(วันสุดท้าย) Goodbye Adelaide, South Australia
เฮ่ออออ....แม้วันนี้..จะเป็นวันแรกที่เราได้นอนตื่นสายแต่........ก้อ..เป็นวันสุดท้ายสำหรับที่นี่แล้วเก็บของ..อ้อย อิ่ง อ้อย อิ่งเนือย เนือย ทั้งที่ ไม่ได้เหนื่อย สักเล็กน้อยกินองุ่นแช่เย็นที่เก็บจากสวนหลังบ้าน..รองท้องฝืด กลืนลำบาก เหมือนมีอะไรจุกที่คอ ซะงั้น แท็กซี่ที่โทรนัดเอาไว้เมื่อวาน ก้อช่างมาตรงเวลาเสียจริง สายนิด สายหน่อย ไม่มีเลยหรือไงที่สนามบิน หากใครบิน Domestic economic flight สามารถ check in ได้ด้วยตัวเองเลยสะดวกมากมาย ไอ้เราก้อไปเช็คอินเองบ้าง ปรากฎว่า...ผิดค่ะเพราะของเราจัดเป็น International flightเค้าแยกส่วนเช็คอินต่างหาก ซึ่งก้อดี เพราะเราโหลดกระเป๋าเสียทีเดียวที่นี่ รับอีกที ที่ปลายทาง สุวรรณภูมิเลยแหม...พอขาออกล่ะ ไม่ค่อยจะเข้มงวดเล้ยย ต่างจากขาเข้าจัง.. เวลาไม่เดิน ย้ อ น ก ลั บ อืมมม...จ ริ ง จ ริ ง ด้ ว ยเก้าอี้...ที่วันนี้ เวลานี้ ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะนั่งสักเท่าไร ร้านกาแฟสวยๆ ก้อถูกมองข้าม ไอเดียโฆษณาที่ได้เก็บมาฝาก วันนั้น ที่ตรงนี้ มีใครหนึ่งคน ยืนยิ้ม มารอรับ วันนี้....มี....แต่ กลับ เ ห ง า อยู่ลึกๆ....เมื่อเวลามาถึง เราก้อจำต้องจาก แม้นจะไกล แสนไกล แต่ก้อไม่ยากเกินไป ที่เราจะเจอกัน ....เนอะ เนอะ เนอะ....พูดเผื่อสักวันข้างหน้า...จ้าาาาา.....ดื่มประจำเลยค่ะ อยากให้มีขายในไทยบ้าง รสชาติดีมากๆ................................................จบบริบูรณ์...........................................
(คืนสุดท้าย) รถไฟ ทะเล กระทะ(เอ๋???) แอนด์.....ดินเนอร์ของเรา
..........เวลาเหมือนติดปีก หลงระเริงกับความสุข สนุก และ เหนื่อยจนแทบสลบก่อนหัวถึงหมอนทุกคืนๆแต่..เผลอแป๊บเดียว ก้อถึงคืนสุดท้ายใน Adelaide แล้ว ....คิดกันอยู่นานค่ะ ว่าวันนี้จะไปไหนดี เพราะ ไม่อยากเหนื่อยจนเกินไป (แหม...เหนื่อยมาทุกวันแล้วนี่....)แต่ที่วางเอาไว้เดิม..คือ ดินเนอร์สุดเริ่ดของเรา อุตส่าห์หอบหิ้วชุดราตรีซีทรู...ข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาด้วยเลยเชียว.....ไปดูกันค่ะ ว่า วันนี้ลงเอยที่ใดอยากลองนั่งรถไฟ เพราะเห็นเมืองนอกเนี่ย รถไฟมักจะหรูหราอาคารของสถานีรถไฟสวยคลาสสิกดี เดินลงไปด้านล่าง จะพบกับชานชาลาเยอะแยะมากมาย คล้ายๆ หัวลำโพง แต่สะอาดกว่า ไร้กลิ่นน้ำมันกวนใจ ตั๋วโดยสารอย่างที่เคยบอก ระบบเดียวกันทั้งหมด สะดวกดีค่ะ ข้อเสียที่เราค้นพบคือ หน้าต่างกระจกฝ้ามากๆ แทบจะมองไม่เห็นวิวสองข้างทางเลย ทำให้ขุ่นใจไปด้วย (เก๊าะ..ชอบมองวิวนิ..)ถึงแล้วค่ะ จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ทะเล Semaphoreกว่าจะได้เห็นวิวสวยๆแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆไกด์คิ้วขมวด เปิดแผนที่ ตารางรถทั้งหลาย เพื่อวางแผนทั้งคืนเลย เราลงรถไฟที่ Peterhead จากนั้น เดินมาที่ป้ายรถเมล์ เพื่อจะต่อรถเมล์ไปยังทะเล แต่เมื่อดูเวลาเดินรถแล้ว คิดว่า เดินเท้าไป น่าจะถึงก่อนเสียด้วยซ้ำ ก้อเลยเดินๆ กันไป สองหน่อ ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงๆดูแผนที่กันไป มองชื่อถนนบริเวณแยก ซึ่งเค้าสลักเอาไว้ที่ขอบฟุตบาทใกล้ๆแยก ....แล้วเราก้อได้มาซึ่งวิวสวยๆ เช่นนี้เลยค่ะ ร้านรวงสวยๆน่ารักๆ มีให้เห็นแทบจะทุกแหล่งท่องเที่ยวเจอ Charity shop เข้าไปคว้ากระทะชั้นดี ราคาถูกมาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ไกด์..เนี่ยน้า....ลูกทัวร์ขอแล้วว่า วันนี้ อย่าเดินๆ เอาแบบลงจากรถก้อถึงปั๊บเลย กระนั้น ก้อยังได้สูญเสียพลังงานไปเป็น กิโลๆ เฮ่อออ........มาค่ะมา มาหยุดเติมพลังกันหน่อย ทานมื้อเที่ยงพลาง ทอดสายตาไปไกลๆ พลาง มีความสุข อีกแล้ว ทำไงดี ....สีสันประดิษฐ์ ....ในสวนสนุกสุดสัปดาห์ของเขาสีสันธรรมชาติ .....เติมเต็มให้ท้องทะเล และ หาดทรายหันกลับเข้าฝั่งไป..วายยยย ฟ้ามืดครึ้มเลย ได้กลิ่นฝนจางๆมาแต่ไกลก้อเลยต้องบ๊ายบาย ส่งท้ายทะเล Semaphore ด้วยโรงแรมเก๋ๆหลังนี้ขามา...ลำบากอย่างไร มีรึ ขากลับ จะไม่ลำบาก หะแรก คิดว่า นั่งทานไอติมที่ร้าน +รอรถเมล์อยู่ในร้านเสียเลย แต่มีเหตุดลใจให้ลุกเดิน...เปลี่ยนไปรอรถเมล์อีกป้ายนึง และแล้ว...เราก้อรอรถเมล์ผิดฝั่ง (แป่ววววววว....!!!!)เลยจำต้องเดินกลับ อีก กว่า กิโล เพื่อไปขึ้น รถไฟที่ Peterhead เช่นเดิม เฮ่ออ..กลับถึงบ้าน ดินเนอร์ที่แพลนกันเอาไว้ ตั้งแต่ยังไม่เจอกันเก๊าะเลยพับเก็บ เนื่องจากเหนื่อยจัง ......ไปฟู้ดแลนด์ ได้เจ้านี่มาค่ะ ฉลองร่วมกับกระทะใหม่ๆที่เพิ่งถอยมาเลย อยากบอกว่า ...ดินเนอร์แบบไหน อย่างไร ก้อเป็นสุข ด้วยมีเราและเราค่ะ ...แล้วเจอกันวันสุดท้าย น ะ ค ะ
(วันที่ห้า) พระอาทิตย์ตกเวลา 2ทุ่มครึ่ง ที่นี่..ทะเล Glenelg
วันนี้ ไม่มีอะไรรองท้องก่อนออกจากบ้านเลย นั่นเป็นเพราะว่า...เรามี...อาหารเช้าที่ IKEA ค่ะ อะไรคือ IKEA IKEA คืออะไร ...ตามมาดูกันค่ะ เขาขายเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านค่ะ มีสาขามากมายทั่วโลก...(แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้และน้องสาวเพิ่งไปช้อปมาให้..ตาร้อน..ที่กัวลาลัมเปอร์)พอเดินผ่านเข้าประตูไป จะพบคุณป้าอ้วนๆดูใจดี ยิ้มแย้ม เข้ามาทักทาย และแนะนำการช้อปปิ้ง แผนที่ในการเดิน ดินสอ-กระดาษสำหรับจดสินค้าที่สนใจ Tag บอกราคา ตำแหน่งที่จะไปหยิบสินค้าคิดดูเอา ว่า มันจะกว้างสักแค่ไหน ถึงกับต้องมีแผนที่แจกกันเชียวแคตตาล็อกเล่มหนาปึ่ก วางเอาไว้ให้หยิบดู แต่ขอคืนก่อนจะถึงทางออก ขึ้นสู่ชั้นสอง พบกับร้านอาหารที่เราหมายปองกันไว้ กับเซ็ตอาหารเช้าราคาประหยัด เพียง 1.95 ดอลล่าร์เท่านั้น (หาไม่ได้อีกแล้วว)ทานข้าวเช้าเสร็จก้อเริ่มปฏิบัติการ เดินตามแผนที่และลูกศรที่พื้น หากเราจะซื้อของชิ้นใหญ่ๆ เราก้อจดๆๆ แล้วมาหยิบที่โกดังด้านล่าง ก่อนจ่ายเงิน ส่วนชิ้นเล็กๆก้อใส่รถเข็น หรือ กระเป๋าช้อปปิ้งได้เลย สุดท้ายได้ของติดมือกลับไทยเหมือนกันแฮะ...ออกจาก IKEA ต้องเพิ่มดีกรีการช้อปปิ้ง ด้วยการนั่งบัสไปต่อกันที่ Habour town shopping center ก้อประมาณ outlet village ในบ้านเราเลยค่ะ คว้ากล้องขึ้นมากดๆ ได้เพียงสองรูป การ์ดก้อพุ่งเข้ามา บอกว่า ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพสถานที่ ก้อเลยเก็บกล้อง และตั้งหน้าตั้งตาช้อปปิ้งกันอย่างเดียวได้กระเป๋าถือ SISLEY มาสองใบ กระเป๋าสตางค์ pierre cardin กับเสื้อผ้าอีกเล็กน้อย กลับเข้าบ้านเพื่อกินมื้อเที่ยงในเวลาประมาณ บ่ายสาม จากนั้นออกไปซื้อช็อคโกแลต (เป็นของฝาก) กว่า 5 กิโลกรัม.....ใกล้ได้เวลา ทะเล ของเราแล้วค่ะ เตรียมแจ๊คเก็ตพร้อม กล้อง+แบตพร้อม ไม่กลัวแล้ววันนี้ ไม่มีพลาด พระอาทิตย์ตกทะเลจ๋าาาา.... วันนี้ เจอกันแน่ นั่งรถรางไปเช่นเคยค่ะ สุดทาง ป้ายสุดท้าย แทบจะเกยชายหาดเลยค่ะ แต่เราเลือกจะลงก่อน 1 ป้าย ทั้งนี้ เพื่อเดินชมร้านรวงสองข้างทางอีกเช่นเคยค่ะ แดดจ้า...ท้าทาย ตึกสวยๆของโรงแรม Stamford ทรายขาวววว....ขาวเห็นสิ่งมีชีวิตบนผืนทรายมั้ย..พระอาทิตย์ลับขอบน้ำไปแล้วนั่น 20.32 น. ตามเวลาท้องถิ่น ไม่อยากจะเชื่อเลยหลังพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า หมายเลข 1 หลังพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า หมายเลข 2และ หมายเลข 3 ถ่ายด้วยโปรแกรมต่างๆกันของกล้องค่ะ....ถือได้ว่า mission complete นะคะ ได้มาดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วว ....มารอรถเมล์เที่ยวสุดท้าย เพื่อกลับบ้านค่ะมาถึงก่อนเวลาตั้งเกือบชั่วโมง ก้อรอกันไป มืด เงียบ แทบไม่มีผู้คนตรงนี้ คือ Victoria square ใจกลางเมืองสุดๆเลยล่ะ ถ่ายรูปเล่นๆ ระหว่างรอรถ นี่ อนุสาวรีย์อะไรไม่รุ ใกล้ๆป้ายรถเมล์โบสถ์สวยๆ ส่งเสียงระฆัง เหง่งหง่างงง มาตามเวลา เพราะมากเลย อยากฟังแล้ว ฟังอีก ไม่รู้เบื่อโรงแรม ฮิลตัน ใจกลางเมือง ........วันนี้ จัดเป็นอีกวัน ที่เหนื่อย แต่เป็นสุขค่ะ ได้--ในสิ่งที่ต้องการ ชอบ--ก้อไปตามทางนั้นๆ.......พรุ่งนี้ วันที่หก โปรดติดตามชม การเดินทางโดยรถไฟ (ครบไตรภาคีเลย) 555 จะพาไปเที่ยวชมชายทะเลอีกแห่ง สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ
(วันที่สี่) เยี่ยมชมโรงงานช็อคโกแลต Haigh's ช้อปปิ้งและจบ (เห่) ที่ทะเล
.....ยังค่ะ ยัง ยังไม่หยุดเที่ยว หลังจากตื่นนอน ก้อออกเดินทางกันต่อไปเช้านี้ เริ่มด้วยการแวะไปซื้อกระเป๋าช้อปปิ้งล้อเลื่อนก่อน เพราะแต่ละวัน ช้อปของกระจาย จนหิ้วกันไม่หวาดไม่ไหว ......จากนั้น นั่งบัสมาที่โรงงานผลิตช็อคโกแลตอันเลืองชื่อของ South Australia ว่ากันว่า เป็นช็อคโกแลตที่ดีที่สุดของ SA และอาจจะของออสเตรเลีย หรือของโลก ก้อเป็นได้ (ว่ากันไปโน่นนน..เลยยย)นั่งเพลินจนเลยมา 1 ป้าย ก้อไม่เปนไร ค่อยๆเดินกลับกันไป ถามทางกันไป เนื่องจาก ไกด์ประจำตัว ก้อไม่เคย..มาที่นี่มาก่อน ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ ตั้งแต่เปิดประตูเข้าไป ก้อคือ หอมมมม...ม.....ม......กลิ่นหอมของโกโก้ อบอวลไปหมดเลยค่ะ ที่นี่ ต้องแจ้งความจำนงก่อนเข้าชมกระบวนการผลิต โดยจัดวันละ 3 รอบ แต่เรามากันแบบลุยๆ จึงได้แต่ดูเอง ไม่มีไกด์คอยให้คำแนะนำเก๊าะ..ไม่เป็นไร ดูๆชมๆ นึกเองว่า เครื่องนั้น ทำนั่น เครื่องนี้ ทำนี่ 555โรงงานก่อกำเนิดตั้งแต่ ปี 1915 เกือบๆจะ 100 ปีแล้ว ของเก่าๆที่จัดแสดงเอาไว้เลื่องชื่อมากเท่าไร ราคาก้อสูงมากตามไปด้วยค่ะ นับเป็นวาสนาที่ได้มาเยี่ยมชมและลิ้มของอร่อยๆ เยี่ยงนี้ อิอิจากนั้น นั่งบัสย้อนกลับเข้ามาในเมืองฝากท้องมื้อกลางวันไว้ที่ ไชน่าทาวน์ เป็นร้านอาหารจีน ขายกันแบบ 1 จาน 5 ดอล มีกับข้าวให้เลือกตักได้หลายอย่างเชียว ตักกันกระหน่ำ แค่จานเดียว กินกันสองคนก้อเกือบแย่แล้นนนน(ถ่ายรูปมาด้วยล่ะ แต่ไม่กล้าเอามาอวด อายจัง..)ช้อปๆๆต่อ...ตลาดเซ็นทรัลมาร์เก็ต ไม่รุเป็นไร เหมือนกลัวคนมาซื้อของงั้นแน่ะ เปิดกัน เกือบๆเที่ยง แต่พอ 4โมงเย็นก้อทยอยปิดกันแล้ว เดินทะลุทะลวงแล้ว ก้อย้ายการช้อปปิ้งมายังอีกทีนึงโดยรถราง Tram คุณไกด์กิตติมศักดิ์บอกว่า นี่คือสัญลักษณ์ของ Rundle mall shopping center มีการแสดงสดและแปลกให้เราเพลินๆตาคนนี้ยืนบนบันไดโดยไม่ต้องมีเครื่องช่วยพยุงพักเหนื่อยด้วยไอศครีมอร่อยๆของร้าน Hungry Jack ส่วนคุณ McDonald แทบจะนับร้านได้ น้อยมากๆรถรางกำลังจะพาเราไป Glenelg ค่ะ ใครรักใครชอบทะเล อย่ากะพริบตาเชียว นี่ไง แมคที่ว่า แหม...กว่าจะเจอ ชื่นชมอาคารบ้านเรือน กัน ไป เรื่อยเปื่อย ใกล้จา...ถึง...ทะเลแล้ว ลิบๆด้านหน้านั่นเลย แต่ทว่า.....โอยยยยยย.....แบตกล้องหมด ........เฮ่อออ ได้ไงกัน ....ทำมายยย ทำอย่างนี้ กับ หนู........ก้อได้แต่ไปนั่งชื่นชมไปพลาง กับ ห่อตัวเอาไว้ด้วยความหนาวเย็นและความแรงของลมที่พัดเอาพัดเอา (จะพัดเอาเหรียญทอง รึไงนะ??)โหยยยย...ใครจะเชื่อว่า มาทะเล แต่ หนาว น๊าววววว หนาว อย่างนี้ นั่งหลบมุมกินขนม กินข้าวกับไก่อบ โอยยยย ไม่ไหว โน่นนน...เฟรนซ์ฟราย ปลิวไปนู่นแล้วว นกนางนวลทั้งหลาย ก้อรุมกัน พรึ่บ!!! เชียว ....เลยตัดสินใจคุยกันแบบ ปากสั่นๆ ว่า กลับบ้านกันดีกว่าเนอะ ไปชาร์จแบตกันก่อน แล้วพรุ่งนี้ มาซ่อมกันใหม่ ...อย่าให้พลาดเชียว ทะเล Glenelg และ ฉากพระอาทิตย์ตกน้ำเนี่ย...อ้อ... เสื้อแจ็คเก็ตกันหนาวด้วยนะ อิอิ
(วันที่สาม) เก็บ strawberries สดๆจากต้น
...วันนี้ นั่งบัสมายังไร่สตรอว์เบอร์รี่ Beerenbergการเดินทางที่นี่ แสนจะสะดวกสบาย ด้วยตั๋วแถบแม่เหล็กเพียงใบเล็กๆ สามารถใช้เดินทางได้หมด ทั้ง รสบัส รถราง และรถไฟคนขับยิ้มทักทายผู้โดยสารทุกคนที่ขึ้นมาบนรถ มี say hello กันทั้งสองฝ่ายเมื่อเจอกัน และ thank u หรือ good night เมื่อลงจากรถรถอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการทุพพลภาพ มี slope สำหรับ wheel chairทั้งขึ้นและลง ที่นั่งกว้าง จอดรถได้มีราวจับ กริ่งได้ระดับ กดถึงถึงแล้วค่ะ ไร่ที่ว่า ลงป้ายหน้าไร่พอดิบพอดี จ่ายค่าเข้าเก็บสตรอว์เบอรรี่ คนละ 3 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย แล้วเค้าก้อแจกกระป๋องสำหรับใส่สตรอว์เบอร์รี่ให้คนละอันเอาล่ะ let's go...ให้เดินไกลเหมือนกันเนอะ....แต่ไม่เป็นไร ฟ้าสวย อากาศดีเกือบแล้วล่ะ มองเหน สตรอว์เบอร์รี่ลูกยักษ์ๆข้างหน้า ดอกเล็กๆขาวๆอย่างนี้ล่ะ ก่อนจะกลายมาเป็นความหอมหวานที่เราหลงใหลเก็บกันใหญ่ ส่วนมากจะเข้าปากมากกว่าลงกระป๋องค่ะ เราเองก้อกินจนอิ่มแปร้เหมือนกัน แต่ลูกสวยๆ แยกลงกระป๋องไปชั่งราคาเพื่อจ่ายเงินเค้ามีแช่เย็นๆแยกขายต่างหาก อันนี้ แบบดิปปิ้ง แต่ไม่ได้ซื้อหรอก อันนี้ ที่ซื้อมาค่ะ พยายามหาไอ้ที่คิดว่า แปลก ไม่เคยเหนมาก่อนจากนั้น ออกมานั่งรอบัส เพื่อย้อนมายังหมู่บ้านเก่าแก่ชื่อว่า Hahndorf ห่างกันแค่ 2 ป้ายเราเลือกนั่งพักในสนามหญ้า เพื่อทานมื้อเที่ยงกัน เมนูสำหรับวันนี้ ทำเองกับมืออีกแล้ว ภูมิใจเสนอ....เกี๋ยวกุ้งทอดกรอบ ลูกชิ้นหมูและปลาคลุกแป้งทอดกรอบ เรามองหาซื้อน้ำจิ้มแล้วก้อได้ ขวดนี้ มา ไม่อยากจะเชื่อ ทำใน อินเดีย แต่รสชาติเนี่ย น้ำจิ้มไก่ แบบไทยมากๆ และมีคำว่า ไทย หรา.... เลยข้าวเหนียวของเรา....กับน้ำจิ้มไก่แบบไทย แต่อินเดียทำแรงข้าวเหนียวทรงพลัง ผลักดันให้เริ่มออกเดินชมบ้านเมืองโบราณๆ คลาสสิกทั้งนั้นปิดท้ายด้วยบ้านสวยๆข้างทาง ก่อนกลับเข้าบ้าน เราแวะกินอาหารจีนชามเท่าอ่าง ราคา 6.80ดอลล่าร์ กินกันอยู่นานนนนน ...สองนานนนน เฮ่ออ กินจนเหนื่อย ก้อกินไม่หมด กลับบ้าน หมดแรงอีก 1 วัน