|
ความพยายามของลูกไก่ป่า.....
เคยบอกเพื่อนๆเอาไว้แล้วว่า ถ้าคิดจะคบกันรักกัน อย่าคุยกัน 2 เรื่องนี้ เพราะมันอาจจะทำให้เรามองหน้ากันไม่ค่อติด ในวันนั้นที่พูดไปมันคงนึกว่าเราพูดเล่นมั้ง เรื่องทะเลาะกันของคืนเมื่อวานมันถึงได้เกิดขึ้น
"อย่าคุยกะกูเรื่องศาสนาและการเมืองนะเว่ย" "เรื่องอื่นคุยได้หมดยกเว้น การเมืองกับศาสนานะ" พอมานั่งคิดดูแล้ว คงเป็นเพราะเรามันเป็นคนพูดอะไรแล้วฟังดูเหมือนเล่นๆไปหมดมั้ง คนฟังถึงได้ไม่ค่อยเชื่อกัน
เกลียดการเมืองหว่ะ.....
แต่...เคยมั้ย ไปถามใครคนหนึ่งว่า คุณชอบพรรคการเมืองอะไร แล้วเขาตอบว่า ขอโทษครับ ผมไม่สนใจการเมืองหน่ะ นั่นแหละ จงรู้ไว้เลยว่าเขาเป็นคนที่สนใจการเมืองมากในระดับนึงเลยนะ คนที่ตอบอย่างนี้หน่ะ
ตอนอายุ 26 ผมไปบวช ตอนสึกออกมาค่าโทรศัพท์แพงยิ่งกว่า 3 เดือน รวมกัน ผมบวชเพราะอยากบวช จริงๆไม่ต้องบวชก็ได้ เพราะพ่อผมไม่ใช่คนพุทธ แม่เป็นคนจีน น้องคนกลางก็ถือคริสต์ ส่วนคนเล็กนับถือตามพ่อแต่จริงจังกว่า เวลาวันอาทิตย์ถ้าทุกคนได้มานั่งกินข้าวพร้อมกันต้องระวังไว้ให้ดีอย่าเปิดประเด็น ศาสนาขึ้นมา ไม่งั้น เราจะต้องกินน้ำกันเยอะกว่ากินข้าวแน่ๆ
ผมบวชที่สุราษฏร์ วัดเล็กๆ ที่พอเราเข้าไปบวชแล้วแทบจะกลายเป็นรองเจ้าอาวาสเลยทีเดียว เพราะทั้งวัดมีพระอยู่รูปเดียวนั่นคือเจ้าอาวาส การไปบวชของผมนั้นเหมือนผมตั้งใจเข้าไปหาเต็มที่ แต่อาจจะเป็นเพราะสติปัญญาเรามันน้อยต่ำเตี้ยเลียดินก็ได้ ผมจึงไม่ได้อะไรแบบที่ผู้ชายไปบวชแล้วได้ออกมากัน...ผมไม่เห็นสงบเลย ผมชอบนั่งดูลูกวัวที่เป็นโรคจิตตัวหนึ่งในวัด ผมชอบให้อาหารแมว หมา มากกว่านั่งท่องบาลีในกุฏิ ชอบกวาดเศษใบไม้แห้ง ล้างบาตร และอย่างอื่นมากกว่า สิ่งที่ผมชอบที่สุดในการบวชคือ การเดินบิณฑบาตรตอนเช้า อากาศบริสุทธิ์ เดินตามตาหลวงไป ใจผมสงบ แทบจะทุกบ้านเขาจะตักบาตรกันหมด นี่คือสิ่งที่แตกต่างกับกรุงเทพ เมื่อเดินกลับมาถึงวัด เด็กวัด หมา แมว ก็เตรียมตัวอิ่มกันได้เลย เพราะกับข้าวอาหารเยอะมาก กินกันทั้งวัด ยังเหลือทุกวัน
วันหนึ่งก่อนสึกพระประมาณ 2 วัน ผมล้างบาตรอยู่แถวๆเล้าไก่ป่าในวัด แม่ไก่ป่าตัวนี้ ตอนผมเข้ามาใหม่ๆ มันพึ่งมีลูกไก่ของมันพอดี 6-7 ตัวได้มั้ง ผมก็เลยเห็นการเติบโตของลูกไก่ป่านั้นไปพร้อมๆกับแม่ของมันเอง เล้าไก่ป่านี้เป็นเล้าไก่แบบเปิด อยู่ใต้ต้นสาละ ไม่รู้ว่าสะกดอย่างนี้หรือเปล่านะ วันนั้นผมล้างบาตร จาน ช้อน และอื่นๆอยู่หน้ากุฏิ ผมเพิ่งสังเกตว่า วันนี้แม่ไก่ป่า พาลูกๆของมันออกมาเดินเล่นกัน มันเดินกันเป็นขบวนน่ารัก ผมล้างไปดูไป แล้วจู่ๆพวกมันทั้งหมด ก็ไปหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีกิ่งไม้มากต้นหนึ่งซึ่งก็ไม่ได้ห่างอะไรกับผมมากนัก ต้นไม้ต้นนั้นมีกิ่งเล็กกิ่งน้อยยุ่บยั่บไปหมดดูแล้วน่าปวดหัว ทันใดนั้นแม่ไก่ตัวนั้นก็กระโดดเกาะกิ่งไม้ขึ้นไปทีละกิ่ง ทีละกิ่ง ขึ้นไปสูงทีเดียวประมาณว่าตึก 2 ชั้นได้มั้ง ผมมองอย่างตื่นเต้น แม่ไก่ป่าเมื่อขึ้นไปข้างบนได้ ก็ขันซะหน่อย เหมือนจะบอกว่า แม่ทำได้ แล้วมันก็ง่ายมากซะด้วย มันเกาะอยู่นิ่งบนกิ่งที่ดูใหญ่และแข็งแรงที่สุด และตอนนี้สิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่าก็เกิดขึ้น ลูกไก่ทั้งหมดของมันพยายามที่จะปีนต้นไม้ขึ้นไปเหมือนแม่ของมัน พวกมันพยายามกระโดดเกาะกิ่งเล็กๆเหล่านั้น แล้วพาตัวมันขึ้นไปบนนั้น ทีละกิ่งๆ ผมมองอย่างตื่นเต้น นี่สิวะ reality ผมนึกในใจ ...
ในพลันนั้นเองผมเพิ่งสังเกตเห็นลูกไก่ตัวนึง ตัวมันดูเล็กกว่าตัวอื่นนิดหน่อย กำลังพยายามกระโดดขึ้นไปเหมือนตัวอื่นๆ แต่ที่แตกต่างก็คือ มันขึ้นไปได้ 2-3 กิ่งแล้วก็จะตกลงมา ขึ้นไปใหม่ได้อีก 3-4 กิ่งแล้วก็ตกลงมาอีก ผมมองมันอย่างเอาใจช่วย ดูความพยายามเล็กๆของมัน สิ่งที่มันกำลังทำอยู่นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆให้กับโลกนี้ แต่มันกำลังจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับผมไปตลอดกาล...
ผ่านไปเกือบครึ่ง ชม. ทุกตัวขึ้นไปอยู่บนกิ่งนั้นกับแม่ของมันหมดแล้ว พวกมันทุกตัวขึ้นไปนั่งเรียงกันข้างบนส่งเสียงจิ๊บๆน่ารัก เหลือเพียงแต่มัน มันกระโดดอยู่อย่างนั้น แล้วก็ตกลงมา กระโดดไป แล้วก็ตกลงมาอีก เหมือนภาพซ้ำๆกัน ผมรู้สึกเหงาขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก มองมันแล้วก็คิดไปเรื่อย ผมคิดเล่นๆ ว่าอาจเป็นเพราะเราไปจ้องมองมันมากเกินไปหรือเปล่านะ ทำให้มันรู้สึกขยับตัวยากมากขึ้น เนื่องจากถูกจับจ้องจึงทำให้มันรู้สึกกดดันหรือเปล่านะ ว่าแล้วผมก็ลุกไปไหนสักที่ดีกว่า พักใหญ่เลยทีเดียวที่ผมจากไปไม่อยู่รอดูการพยายามของมัน สงสัยว่ามันคงจะรอผมอยู่เหมือนกัน เมื่อผมกลับมามันก็กระโดดให้ผมดูอีกหนึ่งครั้ง แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง มันกระโดดเกาะกิ่งแรก สอง สาม ไปทีละกิ่งอย่างสวยงาม ช้าแต่มั่นคงเหมือนจังหวะการเดินของหัวใจของผมยามเมื่อผมนึกถึงทะเลที่ชื่อเสม็ด ถ้ามันพูดได้มันคงบอกว่า เฮ่ เอ็มดูนี่สิ... มันกระโดดให้ผมดูหรือเปล่านะ มันกำลังสอนอะไรผมอยู่หรือเปล่านะ เราอาจจะช้ากว่าคนอื่นนะ แต่เราตั้งใจจะไปแล้วนี่ งั้นเราจะไปให้ดู ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นมันก็คือมันขึ้นไปเกาะบนกิ่งรวมกับเพื่อนพี่น้องของมันอย่างเต็มภาคภูมิ
การบวชครั้งนั้นจบลงด้วยบิลค่าโทรศัพท์น่าปวดหัว น้ำตาของเจ้าอาวาสในวันที่สึกผม เนื่องด้วยแกคงเหงาไปอีกนาน เพราะไม่มีใครมาบวชวัดนี้เกือบ 3 ปีแล้ว แกต้องอยู่คนเดียวมาตลอด ผมรู้สึกสงสารแกเหมือนกัน ผมอาจจะไม่ได้อะไรกลับไปมากนักเหมือนที่ชายไทยทั่วไปบวชแล้วได้กัน แต่สิ่งที่ผมได้กลับไปนั้น เป็นข้อคิดเป็นการเตือนสติผมอย่างนึงที่ดีทีเดียว ลูกไก่ตัวนั้นมันสอนผม ให้ผมพยายามขึ้นอีก ให้ผมช้าลงอีกนิดในเรื่องที่ควรจะช้า แล้วไปให้เร็วสุดๆไปเลย ถ้าเราพร้อม
ก่อนการบวช ผมเป็นคนห่ามกว่านี้เยอะ ทำอะไรลวกๆ รนๆ ใจร้อน คิดว่าจะทำอะไรแล้วก็ทำเลย ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกใครสักเท่าไหร่ หลังบวชกลับมาหลายคนบอกผมดูดีขึ้นนะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น วันนี้ที่ผมกลับมา ผมเหมือนลูกไก่สีน้ำตาลในวันนั้น คอยดูผมไว้ให้ดี แม้วันนี้ ทุกคนจะทิ้งห่างผมไปหมดแล้ว แต่ผมจะไปให้ดู มาดูกันมาผมจะไปได้สักกี่น้ำ.....
ภาพของลูกไก่ป่าในวันนั้น เมื่อผมนึกขึ้นมาเมื่อใด ผมจะเรียกมันว่า "สิ่งดีงาม" 3:55 6/3/2549
Create Date : 06 มีนาคม 2549 |
Last Update : 6 มีนาคม 2549 17:17:23 น. |
|
2 comments
|
Counter : 371 Pageviews. |
|
|
|
โดย: pat IP: 203.170.244.131 วันที่: 21 มีนาคม 2549 เวลา:12:07:44 น. |
|
|
|
โดย: yourstarlight (yourstarlight ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:25:41 น. |
|
|
|
| |
|
|
ชอบเรื่องนี้จังเจ้าลูกไก่น้อยๆ