เรือนเเจ้าสาว “รู้ซึ้งถึงความต้องการของคุณ” พิธีมงคลสมรสที่ถูกต้องตามประเพณีไทย ถือว่าเป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์ และมีความหมายแก่ คู่บ่าวสาวในการเริ่มต้นชีวิตคู่ร่วมกัน ด้วยประวัติความเป็นมาของชาวไทยที่มีความใกล้ชิดกับขนบธรรมเนียม ประเพณีพราหมณ์ตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้น การแต่งงานตามประเพณีไทย จึงเป็นการผสมผสานระหว่างพิธีพราหมณ์และไทยโบราณเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ดิฉันเอง เป็นสาวไทยสมัยใหม่ ที่ใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองหลวงตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากนั้น ช่วงหนึ่งของชีวิตยังได้มีโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของอีกซีกโลกหนึ่ง จนกระทั่งพบรัก กับชายหนุ่มซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชีวิต ผู้ซึ่งมีวิถีการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่เราสองคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รักในถิ่นกำเนิดและขนบธรรมเนียมประเพณีของตน นอกจากนั้นเรายังรักและเคารพในขนบธรรมเนียมประเพณีซึ่งกันและกัน เราสองคนได้จัดงานแต่งงานตามประเพณีของชาวคริสต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้พิธีการนั้นเป็นที่ประจักษ์ ยอมรับของครอบครัวและเพื่อนผองชาวคริสต์ของเจ้าบ่าวตาสีฟ้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเมื่อวันเวลาผ่านไปจนครบ 1 ปีตามความหวังที่เราสองคนตั้งใจไว้ พิธีมงคลสมรสที่ถูกต้องตามประเพณีไทยก็เกิดขึ้นตามวิถีของชาวพุทธ ณ ใจกลางเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพมหานคร ใครจะคาดคิดว่า “ความฝันของเราสองคนที่เคยคาดไว้จะเกิดขึ้นได้จริง” ณ สถานที่แห่งนี้ “เรือนเจ้าสาว รัชวิภา” เรือนไทยหลังใหญ่ดูโอ่โถง งดงาม แต่ไฉนเลยกลับมาตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหลวงเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เราสองคนพักอาศัยอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่กลับไม่เคยมองเห็นสถานที่ๆ เป็นไข่มุกเม็ดงาม ที่ถูกซุกซ่อนไว้อยู่เบื้องหลังบรรยากาศเมืองหลวง จนกระทั่งดิฉันได้เข้ามาพบรายละเอียดบนโลกไซเบอร์เกี่ยวกับเรือนเจ้าสาว และตัดสินใจโทรศัพท์ไปคุยกับ “พี่ชีวัน” ผู้ดูแลจัดการพิธีการทั้งหมด ด้วยประสบการณ์งาน Wedding square ทั้งหลาย ที่ค่อนข้างจะทำให้ความรู้สึกของดิฉันและสามีเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีอมเทา เนื่องจากทุกอย่างดำเนินการแบบธุรกิจ จึงทำให้วันแรกที่โทรไปคุยกับทางเรือนเจ้าสาว เราสองคนยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมเปิดใจเต็มที่ แต่ด้วยอัธยาศัย ไมตรีจิตรของพี่ชีวัน และพี่จินตนานั้น ทำให้เรารู้สึกว่า “เรือนเจ้าสาวบริหารงานด้วยหัวใจอย่างแท้จริง” เมื่อเราเข้าไปคุยรายละเอียด ได้เดินดูสถานที่ จนกระทั่งได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปดูงานพิธีการของงานแต่งงานจริงในเช้าวันหนึ่ง ทำให้เราสองคนตกลงใจว่า “นี่แหละคือสถานที่ๆ เราต้องการ” เรือนเจ้าสาวไม่ได้มีแต่สถานที่ที่ดูสมบูรณ์แบบไทยแท้ดั้งเดิมเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีทีมงานที่มีมิตรไมตรีงดงาม มียิ้มสยามตามสโลแกนของคนไทย เราสองคนวางรูปแบบงาน อยากให้ออกมาเป็นแบบไทยๆ จึงระบุในบัตรเชิญว่า “ร่วมส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีไทย แขกกรุณาใส่ผ้าไทยมางาน” นอกจากแขกที่ร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าไทยมาร่วมงานแล้ว ทางทีมงานเรือนเจ้าสาวยังจัดเตรียมบรรยากาศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีมกลองยาว ดนตรีไทยบรรเลงภายในงาน น้ำสมุนไพรต้อนรับแขก ชุดผ้าไทยของพนักงานทุกคนในวันนั้นอีกด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำให้บรรยากาศงานออกมาดังใจของบ่าวสาวทั้งสิ้น เมื่อวันงานมาถึง ทางทีมงานเรือนเจ้าสาวได้ดูแลเราอย่างไม่มีมีข้อบกพร่องประการ ไม่ว่าการอำนวยความสะดวก ดำเนินงานพิธีอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ตอนแรกดิฉันและสามีกลัวมากเพราะเราทั้งคู่ไม่คุ้นเคยกับพิธีการใดๆ แบบไทยโบราณ เลยแม้แต่น้อย แต่เราอุ่นใจเพราะมีพี่ชีวันพิธีกรในงานคอยกระซิบบอกเราลำดับพิธีการอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ด้วยความเป็นคน creative ชอบอะไรแบบสร้างสรรค์ เมื่อปีที่แล้วก็ออกแบบตกแต่งสถานที่ในงานด้วยตัวเอง แต่มาปีนี้ ต้องขอยกนิ้วให้ ประทับใจกับการตกแต่งสถานที่ของทีมงานเรือนเจ้าสาว...นับได้ว่าเค้าใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดจริงๆ ค่ะ พิธีการต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยเรือนเจ้าสาวนั้น บอกได้เลยว่าหาดูได้ยาก ขนาดคุณสามีฝรั่งยังเอ่ยปากชมว่า “Such a beautiful day!” แต่ละพิธีการล้วนมีความหมายสำหรับเราทั้งคู่ แขกทุกคนที่มาต่างก็ได้รับรู้ความหมายจากการบรรยายของพิธีกรที่รู้จริงอย่างพี่ชีวัน เพื่อนหลายคนถึงกับเอ่ยปากชมว่าไม่เคยไปงานไหนที่เข้าใจในความหมายของการแต่งงานได้ดีเท่างานนี้ พิธีในวันนั้นเริ่มตั้งแต่การทำพิธีสงฆ์ ตามมาด้วยการยกขบวนขันหมากที่ครบครันท่ามกลางความครึกครื้นของกลองยาวที่บรรเลงสร้างความสนุกสนานให้กับชาวไทยและชาวต่างชาติ สุดท้ายเถ้าแก่ของเจ้าบ่าวก็ได้ทำพิธีสู่ขออย่างเป็นทางการ พิธีสำคัญๆ อย่างการแจงขันหมาก การโปรยข้าวตอก ดอกไม้ พืชพรรณ ธัญญาหารของญาติผู้ใหญ่ ลงในพานขันหมากเป็นอีกพิธีหนึ่งที่ดิฉันในฐานะคนไทยเองยังไม่เคยเห็น เมื่อเสร็จสิ้นพิธีขันหมาก และพิธีไหว้ผู้ใหญ่ ทางทีมงานได้บรรจงจัดสถานที่ให้เป็นตั่งรดน้ำที่สวยงาม ดนตรีไทยที่บรรเลงคลอไปเบาๆ นั้นเป็นเหมือนกลิ่นไอธรรมชาติดั้งเดิม จนทำให้ลืมไปว่า ณ ขณะนี้เป็น พุทธศักราช 2550 พานรองน้ำสังค์และดอกไม้ประดับถูกออกแบบให้เป็นสไตล์ “East meet West” ดังเช่น คู่บ่าวสาวที่เดินทางมาพบและรักกันตามแบบอย่างของความแตกต่างที่ลงตัว นอกจากนั้น การนำเสนอความเป็นอเมริกัน-ไทย ของเราทั้งคู่ ได้ถูกแสดงออกโดยธงชาติเล็กๆ ที่ปักวางไว้ข้างตั่งรดน้ำ ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ยิ่งทำให้เราทั้งคู่ประทับใจทีมงานเรือนเจ้าสาวมากขึ้น นอกจากพิธีการต่างๆ แล้วอาหารของที่นี่ดิฉันบอกได้คำเดียวว่า “ยอดเยี่ยม” ทางญาติผู้ใหญ่อย่างคุณตาของดิฉัน ซึ่งท่านถือว่าเป็นนักชิมตัวยง ถึงกับเอ่ยปากถามว่า “ที่นี่เค้าเป็นร้านอาหารด้วยหรือเปล่า ตาอยากกลับมาทานอีก” แค่คำพูดสั้นๆ ของคุณตาคำนี้ ทำให้ดิฉันยิ่งมีความสุขขึ้นอีกเป็นทวีคูณ แขกที่มาร่วมงานอื่นๆ ยังเอ่ยปากชมกันอย่างถ้วนหน้าตั้งแต่เรื่องรสชาติของอาหาร การบริการ รวมไปถึงบรรยากาศภายในงานด้วย หลังจบพิธีการบนเรือนไทย เราเคลื่อนย้ายลงสู่พื้นที่ชั้นล่างที่ทางเรือนเจ้าสาวยังจัดไว้เป็น “ห้องส่งตัว” ภายในนั้นมีชุดที่นอนจัดเตรียมไว้ บ่าว-สาวเพียงเตรียมผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนไปเท่านั้น ซึ่งพิธีการต่างๆ ถูกดำเนินไปอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่คุณตา คุณยายปูเตียง โปรยดอกไม้และเงินทองให้เราสองคนได้ครองรักกันอยู่บนความหอมหวาน และมั่งคั่ง จากนั้นคู่ตา ยาย ยังแสดงเป็นตัวอย่างของคู่สามีภรรยา เช่น ภรรยาต้องเข้านอนทีหลัง แต่ตื่นนอนก่อน แถมก่อนเข้านอนต้องกราบไหว้สามีทุกครั้ง พิธีการนี้ดิฉันคิดว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคู่แต่งงาน เป็นการเตือนสติว่าถึงแม้เราสองคนเติบโตท่ามกลางประเพณี วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป แต่สิ่งดีๆ ในอดีตเราก็ควรเก็บรักษา และปฏิบัติให้สืบเนื่อง ทางเรือนเจ้าสาวได้จัดเตรียมครกหิน ข้าวสาร ฟักแฟง และแมวนอนหวด ไว้ให้คู่บ่าวสาวอย่างครบครัน พี่ชีวันได้อธิบายถึงความหมายของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ว่ามีความหมาย และสำคัญอย่างไรต่อคู่แต่งงาน ครกหิน สอนให้คู่บ่าว-สาวมีน้ำอดน้ำทน เข้มแข็งดังหิน ข้าวสาร จะทำให้บ่าวสาวมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ฟักแฟง สอนให้เราทั้งคู่เป็นคนเยือกเย็น ถ้าฝ่ายหนึ่งร้อนมาอีกฝ่ายต้องเย็นอย่างฟักแฟง ส่วนแมวนอนหวด จะทำให้เราทั้งคู่ไปไหนไม่ได้ ดึกดื่น ค่ำคืนขนาดไหนก็จะต้องกลับมานอนที่บ้าน นี่ก็เป็นอีกความหมายหนึ่งที่ดิฉันและสามีเพิ่งจะรู้กันในวันนั้น จากประสบการณ์ของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่เคยใฝ่ฝันอยากมีพิธีแต่งงานที่แสนจะอบอุ่นและถูกต้องตามประเพณี วันนี้ฝันของหญิงสาวคนนั้นได้เป็นจริงแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของญาติ และเพื่อนสนิท แต่ทุกอย่างไม่มีทางสมบูรณ์ได้หากขาดความช่วยเหลือในด้านการดำเนินการ อย่างทีมงานที่มีคุณภาพอย่าง “เรือนเจ้าสาว” ดิฉันขอเป็นตัวแทนของแขกทุกคน ชมเชยว่า พี่ชีวัน พี่จินตนา และทีมงานเรือนเจ้าสาวต่างทำให้คู่บ่าว-สาว และแขกที่มาร่วมงาน รับรู้ถึงความหมายของความรัก และการแต่งงานอย่างแท้จริง "หากตอนนี้คู่แต่งงานคู่ใดที่กำลังมองหาความหมายของการแต่งงานแบบที่เราสองคนเคยมองหา ดิฉันแนะนำว่าลองเข้าไปคุยกับทางทีมงานเรือนเจ้าสาวประกอบการตัดสินใจ แล้วท่านจะรักเรือนเจ้าสาวแบบที่ดิฉันและสามีรัก" ....ขอบพระคุณทีมงานเรือนเจ้าสาวทุกคน..... ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.ruenjoawsao.com/ จากใจ Arnold Family

Create Date : 18 มีนาคม 2550
Last Update : 25 พฤษภาคม 2550 8:55:23 น.		16 comments
Counter : 2860 Pageviews.
Share Tweet