In Remembrance of The Special Muffy
Group Blog
 
All blogs
 
กลับบ้านจ๊ะพ่อ






วันที่ 31 มีค. 2553

หลังจากคุณหมอหลายท่านอนุญาติให้พาพ่อ
กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน
กว่าจะกลับถึงบ้านก็สองทุ่มกว่า
ทุลักทุเลพอสมควรสำหรับบ้านที่มีแต่ผู้หญิง


ถึงพ่อไม่ใช่คนรูปร่างสูงใหญ่
ถึงพ่อจะรักษาอยู่โรงพยาบาลเดือนเศษๆ
ถึงพ่อจะซูบนิดๆ แต่ก็ไม่ได้ผอมมากมาย
พุงพ่อยังใหญ่เหมือนเดิมเพราะเป็นคนกินเก่ง
น้ำหนักพ่อใช่เล่น


คืนนั้นคนข้างบ้านมาช่วยกันอุ้มพยุงพ่อเข้าห้อง
และวันต่อๆ ไปล่ะ
พวกเราพี่น้องก็คุยกันว่าจะช่วยตัวเองมากที่สุด
เว้นการรบกวนคนอื่น
และลูกผู้หญิงของพ่อก็ทำได้สำเร็จ


เราได้แต่บอกซึ่งกันและกันว่าต้องดูแลปรนนิบัติพ่ออย่างดีที่สุด
เพราะฉะนั้นคำว่า "อดทน" เราไม่ต้องคอยย้ำซึ่งกันและกัน
มันอยู่กับพวกเรามานานตั้งแต่เกิดและเติบโตมา





------------------------




ตั้งแต่พ่อป่วยอยู่โรงพยาบาล
และมาอยู่เฝ้าพ่อทุกครั้ง
แต่ไม่เคยได้แวะเข้าบ้านนอกจากโทรติดต่อบ่อยๆ
ด้วยเหตุผลที่ได้เขียนเล่าไปแล้ว

ช่วงนี้ต้องคอยเช็คว่าทางบ้านขาดเหลืออะไรมั๊ย
และคอยจัดการหาซื้อมาเติม
แต่ไม่ได้ซื้อเตียงสำหรับคนป่วย
เพราะของพ่อก็มีเตียงไม้เดี่ยวอยู่แล้ว
ไปซื้อฟูก ซื้อหมอน แต่ฟูกกลับใช้ไม่ได้
ก็เลยกลับไปใช้ที่นอนยัดนุ่นเดิมที่พ่อเคยนอน แต่เปียกง่าย
โชคดีที่ในหมู่บ้านมีช่างทำเบาะส่งให้ตามโรงพยาบาล
จึงให้ช่างทำเบาะมาทำเบาะนอนให้พ่อ




เหตุผลอีกอย่างที่ไม่ได้ซื้อเตียงผู้ป่วย
แต่ก็ได้ไปเลียบๆเคียงๆ ร้านหน้าสวนดอกไว้แล้ว
เพราะไม่แน่ใจอาการของพ่อ
คิดว่า ช้าสุดก็หลังจากพาพ่อกลับมาหาหมออีกครั้งหนึ่งเดือน
นับจากวันที่พ่อออกจากโรงพยาบาล

ทุลักทุเลค่ะ
การที่จะพลิกตัวพ่อให้นอนตะแคงซ้าย ขวา นั่ง
หรือแม้แต่ประคองพ่อให้ลุกนั่ง
ซึ่งพ่อยังนั่งด้วยตัวเองไม่ได้ต้องมีหมอนพิง
หรือคนคอยประกบ

กลางคืนพ่อจะไม่ค่อยนอน ร้องตลอด
ลำบากและเหนือยทั้งคนป่วยและคนดูแล
(ลำบากคนดูแลหมายความว่า ถึงคนดูแลสู้ขาดใจ
แต่ขาดประสบการณ์ เก้ๆ กังๆ ตัวเล็กอีกต่างหาก)

ตลอดเวลาได้แต่ลุ้นและให้กำลังใจพี่ๆ
รู้ว่าต้องเหนื่อยแน่ๆ
แต่ต้องกลับ กทม วันที่ 6





------------------------




ระหว่างนี้ ให้หลานสาวกลับมาช่วยดูแลพ่ออีกแรงหนึ่ง
ถือว่าช่วยได้มาก
ความอ้วนมีประโยชน์ตรงจุดนี้เอง
แต่ก็ไม่อยากให้หลานอ้วนหรอกเพราะจะพ่วงด้วยสุขภาพ
แต่ที่บอกว่ามีประโยชน์เพียงแค่แหย่คั่นความล้าของทุกคน

พ่อยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้
เพราะซึกซ้ายของพ่อไม่มีความรู้สึกเลย
ปากเบี้ยวนิดๆ (ปัจจุบันไม่เบี้ยวแล้ว)

ทั้งพี่และหลานช่วยกันพลิกพ่อนอนตะแคงข้าง
เรียนรู้และลองผิดลองถูก
พ่อมีแผลกดทับ สงสารพ่อมาก
(ปัจจุบันแห้งแล้ว)





ช่วยกันกายภาพพ่อที่บ้าน ยกแขน ยกขา นวดตัว
เพราะการจะพาพ่อไปโรงพยาบาล
เรียกว่าสงสารทั้งพ่อ สงสารทั้งพี่และหลาน

แต่เมื่อกำลังใจทุกคนยังเยี่ยม และอยากให้พ่อหาย
(มีแต่เรากลัวพ่อเจ็บ กลัวพ่อเหนื่อย)
พ่อโอ๊ย ก็จะโอ๊ยตาม โอ๊ยมากกว่าพ่อเสียอีก

ใหม่ๆ ที่เคลื่อนย้ายพ่อประสาน้าหลาน
ทั้งสองเกือบทำพ่อตกหลายครั้ง
เพราะคนอุ้มหมดแรงกลางคัน
บางครั้งก็รีบวางพ่อลง และยกต่อ

ช่วงนี้ บอกได้ว่าพ่อน่ารักมาก
ทั้งที่พ่ออยู่ในสภาวะที่หลง..เป็นอย่างมาก
แต่บางครั้งสติพ่อก็เยี่ยม
ก็จะให้กำลังใจลูกๆ หลานๆ
พ่อมักจะให้พรคนรอบข้าง
ลูกหลานจะคอยแหย่
แต่คนที่แหย่พ่อบ่อยสุดทางโทรศัพท์ก็คือฉัน
บางทีไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทาง
แต่ก็จะเพียรพยายามคุยกับพ่อ
คล้อยไปกับเรื่องราวพ่อพูด
พ่อมักมีคำพูดเด็ดๆ ให้ลูกๆ ได้หัวเราะเสมอ
















Create Date : 27 มีนาคม 2554
Last Update : 27 มีนาคม 2554 16:27:45 น. 0 comments
Counter : 283 Pageviews.

สหายนก
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มัฟฟี่เป็นลูกสุนัขตัวย่อมๆ มีขนยาวสลวยนุ่ม
มีอายุขัย 8 ขวบปีก่อนที่จะจากโลกไป
ด้วยโรคไต โรคหัวใจและตับ

มัฟฟี่รักแม่ แม่เป็นดวงใจของมัฟฟี่
และแม่ก็รักมัฟฟี่ มัฟฟี่เป็นดวงใจของแม่

Friends' blogs
[Add สหายนก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.