|
พุทธศาสนาในทัศนคติของข้าพเจ้า(๓)
สิ่งที่สามารถกระทำได้ ต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลายพันล้านเหตุการณ์ในโลกนี้ ในเสี้ยววินาทีนี้ ไม่มีแม้สักเหตุการณ์เดียวที่อยู่ในความควบคุมของคุณ … ไม่มีแม้แต่กรณีเดียว ต่อให้คุณเป็นครูของใครสักคนก็ใช่ว่าคุณจะสามารถควบคุมเขาได้โดยสมบูรณ์ ต่อให้คุณเป็น พ่อหรือแม่ของใครสักคนก็ใช่ว่าคุณจะกำหนดกฏเกณฑ์ลูกของคุณได้ตลอกเวลา แม้แต่ ร่างกายของคุณ คุณยังไม่สามารถสั่งมันให้เป็นไปตามสิ่งที่คุณต้องการได้เลย คุณสั่งให้ร่างกายคุณไม่ป่วยไม่ได้ คุณสั่งให้ร่างกายคุณหยุดแก่ชราไม่ได้ คุณปรับปรุงมันได้ แต่กำหนดมันไม่ได้ มีเพียงสิ่งดียวในโลกนี้ที่คุณ “พอจะสามารถ” ควบคุมมันได้ … ถึงแม้จะยากเย็นแสนเข็ญเพียงไร … แต่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่คุณมีอำนาจเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในการควบคุมมัน ความคิด ของคุณนั่นเอง ตามหลักพุทธที่ว่าเอาชนะอะไรไม่สำคัญเท่าเอาชนะตนเอง บางคนอาจจะโต้แย้งว่า เราสามารถเอาชนะสิ่งอื่นได้ เช่นบุคคลอื่น เช่นธรรมชาติ ก็จริง แต่เป็นการชนะเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ชั่วครู่ชั่วยาม เท่านั้น คุณอาจจะบังคับคนอื่นให้กระทำอย่างที่คุณต้องการได้ ทั้งนี้บุคคลนั้นจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้เขาต้องทำตามสิ่งที่คุณกำหนด … แต่เมื่อเวลาผ่านไป เงื่อนไขเปลี่ยนไป บุคคล นั้นก็อาจจะหลุดออกจากข้อจำกัด หลุดออกจากการควบคุมบังคับของคุณ … แล้วคุณจะทำอย่างไร … คุณอาจจะสร้างข้อจำกัดใหม่ สร้างเงื่อนไขใหม่ เพื่อบังคับ บุคคลเหล่านั้น ต่อไป … ผลคือ การที่คุณต้องเพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มกำลังมากขึ้น … และเมื่อเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ … ผมถามว่า คุณชนะเขาจริงหรือ คุณควบคุมเขาได้จริงหรือ … หรือเป็นเพียงชัยชนะที่รอวันพ่ายแพ้ กลับกันกับความคิดของคุณ … เมื่อคุณเอาชนะมันได้แล้ว มันมีแนวโน้มที่จะเอาชนะง่ายขึ้นในครั้งต่อๆไป น่าแปลกใช่ไหมล่ะ
คำถามที่ผิด เรามักอดถามตัวเราเองไม่ได้ว่า คนเราเกิดมาทำไม ทำไมเราไม่ถามว่า เมื่อเราเกิดมาแล้วฉะนั้นควรทำอะไร ควรทำอย่างไร ควรจะเป็นอะไร
สรุปความ ... แล้วได้อะไร ผมว่าสรุปความแล้วเราน่าจะได้ความเข้าใจต่อชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ … ผมไม่ได้หมายถึงความท้อแท้ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต การจะทำอะไรลงไปก็เท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดผลแต่อย่างไร เพราะคุณควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง พุทธ พูดถึง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตามที่ผมกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ จะทำทำไม … ทำไปก็ไม่ได้อะไร … ไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าคุณไม่ทำหน้าที่ของคุณอย่างเหมาะสม คุณก็สร้างทุกข์นะครับ เป็นครูไม่รู้จักสอน … เด็กนักเรียนไม่ฉลาด หลงผิดเป็นชอบ … เกิดทุกข์ครับ … เกิดความไม่ดี สังคมไม่ดี สุดท้ายก็ย้อนกลับมาสู่ตัวคุณ ทุกคนมีหน้าที่ของตนเอง มีกรอบการทำงานของตนเอง … มีสิ่งซึ่งต้องกระทำอยู่ แต่อย่าเป็นทุกข์กับมัน หากคุณเป็นครู คุณสอนตามบรรทัดฐานที่ถูกต้องแล้ว … หากลูกศิษย์ ของคุณ ไม่สามารถพัฒนาไปสู่กรอบที่คุณตั้งเป้าไว้ได้(ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่คุณควบคุมได้) ก็จงเข้าใจว่าคุณทำดีที่สุดแล้วตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่คุณมีอยู่ … ก็เท่านั้น อย่าไปทุกข์กับมัน คุณพยายามได้ พัฒนาได้ คิดหาสิ่งดีๆใหม่ๆ วิธีการดีๆใหม่ๆ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรทำ คุณทำได้ เท่าที่คุณทำได้ นั่นเอง อย่าไปทุกข์กับมัน … เมื่อสิ่งใหญ่โตที่เกิดขึ้นในโลกนี้เกิดจากกลไกเล็กๆจำนวนมากซึ่งก็คือบุคคลในแต่ละคนบนใบโลกนี้ที่ช่วยกันผลักดันไป หาก กลไกผลักดันไปในทิศทางที่แย่ คุณก็เกิดทุกข์ตามจุดย่อยๆต่าง จนเกิดทุกข์ขนาดมหึมาในสังคม … ในทางกลับกัน หากแต่ละเฟืองที่ผลักดันกันไปไม่สร้างความทุกข์ให้แก่กันและกัน ไม่สร้างความทุกข์ในภาพรวม ไม่สร้างความทุกข์ในสังคมโลก … โลกเราก็ไม่เป็นทุกข์ … เมื่อคุณเข้าใจโลก เข้าใจทุกข์ ผมก็หวังว่าคุณจะเป็นทุกข์น้อยลง เมื่อผู้คนเป็นทุกข์น้อยลง … สร้างทุกข์ให้แก่กันน้อยลง … ผมก็ได้อยู่ในสังคมที่เป็นทุกข์กันน้อยลง นี่คือความหวังของผม ครับ
จบครับ
Create Date : 26 มีนาคม 2550 |
Last Update : 26 มีนาคม 2550 10:56:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 400 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|