Musica Amante คนรักดนตรี
 
เพลง เห็นใจกันหน่อย ในทรรศนะของพี่โอม



ความเดิมตอนที่แล้ว จบที่เพลง เพียงกระซิบ แต่ปู แบล็คเฮด ยังคุยต่อไปถึงเพลงนี้ครับ เห็นใจกันหน่อย มาฟังพี่โอมพูดถึงเพลงนี้กันครับ

==========================================

ปู แบล็คเฮด : มีอีกเพลงครับพี่โอมที่ยุคนั้นใครเล่นได้นี่ถือว่าเจ๋งมากๆ เดินเข้าโรงเรียนนี่ หล่อเลย เห็นใจกันหน่อย

พี่โอม : เห็นใจกันหน่อย นี่อยุ่ในชุด 10 นาฬิกา ก่อนที่จะหยุดการทำงาน พี่ก็แยกย้าย มาทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ เท่าที่จำได้ ตอนที่ทำนี่ เราไม่ได้คิดอะไรกันมากเลย เนื่องจากว่า อัลบั้ม 10 นาฬิกา พอทำแล้วสำหรับพี่ มันเหมือนกับถ้าใครถามก็จะตะหงิดๆอยู่แล้วว่า เราอาจจะทำเป็นชุดสุดท้าย เนื่องจากว่าโดยสถานการณ์อะไรต่างๆมันมีแนวโน้มให้เราไปทำอย่างอื่นอะไรกันตามเรื่อง วงก็ทำงานกันมานานพอสมควร ทีนี้มันก็เลยเป็นชุดที่เราค่อนข้างปล่อยอะไรเป็นอิสระมากเลย แล้วก็เป็นชุดที่อินโนเซ้นท์ตัดสินใจใส่ความเป็นร๊อกเข้าไปมากขึ้น ทั้งที่วงนี่ แนวหลักไม่ใช่เป็นร๊อก แต่ตัวพี่อาจจะเป็น Rock Guitarist อะไรอย่างนี้นะ แต่ชุด 10 นาฬิกาก็เลยคิดว่า อาจจะเป็นเพราะว่าแนวเพลงร๊อกมันเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ก็มีพี่ป้อม อัสนี อะไรแล้วตอนนั้น พี่ก็เลยเอาชุดนี้แหละเป็นร๊อก เห็นใจกันหน่อย ก็เป็นเพลงหนึ่ง ที่พอถึงท่อนโซโล่ตรงกลาง ที่เราเป็นคนแต่งเอง เป็นคน Arrange เอง ก็เลยตัดสินใจให้มีท่อนโซโล่ยาวๆ โดยที่ไม่ได้คิดว่า มันจะPop หรือไม่ Pop พอถึงเวลาปั๊บ เราก็โซโล่ไปเลย ยังจำตอนที่เล่นเพลงนี้ได้เลย คืออยู่ในห้องอัดเสียง ปกติในห้องอัดเนี่ย พี่จะนิสัยเสียอย่างคือชอบคิดอะไรในห้องอัด ไม่ค่อยชอบคิดไปจากบ้าน

ปู แบล็คเฮด : เรียกว่า ด้นสด (Improvisation)

พี่โอม : ใช่ ด้นสด ข้อเสียคือมันทำให้ค่าใช้จ่ายห้องอัดเสียงมันบานปลายไปเยอะมาก



ปู แบล็คเฮด : (หัวเราะ) เข้าใจเลย

พี่โอม : อินโนเซ้นท์นี่ค่าใช้จ่ายห้องอัดเสียงเยอะมาก

ปู แบล็คเฮด : อัดเสียงที่ไหนครับ

พี่โอม : ห้องอัดเสียงศรีสยาม ดินแดง ซอยสุทธิพร ทุกวันนี้ก็ยังแวะไปเยี่ยมกันอยู่บ่อยๆ ยังเป็นห้องอัดที่คลาสสิคมากๆอยู่คู่วงการ

ปู แบล็คเฮด : ห้องใหญ่มาก

พี่โอม : ใช่ๆ เห็นใจกันหน่อย พี่ยังจำตอนที่อัดได้ คือทำดนตรีกันเสร็จแล้ว ก็เหลือท่อนโซโล่ไว้ แล้วก็คิดว่าเดี๋ยวทำที่หลังแล้วกัน ก็เลยเข้าไปนั่งอยู่ทั้งบ่าย เข้าไปนั่งโซโล่ไปเรื่อยๆ คิดไปเรื่อยๆ คอนนั้นก็ใช้กีตาร์ตัวนี้แหละ (Gibson Les Pual สีขาว) กีตาร์เลสพอล เป็นกีตาร์ที่ดุ เวลาเล่นเสียงจะดุ เสียงจะหนา แล้วพี่ก็เล่นไปด้วยอารมณ์แบบอยู่ในภวังค์ประมาณหนึ่ง มันก็ได้ท่อนโซโล่ที่ประมาณว่าเป็นที่พอใจแล้ว เราก็ release ออกไป โดยที่ไม่ได้คิดอะไรนะ หลายๆคนก็มีความเห็นแตกต่างกันไป แฟนกีตาร์เค้าจะชอบมาก เพราะว่า สำหรับแฟนเพลงไทย หรือแฟนเพลงอินโนเซ้นท์เนี่ย เค้าคงคาดไม่ถึงว่า วงป๊อบๆแบบนี้ จะกล้าสร้างท่อนโซโล่ยาวๆแบบนี้ออกมา แล้วตอนนั้นด้วยอารมณ์ไหนก็ไม่รู้พี่ก็ใส่ท่อนโซโล่ที่มันดุๆลงไป ที่ภาษากีตาร์เขาเรียกกัดปิ๊กแบบ Harmonic อ้ะ ซึ่งอารมณ์แบบนั้น มือกีตาร์จะรู้ทันทีว่าบางทีมันมีอาการนัวเนีย ชุลมุน พัลวัน การเล่นกีตาร์กัดปิ๊กแบบฮาร์โมนิคมันคอนโทรลได้ยากมาก ทุกวันนี้ยังคุยกันอยู่เลยว่า การกัดปิ๊กเนี่ย มันออกมาไม่ครบทุกโน้ต ซึ่งเพลงเห็นใจกันหน่อยมันอุดมไปด้วยเทคนิคนี้เยอะไปหมดในมาสเตอร์เทปที่พี่เล่นอยู่ แต่คนที่ฟังเขาก็ชอบ แต่บางคนก็บอกว่าทำไมเราโซโล่ยาวจัง ทำไมถ้าเป็นเพลงป๊อบๆ น่าจะโซโล่สั้นๆ เราก็ไม่ได้พูดอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าเราตัดสินใจแล้วว่า มันเป็นชุดที่เราปล่อยตัวเองเต็มที่ ไม่มีอะไรต้องไปกังวล จากวันนั้นถึงวันนี้ เพลงเห็นใจกันหน่อยสำหรับพี่ พี่จะทำงานอยู่ในหลายๆด้าน เป็นคนแต่งเพลงด้วย เปํนโปรดิวเซอร์ ทำค่ายเพลงอะไรเงี้ยะ แล้วเป็นนักกีตาร์ เพลงนี้ตลอดเวลา 20 ปี มันเหมือนนามบัตรที่เด็กทุกรุ่นเค้าได้รู้จักเรา โดยเฉพาะนักดนตรี นักกีตาร์ เค้าจะใช้คำว่าเห็นใจกันหน่อยเป็นจุดเชื่อมทำให้พี่มีเรื่องพูดคุยกับน้องๆมือกีตาร์ทุกคน แม้กระทั่งทุกวันนี้เวลาเราอ่านเจอตามเวปบอร์ด คนที่พูดถึงพี่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเพลงเห็นใจกันหน่อย จากจุดเล็กๆจุดนั้นมันสร้างเรื่องราวต่อเนื่องมาให้พี่ แต่เรื่องที่อยากพูดถึงเป็นเรื่องเฉพาะคือ เพลงเห็นใจกันหน่อยเนี่ย ตอนนี้พี่จะมีคอนเสิร์ตรียูเนี่ยนกับวงดิอินโนเซ้นท์ หลังจาก 20 ปีไม่ได้เล่นด้วยกัน คนหนึ่งที่เป็นแฟนเพลงเห็นใจกันหน่อยอย่างลึกซึ้ง และเหนียวแน่นเนี่ย ก็คือ คุณสายชล ที่เป็นนักร้องนำของวงนี่แหละ ทุกครั้งที่พี่เล่นเพลงนี้ สายชลก็จะมายืนดู แล้วก็คอมเม้นท์ โดยเฉพาะในยุคของ 10 นาฬิกา พี่ยังจำได้เลย 20 ปีที่แล้ว สายชลเค้าบอก พี่โอม ทำไมเพลงนี้เวลาเล่นสด มันไม่ดุเหมือนในเทป ผมก็นึก อ้าว มาติเราทำไม ยูไม่ได้เล่น ไอต้องเล่น อะไรงี้ แต่ก็ฟังๆจำๆไว้ แล้วก็ตลอดเวลา 20 ปีมานี้ พี่ก็ไม่ได้เล่นเพลงนี้นะ เล่นน้อยมากเลย คือเรามีเหตุผลที่จะเลี่ยงอยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้เล่นเพลงของดิอินโนเซ้นท์ มาเล่นอีกครั้งก็ปีที่แล้ว พี่มีคอนเสิร์ต Into The Light เป็นอัลบั้มส่วนตัว พี่เอาเพลงนี้มาเล่นเป็นเพลงปิด เราก็พบว่า เออ พอเราเล่นท่อนหนึ่งที่มันถึงเทคนิคที่มันต้องกัดปิ๊กที่มันเยอะๆนี่ เราเล่นไม่เหมือนตัว Original หน้าคุณสายชลก็ลอยมาเลย

ปู แบล็คเฮด : (หัวเราะ) หลอนมาเลย

พี่โอม : เมื่อเดือนที่แล้วก็ซ้อมกันในห้องซ้อม สายชลเค้ามายืนมองแล้ว พอถึงท่อนนี้ เค้าก็บอก พี่ ผมว่าต้องเอาให้เหมือนนะ พี่ก็เลยมองว่า เออ จริงของเค้าแฮะ

ปู แบล็คเฮด : เรียกว่าสร้างความกดดันหรือเปล่า (หัวเราะ)

พี่โอม : ไม่ใช่หรอก เพราะว่าในช่วงที่เราอัดเพลงเห็นใจกันหน่อยเนี่ย มันเป็นอารมณ์ที่ ถ้าเป็นภาษาร๊อกเขาเรียกว่า เข้าภวังค์น่ะ แล้วเกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่รู้นะ อารมณ์ที่เราเล่นโน้ตนั้นออกมาน่ะ การที่เราจะเล่นสิ่งนั้นได้อีกนี่ บางทีเราเล่นไปเฉยๆโดยที่เราไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้น มันยากเหมือนกัน จังหวะที่เรากัดปิ๊กออกมาเป็นเสียงแหลมๆเนี่ย เราจำอารมณ์ตอนนั้นไม่ได้

ปู แบล็คเฮด : เหมือนเวลาเล่นหนังซีนอารมณ์อะไรทำนองนี้ ต้องใช้สมาธิสูงมาก



พี่โอม : ไอ้ตรงนี้สำหรับพี่เอง ความที่เราเป็นนักกีตาร์อาชีพ บางครั้งเราก็เล่นดนตรีด้วยหลักการ ด้วยความชำนาญ ด้วย Knowhow ที่เรียนมา แต่บางครั้งเราก็ทำบางสิ่งบางอย่างไปด้วยอารมณ์นะ โดยสิ่งเหล่านั้นวิเคราะห์ด้วยทฤษฎีไม่ได้ เห็นใจกันหน่อยสำหรับพี่มันเป็นความท้าทายมาก พี่นึกถึงคำพูดคุณสายชล ว่าถ้าเราเล่นเห็นใจกันหน่อย เป้าหมายแทนที่เราจะเล่นเพลงนี้เป็นแบบ Improvise(ด้นสด)ไปตามเทคนิคที่เราฝึกมา พี่อยากจะเล่นให้ได้อย่างตัว Original version

ปู แบล็คเฮด : เรียกว่า เป๊ะๆ

พี่โอม : อยากให้เล่นได้อย่างนั้น เพราะสำหรับพี่มันเป็นสิ่งที่ คือไม่ว่าเราจะฝึกกีตาร์มาเป็นเวลา 40 ปีแล้วก็ตามเนี่ย แต่สิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่บางทีมันเกิดมาจากตัวเรา แล้วถ้าเราสามารถทำสิ่งนั้นได้อีก โดยที่เราไม่เคยทำได้อีกเลยนะ มันต้องยอดเยี่ยมมาก มันต้องสุดยอดมาก พี่เคยคิดว่าตอนนี้เป้าหมายพี่ พี่ต้องเล่นเพลงเห็นใจกันหน่อย ให้เหมือน Original version ให้เป๊ะๆให้ได้ ซึ่งมันน่าจะเป็นที่อิมแพคอารีน่า หนนี้แหละ

ปู แบล็คเฮด : ทุกคนก็จะคอยดูว่า พี่โอมจะเล่นได้เหมือนพี่โอมมั๊ย (หัวเราะ) งงมั๊ยครับพี่

พี่โอม : เพราะเพลงเห็นใจกันหน่อย ก็มีคนเล่นอีกหลายคนนะครับ มือกีตาร์เก่งๆเค้าก็ให้เกียรติเล่นกันหลายคนเหมือนกัน คุณพิเชษฐ์ เครือวัลย์ก็เคยเอาไป cover คุณป๊อบ The Sun ก็เคยให้เกียรติเอามาเล่นในโชว์ The Master

ปู แบล็คเฮด : เอก (มือกีตาร์แบล็คเฮด) ก็เคยพยายามอยู่เหมือนกันครับ แต่ยังไม่ได้เลย (หัวเราะ)

พี่โอม : พี่ว่าทุกคนเค้าก็เล่นไปในสไตล์ของเค้า แต่อันนี้สำหรับพี่มันเหมือนการท้าทายตัวเอง สิ่งที่เราเล่นน่ะคือตัวเราเองเป็นคนเล่น เราก็เลยคิดว่า มันต้องเป็นอะไรที่สุดยอดถ้าเราทำสิ่งนั้นได้อีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะ หนนี้แหละ คุณสายชลจะต้องยอมรับว่าพี่เล่นเหมือน (หัวเราะ)

ปู แบล็คเฮด : ก็เลยเป็นการท้าทายกันไป

พี่โอม : เห็นใจกันหน่อยสำหรับพี่มันก็เป็นอย่างนี้แหละ บางครั้งสิ่งเหล่านี้ มันก็เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญนะครับ


===============
แล้วการสนทนา ก็จบลงตรงนี้



Create Date : 21 สิงหาคม 2552
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 13:57:50 น. 6 comments
Counter : 3124 Pageviews.  
 
 
 
 
ขออนุญาต โฆษณาแฝงด้วย อิอิ
 
 

โดย: Musica Amante วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:12:48:48 น.  

 
 
 
ท่อนโซโล่ในตำนานเลยครับ
 
 

โดย: กึ่งยิงกึ่งผ่าน วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:13:59:35 น.  

 
 
 
เป็นเพลงในใจเพลงนึงค่ะ
ยังโหลดเก็บไว้ฟังในมือถือเลย :)
 
 

โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:20:08:09 น.  

 
 
 
หลังจาก concert แล้วพี่สายชล commnet ว่ายังไง ใครรู้บ้างคะ
 
 

โดย: CLICK IP: 183.89.158.152 วันที่: 2 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:41:30 น.  

 
 
 
ก็คงบอกว่าเป๊ะครับ
 
 

โดย: jane IP: 118.175.32.105 วันที่: 9 ธันวาคม 2553 เวลา:1:06:10 น.  

 
 
 
บทสัมภาษณ์ที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้
อยากอ่านบทสัมภาษณ์นักดนตรีไทยในลักษณะนี้มานานแล้ว
หลังจากไม่ได้ติดตาม หรืออ่านนิตยสารสีสันมาตั้งแต่สัมยอยู่ ปี 1 ปี 2
ขอบคุณมากค่ะ
 
 

โดย: แม่หนูออม วันที่: 13 สิงหาคม 2556 เวลา:11:29:09 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Musica Amante
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เปิดตา เปิดหู เปิดสมอง เปิดใจ
เพลงที่ดี ดนตรีที่ดี ไม่มีค่าย
[Add Musica Amante's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com