Musica Amante คนรักดนตรี
 
กึ่งยิงกึ่งผ่าน ประมาณนี้ ตอนที่ยังเหลือ

ผ่านกึ่งยิงกึ่งผ่าน รอบแรกไปแล้วครับ ผ่านทั้ง ชีวิตวัยเรียน กับการเป็นนักดนตรี ตอนที่เหลือต่อไปนี้ นอกจากฝีมือการถ่ายรูปที่เราคุยกันยาวหน่อย แล้วยังมีอีกที่หลายท่านยังไม่รู้ว่า กึ่งยิงกึ่งผ่าน เล่นรูบิคในระดับที่เรียกว่า เก่งทีเดียว บางช่วงชีวิตเขา นอกจากกล้องถ่ายรูปที่อยู่ใกล้ตัวเขาแล้ว ก็จะมีเจ้าลูกเต๋ารูบิคนี่แหละ ที่ติดมือเขาอยู่เสมอ มาคุยกันต่อให้จบครับ


เข้าไปเอารูปจากบล๊อกเจ้าตัวเลยครับ

===========================================

Musica Amante : ทำไมโตป่านนี้แล้ว ยังเห็นเล่นรูบิคอยู่ มันให้อะไรกับเราบ้าง

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : คือว่าตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ ไปบ้านเพื่อนที่เค้ามีตังค์หน่อยแล้วก็อยากเล่น จะซื้อก็ลำบาก หลายร้อย
สมัยนั้นไม่มีของปลอมอันละ 20 บาทขาย พอมันกลับมาฮิตใหม่ ก็เลยเล่นครับ เล่นแล้วสนุกมันท้าทายเราเรื่องของเวลา คือเดี๋ยวนี้ไม่ต้องถามกันแล้วว่าทำได้ไหม แต่ถามว่า ทำได้เวลาเท่าไหร่มากกว่าครับ
คือจะมีคนบอกว่า ใช้สูตรนี่ แน่นอนครับ มันผ่านกระบวนการคิดมาตั้งยี่สิบกว่าปี มันต้องมีคนคิดได้อยู่แล้ว

มันก็เหมือนกับเตะบอลนั่นล่ะครับ ใครๆ ก็เตะเป็น แต่จะมีกี่คนที่เป็นนักเตะอาชีพ มีกี่คนที่ได้รับการยกย่อง มีกี่คนที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ .. มันท้าทายครับ นอกจากแบบธรรมดาที่เป็น 3x3x3 แล้ว ก็ยังมีแบบอื่นๆ มาเรื่อยๆ มันสนุกดีครับ เล่นแล้วเพลินครับ ไม่ได้ฝึกสมองเท่าไหร่ แต่ได้ฝึกสมาธิและความไวของสายตา ทำให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาครับ

Musica Amante : เล่นไปถึงระดับไหนแล้ว

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ถ้านับกันจริงๆ แล้วในเมืองไทยผมก็อยู่ในระดับที่ไม่ใช่เก่งกาจอะไรครับ เพราะที่เล่นกันเยอะๆ
จะเป็นน้องๆ นักเรียนซึ่งมีเวลาฝึกเยอะ ของผมนี่แทบไม่ได้ฝึกเพิ่มอะไรเลย สูตรก็จำไม่หมด มันเยอะมาก น้องๆ เค้าก็เล่นเวลาเฉลี่ยอยู่ราวๆ 10 กว่าวินาทีกันเยอะอยู่ครับ แต่ผมนี่เวลาเฉลี่ยก็ราวๆ 25-28 วินาที
ก็พยายามให้มันลดลงกว่านี้อยู่ครับ แต่เร็วที่สุดที่ผมเคยทำได้แบบไม่ฟลุ๊กเลยนี่ก็ 18 วินาทีครับ ดีใจมาก ทำได้สองครั้งครับ

ถ้าแข่งจริงๆ ในไทย ผมคงอยู่ราวๆ ที่ร้อยกว่าๆ ครับ


Musica Amante : ปกติเล่นเกมอย่างอื่นบ้างไหม เกมคอมพิวเตอร์ล่ะ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : เกมคอมพิวเตอร์ผมไม่ได้เล่นเลยครับ ก็เคยซื้อมาเล่นเหมือนกัน เช่น Need For Speed คือไม่อยากคิดอะไรมากเวลาอยู่หน้าคอมตอนผ่อนคลายครับ เพราะก่อนหน้านี้เคยซื้อเกมอะไรนะจำไม่ได้แล้ว เหมือนเราลุยไปในค่ายทหาร แล้วโดนซุ่มยิง โห บรรยากาศกดดันมาก ยิ่งถ้าเล่นปิดไฟนี่ตื่นเต้นมากครับ แบบนั้นผมไม่เอาครับ คืออยู่กับคอมพิวเตอร์มาทั้งวัน ก็อยากผ่อนคลายบ้างเวลานั่งเล่น แต่สุดท้ายก็ไม่มีเกมอะไรที่เล่นกับคอมพิวเตอร์จริงๆ ซักทีครับ

แต่ก็มีเล่นพวก Sudoku ครับ อันนี้เล่นตลอด เล่นจริงๆ อยู่ในรถไฟฟ้า นั่งรถเมล์ ผมก็เปิดโทรศัพท์เล่น Sudoku ตลอดครับ คือมันเป็นเกมง่ายๆ แต่ใช้สมอง ใช้กระบวนการคิดการตัดสินใจ มันได้ฝึกสมองดีครับ

เกมที่เป็นพวก Puzzle เนี่ยจะชอบเล่นครับ พวก Sudoku, Sokoban (จัดกล่องให้ลงล๊อค) อันนี้จะชอบมากครับ

พวก Wii ก็เคยเล่นที่บ้านเพื่อน ก็สนุกดีครับ แต่ซื้อเล่นเองคงไม่สนุก มันต้องเล่นเป็นหมู่คณะน่ะครับ พอดีผมอยู่คนเดียว
ส่วนพวก PSP, XBox อะไรอย่างนี้ ไม่ได้เล่นเลยครับ


Musica Amante : มาเรื่องที่เป็นเครื่องหมายการค้าของคุณ ชื่อกึ่งยิงกึ่งผ่าน มีคนรู้จักในวงการถ่ายรูป โดยเฉพาะงาน ถ่ายรูปคอนเสิร์ต แต่จริงๆแล้วผมว่า คุณถ่ายได้หลายแนวนะ เล่าให้ฟังหน่อยว่า เริ่มฝึกที่มาอย่างไร

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : คือเรื่องถ่ายรูปนี่ ถ้าจะให้จริงๆ ผมเริ่มตั้งแต่ตอนประถมต้นๆเลยครับ แต่ไม่มีกล้องนะครับ คือที่บ้านผมเป็นร้านขายของชำ แล้วมีขายหนังสือด้วย ก็มีพวกหนังสือกล้อง หนังสืออะไรพวกนี้ สมัยก่อนๆ แล้วอย่างที่ผมบอกว่า ผมชอบพวกวาดรูป ผมก็จะดูรูปแล้วก็วิเคราะห์ไปด้วย เช่นรูปนี้มันสวยดีนะ เค้าถ่ายยังไง ก็ไปหัดวาดตาม แล้วก็นั่งนึกว่าถ้าเราถ่ายรูปเอง รูปมันจะเป็นยังไง หนังสือที่ร้านขายเนียะ ไม่มีใครซื้อหรอกแถวนั้น ผมก็หยิบมาเปิด มาอ่านจนรู้เรื่องหมดเลย รูรับแสง สปีดชัตเตอร์ เอฟสต๊อป เอ็กซ์โพลเชอร์ รู้หมด แต่ไม่มีกล้อง (หัวเราะ) ทฤษฎีรู้หมดครับ จนเรียนจบ ก็ยังไม่มีกล้องใหญ่อยู่ดี มีกล้องเล็กๆ เอาไปถ่ายทั่วๆไปครับ ใช้เรื่องมุมมองซะมากกว่า ยี่ห้อ Nikon Coolpix2005 ตอนนี้ หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

Musica Amante : แสดงว่าไม่เคยฝึก กล้องฟิล์ม

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ไม่เคยครับ ผ่านเข้ามาก็มาเล่นกล้องดิจิตอลเลย จะมีอยู่ช่วงหนึ่ง ได้เล่นกล้องฟีล์ม คือมีน้องเขาใจดี เห็นถ่ายรูปด้วยกล้องตัวเล็กๆเนี่ย เค้าก็เคยว่า พี่น่าจะถ่ายกล้องใหญ่ๆได้ดีนะ เค้าก็เลยให้ผมยืมกล้องฟีล์มมาเล่น ประมาณ 4-5 เดือน ก็เอาไปคืนเค้า ก็แค่นั้นหละครับ

Musica Amante : ได้ลองบ้าง แต่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเท่าไหร่

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : แล้วพอดีต้องขอบคุณ Canon ที่ทำกล้องราคาถูกออกมา คือ 350D ที่เป็นกล้อง DSLR ที่คนทั่วไปสามารถจับต้องได้เป็นตัวแรก ก็ซื้อเลย ก่อนหน้านี้ ราคากล้องประเภทนี้ ไม่เกือบแสน ก็ 5-6 หมื่น ท้อครับ เห็นแล้วท้อ พอได้ 350D มาแล้วก็เลยเริ่มฝึกไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่ได้ถ่ายคอนเสิร์ตอะไรครับ ก็ถ่ายแบบว่า ไปเที่ยวกับเพื่อน ก็ถ่าย ก็ไม่มีอะไรมาก ตอนนั้นอยู่ในแกงค์เพื่อนๆที่เค้าไปเที่ยวต่างจังหวัดกันบ่อยๆ ก็ไปเที่ยว ถ่ายทิวทัศน์ ถ่ายรูปคน แต่ว่ามันจะเริ่มจริงๆเอาตอนที่ ผมเล่นกล้องเยอะขึ้นละ แล้วก็ซื้อเลนส์ Sigma 70-300 มันยิงไกลๆได้ อย่างที่ผมบอกว่า ดนตรีผมก็ชอบ ผมก็ไปดู ผมก็ไปดูแบบไม่เสียตังค์บ่อย เค้าเล่นอย่างหน้าสนามนิมิบุตร เงี๊ยะ อันไหนที่รู้ข่าว ก็ไปดู ก็พกกล้องไปด้วย ก็ไปถ่ายรูป นั่นหละ เริ่มฝึกตั้งแต่ตอนนั้น

Musica Amante : ประมาณซักกี่ปีมาแล้ว

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : 3-4 ปี ได้แล้วครับ แล้วโชคดีหน่อย คือผมสนิทกับวง ETC ก็จะเกาะกันไปเรื่อย เวลาETC ไปเล่นในผับไหน ผมก็พกกล้องไปถ่าย ช่วงนั้นยังไม่มีใครถ่ายเยอะ แต่นอนนี้เยอะแล้วครับพี่ น้องๆแฟนคลับถ่ายรูปกันเก่งๆเยอะมากเลย เห็นถ่ายกันสวยๆหลายคน ก็เริ่มจากตรงนั้นละ คือในผับเนี่ย แสงน้อย การเคลื่อนไหวเร็ว ถ่ายยากมาก ภาพมันจะไหวตลอด เพราะไม่คุ้นกล้อง ก็ได้หัดจากตรงนั้นแหละครับ ได้หัดงานยากๆเยอะครับ หลังจากนั้นก็ได้มาถ่ายคอนเสิร์ต คือได้ถ่ายจริงๆ เป็นตากล้องของคอนเสิร์ตจริงๆ ของ GMM

Musica Amante : แล้ววิธีการทำให้คนเห็นผลงานแล้วรู้จักเราล่ะ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : คงเป็นเพราะผมเอารูปไปลงในเวปด้วย อ้อ แล้วอีกที่นึง ลืมบอกไป ร้านโอเวอร์โทน อย่างที่บอกว่า ผมไปร้านนี้บ่อย เจอวงไหนผมก็ถ่ายรูปเอาไว้ แล้วก็เอามาลงเวป บางครั้งทางหนังสือ ก็ขอรูปไปลงบ้าง ประมาณนี้ครับ

Musica Amante : ที่ผมสัมผัสด้วยตัวเอง จะมีศิลปิน นักร้อง หรือคนในวงการนี้ ที่รู้จักกับผม ถามผมบ่อยว่า พี่รู้จัก กึ่งยิงกึ่งผ่านหรือเปล่า หรือแม้กระทั่ง พี่เป็นกึ่งยิงกึ่งผ่านหรือเปล่า อะไรอย่างนี้ ผมก็บอกว่า ผมไม่ใช่ แต่เป็นเพื่อนผม ไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้ง แสดงว่าไอ้ชื่อนี้ คนในวงการเค้ารู้จักกันเยอะนะ แล้วอย่างการแจมในกระทู้มีคนทักทายกันบ่อย แสดงว่ามีคนรุ้จักเยอะเหมือนกัน

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : อันนี้ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เวลาเค้ามีมีทติ้ง ผมก็ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่ ผมก็จะอยู่เฉพาะบางกลุ่มในอินเตอร์เนต อย่างพวกกลุ่มพี่ๆในห้อง The Beatles ก็จะเฮไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็เท่านั้นครับ มีคนรู้จักเยอะมั๊ย อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

Musica Amante : ในฐานะที่ถ่ายรูปคอนเสิร์ตบ่อย คุณสัมผัสกับชีวิตนักดนตรี เพื่อนฝูง รวมทั้งตัวคุณเองก็เคยเป็นนักดนตรี รู้สึกอย่างไรกับวงการดนตรีที่เราสัมผัสมาบ้าง

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : มันมองได้หลายมุมครับ มันขึ้นอยู่กับว่า เป็นคนฟังมองที่มุมไหน คนฟังกลุ่มหนึ่งอาจจะชอบบอยแบนด์ ไม่ว่าจะเป็นของไทย หรือของต่างประเทศ คนฟังอีกกลุ่มหนึ่งอาจจะชอบนักดนตรีเล่นสดๆ ก็พูดยากครับพี่ ผมก็ไม่ได้ลงไปคลุกคลีอะไรจริงจังเท่าไหร่ เพราะเราเองก็ต้องทำงานไม่ได้ไปตามดูตลอด


หนึ่งในคอนเสิร์ตที่เขาภูมิใจที่มีโอกาสร่วม

Musica Amante : โดยส่วนตัวเป็นคนชอบดนตรีแนวไหน

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : เคยมีกระทู้นึงในห้องเฉลิมกรุง ถามเรืองแบบนี้เลย ถามว่า ล๊อกอินชื่ออะไร เพลงอะไรเป็นโลโก้แทนตัวเอง หรือฟังเพลงสายไหน ผมก็ไปตอบว่า สายร๊อกครับ จริงๆก็มาจากเพลงพวกนั้น แต่ผมก็ฟังได้ป๊อบธรรมดานี่แหละครับ แต่เพลงที่เปิดประตูสวรรค์ให้ผมมาสู่เพลงร๊อกก็คือ เพลง Hotel California เล่นสดๆโดยรุ่นน้องผมเอง ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในโคราช วงนั้น ชื่อวง The Rain วงที่เคยออกงานกับ คุณมาโนช พุดตาล กับ The Olarn Project อัลบั้มไตรภาค น่ะครับ เป็นน้องที่สนิทกันเลย เป็นคนสอนเทคนิค รายละเอียดการเล่นกีตาร์ผมด้วย วันนั้นไปนั่งฟัง นั่งดื่มทั่วไป เจอโซโล่เพลงนี้เข้าไป หงายเงิบเลยครับ มันอะไรกันนี่ ดนตรีประเภทไหนกันเนี่ย สุดยอดมาก นั่นแหละครับ แล้วหลังจากนั้น ก็เลยให้น้องช่วยแนะนำ แต่มันก็เป็นเพลงบัลลาดร๊อกซะส่วนใหญ่ พอโตมาหน่อย ก็หนักขึ้น เริ่ม Ozzy แล้ว เริ่ม Heavy Rock Van Halen อะไรพวกนี้ ประมาณนั้น

Musica Amante : จากที่เราเป็นคนถ่ายรูป คิดจะพัฒนางานทางด้านนี้บ้างมั้ย

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : มีคนถามผมเยอะนะครับ ไม่เปิดประตูเหรอ ไม่ผันตัวเองเป็นตากล้องอาชีพเลยเหรอ รับงานถ่ายรูปงานแต่งงานมั๊ย ถ่ายรูปงานรับปริญญามั๊ย อะไรอย่างนี้ ส่วนใหญ่ผมปฏิเสธหมด เพราะว่าจริงๆแล้วมันคืองานอดิเรก

Musica Amante : ชีวิตจริงๆ เป็นอะไร

กื่งยิงกึ่งผ่าน : ทำงานคอมพิวเตอร์ครับ เป็น Programmer เป็น Developer ประมาณนั้นครับ ผมยังคิดว่างานถ่ายรูปเป็นการทำด้วยความรู้สึกสนุกครับ เป็นแค่งานอดิเรก ก็มีรายได้จากส่วนนี้บ้าง แต่ไม่ได้คิดจะเอามาเป็นอาชีพจริงจัง

มีคนถามผมว่า เฮ้ย กล้องซื้อตั้งแพง เอามันมาทำเงินบ้างซี่ ผมก็เลยลองถามกลับไปว่า แล้วทีวีเอ็งซื้อมากี่หมื่น ได้เอาไปทำเงินที่ไหนมั๊ย ตู้เย็นล่ะซื้อมาหมื่นกว่า ได้เอาไปวางตั้งไอ้ติมขายมั๊ยล่ะ ใช่มั๊ยพี่ ของบางอย่างเราเอาเงินซื้อ มันก็ไม่จำเป็นต้องเอาเงินคืนกลับมา เค้าก็ถามว่า ทำไมไม่ถ่าย ก็ถ่ายได้นี่นา อย่างเช่นงานรับปริญญา ผมต้องลางาน เพราะว่ามันมีวันซ้อม มันมีอะไรอย่างนี้เยอะแยะ

Musica Amante : ในที่สุดก็คงต้องลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่

กื่งยิงกึ่งผ่าน : ซึ่งก็คงไม่ Happy เท่าไหร่ แล้วเรื่องนี้ก็มันจะมี Pattern ของมันน่ะครับ ซึ่งผมไม่ได้อยู่ใน Pattern นั้นเท่าไหร่ หมายถึงรูปพวกนั้นน่ะครับ อย่างมีงานแต่งงานที่ผมจำเป็นต้องไปถ่าย ปกติผมไม่ได้รับถ่าย แต่คือมันขัดไม่ได้ แล้วก็ต้องไปถ่าย ผมก็ถ่ายไปเรื่อย ส่วนใหญ่จะถ่าย Snap shot ผมว่า ผมชอบถ่ายอารมณ์คน ก็จะถ่าย snap shot ซึ่งบางครั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาวเค้าก็จะดูแล้วชอบ เค้าก็ให้เงินมาเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่รูปเค้าเลย เป็นรูปคนในงานกำลังหัวเราะ มีความสุข กำลังอุ้มลูก ซึ่งทั่วไปรูปงานแต่งงานเค้าจะมีรูปอยู่หน้าซุ้ม ผมไม่ได้ถ่ายแบบนั้น

Musica Amante : คือไม่ถ่ายอะไรที่เป็นมุมมองปกติที่เค้าถ่ายกัน ชอบที่จะหามุมมองของตัวเอง หรือไง

กื่งยิงกึ่งผ่าน : อืม...ชอบถ่ายภาพความรู้สึกคนครับ เคยมีพี่คนนึง เค้าบอกผมว่า ชอบดูรูปถ่ายคอนเสิร์ตของคุณ เพราะว่ามันได้ความเป็นดนตรีออกมา ผมก็ถามต่อว่า เอ๊ะ ยังไง เขาตอบว่า ไม่รู้ซี่ เพราะคุณเป็นนักดนตรีด้วยมั๊ง ทำให้รู้ว่า ตอนนี้เค้าจะทำหน้าอย่างงี้ เขาจะออกอาการอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของการจับจังหวะ แต่อันนี้ผมก็ไม่รู้นะครับ เห็นพี่ที่ถ่ายรูปสวยๆไม่เห็นเขาเป็นนักดนตรี ก็ถ่ายได้ดี(หัวเราะ) แต่บางคนเป็นนักดนตรีเหมือนกันก็ถ่ายไม่ได้เรื่อง ก็ออกมาธรรมดาๆ เหมือนรูปที่เห็นตามนิตยสารอะไรแบบนี้ ประมาณนั้น ผมว่ารูปของผมมันก็ไม่ได้สวยมากมายอะไร แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่หรอก เอาง่ายๆ ผมไม่ใช่มือหนึ่งด้านนี้แน่ๆ ผมรู้ตัวดี


พี่ป้อม ในมุมที่น้อยคนได้มีโอกาสถ่ายภาพ

Musica Amante : เราก็ไม่ได้เรียกว่าตัวเองเป็นมือหนึ่งหรอก แต่ก็เป็นที่รู้จัก มีคนชอบงานของเราประมาณหนึ่ง ก็พอใจแล้ว ผมขุดคุ้ยคุณในเรื่องนี้ ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นมือหนึ่ง แต่เป็นคนที่เรารู้จักและเราเห็นมาตั้งแต่ยังถ่ายรูปไม่เป็นแน่ะ

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : บางครั้งก็ดีใจนะ ที่เจอตากล้องที่ผมไม่รู้จักในงานคอนเสิร์ตแล้วเข้ามาทัก สวัสดีครับพี่กึ่งยิงกึ่งผ่าน ผมชอบรูปถ่ายของพี่มากเลย พี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผม ก็รู้สึกดีใจมาก

Musica Amante : แล้วปกติ ใช้อุปกรณ์อะไรถ่ายรูปบ้าง

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : เคยมีคนถาม ผมก็บอกว่ากล้อง DSLR ที่ผมซื้อตัวแรก Canon 350D เมื่อซัก 4 ปีที่แล้ว เค้าก็งงว่า ฮ้า...ใช้แค่นี้จริงๆเหรอ ถ้าคนที่ไม่รู้มันก็จะทำไมล่ะ แต่ถ้าคนรู้ก็จะงงว่า เหมือนเอากล้องเด็กเล่นไปถ่ายงานใหญ่ไง ผมว่าจริงๆแล้วมันอยู่ที่มุมมอง การหามุมถ่าย มากกว่า มุมมองแล้วก็จังหวะ ผมเห็นบางคนเวลาถ่าย เค้ายิงกันเป็นชุด

Musica Amante : แต่ผมเข้าใจนะ ที่เขายิงเป็นชุด บางทีผมก็เป็นแบบนั้น เพราะว่าบางครั้งมันต้องกันพลาดนาทีสำคัญ พอเราได้มุมมองที่ดีๆแล้วเราถ่ายไว้รูปเดียว มันเสี่ยงเกินไป อย่างถ่ายรูปคน เกิดพอดีจังหวะเค้าหลับตา กระพริบตาขึ้นมารูปนั้นเสียอารมณ์ไปเลยนะ แล้วมันย้อนเวลาไปเก็บภาพไม่ได้เสียด้วย

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : โอ้ แบบนั้น ผมเป็นบ่อยเลยเหมือนกัน เจอบ่อยเลย เสียดายว่ะ แบบนั้นเลย แต่มันก็เป็นนิสัยไปแล้วเรื่องถ่ายทีละ shot เนี่ย แล้วก็กล้อง 350D มันจะถ่ายต่อเนื่องได้ช้าด้วย ชับ ชับ ชับ ไม่เร็ว การ write ไฟล์ ก็ช้าด้วย ผมก็เลยไม่ได้ปรับวิธีการ ก็เลยยิง shot เดียวตลอด

แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนกล้องแล้วนะครับ คือถ่ายแล้วค่อนข้างอึดอัด หมายถึงว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่าอุปกรณ์ที่มีอยู่ พอเปลี่ยนใหม่แล้วก็ถ่ายด้วยความสบายใจขึ้นเยอะเลยครับ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น Canon 50D ได้ซักพักนึงแล้ว



พี่โอม กับ Into The Light

Musica Amante : พูดง่ายๆก็คือ ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ แต่ให้ความสำคัญกับมุมมองและความมีชีวิตของภาพมากกว่า

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : ใช่ครับ มีอุปกรณ์อะไร ใช้ให้มันคุ้มค่า บางครั้ง ผมเล็งกล้องอยู่เฉยๆ เกือบสามนาที เกือบหมดเพลง เพื่อจะรอกด แชะเดียว บางทีผมไปถ่าย ผมก็จะนับไฟที่ส่องเอา ในคอนเสิร์ตมันจะมีไฟ มันจะหมุนเป็น Loop เราก็ต้องสังเกต แล้วก็นับ loop ดู แล้วก็รอจังหวะที่ subject มาตรงจุดจังหวะที่เหมาะสม เพื่อจะให้เกิดแสดง rim light หรืออะไรก็ว่าไป แล้วก็รอถ่าย ผมจะรอแบบนั้นมากว่า ไม่ใช่กดไปเหอะ ถ่ายไปเหอะ แล้วค่อยมาเลือกเอา ผมมักจะเอาตั้งแต่ตอนนั้นเลย แล้วรูปผมที่เอาลงในเวป แทบจะไม่ได้ crop เลย คือจะให้มันสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนถ่ายแล้ว ผมจะมองแบบประมาณว่า ผมถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม แก้ไม่ได้แล้ว คือถ้าคนที่จะหัดจริงๆ ผมอยากให้หัดแบบนี้ มันดูไม่ฟุ่มเฟือยในการกดน่ะครับ แล้วมันได้ฝึกด้วย ชีวิตทุกวันนี้อะไรมันสะดวกสบาย คิดว่าถ่ายไปเหอะ เดี๋ยวก็ได้รูปดีๆเอง แต่มันไม่ได้ฝึกไงครับ ถ้าเราได้ฝึก บางทีเจออะไรไวๆ ยกขึ้นมาถ่ายปั๊บ ได้เลย มีบ่อยเหมือนกัน

อย่างเช่นมีอยู่รูปที่เห็นในร้าน Overtone มีรูป อ.ปราชญ์ (ปราชญ์ อรุณรังสี เจ้าสำนัก Overdrive) กับ Jimmy Page (มือกีตาร์ Led Zeppelin) ซึ่ง Jimmy Page เดินผ่านหน้าผมไป ผมก็ยกกล้องถ่ายเลย เป็นต้นครับ

Musica Amante : หลังจากที่คุณถ่ายคอนเสิร์ตมามากมาย รู้สึกประทับใจที่ได้ถ่ายงานไหนบ้าง

กึ่งยิงกึ่งผ่าน : มีหลายงานครับ อย่างงานของ ETC ที่อินดอร์สเตเดี้ยม งานพี่เบิร์ด ของพี่เบิร์ดนี่หลายงานเลย งานพี่ป้อมพี่โต๊ะ แล้วก็งานพี่โอม

อย่างพี่เบิร์ดนี่ คือเนื่องจากว่าเรารู้สึกได้ว่า ความสุขมันอยู่รอบข้างไงครับ คนที่มาดูพี่เบิร์ดนี่มีความสุขหมดทุกคน มันสัมผัสได้เลย ถ่ายไปเพลินไป ยิ้มไป มันมีความสุข รูปออกมาก็ดูดี

อย่าง ETCนี่เนื่องจากรู้จักกัน แล้วบางทีเราก็คิดว่า อยากมีรูปส่วนตัวให้คนนี้โดยเฉพาะ อย่างเช่นรูปของ บี มือคีย์บอร์ด ผมถ่ายมาตอนที่เค้ากำลัง โซโล่ Interlude ของเค้าเอง แล้วแสงมันฟุ้งกระจายด้านหลังเค้า มีแสงสีส้ม เหมือนเค้าก่อกำเนิดโลก อะไรประมาณนี้(หัวเราะ) เจ้าตัวเห็น เค้าชอบมาก ผมก็ดีใจ

หรืออย่างคอนเสิร์ต อัสนี-วสันต์ ก็คือพี่พิเชษฐ์ เครือวัลย์ เอก มือเบส ใหญ่ มือกลอง จะได้คุยกันก่อนถ่ายอยู่แล้ว บางทีบางจังหวะ อย่างเช่นไปเล่นที่ชุมพร ผมก็กำลังถ่ายเอกอยู่ ผมก็กำลังหมกมุ่น ว่าไม่ได้รูปซักที เอกก็กำลังเล่นอยู่ หันหน้ามา ได้รึยังพี่ๆ ซึ่งมันก็เพลินดี หรืออย่างพี่พิเชษฐ์ ก็จะ Acting ให้ เค้าจะรู้ทางกับเรา จะAct ให้ทีมตากล้องซึ่งปกติจะรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว

อีกงานหนึ่ง คือของพี่โอม อันนี้คอนเสิร์ต Into The Light เราชื่นชมพี่โอมเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว ได้รับเกียรติไปถ่าย และที่ประทับใจคือที่พี่เค้าไว้วางใจให้ผมไปถ่ายนี่ล่ะครับ การถ่ายภาพไม่เหมือนกันทุกครั้งนะครับ มันเหมือนเป็นศิลปิน คือต้องมีอารมณ์ในการวาดในการถ่ายด้วย บางงานที่ถ่าย ถ้ามีอะไรรบกวนจิตใจ เช่นกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่ผันผวนในตลาดตามแรงกดดันของโอเป็ค .. ตัวอย่างนะครับ (หัวเราะ) เราก็จะถ่ายได้ไม่ดี คือภาพน่ะ เอาไปใช้ได้ แต่เรารู้สึกเองว่ามันไม่ใช่ แต่กับงานคอนเสิร์ตของพี่โอม เรามีไฟ มีใจให้กับการถ่ายรูปเต็มที่ ผ่อนคลายมากด้วยครับ ก็เลยทำให้ภาพในคอนเสิร์ตพี่โอมออกมาแล้วรู้สึกว่าเราถ่ายได้ดีนะ ก็ดีใจครับ ประทับใจมาก

======================================

จบการพูดคุยในเวลานี้แบบไม่ต้องสรุปอะไรครับ วันข้างหน้ายังมีเวลาอีกมากมายที่จะได้เสวนากันอีก จบแบบห้วนๆงี้แหละ



Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 22:57:25 น. 9 comments
Counter : 985 Pageviews.  
 
 
 
 
หนูก็ว่าหนูติดนิสัยกดชัตเตอร์ทีละครั้งมาจากใคร พอหันไปมองข้างๆ เห็นเขารัวกันฉับฉับฉับ ติดลุงมานี่เองฮ่าๆ ได้รู้จักลุงขึ้นอีกพอควรเลย ขอบคุณมากค่า
 
 

โดย: น้ำตาล IP: 58.9.157.105 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:0:07:24 น.  

 
 
 
เป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีครับ
น้ากึ่งเป็นไอดอลเป็นแรงบันดาลใจ ทางด้านการถ่ายภาพคนนึงของผมเลยครับ
เพราะผมชอบถ่ายคอนเสิร์ตเหมือนกัน ผมก็พยายามลอกเรียนมุมมองของน้ากึ่ง มาประยุกต์ใช้กับภาพที่ตัวเองถ่ายบ่อยๆ

ขอบคุณ คุณ Musica Amante มากๆครับ ที่สัมภาษณ์ไอดอลของผม
 
 

โดย: -นักเลงเพลงสยาม- วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:0:13:44 น.  

 
 
 
 
 

โดย: vodca วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:1:11:42 น.  

 
 
 
ชอบทั้งหมด
โดยเฉพาะ

" คนถามผมว่า เฮ้ย กล้องซื้อตั้งแพง เอามันมาทำเงินบ้างซี่
ผมก็เลยลองถามกลับไปว่า แล้วทีวีเอ็งซื้อมากี่หมื่น ได้เอาไปทำเงินที่ไหนมั๊ย
ตู้เย็นล่ะซื้อมาหมื่นกว่า ได้เอาไปวางตั้งไอ้ติมขายมั๊ยล่ะ ใช่มั๊ยพี่
ของบางอย่างเราเอาเงินซื้อ มันก็ไม่จำเป็นต้องเอาเงินคืนกลับมา
เค้าก็ถามว่า ทำไมไม่ถ่าย ก็ถ่ายได้นี่นา
อย่างเช่นงานรับปริญญา ผมต้องลางาน
เพราะว่ามันมีวันซ้อม มันมีอะไรอย่างนี้เยอะแยะ"
 
 

โดย: phuketdog IP: 113.53.79.195 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:6:42:43 น.  

 
 
 
รอมาเกือบทั้งวัน (วันที่ 1 ตุลา) นึกว่าจะไม่ได้อ่านซะแล้ว อ่านแล้วยังกับว่ารู้จักกันมานาน 555 และดีใจที่เป็นคนทำงานที่อยู่ในแวดวงเดียวกันคะ
 
 

โดย: Traveller IP: 202.57.137.114 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:9:30:25 น.  

 
 
 
ว่าแต่ คุณ Musica Amante ไม่โชว์ตัวบ้างเหรอคะ ผลัดกัน ให้คุณกึ่งฯ สัมภาษณ์ มั่ง
 
 

โดย: Traveller IP: 202.57.137.114 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:9:32:00 น.  

 
 
 
แวะมาอ่านค่า
ลุงกึ่งเคยผอมแฮะ
 
 

โดย: joyfuljaru IP: 58.159.84.2 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:15:42:06 น.  

 
 
 
น้ากึ่ง ปกติไม่ได้อ้วนหรอกครับ
ที่เห็นช่วงนี้น่ะ บวม ที่สุดแล้ว
ก็ต้องแลกมากับการเลิกบุหรี่ไงครับ
คุ้มนะ

ตอบนักเดินทางครับ
ชีวิตผม ไม่มีความน่าสนใจอะไรเลยครับ
อย่าไปรู้จักเล้ยยยยยย
 
 

โดย: Musica Amante วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:17:22:15 น.  

 
 
 
ขอบคุณนะคะ
 
 

โดย: เจี๊ยบเหมียว IP: 61.90.108.50 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:12:46:58 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Musica Amante
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




เปิดตา เปิดหู เปิดสมอง เปิดใจ
เพลงที่ดี ดนตรีที่ดี ไม่มีค่าย
[Add Musica Amante's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com