางเป็นเหตุให้ร่างที่นินทราอยู่อีกฝั่งของโขดหินตื่นขึ้น เขาแว่วเสียงกวักน้ำเล่นของใครบางคนอีกฝั่งของโขดหิน จึงค่อยๆเดินตามเสียงนั้นไปยังอีกฝาก ภาพร่างบางกำลังลูบไล้เนื้อตัวขาวละเอียดทำให้เขาถึงกับลืมหายใจ ยุนบกก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวจึงลื่นตกขอบโขดหินลงไปยังน้ำลึก

“อ้า ก!” เสียงยุนบกอุทาน จองฮยางเบิกตากว้างกับภาพที่เห็น เมื่อร่างของยุนบกกำลังจมหายไป นางจึงรีบดำลงไปคว้าตัวเขาไว้ จากนั้นนางจึงลากร่างของเขาขึ้นมายังฝั่ง

“ช่างเขียนท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” นางถามด้วยความเป็นห่วง หากแต่อีกคนนิ่งมองนางตาค้าง นางจึงมองตามสายตาเขามาจบที่อกอิ่มของตน

“ว้าย!” จองฮยางรีบโอบร่างปิดอกของตนไว้และหันหนีสายตาแสนซนของคนทะลึ่ง

“อ้า! ข้า!....เอ้ย!” ยุนบกกำลังจะอธิบายหากแต่เมื่อเขาลุกขึ้นนั่งก็พบว่าตนเองก็ล่อนจ้อนเช่นกัน เขาจึงรีบวิ่งไปยังโขดหินฝั่งของตนและใส่เสื้อผ้าทันที

“เอ่อ คือเจ้าเสร็จหรือยัง ข้าจะออกไปแล้วนะ” ยุนบกโยนหินถามทางก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดูก็พบว่าจองฮยางแต่งกายเรียบร้อยออก มายืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

“เอ่อคือข้า...” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร นางก็สะบัดหน้าเดินหนีเขาทันที ยุนบกได้แต่มองตามอย่างอ่อนใจ นี่นางคงเกลียดเขามากกว่าเดิมเสียอีก

เมื่อกลับมาถึงกระท่อมทั้งสอง ก็ทานอาหารกันด้วยความเงียบงัน ยุนบกเหลือบมองใบหน้าไร้อารมณ์ของนางเป็นพักๆ ในขณะที่นางไม่แม้แต่จะชายตามองเขา หลังทานอาหารเสร็จจองฮยางก็เตรียมจัดที่หลับที่นอน

“เจ้านอนเถอะนะ ข้าจะเฝ้าข้างนอกให้เอง” เขากล่าวก่อนจะเดินออกจากกระท่อม ยุนบกทรุดตัวลงนั่งข้างๆประตู เวลาผ่านไปโดยไร้ซุ่มเสียง จนเขาแน่ใจว่านางหลับแล้ว

“เจ้าหลับหรือยังจองฮยาง?” ยุนบกเอ่ยถาม หากแต่ไม่มีเสียงตอบจากคนในกระท่อม

“คง หลับแล้วซินะ........ข้ามันน่ารังเกียจ ข้ารู้ดี ถึงข้าอยากจะอธิบาย แต่มันก็เป็นได้แค่คำแก้ตัวเท่านั้น แม้จะบอกว่าข้าไม่ได้ตั้งใจมอง แต่ข้าก็เห็นมันอยู่ดี.........ทั้งที่เจ้ายังโกรธข้าอยู่แท้ๆ แต่ข้าก็คอยแต่สร้างเรื่องให้เจ้าโกรธและเกลียดข้ามากขึ้นไปอีก ข้านี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ข้าขอโทษนะจองฮยาง ข้าขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าขอโทษ...ขอโทษที่เป็นคนไม่ได้เรื่องแบบนี้ นอกจากรักเจ้าแล้ว ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรดีๆให้เจ้าได้เลย ข้าได้แต่รักเจ้า รักเจ้าอย่างคนบ้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง” ยุนบกระบายความในใจก่อนจะผล็อยหลับไป โดยไม่รู้เลยว่าดวงตาคู่งามยังคงเบิกกว้างอยู่ในกระท่อม โดยมีหยดน้ำตาแห่งความซาบซึ้งรินไหลอยู่ สักพักร่างบางก็เปิดประตูออกมา นางทรุดลงนั่งข้างเขาก่อนจะห่มผ้าที่นำออกมาด้วยให้แก่เขา

“ใช่ข้า โกรธท่านมาก แต่คนที่ข้าโกรธที่สุดก็คือตัวข้าเองที่ไม่สามารถเกลียดท่านได้ ไม่ว่าท่านจะทำอะไรหัวใจของข้าก็พร้อมจะให้อภัยและรักท่านอยู่เสมอเหมือน ดั่งทาสผู้ซื่อสัตย์ หากแต่ข้าไม่อยากถูกมองเป็นของตายที่ไม่ว่าท่านจะทำเช่นไรก็ได้ ข้าจึงต้องแสร้งทำเป็นโกรธเคืองท่าน ข้าเองก็เป็นคนไม่ได้เรื่องเช่นกัน ข้าเองก็ได้แต่รักท่านอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน” นางกล่าวทั้งน้ำตา ทันใดมือของยุนบกก็เอื้อมไปสัมผัสใบหน้านาง จองฮยางถึงกับสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะตื่น ทั้งสองต่างสบตากันอยู่เนิ่นนาน

“ข้าขอโทษ ที่รักเพียงเจ้า” เสียงหัวใจของยุนบก

“ข้าเองก็ไม่สามารถรักใครได้ นอกจากท่าน” เสียงหัวใจของจองฮยาง
ร่าง ทั้งสองค่อยๆเลื่อนเข้าหากัน จองฮยางหลับตาพริ้มริม ฝีปากบางสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกริมฝีปากของยุนบกสัมผัส จุมพิตแผ่วเบาท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืนนี้จะตราตรึงใจทั้งสองไปตลอดกาล




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 18:46:39 น.
Counter : 763 Pageviews.  

THUNDER AND THE WIND : The After War ตอนที่ 7



ตอนที่ 7 ยุทธวิธี


เมื่อได้ข้อสรุปในการตัดสินใจของจองฮยางแล้ว อินอุกก็จัดเตรียมข้าวของของตนเพื่อเดินทางกลับฮันฮยางในวันพรุ่งนี้

“ท่าน ทันวอน ท่านช่วยกลับไปเป็นเพื่อนคุณชายฮงหน่อยได้ไหม ข้ามีเรื่องที่ต้องให้ท่านทำ” พระเจ้าจองโจซึ่งตอนนี้ได้ถูกเชิญให้เข้ามาประทับในเรือนของฟ้าคำรามด้วย ความไม่เต็มใจนักของเจ้าบ้านเอ่ยขึ้นกับฮงโด

“หม่อนฉันรึพระยะค่ะ” ฮงโดตอบอย่างไม่มั่นใจ

“ใช่ ข้าอยากจะอยู่ที่มาโปนี่อีกสักระยะหนึ่ง และจำเป็นต้องให้ใต้เท้าฮงอยู่ด้วย ข้าจึงอยากที่จะได้คนที่ไว้ใจได้ฝากดูแลเรื่องในวังแทนข้าและท่านเองก็เป็น คนที่ข้าไว้วางใจ” พระองค์อธิบาย

“หม่อนฉันมิบังอาจ คนต้อยต่ำอย่างหม่อนฉันคงไม่สามารถ...” ฮงโดรีบท้วงขึ้น

“ไม่ จริงหรอก ท่านเป็นขุนนางที่ตรงฉินอีกทั้งยังมีศักยภาพในหลายด้าน ข้ามั่นใจว่าท่านสามารถทำได้ ยังไงก็ฝากด้วยนะท่านทันวอน” หากแต่ฝ่าบาทยืนยันที่จะให้เขารับหน้าที่ ฮงโดจึงต้องรับพระบัญชาอย่างจำใจ ทั้งที่ตนยังไม่อยากไปจากมาโป

“ฮึ..ใช้อำนาจบาดใหญ่” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นด้วยความหมันไส้ นั่นทำให้ใต้เท้าฮงถึงกับเดือดดาล

“เจ้าคนสามห้าว กล้าหมิ่นพระเกียรติต่อหน้าพระพักตร์เชียวรึ!” ใต้เท้าฮงกล่าวด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“เอาน่าๆ มันก็เป็นเรื่องจริง” พระเจ้าจองโจตรัส

“ฝ่าบาท!” ใต้เท้าฮงรีบท้วงขึ้น

“เพราะ งั้น ข้าจะขอใช้อำนาจบาดใหญ่ของข้า บังคับให้เจ้าต้อนรับข้าในฐานะเจ้าบ้านที่ดี เพราะข้าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานเชียวละ” ทรงเฉลยให้ทุกคนอ้าปากค้าง


ตกดึกคืนนั้นฮงโดไปหายุนบกที่ห้อง

“อาจารย์ ท่านมีอะไรหรือครับ?” ยุนบกถามขณะเปิดประตูออกมา

“ในเมื่อข้าต้องไปจากมาโปแล้ว ข้าก็อยากที่จะเก็บความทรงจำของเราไว้” ฮงโดเอ่ยพร้อมกับผลักร่างยุนบกเข้าไปในห้อง

“อา..อาจารย์ท่านจะทำอะไรครับเนี่ย?” ยุนบกถามด้วยความสงสัย

“มา เขียนภาพกันเถอะ!” ฮงโดเฉลย เมื่อได้ยินดังนั้นยุนบกก็เผยยิ้มออกมาและพยักหน้าเป็นการตอบรับ จากนั้นศิษย์และอาจารย์ก็ร่วมกันเขียนภาพแห่งความทรงจำของพวกเขาขึ้น นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนี้ มันเหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปยังช่วงเวลาแห่งความสุขในอดีต

เมื่อ รุ่งอรุณมาเยือนภาพเขียนก็เสร็จสมบูรณ์ ยุนบกและฮงโดนั่งมองภาพนั้นด้วยความพอใจ เขาทั้งคู่ต่างหมดแรงไปกับการเขียนภาพนี้ หากแต่เมื่อได้เห็นผลสำเร็จของมันก็ทำให้พวกเขาหายเหนื่อย

“เจ้าเก็บมันเอาไว้เถอะนะ” ฮงโดเอ่ยขึ้น

“เอ๋ ข้าหรือครับ? ข้าคิดว่าท่านจะเอามันกลับไปฮันฮยางซะอีก” ยุนบกถามด้วยความแปลกใจ

“ข้า มีภาพของเจ้าแล้วนี่ และข้าก็อยากให้เจ้าเก็บความทรงจำของเราติดตัวเจ้าไว้ เจ้าจะได้ไม่ลืมว่า...ข้าเป็นใคร” ฮงโดกล่าวอย่างเศร้าสร้อย

“พูด อะไรอย่างนั้นละครับ ต่อให้ไม่มีภาพนี้ข้าก็ไม่มีวันลืมท่านหรอกครับ อาจารย์” ยุนบกตอบด้วยความจริงใจ ฮงโดจึงยิ้มรับกับคำพูดนั้นและสวมกอดศิษย์รักสุดดวงใจ

“เอาล่ะ พวกเจ้าพร้อมเดินทางแล้วนะ” พระเจ้าจองโจตรัสขณะออกมาส่งฮงโดและอินอุกหน้าบ้าน ทั้งสองจึงคุกเข่าลงทำความเคารพ

“ขอ ให้พวกเจ้าเดินทางโดยสวัสดิภาพและปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดนะ” พระองค์อวยพร ทั้งสองจึงโค้งรับอย่างนอบน้อม ก่อนจะกระโดดขึ้นม้าของตน อินอุกหันมามองจองฮยาง สตรีที่ตราตรึงในใจเขาด้วยความอาลัย เช่นเดียวกับฮงโดที่หันมามองลูกศิษย์อย่างอาลัยรัก ยุนบกยิ้มรับและโค้งส่งผู้เป็นอาจารย์ ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มของเขา เขายืนมองจนม้าของทั้งสองหายไปลับตา จึงได้เดินเข้าประตูบ้าน โดยไม่รู้เลยว่าจองฮยางเฝ้ามองท่าทีของเขาด้วยความรู้สึกเช่นไร

“ทำไมท่านไม่ตามเขาไปเสียเลยล่ะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก่อนจะเดินหน้านิ่วจากไป ยุนบกได้แต่มองตามด้วยความงุนงง

“นี่นางโมโหอะไรข้ากันเนี่ย?” ยุนบกเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา

“นั่นคืออาการหึงหวงนะซิ” ฟ้าคำรามบอกพร้อมเข้ามากอดคอน้องรัก

“หะ..หึง?!” ยุนบกอุทานด้วยความแปลกใจ

“ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีนะ แสดงว่านางยังมีใจให้เจ้าอยู่” ฟ้าคำรามเสริม

“ท่านคิดอย่างงั้นหรือครับ ทั้งที่นางตัดรอนข้าอย่างไม่เหลือเยื่อใย” ยุนบกกล่าวอย่างเศร้าสร้อย

“โธ่ เอ้ย แค่โดนปฏิเสธครั้งสองครั้ง เจ้าก็ถึงกับถอดใจแล้วหรือนี่ จำเอาไว้ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก” ฟ้าคำรามกล่าว หากแต่ยุนบกไม่ค่อยอยากจะเชื่อในน้ำคำของเขานัก

“โฮ่ แต่บางทีผู้หญิงก็ด่าเพราะเกลียดจริงๆนะ” พระเจ้าจองโจที่ยืนมองทั้งสองอยู่นานตรัสแทรกขึ้น

“นี่....มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำซิ” ฟ้าคำรามเอ็ดใส่พระองค์

“บังอาจเจ้าคนสามห้าว กล้ากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าพระพักตร์หรือนี่!” ใต้ฮงกล่าวอย่างฉุนเฉียว

“นั่น สิ ข้าไม่อยากโดนคนอย่างเจ้าว่าหรอกนะฟ้าคำราม อีกอย่างข้าก็พายมาจนเกือบจะถึงฝั่งอยู่แล้ว เหลือแค่เพียงน้องของเจ้าจะกล้าโดดขึ้นฝั่งไหมเท่านั้น” พระองค์สวนกลับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเสด็จเข้าเรือน ฟ้าคำรามได้แต่มองตามอย่างขัดอารมณ์

คืนวันนั้นฟ้าคำรามลากยุนบกไปยังร้านเหล้าเจ้าประจำกลางตลาด พร้อมด้วยชิลลูกน้องคนสนิทที่ต้องตามมาอย่างจำใจ

“ข้าว่าถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเอาจริงแล้ว” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้นพลางกระดกเหล้า

“เอาจริง?” ยุนบกเอ่ยด้วยความสงสัย

“ใช่! เจ้าเห็นนั่นไหม ดวงจันทร์ที่งดงามบนท้องฟ้า” ฟ้าคำรามชี้ไปที่ดวงจันทร์ ยุนบกจึงเงยหน้ามองตามมือ

“จัน ทรานั้นมีเพียงหนึ่ง มิได้ดาษดื่นเหมือนดวงดาวมากมาย หากนางเป็นดั่งจันทราของเจ้า จงเอื้อมไปให้สุดมือและคว้านางมาไว้ในหัวใจ” ฟ้าคำรามทำท่าประกอบเอื้อมมือไปคว้าดวงจันทร์มาแนบอกตัวเอง แม้ยุนบกจะไม่ค่อยเข้าใจว่าพี่ของตนทำอะไร แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ฟ้าคำรามคว้าดวงจันทร์ของเขาไปแนบอก เขาจึงดึงมือฟ้าคำรามและแย่งเอาดวงจันทร์มาไว้กับตน

“ข้าเข้าใจแล้ว” ยุนบกกล่าว ฟ้าคำรามได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่ชิลได้แต่ส่ายหน้าให้กับความบ้าของพี่น้องคู่นี้

“เอาล่ะเรามาเริ่มแผนแรกกันเลย” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้น

“เอ๊ะ? ผะ..แผน? แล้วข้าต้องทำยังไงหรือครับ?” ยุนบกถามด้วยความฉงน

“ฮ่าๆๆ ง่ายมาก สตรีทุกนางนั้นย่อมอ่อนระทวยเมื่อพานพบกับยอดชายอาชา” ฟ้าคำรามตอบหากแต่นั่นไม่ได้ทำให้ยุนบกเข้าใจขึ้นเลย

“ยอดชายอาชา?” ยุนบกเอ่ยด้วยความสงสัย

“ข้า และชิลจะช่วยเจ้าเองน้องชาย!” ฟ้าคำรามกล่าวก่อนจะตบไปที่ไหล่ยุนบกด้วยความพอใจและกระดกเหล้าเข้าปาก ในขณะที่ชิลได้แต่นั่งถอนหายใจที่จู่ๆก็โดนลากมาร่วมวง

แผนที่ 1 ยอดชายอาชา
ขณะที่จองฮยางกำลังเดินไปซักผ้าที่น้ำตกระหว่างทางนางพบกับชายฉกรรย์สองคน พวกเขาอำพรางใบหน้าด้วยผ้าคลุมสีดำ

“พวกท่านเป็นใคร? ต้องการอะไร?” จองฮยางถามหากแต่พวกเขาไม่ตอบ และตรงเข้ามาจับตัวนางไว้

“กรี๊ด! ปล่อยนะ พวกท่านต้องการอะไร?” จองฮยางร้องด้วยความตกใจ

“หยุด นะเจ้าโจรใจทราม ปล่อยนางเดี๋ยวนี้” ยุนบกปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล่าวกับโจรอย่างห้าวหาญ ทันใดนั้นโจรคนหนึ่งก็ตรงเข้าไปทำร้ายเขาทันที แต่ด้วยฝีมือของยุนบกจึงทำให้สามารถต่อกรกับมันได้อย่างสูสี ก่อนที่เขาจะได้ทีต่อยเข้าไปที่ท้องของมันเต็มแรงจนล้มทั้งยืน ยุนบกผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายล้มลง แต่โจรก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์มันลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง คราวนี้มันตรงเข้าคลุกวงใน

“เจ้าบ้าเบามือหน่อยได้ไหม จะฆ่าข้าหรือไง?” โจรกระซิบบอกกับยุนบก

“ข้า ขอโทษครับพี่” ยุนบกจึงกระซิบตอบ ก่อนจะทำท่าต่อยไปที่หน้าโจร นั่นทำให้จองฮยางจับอาการแปลกๆของคนทั้งคู่ได้ นางจึงฉวยโอกาสในขณะที่โจรอีกคนเผลอดิ้นหลุดจนมือนางเป็นอิสระ จากนั้นนางก็กระชากผ้าคลุมหน้าของโจรออก ก็พบว่าโจรที่จับนางคือชิลนั่นเอง

“นี่ พวกท่านเล่นอะไรกันค่ะเนี่ย?” นางถามด้วนน้ำเสียงเอาเรื่อง ทำให้ยุนบกและโจรที่กำลังต่อสู้อยู่รู้ว่าแผนแตกเสียแล้ว นางจึงเดินตรงไปยังโจรอีกคนหนึ่งและดึงผ้าคลุมหน้าออกเช่นกัน จึงรู้ว่าอีกคนคือฟ้าคำรามนั่นเอง

“พวกท่านว่างกันนักหรือค่ะ?” จองฮยางกล่าวเสียงเข้มพร้อมจ้องเขม็งไปที่ยุนบก ก่อนจะเดินจากไปอย่างโกรธเคือง บุรุษทั้งสามได้แต่ยืนหน้าจ้อย แผนที่ 1 จึงล้มไม่เป็นท่า

“เอาน่าๆ ลูกผู้ชายล้มร้อยครั้งก็ต้องลุกร้อยครั้ง ในเมื่อยอดชายอาชาไม่สามารถเอาชนะใจนางได้ งั้นต้องใช้กลยุทธ์ขั้นสูง” ฟ้าคำรามปลอบใจน้องชายก่อนจะเสนอแผนต่อไป ยุนบกและชิลได้แต่ส่ายหน้าให้กับความหนาของหน้าเขา

“แล้วกลยุทธ์ขั้นสูงของท่านมันคืออะไรกันล่ะ?” แม้จะไม่อยากรู้แต่ยุนบกก็จำใจถาม ฟ้าคำรามจึงแสยะยิ้ม

“บุรุษเจ้าสำราญ” ฟ้าคำรามเฉลย

แผนที่ 2 บุรุษเจ้าสำราญ
ขณะที่จองฮยางกำลังเดินชมตลาดอยู่นั้น นางได้เดินผ่านร้านขายผ้าแพรร้านหนึ่ง นางหยุดดูอย่างสนใจ

“แพร พรรณนวลเนื้อผืนเรียบ มิอาจเทียบเทียมโฉมนาง” ยุนบกในชุดขาวดูสง่าราวชนชั้นสูง กล่าวพร้อมกางพัดในมือออก และส่งยิ้มที่คิดว่าทรงเสน่ห์ให้กับนาง จองฮยางมองเขาด้วยความแปลกใจก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอา

“ฟังหูไว้หูดูเป็นกลาง คำพูดนั้นยังห่างการกระทำ” นางตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ยุนบกถึงกับหน้าจ้อย

“คน จริงจริงใจในทุกคำ ใช่พูดพร่ำเพียงเพื่อแค่เกี้ยวพา” เขายังทำใจดีสู้เสื้อต่อกลอนนางกลับ นั่นทำให้นางถึงกับหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ยุนบกสะดุ้งโหยงเมื่อถูกสายตานางจ้องมอง

“คำพูดของท่านมันเชื่อไม่ ได้อีกแล้ว ข้าจะไม่มีวันหลงคารมคนอย่างท่านอีก!” นางกล่าวก่อนจะเดินจากไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ยุนบกได้แต่มองตามคอตก แผนที่2 ก็ไม่เป็นผลอีกตามเคย

“เอาน่าๆ อย่างที่เขาว่าไว้ละนะ ความรักนะมันยากกว่าการเขียนภาพ” ฟ้าคำรามปลอบใจผู้เป็นน้อง

“ใครกล่าวเช่นนั้นกัน ข้าไม่เคยได้ยิน” ชิลแทรกขึ้นด้วยความสงสัย ฟ้าคำรามจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาไม่ให้ขัดจังหวะ

“ข้าว่าเห็นทีเราคงต้องใช้ไม้ตาย” ฟ้าคำรามเอ่ยขึ้น นั่นทำให้ยุนบกหันมาสนใจได้

“อะไรหรือครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้นด้วยยังแอบหวังอยู่

“พ่อบุญทุ่ม” ฟ้าคำรามเฉลยพร้อมหัวเราะอย่างชอบใจ

แผนที่ 3 (แผนสุดท้าย ไม้ตาย) พ่อบุญทุ่ม
เช้าตรู่อันสดใสจองฮยางเปิดประตูออกมารับอรุณอย่างสำราญใจ นางก็ต้องแปลกใจที่เห็นผ้าแพรกองหนึ่งวางอยู่หน้าห้อง นางจึงก้มลงไปดู

“ข้า เห็นว่าเจ้าจับมันอยู่ที่ตลาด เจ้าคงชอบมันซินะ ข้าก็เลยซื้อมาให้” ยุนบกปรากฏตัวขึ้น จองฮยางได้ยินดังนั้นก็ทำสีหน้าเอือมระอาทันที

“ไม่ เป็นไร เสื้อผ้าของข้าก็มีเยอะอยู่ หาได้ต้องการเพิ่มไม่ ท่านเก็บไว้เองเถอะ” นางกล่าวก่อนจะวางมันลงที่เดิม และเดินตรงไปหน้าร้าน ยุนบกเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามนาง

“โอ้...ข้าบังเอิญเจอปิ่นปักผมนี่ที่ตลาด มันเหมาะกับเจ้ามาก” เขากล่าวพร้อมยื่นปิ่นให้นาง

“ขอบ ใจแต่ตอนนี้ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องใส่เครื่องประดับมากมายอีกแล้ว ที่มีอยู่ก็มากพอ หากจะมีมาเพิ่มคงจะเป็นภาระแก่ข้าเปล่าๆ อีกอย่างมันก็ทำให้ข้ารู้สึกไม่ถนัดเวลาทำงาน” นางกล่าวปฏิเสธพร้อมเร่งฝีเท้าหนีเขา แต่ยุนบกก็ยังไม่ลดละ เขาจึงวิ่งตามนางไปอีก ก่อนที่นางจะเดินมาถึงครัวหน้าร้านที่ที่นางทำหน้าที่อยู่ ก็พบเข้ากับดอกไม้มากมายวางเรียงรายอยู่ในนั้น ยุนบกส่งยิ้มให้นาง

“หวังว่าเจ้าคงจะชอบ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หากแต่นางกลับชักสีหน้าด้วยความโกรธเกี้ยว

“ท่าน พอสักทีเถอะ การที่ท่านทำเช่นนี้มันเป็นการรบกวน ข้าไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งหรือยินดีแม้แต่น้อย” นางกล่าวอย่างเหลืออด ก่อนจะเดินฝ่าดงดอกไม้เข้าครัวไป แผนที่3 จึงจบลงด้วยความล้มเหลว ยุนบกรู้สึกท้อแท้ใจเป็นที่สุด

“เอาน่ายุนบก ลูกผู้ชายนะ...” ฟ้าคำรามพยายามจะปลอบน้องของตนเหมือนเคยแต่ไม่ทันพูดจบก็โดนยุนบกสวนขึ้น

“พอ ทีเถอะ แผนของท่านมันไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก ข้าไม่มีวันเอาชนะใจนางได้อีกแล้ว” ยุนบกกล่าวอย่างสิ้นหวัง ชิลที่นิ่งฟังอยู่ลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาเขา

“ทุกปัญหาย่อมมีทางออก เสมอยุนบก ในเมื่อแผนการต่างๆไม่สามารถเอาชนะใจนางได้ ทำไมเจ้าไม่เลิกใช้แผนโง่ๆพวกนั้นและเปลี่ยนมาใช้หัวใจของเจ้าล่ะ” ชิลกล่าวขึ้นพร้อมจับไปที่ไหล่ของยุนบก นั่นทำให้ยุนบกที่กำลังนั่งคอตกอยู่เงยหน้ามองบุรุษผู้นี้อย่างเลื่อมใส

“จง ทำในแบบของเจ้า ใช้หัวใจของเจ้าทำให้นางประจักษ์ในรักแท้” ชิลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นั่นทำให้ฟ้าคำรามถึงกับอ้าปากค้างที่ลูกน้องตัวโตดั่งหมีกลับมีความลึกซึ้ง ในเรื่องรักได้ถึงเพียงนี้ คำพูดของชิลช่วยทำให้ยุนบกฮึดสู้อีกครั้ง

แผนที่ 4 ซึ่งไม่ใช่แผนแต่เป็นความรักจากหัวใจ
เช้าตรู่วันหนึ่งยุนบกมายืนรอจองฮยางอยู่หน้าประตูอย่างใจจดจ่อ เมื่อนางเปิดประตูออกมาก็ถึงกับแปลกใจที่เห็นเขา

“ท่านมีธุระอะไร?” นางถามด้วยน้ำเสียงไม่ยินดีนัก

“เอ่อ...ขะ ...ข้า...ข้าแค่อยากจะมากล่าวอรุณสวัสดิ์กับเจ้านะ ข้าไปละ” ยุนบกกล่าวจบก็เดินตรงไปหน้าร้าน จองฮยางได้แต่ยืนงุนงงต่อท่าทีของเขา ก่อนจะเดินตามไปช่วยที่หน้าร้านเช่นกัน ยุนบกกลับมาทำหน้าที่บริกรตามเดิมด้วยความแข็งขัน เขาต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มและความสดใสเช่นเคย

“โต๊ะสองขอข้าวกับ น้ำแกงสองที่นะ” เขาเดินมาบอกจองฮยางผู้เป็นแม่ครัวด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะเดินไปสั่งเหล้ากับฟ้าคำรามที่ทำหน้าที่อุ่นเหล้าอยู่ จองฮยางรู้สึกแปลกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา แต่ขณะเดียวกันก็โล่งใจที่เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ดื่มเหล้าเมามายอีก

“ข้าว กับน้ำแกงโต๊ะสองได้หรือยังจองฮยาง?” ยุนบกเดินมาทวงรายการอาหาร จองฮยางจึงรีบลนลานทำให้ ก่อนที่เขาจะยกไปให้ลูกค้า นางมองท่าทางแข็งขันนั้นแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม รอยยิ้มนั้นหาได้พ้นสายตาแหลมคมของพระเจ้าจองโจผู้ปรีชาไม่ พระองค์รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ดีขึ้นของทั้งสอง

“คงถึงเวลาที่ข้าจะออกโรงแล้วกระมัง” พระองค์ตรัสอย่างมีนัยพร้อมแย้มพระสรวล




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 18:47:04 น.
Counter : 484 Pageviews.  

1  2  3  
 
 

amp_windy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add amp_windy's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com