|
|
ประสบการณ์ในการตัดแว่น
เคยสายตาสั้นชั่วคราวมา สองสามครั้ง คราวนี้สั้นจริง เอียงจริง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้สตั้นแมน ก็เลยต้องยอมใส่แว่นสายตา มันไม่ไหวจริงๆ มองอะไรมันเบลอซ้อนๆ งงๆ ไม่ชัดเจน เอาง่ายๆ หนัง Full-HD ชัดแค่ไหนก็ไม่มีค่าอะไร ผมก็มองว่ามันไม่คมชัดอยู่ดี ตั้งงบไว้ว่าไม่น่าเกินหมื่น เอาเข้าจริงเกินไปนิดนึง ไม่ว่ากัน
สมัยเรียนใครๆ ก็เรียกผมว่าเด็กเรียน ทรงผม การแต่งตัวถูกระเบียบ เสื้ออยู่ในกางเกงตลอด เอาเป็นว่าผมมีทุกอย่างที่เด็กเรียนในอุดมคติควรมี ยกเว้น แว่นสายตา อย่างเดียว ตอนนี้มีแว่นแล้ว แต่แก่เกินจะเป็นเด็กเรียน กลายเป็นลุงแว่นไปซะงั้น นี่ใครไม่รู้คงคิดว่าผมน่าจะสายตายาวตามอายุไปเสียนี่
ไม่ว่าผมเจอปัญหาอะไรที่พึ่งเดียวของผมก็คือ Google คราวนี้ก็เช่นเดียวกันพอรู้ตัวว่าต้องตัดแว่นใส่ผมก็เริ่มค้นข้อมูลทันที สำหรับคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแว่นมาก่อนเลย อ่านเรื่องนี้คงพอจะรู้อะไรขึ้นมาบ้าง
อย่างแรกเลยคนสายตาสั้น ต้องใส่เลนส์เว้า อันนี้เรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ต่อมาเลนส์เดี๋ยวนี้ทำจากพลาสติกนะครับไม่ใช่กระจก เพราะกระจกมันหนัก อันนี้ความรู้ใหม่ ส่วนเลนส์ดีไม่ดีต่างกันอย่างไร อันนี้ต้องว่ากันยาว แต่ผมสรุปง่ายๆเอาเลยว่าเลนส์ที่ดีต้องน้ำหนักเบา มีดัชนีการหักเหแสงสูงๆ แข็งแรงทนทาน ไม่เป็นรอยง่ายๆ เปื้อนแล้วเช็ดง่าย ส่วนยี่ห้ออะไรนั้น อันนี้ตอบไม่ยากเพราะบ้านเรามีเลนส์ให้เลือกไม่มากที่นิยมกัน น่าจะมีอยู่แค่ HOYA กับ ESSILOR แค่นั้นมั้ง ส่วน NIKON เองก็น่าจะผลิตจากโรงงาน ESSILOR เดาจากการดูเว็บ //www.essilor.co.th/products-and-brands.html
แต่ละยี่ห้ออาจเรียกชื่อต่างกันไปบ้าง แต่ก็ใช้เทคโนโลยีคล้ายกัน เช่น การเคลือบเลนส์ HOYA เรียกว่า VP ส่วน ESSILOR เรียกว่า Crizal ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดีกว่ากัน เลือกเอาตามใจชอบแล้วกัน ส่วนผมเลือก Crizal เพราะชื่อมันเท่ห์ดี ( เป็นไงเหตุผลน่าเชื่อถือไหม ) นั่นเท่ากับว่าผมต้องเลือกยี่ห้อ ESSILOR ไปโดยปริยาย
ยังไม่จบเพราะพลาสติกที่ใช้ทำเลนส์นั้นมันมีหลายชนิดของ ESSILLOR เองก็มีหลายชนิดให้เลือกแต่ผมเลือกรุ่นที่ชื่อว่า AIRWARE รุ่นนี้ทำจาก โพลีคาร์บอเนต ( มั้ง ) ข้อดีคือ เบา แข็งแรง กันรังสี UV ได้ ดูรายละเอียดตามเว็บนี้ //www.essilor.co.th/products-and-brands/airwear.html
จบเรื่องเลนส์ไป ต่อมาเรื่องใหญ่คือเรื่องกรอบแว่น ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เชื่อไหมว่ากรอบแว่นมันเป็นอะไรที่ยุบยิบหนักว่าเลนส์ซะอีก อย่างแรกเลยคือ เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่า กรอบแว่นแบบไหนเหมาะกับหน้าเรา ในเว็บส่วนใหญ่ก็จะอธิบายไว้คล้ายๆ กันว่า หน้าเหลี่ยมแว่นเหลี่ยม หน้ากลมแว่นกลม หน้ารูปไข่ใส่อะไรก็ได้ ( ว่าแต่หน้าตูเขาเรียกว่าหน้าแบบไหน ) เดาว่าหน้ารูปไข่แล้วกัน จะได้ใส่อะไรก็ได้
หมดปัญหาเรื่องลักษณะของกรอบไปแล้ว ว่าอะไรก็ได้ ที่นี้ยี่ห้ออะไรล่ะ ค้นในเว็บแล้วมึนตึบ เพราะปรากฎว่ากรอบแว่นดันมีสารพัดยี่ห้อ ไม่รู้จะอธิบายยังไงเอาเป็นว่า
*** ในโลกนี้มีเสื้อผ้า กระเป๋า รถยนต์ ยี่ห้ออะไรบ้าง ทุกยี่ห้อมีกรอบแว่นยี่ห้อนั้น ***
นี่ยังไม่รวมยี่ห้อที่ทำแว่นโดยตรงอีกนะ เอาเป็นว่าผมหมดปัญญาจะเลือกไม่รู้จะเอาอะไรมาเป็นเหตุผลในการตัดสินใจ ไปดูด้วยตาที่ร้านแว่นเลยก็แล้วกันจบเรื่องไป
คิดว่าจะจบเรื่องกรอบแว่นเหรอ ยังครับยังไม่จบ ตอนนี้ผมไม่ระบุรูปทรง ไม่ระบุยี่ห้อ แต่วัสดุล่ะควรเลือกยังไง พลาสติก คาร์บอน ทอง ไททาเนียม ไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย ไอ้เราก็ไม่เชื่ยวเรื่องนี้ แต่เท่าที่ค้นข้อมูลดูพบว่า ไททาเนียม น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเบากว่าเหล็ก แข็งว่าอลูมิเนียม และคนส่วนใหญ่ไม่แพ้ไททาเนียม จึงมักจะได้ยินว่ามีการฝังหมุดไททาเนียมเพื่อต่อกระดูกกันบ่อยๆ ก็ไม่ต้องคิดมากไททาเนียมนี่แหละดีที่สุดแล้ว
สรุปว่าตอนนี้ผมก็ได้เสป็คแว่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ เลนส์ ยี่ห้อ ESSILOR รุ่น AIRWARE เคลือบ Crizal กับกรอบแว่นอะไรก็ได้ที่เป็นไททาเนียม ต่อมาก็เลือกร้าน แถวบ้านมีร้านแว่นครบทั้งหมด ตั้งแต่ร้านหัวมุมถนน ท็อปเจริญ บิวตี้ฟูล กรุงไทยการแว่น ผมก็ไม่รู้จะเข้าร้านไหนเหมือนกัน เอาเป็นว่าเอาร้านที่ใกล้ที่สุด น่าเชื่อถือที่สุดแล้วกัน เพราะว่าเวลาเขาทำแว่นมาให้เราแล้วนี่เราไม่มีทางรู้ว่าเขาใช้เลนส์ยี่ห้อไหน ใช่ที่เราเลือกหรือเปล่า ความน่าเชื่อถือจึงต้องมาอันดับต้นๆ เลยสำหรับผม (ไปเดากันเองว่าผมเลือกร้านไหน)
ที่นี้มาเรื่องการวัดสายตา ผมก็ค้นข้อมูลอีกนั้นแหละ ว่ามีขั้นตอนโน้น นี่ นั่น เชื่อไหมพอเอาเข้าจริง ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดมีขั้นตอนเดียวคือ การทดลองมองผ่านเลนส์ขนาดต่างๆ ด้วยตาเราเอง เครื่องจะว่าอย่างไรไม่สำคัญถ้าเรามองเห็นไม่ชัด เราก็ใช้เลนส์ค่านั้นๆ ไม่ได้อยู่ดี ตรงนี้ต้องให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะความคมชัด ความสบายตาขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ ไม่ต้องรีบ คิดซะว่าช้าๆ ได้พร้าเล่มงามก็แล้วกัน
พอได้เสป็คของค่าสายตาเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาต้องเลือกกรอบแว่น นี่เป็นขั้นตอนที่ผมอึดอัดใจที่สุด แต่ทำไงได้ มันต้องเลือกสักอันไม่งั้นแว่นจะเป็นแว่นได้ยังไง คือถ้าเป็นคนที่รู้จักแต่งตัวคงไม่ลำบากอะไรเท่าไหร่ แต่ผมมันพวกมีอะไรก็ใส่ไม่เคยใส่ใจอะไร ก็เลยปล่อยให้พนักงานหามาให้ลอง
อันแรกเป็นกรอบแบบเต็ม แต่ตรงบานพับมีการดัดงอๆ บอกไม่ถูกดูแล้วไม่ชอบ แถมสีก็แปลกๆ ไม่ชอบอีก ก็เลยบอกว่าเอาสีดำๆ ดีกว่าครับ
ที่นี้ได้สีดำมาอย่างที่ต้องการ แต่ตรงบานพับก็อุตส่าห์มีโลโก้แมนยูอีก ก็เลยว่าว่า เอาแบบไม่มีโลโก้อะไรแปลกๆ ดีกว่าครับ พนักงานบอกว่ามันจะดูเรียบๆ นะคะ ดีครับ เอาแบบดูเรียบๆ นั่นแหละครับ
ที่นี้ได้มาสมความปราถนา คือ สีดำ เรียบๆ ไม่มีโลโก้อะไร ทรงออกเหลี่ยมๆ ครึ่งกรอบ คือข้างล่างไม่มีกรอบมีเอ็นใสๆ คล้องอยู่แทน ดูราคาแล้วจะเป็นลม ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้จัก แต่เดาว่าน่าจะเป็นยี่ห้อเสื้อผ้านั่นแหละ แต่แอบเห็นสกรีนไว้ว่า ไททาเนียม ก็ลองถามดูว่าตัวนี้ทำจากอะไร คนขายบอกไททาเนียม ก็พอใจในระดับนึง ลองใส่แล้วดูในกระจก ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ( คนหน้าตาไม่หล่อใส่อะไรก็ไม่หล่อ กรรม...) ก็ตรงลงใจว่าเอาอันนี้แหละขี้เกียจเลือก
ตอนนี้มีโปรซื้อหนึ่งแถมหนึ่งค่ะ ไม่แปลกใจเพราะเห็นป้ายหน้าร้านตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาแล้ว ด้วยความขี้เกียจก็เลยว่าก็เอาเหมือนกันนี่ก็ได้ คนขายบอกว่าที่ร้านมีกรอบแว่นไม่ซ้ำกันเลยสักอัน สรุปว่าต้องเลือกอีกอัน เวรกรรมเลือกอันเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว
คนขายก็เดินไปหาอันที่คล้ายๆ กันมาให้ดู แต่ก็อย่างที่เคยบอกไว้ว่ามันมีสารพัดยี่ห้อ คุ้นตาบ้าง ไม่คุ้นตาบ้าง บางอันที่เขาเอามาให้ดู ก็สวยดีแต่ดูราคา โอ้ยจะเป็นลม แพงว่าอันเดิมเกือบเท่าตัว แต่ยี่ห้อดังย่อมแพงเป็นธรรมดา แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่รู้ว่าจะเอายี่้ห้อดังไปทำไม นี่ถ้ามันมีกรอบไททาเนียมที่ถูกกว่านี้คงจะดี เดินจนรอบร้านก็หากรอบอันที่สองไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนโจทย์ใหม่ว่างั้น ไม่ต้องเหมือนเดิมก็ได้ครับ
อันแรกมากรอบทองเลย อีกอันกรอบเต็มหนาๆ อีกอันสีโลหะบอกไม่ถูก อันสุดท้ายไม่มีกรอบ ดูบอบบางพอควร แต่ก็สวยดี ยี่ห้อจระเข้ อย่างน้อยตรงขาก็สีดำ ดูเรียบร้อยดี ก็เลยหยิบเอามาลอง คนขายก็เลยไปเอาแบบเดียวกันมาอีกอัน แต่ตรงเลนส์เล็กลงมาอีกหน่อย ลองเทียบกันแล้ว ก็ตัดใจเอาอันแรกเพราะขนาดเท่ากับ กรอบที่เลือกไว้ตอนแรก
สรุปคือ ผมเลือกกรอบแว่นได้มั่วมากเลย ไม่มีหลักวิชาการอะไรทั้งนั้น แค่ชอบสีดำ กับไม่ชอบลวดลาย ไม่ชอบหนาๆ อย่างเดียวก็ยึดเป็นหลักคือ วัสดุต้องเป็นไททาเนียม จะว่าไปแล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันไททาเนียม 100 เปอร์เซ็นต์หรือผสม คิดซะว่ามันคือไททาเนียมแล้วก็แล้วกันไป
เสร็จเรื่องกรอบแว่น ก็มาถึงเลนส์ อันนี้ง่ายเพราะทำการบ้านมาแล้ว ก็เลยบอกไปว่าจะใส่เลนส์ ESSILOR รุ่น AIRWARE คนขายก็เปิดแคตตาล็อกดู แล้วก็บอกว่าผมต้องใช้ช่องที่ 2 นี้เพราะมีสายตาเอียงด้วย ว่าไงว่าตามกันเรากำหนดราคาเองไม่ได้นิ ลดราคาเลนส์ 10 เปอร์เซ็นต์แล้วก็แพงอยู่ดี แต่คิดซะว่าจ่ายแพงแล้วได้ของดี ดีกว่าจ่ายเงินแล้วได้ของไม่ดีมา
จบเรื่องไป สำหรับการตัดแว่นครั้งแรกในชีวิต ผมมาคิดดูถ้าต้องจ่ายสักแสนเพื่อให้ดวงตากลับมาดีเหมือนเดิม ผมก็ยอม แต่ทุกอย่างย่อมเสื่อมสลายไป เป็นธรรมดา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ที่ทำได้ก็คือทะนุทะนอมสิ่งที่ยังมีอยู่ให้เสื่อมสลายช้าที่สุด ก็คงทำใด้แค่นั้นมั้ง
จบครับ...
Create Date : 18 กันยายน 2554 |
Last Update : 18 กันยายน 2554 14:41:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 5657 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
mrpipo |
|
|
|
|