อโรคยา ปรมาลาภา ผมเป็นไข้หวัดครั้งที่ 1/2554
ปีที่แล้วไม่เป็นไข้หวัดเลยสักครั้ง ปีนี้ผ่านมาแค่ เดือนกว่าๆ ก็เจอดีเข้าแล้ว มีน้ำมูกและเจ็บคอมาหลายวัน แต่ไม่มีไข้ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจ เมื่อคืนไข้ขึ้น ปวดหัว ปวดท้อง ใจสั่น นอนไม่หลับ และรู้สึกหนาว พอห่มผ้าก็ร้อนจนเหงื่อออก สุดท้ายก็หนาวเหงื่อตัวเองอีก (กรรม) ไม่รู้จะเอายังไงดี ก็เลยทนนอนหลับๆ ตื่น ๆ จมเหงื่ออยู่อย่างนั้นจนเช้า เรียกว่าแทบเอาตัวไม่รอดเลยทีเดียว
เช้ามากินข้าวไม่ลงอีก ( จะซ้ำเติมไปถึงไหน ) ก็ฝืนใจกินๆ เข้าไปเพราะจะได้กินยา ค้นยาสามัญประจำห้อง เจอทิฟฟี่ 1 แผง กับยาพาราเซตามอลอีกแผง ก็เลยลังเลว่าจะกินอะไรดี ทิฟฟี่นอกจากมีส่วนประกอบของพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัมแล้วยังมี คลอร์เฟนิรามีน มาลีเอต 2 มิลลิกรัม ซึ่งจำได้ว่ามันคือยาแก้แพ้ ช่วยลดน้ำมูก ( แต่ผมไม่ได้มีน้ำมูกมากมายอะไรนี่หว่า ) กับ ฟีนิลเอฟรีน ไฮโดรคลอไรด์ 10 มิลลิกรัม ซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไร ก็เลยตัดสินใจกินแค่ยาพาราเซตามอล ดีกว่า เพราะธรรมชาติของยาแก้แพ้จะทำให้ง่วงซึม ( ไม่อยากซึม เลยไม่กิน)
ลองค้นในกูเกิล พบข้อความที่น่าตกใจว่า
*** ไม่มียารักษาโรคไข้หวัด ยาส่วนใหญ่กินเพื่อลดอาการข้างเคียงเท่านั้น ***
อ้าวแล้วกัน ทางเดียวที่จะหายจากไข้หวัดคือ ภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสอันเป็นสาเหตุของไข้หวัดได้เอง ที่เราควรทำคือการสนับสนุนให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น โดย
1. พักผ่อนให้เพียงพอ (ก็มันหนาวๆ ร้อนๆ จะนอนหลับได้ไง ) 2. ทานอาหารที่มีประโยชน์ ( ก็มันเบื่ออาหาร แถมเจ็บคอจะกินอะไรแสนทรมาน ) 3. ไม่อาบน้ำเย็น ( ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องอาบ ) 4. ไม่ดื่มน้ำเย็น 5. ห้ามออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก
แถมท้ายอีกว่าปกติ จะหายภายใน 3-5 วัน แต่อาจเจ็บคอและไอไปได้นานถึง 3 อาทิตย์ ผมมีน้ำมูกไหลมาตั้งแต่วันที่ 3 เพิ่งมามีไข้เมื่อคืน อาจต้องทรมานไปอีกนานเป็นอาทิตย์ กว่าจะหายสนิท ( อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ) ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2554 17:05:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1342 Pageviews. |
|
|
|
|
| |